"ปู" ยอมรับพี่ชายเดินทางเข้าเขมร เจรจา "เรื่องส่วนตัว"
ขณะที่ข่าวสะพัดหารือ "ฮุน เซน" แบ่งเค้กธุรกิจพลังงานในอ่าวไทย
ในช่วงเวลาเดียวกับ "ยุทธศักดิ์" ควง "ประยุทธ์"
ประชุมจีบีซีคุยเรื่องเขตแดนทางบก "ทักษิณ" เผยธาตุแท้
บอกเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ยันให้คำแนะนำแก่รัฐบาลเมื่อจำเป็น
วางบทบาทตัวเองเป็นผู้รักษาระยะห่างกับรัฐบาลไทยและกองทัพ
หลังมีข่าว
แพร่สะพัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกในคดีคอรัปชั่น พี่ชาย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้ากัมพูชาในวันที่ 19-21
สิงหาคม โดยมีกำหนดการพานักธุรกิจเข้าพบสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
เจรจาพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา
บริเวณอ่าวไทย ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 22-28
สิงหาคมนั้น รัฐบาลไทยออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง
"เป็นการเดินทางมา
เจรจาเรื่องส่วนตัว" นายกรัฐมนตรีไทยซึ่งเป็นน้องสาวนักโทษชายรายนี้กล่าว
แต่เธอยังปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เดินทางไปในนามรัฐบาล
"คงไปเรื่องส่วนตัว"
ก่อนหน้านี้ วิกิลีกส์ เว็บไซต์จอมแฉ
เปิดเผยข้อมูลลับที่ได้มาจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2007
จากการเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ของสภาธุรกิจสหรัฐ–อาเซียน
โดยเป็นข้อมูลในระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากบริษัท
ConocoPhillips
บริษัทข้ามชาติที่ทำธุรกิจด้านพลังงานเชื้อเพลิงที่ใหญ่อันดับ 3
ในสหรัฐอเมริกา
“เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทกับประเทศไทยเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย”
และทาง ConocoPhillips ได้รับสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าว เป็นระยะเวลาเกือบ
10 ปี
ทั้งนี้ นายกาว กิมฮูร์น ผู้ช่วยรัฐมนตรีกัมพูชา
กล่าวกับเจ้าหน้าที่ของ ConocoPhillips ว่า
รัฐบาลไทยและกัมพูชาเข้าใกล้ข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
ในอ่าวไทยแล้ว โดยทั้ง 2 ฝ่ายวางระบบข้อตกลงร่วมกันสำหรับการแบ่งสรรรายได้
ดังนี้ แบ่งรายได้ 80%ให้กับประเทศไทย และ 20% ให้ประเทศกัมพูชา
ในแนวระดับที่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด, 50–50% ในระดับกลาง และ 20%
ให้กับประเทศไทย ซึ่งส่วนที่เหลือเป็นของประเทศกัมพูชา
ในแนวระดับใกล้กับประเทศกัมพูชามากที่สุด แต่รัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดอำนาจไปเสียก่อนที่จะบรรลุข้อตกลง
ต่อมา เมื่อปี
2009 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับประเทศกัมพูชา
หลังคณะรัฐมนตรีของไทยพยายามเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจที่ทำไว้
กับกัมพูชาเมื่อปี 2001 ส่วนข้อมูลเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2009 ครั้งที่
พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ โดยนักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่นั้นเชื่อว่า
พ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จฮุน เซน
อาจมีการทำข้อตกลงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวบางอย่างร่วมกัน
"ยุทธศักดิ์" มึน
ด้าน
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ซึ่งจะเดินทางไปกัมพูชาในห้วงเวลาดังกล่าวพร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกเช่นกัน ออกมาปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่อง
ต้องไปถามนายกฯ
"ถามท่านนายกฯ ดีกว่า เพราะผมไม่เกี่ยวข้องกับทางนี้
และส่วนที่ผมจะเดินทางไปกัมพูชาในวันศุกร์นี้ คือจะเดินทางไปพร้อมกับ
ผบ.ทบ. เพื่อดูเรื่องพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ในเขตประเทศไทยเท่านั้น"
ซัก
ว่าเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลเป็นเรื่องที่รัฐบาลต่อรัฐบาลต้องเจรจากันใช่
หรือไม่ รมว.กลาโหมตอบว่า คงคุยหลังจากนี้ แต่ขณะนี้ไม่ทราบ
เพราะเป็นเรื่องของกระทรวงอื่น อีกทั้งยังเป็นเรื่องของผลประโยชน์
ตนดูในเรื่องของความมั่นคง ปัญหาชายแดน
แต่ในเรื่องของเศรษฐกิจที่จะไปเจรจากัน ขออนุญาตไม่ตอบ
เราจะไม่ทำให้เสียเปรียบในเรื่องอาณาเขตทางทะเล
แต่ในเรื่องผลประโยชน์ระหว่างชาติจะเป็นเรื่องของกระทรวงอื่นที่ดูแลใน
เรื่องเศรษฐกิจ
ถามว่า
เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันใช่หรือไม่
พล.อ.ยุทธศักดิ์ตอบว่า ต้องนำเรื่องเข้ามาใน ครม.ในภายหลัง
ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องของแต่ละกระทรวงต้องดูแลไปก่อน
ส่วนเรื่องของการแบ่งอาณาเขตที่ชัดเจน เมื่อถึงเวลาค่อยว่ากัน
ซึ่งเราจะเริ่มคุยกันเรื่องอาณาเขตระหว่างไทย-กัมพูชากันตั้งแต่อาทิตย์หน้า
เป็นต้นไป และตนจะตอบจดหมาย พล.อ.เตีย บัณห์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา
ที่เขียนมาถึงเป็นฉบับที่ 2
เมื่อถามว่า หาก
พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปยังกัมพูชาจริง
จะมีผลดี-ผลเสียอย่างไรระหว่างการเจรจาระหว่างรัฐบาล รมว.กลาโหม ปฏิเสธว่า
ไม่เกี่ยว เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าน
ตนไปทำงานตามหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ และ
พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบ
และที่ตนจะเดินทางไปเพราะเขาเป็นเจ้าภาพในการประชุมจีบีซีเท่านั้น
พ.อ.ธนา
ธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า หนังสือเชิญของ พล.อ.เตีย บัณห์
ที่ส่งมาจำนวน 2 ฉบับ
โดยฉบับแรกแสดงความยินดีตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ส่วนฉบับที่ 2
เป็นหนังสือเชิญให้กองเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายไทยร่วมหารือเพื่อจัดการ
ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย–กัมพูชา ครั้งที่ 8
และเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุมร่วมกัน
รวมทั้งเรียนเชิญให้เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
ซึ่งขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้จัดทำหนังสือตอบรับคำเชิญดัง
กล่าว
"ปึ้ง" ยังโกหก
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รมว.กระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวอ้างว่า ไม่ทราบเรื่องการเดินทางของ
พ.ต.ท.ทักษิณที่จะไปกัมพูชา มีแต่ได้ยินจากเพื่อน ส.ส.พูดกัน
ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่ญี่ปุ่นระบุว่ารัฐบาลไทยเป็นคนร้องขอให้ออกวีซ่าให้
พ.ต.ท.ทักษิณนั้นจริง ตนได้แถลงไปแล้ว
“ที่ร้องขอนั้น
ไม่ได้เป็นการร้องขอ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณขอจากที่ไหนไม่ทราบ
อย่างไรก็ตามเท่าที่ทูตญี่ปุ่นแจ้งให้ทราบนั้น การเดินทางไปของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการจะไปดูเรื่องสึนามิ ทั้งนี้
การขอวีซ่าเข้าประเทศใดนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่มีความสามารถไปให้ประเทศนั้นๆ
ออกวีซ่าได้ ส่วนเรื่องพาสปอร์ตแดง ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้
และไม่ต้องห่วง ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย
และรัฐบาลก็ไม่มีนโยบายในเรื่องดังกล่าว” นายสุรพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า
พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องในการคัดเลือกท่านเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ และด้วยสาเหตุอะไรจึงถูกคัดเลือกขึ้นมา
นายสุรพงษ์กล่าวว่า เป็นการคัดเลือกกันของนายกรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรค
ซึ่งตนเคยทำการค้า และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้นเน้นนโยบายด้านการค้า
ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเราจะมุ่งเน้นการค้า
ยอมรับว่างานที่ได้รับมอบหมายมานั้นหนัก แต่ตนไม่หนักใจ
รวมทั้งตนเป็นรัฐมนตรีที่แย่ที่สุดในประเทศไทย ก็คงไม่มีอะไรแย่กว่านี้แล้ว
แต่ตนจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
ถามว่า
จะมีการประสานงานไปยังญี่ปุ่นเพื่อออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่
รมว.การต่างประเทศตอบคำถามนี้ว่า "ผมคงไปสั่งทางญี่ปุ่นไม่ได้"
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ทำได้ รัฐบาลชุดที่แล้วก็คงทำสำเร็จแล้ว
รวมทั้งก็คงให้สถานทูตรายงานที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว
ซึ่งตนก็ไม่รู้ขั้นตอนในการดำเนินการทางกฎหมายว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกี่หน่วยงาน อย่างไรก็ตามหากดำเนินงานได้ง่าย
นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศคงทำได้แล้ว
ขณะที่ นายนพดล
ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า
ยังไม่มีการยืนยันกำหนดเดินทางมายังประเทศกัมพูชา
ถ้าเดินทางมาและตนทราบข่าวจะแถลงให้ทราบ อย่างไรก็ตามหาก
พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาจริง ก็คงจะมาพบกับสมเด็จฮุน เซน
พูดคุยเรื่องส่วนตัวในฐานะเพื่อนฝูงที่รู้จักกัน
คงไม่มีเรื่องธุรกิจหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไร ขอให้มั่นใจว่า
พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายต่อประเทศแน่นอน
"ถ้าเดิน
ทางมากัมพูชาจริง ก็คิดว่าท่านจะมีส่วนช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2
ประเทศให้กลับมาดีเหมือนเดิม
ประชาชนสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันเหมือนเมื่อก่อน ท่านจะเดินทางไปไหน
ที่ญี่ปุ่น หรือประเทศใดก็ตาม ขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่าประเทศไทยจะไม่เสียหาย
แต่จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยประสานความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ
ให้ดีขึ้น ซึ่งท่านจะช่วยในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ไม่ใช่พี่ชายนายกฯ
หรือเป็นทูตการค้าใดๆ” นายนพดลระบุ
"แม้ว" คุมรัฐบาล-กองทัพ
เมื่อ
วันอังคาร
พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการเดินทาง
เยือนญี่ปุ่นของตนในวันจันทร์สัปดาห์หน้าว่า
ตั้งใจจะไปเยือนพื้นที่ประสบภัยสึนามิเพื่อดูว่าจะสามารถสร้างความร่วมมือ
หรือให้การช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง
คิดว่าประเทศไทยอาจมีบทบาทได้ในบางเรื่อง เช่น
อำนวยความสะดวกให้บริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนา
มิย้ายการประกอบการมายังประเทศไทย
หรือออกวีซ่าระยะยาวให้ผู้รอดชีวิตชาวญี่ปุ่นมาพำนักรักษาตัวในประเทศไทย
หลังจากไปเยือนพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว
ตนจะเสนอให้รัฐบาลไทยพิจารณาการสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น
พ.ต.ท.
ทักษิณยังกล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ บทบาทผู้นำขึ้นกับนายกรัฐมนตรี
ตนจะให้คำแนะนำแก่รัฐบาลเมื่อจำเป็น ไม่ได้ให้คำแนะนำทุกวัน
นอกจากนี้ตนจะรักษาระยะห่างกับรัฐบาลไทยและกองทัพ
หวังที่จะเห็นความปรองดองในประเทศไทย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ให้สัมภาษณ์กรณีที่โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าการขอวีซ่าให้
พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่นได้นั้นทำในนามรัฐบาลไทยว่า
คำว่ารัฐบาลต้องดูว่าใครเป็นตัวแทน
และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้นายนิพิฏฐ์และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชา
ธิปัตย์ติดตามอยู่ ทั้งนี้ การไปยื่นกล่าวโทษนั้นมีหลายช่องทาง
ส่วนจะนำไปสู่การถอดถอนรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้นฝ่ายกฎหมายจะเป็นผู้ชี้แจง
กรณี
ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปประเทศกัมพูชาเพื่อไปเจรจาธุรกิจน้ำมันนั้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปเจรจาธุรกิจตัวเอง
แต่เรายืนยันว่ารัฐบาลมีหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของตัวเอง
การเจรจากับกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นปัญหาทั้งทางบกและทางทะเลต้องดูภาพรวม
และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้รัฐบาลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้
เพราะที่ผ่านมาถูกครหามาตลอดว่าผลประโยชน์ทางทะเลไปเกี่ยวพันกับผลประโยชน์
ทางธุรกิจของคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล
ดังนั้นรัฐบาลยิ่งต้องแสดงความชัดเจนว่าการเจรจาในทุกเรื่องเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์ของประเทศโดยส่วนรวม
"คุณทักษิณจะเป็นภาพตัวแทนรัฐบาลหรือไม่
นั้น ผมไม่ทราบ แต่อาจจะเป็นเรื่องการเตรียมทำธุรกิจ
แต่รัฐบาลขณะนี้กำลังพูดเรื่องถอนทหาร
ส่วนเรื่องทางทะเลอาจมีการหยิบขึ้นมาพูดบ้าง แต่ก็ต้องเป็นมติครม.
ส่วนจะมีการจบปัญหาทางบกด้วยการเอาผลประโยชน์ทางทะเลไปแลกหรือไม่นั้น
ผมคิดว่าไม่ควรเป็นเช่นนั้น รัฐบาลควรปกป้องประโยชน์ประเทศ
และใช้เรื่องความต้องการทางทะเลของกัมพูชาให้เป็นประโยชน์กับไทย"
ถาม
ว่าการวางตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ ดูมีบทบาทเหนือรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการประชาสัมพันธ์ตัวเขา
ส่วนจะคาดหวังว่าทำเพื่อประเทศชาติได้แค่ไหน รัฐบาลก็ต้องติดตาม ตรวจสอบ
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปบอกกับสื่อญี่ปุ่นว่ามีส่วนในการตั้ง ครม.
ก็เป็นเรื่องที่รู้กันแต่ต้น และเป็นการแสดงอำนาจของตัวเอง
ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะผู้นำของนายกฯ หรือนั้น
ก็เป็นที่เข้าใจของประชาชนอยู่แล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะมีบทบาทแบบนี้
แต่ก็อยากจะย้ำว่าคนที่รับผิดชอบต้องเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่อง
ขณะที่นาย
ถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า
กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
ส.ส.พัทลุง และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา
ในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์
ไปพิจารณาในรายละเอียดเพื่อดำเนินการร้องทุกข์ผู้เกี่ยวข้องจากกรณีที่มีการ
ดำเนินการร้องขอวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่น
เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายของบุคคลที่
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ทำตามที่กระบวนการยุติธรรมต้องการ
อีกทั้งเป็นผู้รู้ที่อยู่ที่ชัดเจน แต่ยังมาสนับสนุนให้
พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้รับการช่วยเหลือ
วันเดียวกันนี้ นพ.ตุลย์
สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานกลุ่มเสื้อหลากสี แจ้งว่า จะนัดรวมกลุ่มในวันที่
18 สิงหาคม เวลา 09.30 น.ที่สถานทูตญี่ปุ่น
เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านกรณีออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
►
2012
(274)
- ► กุมภาพันธ์ (51)
-
▼
2011
(1241)
-
▼
สิงหาคม
(263)
-
▼
18 ส.ค.
(17)
- รมต.ต่างประเทศคนแรก? ที่พูดอังกฤษไม่ได้
- นโยบายแจกเงินและสัญญาประชาคมของคุณยิ่งลักษณ์ฯ จะเป...
- รับคำสั่งมาวุ่นวายประเทศไทยอีกแล้ว
- ไม่ฟ้องบุหรี่ดัง
- ตลาดเก๋งเล็กเดือด รับคืนภาษีรถคันแรก1แสน ขึ้นเงินเ...
- รอยเตอร์ ฟันธงนิรโทษกรรมทักษิณ จุดตายรัฐบาลยิ่งลักษณ์
- โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีใหม่ โดย ชูวิทย์
- ทักษิณจะรวยใหญ่อีกแล้ว
- สัญญาณ!จาก"ทักษิณ"จุดชี้เป็นชี้ตาย รัฐบาล ปู 1
- แจกแท็บเลตพีซี ...เครื่องมือปฏิรูปการเรียนรู้ของเด...
- ทางเลือกใหม่ในยุคคนดีเดินตรอกขี้ครอกยึดถนน
- คิดดีแล้วหรือ
- และแล้ว "แก้รัฐธรรมนูญ" ก็ตั้งเค้า
- หึ่ง!แม้ว-ฮุนเซนแบ่งเค้กพลังงาน
- อานันท์ ปันยารชุน สอนมวยนักข่าวฝรั่งเรื่องในหลวงขอ...
- สะสม "เงื่อนปมใหม่" สู่ไทยซ้ำสอง
- ความเสื่อมในสังคมไทย 2มาตรฐานในสังคมเสื้อแดง
-
▼
18 ส.ค.
(17)
-
▼
สิงหาคม
(263)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น