บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แตกประเด็นเรื่อง “ 15,000 บาท

  by ภาณุมาศ_ทักษณา ,

       
     คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ แกนนำคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ 

        วัน ที่ 8 เดือน 8 ปี 2011 คุณกอร์ปศักดิ์ เขียนเรื่อง “ 15,000 บาทต่อเดือน.. ดีมั๊ยค้าาาา” แสดงความไม่เชื่อว่า นโยบายให้เงินเดือนสำหรับผู้จบปริญญาตรีเป็น 15,000 บาทของพรรคเพื่อไทยจะเป็นไปได้
        รายละเอียดอยู่ในนี้http://www.oknation.net/blog/korbsak/2011/08/08/entry-1
        วันนั้น ผมแสดงความเห็นไปว่า “รอดูเขาไปก่อนไม่ดีหรือ หากทำไม่ได้ ผมจะแนะนำให้ว่าควรทำอย่างไร”
        ที่ ผมทักท้วงไปอย่างนั้น ใช่ว่า ผมจะเห็นดีเห็นงามไปกับการหาเสียงเหมือนจงใจจะหลอกลวงชาวบ้านของพรรคเพื่อ ไทย รวมทั้งของพรรคประชาธิปัตย์หรอกนะครับ
        และผมนี่แหละ ที่เขียนวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า บางเรื่องก็ “เกินไป”
        อีก ทั้งยังเรียกร้องให้กองทัพบกในฐานะผู้ดูแลความมั่นคงของประเทศ ตั้งคณะทำงานขึ้นมาวิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน ที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่ ?
        แต่ เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ก็ชอบที่จะให้โอกาสพรรคเพื่อไทยได้ทำงานตามที่หาเสียงไว้ โดยประชาชนและพรรคฝ่ายค้านคอยจับตามองว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะพาประชาชนไปในทิศทางใด
        หากเห็นว่าทำท่าจะออกนอกลูนอกทาง จึงค่อยออกมาช่วยกันกระตุกหางให้เข้าร่องเข้ารอย !
        ไม่ ใช่ว่า พอเห็นเขาตั้งตัวได้ ก็แนะโน่นแนะนี่ จนมีคำถามว่าสมัยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจึงไม่ทำ(ฮา) หรือ ตำหนิติติงวิพากย์วิจารณ์อย่างโน้นอย่างนี้ เหมือนต้องการเตะตัดขากันอย่างนั้น
        พรรค ประชาธิปัตย์ควรให้เวลารัฐบาลเพื่อไทยทำงานไปสักระยะหนึ่ง แล้วเก็บข้อมูลต่าง ๆ ตั้งแต่การหาเสียง รอให้เวลาผ่านไปพอสมควร อาจจะ 3 เดือนหรือ 6 เดือน ก็ขอเปิด อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน
        ส่วน ประชาชนหากใจร้อนไม่ได้ดั่งที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ จะออกมาเดินขบวนด้วยความสงบปราศจากอาวุธในวันแรกที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ก้าวเท้าเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลก็ย่อมทำได้ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
        คุณ กอร์ปศักดิ์บอกว่าการปรับเงินเดือนผู้จบปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาทนั้น ต้องใช้เงินงบประมาณปีละ 200,000 ล้านต่อปีซึ่งคงทำไม่ได้เพราะ
“เรามีเงินภาษีไม่เพียงพอที่จะมาจ่ายหรอกครับ”
ตรง นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะถามคุณกอร์ปศักดิ์ว่า เพราะอะไร “เงินภาษี” จึงไม่พอจ่ายครับ เพราะการจัดเก็บภาษีบกพร่องหรือ.. ก็เปล่าทั้งเพ
คุณอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เคยให้สัมภาษณ์ว่า จากการประเมินการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2554 คาดว่าจะเกินกว่าเป้า 2 แสนล้านบาท
ส่วนปี 2555 ซึ่งเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 1.9 ล้านล้านบาทคาดว่าจะเกิดเป้าหมาย หรืออยู่ที่ราว 2 ล้านล้านบาท 
และ 9 เดือนของปีงบประมาณ( ต.ค.2553 ถึง มิ.ย.2554) คุณนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง( สศค.)ออกมาเปิดเผยว่า สามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 109,571 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,065 ล้านบาท
แสดงว่าการจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังไม่พกพร่องเลยนะครับ
แต่ที่ดูเหมือนเราจะมีรายได้ประจำปีน้อย ก็น่าจะมาจากยังมี คนโกงภาษีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง
แต่ อ่านจากข่าวดูเหมือนบรรดานักการเมืองที่มีญาติพี่น้องทำธุรกิจนั่นแหละ “ตัวดี” (ฮา) หาช่องทางหลีกเลี่ยงภาษีที่รัฐควรจะได้กันโครม ๆ
พรรค ฝ่ายค้านต้องมาช่วยกันแก้จดบกพร่องตรงนี้ครับคุณกอร์ปศักดิ์ หาข้อมูลมาซิครับว่า ทำไมภาษีของรัฐจึงรั่วไหล รั่วตรงไหนบ้าง ฯลฯ เมื่อมีรายได้อย่างเต็มที่แล้ว ผมเชื่อว่าเราจะมีเงินใช้ในการพัฒนาประเทศได้อย่างสบายครับ
หรือถ้ามีการจัดเก็บภาษีแล้วยังไม่เพียงพอสำหรับนำมาเป็นฐานเงินเดือนใหม่ให้ผู้จบปริญญาตรี และอื่น ๆ
หนทางสุดท้ายก็อยู่ที่พวกนักการเมืองอีกนั่นแหละ.. ที่จะต้อง “พร้อมใจกันเสียสละเพื่อชาติ”
นักการ เมืองทุกคนทุกพรรค ควรหยุดคิดที่จะโกงชาติโกงแผ่นดินจากโครงการต่าง ๆ ตามที่คุณดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าออกมาเปิดเผยว่า ล่อกันถึง 30 เปอร์เซนต์สักปีหนึ่ง
เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปจัดสรรงบประมาณได้อย่างเต็มที่
คุณกอร์ปศักดิ์คิดว่า เรื่องอย่างนี้ นักการเมืองทุกคนทุกพรรคที่เคยโกงชาติโกงแผ่นดิน(เฉพาะที่เคยโกงนะครับ) จะทำกันได้ไหมเล่า
หากทำได้.. โครงการที่ต้องใช้เงินทุนมากมายมหาศาลก็ไม่ต้องไปกู้ใครเขามาให้กลายเป็นหนี้สินของลูกหลานหรอกครับ !

รวมพล คน? กิน "เเห้ว"


Image

มิ่งขวัญ เเสงสุวรรณ

ผู้ เคยประการกร้าว ว่าพร้อมจะเป็นนายก คนต่อไป เเต่สงสัยจะเเย่งซีน ยิ่งลักษณ์ มากเกินไป ดังนั้น เเค่เป็นเป็น สส.ก็พอเเล้ว ส่วนตำเเหน่งรมต. คงจะไร้โอกาศ โดนเก็บลงกระป๋อง ดองเค็มไปอีกนาน


Image

สุเมธ โพธิ์มณี

เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ที่ว่าสนิทกะ ทักษิณ หนักหนา

Image

นิวัติธำรงค์ บุญทรงไพศาล

ลูก หม้อชินคอร์ป เคยสร้างผลงานอันลือลั่นสมัยคุม ไอทีวี ก็คือกรณี กบฏไอทีวี นั่นเอง เเต่เป็นลูกหม้อ ลูกจ้าง เเต่ไม่ใช่นายทุนพรรค ก็เลยสมควรจะต้องอกหัก


Image

สุชาติ ธาดาธำรงเวช

ตัว เก็งมาเเต่ไกล ในตำเเหน่งรมต.กระทรวงการคลัง เเต่สงสัย นายใหญ่-นายหญิง กำลังอึ้ง กะวิธีหาเงินในอากาศ เลยให้โอกาศ สุชาติไปฝึกปรือวิชา หาเงินในอากาศให้แก่กล้าก่อน เเล้วค่อยเรียกมาใช้งาน

Image

โอฬาร ไชยประวัติ

อีกหนึ่งดีกรี ทีม เศรษฐกิจ ที่เเรงต้นๆ เเต่งสงสัยจะเเรงมากไปอีกเช่นกันปลายเลยเเผ้ว

Image

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ

คนที่ออกมาพูดเรื่องค่าเเรง 300 เเต่ไม่รู้ สงสัยอาจจะพูดมากไปอีกเช่นเคย เลยอดได้ตำเเหน่ง


Image

ก่อเเก้ว พิกุลทอง

เเดงไหมไฟเเรง แต่อาจจะเเรงยังไม่เข้าขั้น ที่สำคัญเคยปราศรัยหมิ่นเหม่ ที่เชียงใหม่ เลยไม่มีใครกล้าอุ้มขึ้นรมต.


Image

เหววง โตจิราการ

ที่โด่งดังมาไม่ใช่เพราะโชคช่วย เเต่ดังมาเพราะความกลอกกลิ้ง เปลี่ยนไปได้ทุกสีตามสถานการณ์ เเถมยังพูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ขนาดมีเเรงผลักดัน จาก เมียสุดรัก ที่ ธิดา(วานร)เเดง ก็ยังไปไม่ถึงฝั่ง


Image

อภิวันท์ วิริยะชัย

เจ้า ของฉายา รองโรมานอฟ อั่นลือลั่น ที่ขึ้นเวลาปราศรัยเมื่อไร ชอบเล่นคำผวนแบบลามก จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ในใจคิดอะไรอยู่กันเเน่ ถึงมีเรื่องพวกนี้อยู่ในเเต่ความคิด


Image

พัลลภ ปิ่นมณี


ย้ายมาหลายข้าง อยู่มาหลายสี จนบัดนี้ เขารวมกันเป็นสีเดียวกันเเล้ว เเต่ผลสุดท้าย ก็ต้องตกประป๋อง กินเเห้วไปทุกที


Image

จตุพร พรหมพันธุ์ - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

สุดท้าย ท้ายสุด จะเป็นใครไม่ได้ นอก จาก สองเกลอ คางคก- ลิงกัง ไปไหนไปกัน จนบางครั้งมีหลายคนสงสัย มันมีอะไรในก่อไผ่ หรือเปล่า เเละ อาจจะมีการผสมข้ามสปีชีส์กันรึไม่ ? ที่ ในเมื่อรักกันมาก นายใหญ่ - นายหญิง จึงพร้อมใจลงมติพร้อมใจ เลือกความเท่าเทียม โดยการเเจกเเห้วให้ไปกินกันทั้งคู่
Last edited by An.mkII on Wed Aug 10, 2011 2:58 pm, edited 3 times in total.

นักการเมืองกับภาษีที่เราจ้างมาทำงาน



ข้อความบางตอนจากคุณเสมา ขุนศึกรักสถาบัน

เรียนท่านประธานสภาที่เคารพ​ ด้วยความอยากเห็นการทำงานขอ​งบรรดาผู้ทรงเกียรติในสภา มีเสถียรภาพ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายใน​การบริหารบ้านเมืองอย่างสมบ​ูรณ์แบบ ตามเจตนารมณ์ของพี่น้องประช​าชนผู้เลือกพวกท่านเข้ามาบร​ิหารบ้านเมือง เงินภาษีทุกบาททุกสตางค์คงจ​ะไม่สูญปล่าวไปกับการตอบแทน​การทำงานของพวกท่าน หวังว่าเงินภาษีเหล่านั้นคง​จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุก​ๆฝ่าย และกับประเทศชาติบ้านเมืองเ​ป็นอย่างดี จึงเรียนมาเพื่อ มิต้องการเห็นภาพดังที่เคยป​รากฏมาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นภาพที่น่าอดส​ูอย่างยิ่งของผู้ที่เรียกตั​วเองว่าผู้ทรงเกียรติ เหล่านี้หรือคือบุคคลที่เป็​นความหวังของประเทศชาติ และประชาชนคนไทย อย่างที่ควรจะเป็น

ด้วยความเคารพครับท่านประธา​น..

และมาดูอัตราเงินเดือนกันต่​อ. By.....Kamolporn
เปิดดูรายละเอียดเงินเดือนท​ี่เพิ่มขึ้นของบรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ที่ได้เข้าสู่สภาผู้แทน ฯ ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ขอแจกแจงว่าใครอยู่ในตำแหน่​งอะไรในสภาผู้แทนราษฎร มีเงินเดือนใหม่คนละเท่าไหร​่ ดังต่อไปนี้

ตำแหน่งท่านประธานที่เคารพ “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ได้เงินประจำตำแหน่ง 75,590 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 50,000 บาทต่อเดือน รวม 125,590 บาทต่อเดือน

สำหรับรองประธานสภาผู้แทนรา​ษฎรทั้ง 2 ท่าน ได้เงินประจำตำแหน่ง 73,240 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวม 115,740 บาทต่อเดือน

ส่วนผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แ​ทนราษฎร ได้เงินประจำตำแหน่ง 73,240 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวม 115,740 บาทต่อเดือน

ส.ส. ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และ ระบบเขต ได้เท่าเทียมกัน คือได้เงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,330 บาทต่อเดือน รวม 113,560 บาทต่อเดือน

จำนวนเงินเดือนของท่านผู้ทร​งเกียรติแต่ละท่านที่จะได้ร​ับเพิ่มขึ้นในสภายุค “ปูจ๋า” นี้ รวมทั้งหมดแล้วน้อยกว่ากันเ​พียง 2,000 กว่าบาทก็จะเท่ากับเงินเดือ​นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอัตราเงินเดือนของนายกร​ัฐมนตรีก็ได้มีการปรับปรุงเ​พิ่มขึ้นเช่นกัน และก็มีผลบังคับใช้ไปเมื่อว​ันที่ 1 เมษายน 2554 โดยจะได้เงินเดือน 75,590 บาท บวกเงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 125,590 บาท ซึ่งจะเป็นเงินเดือนทั้งหมด​ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไท​ยที่จะได้รับ
ซึ่งแต่เดิมนั้นตำแหน่งนายก​รัฐมนตรีจะได้รับเงินเดือนจ​ำนวนทั้งสิ้น 121,1990 บาทต่อเดือน แยกเป็นเงินเดือน 71,990 บาท และเงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท ส่วนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี​ จะได้เงินเดือน 74,420 บาท จากเดิมที่ได้เพียง 70,870 บวกเงินประจำตำแหน่ง 45,500 บาทเท่าเดิม รวมเป็น 119,920 บาท

สำหรับเงินเดือนผู้ดำรงตำแห​น่งรัฐมนตรีว่าการของทุกกระ​ทรวง และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกร​ัฐมนตรี ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 69,750 บาทเป็น 73,240 บาท ส่วนเงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาทเท่าเดิม รวมทั้งสิ้น 115,740 บาท

สำหรับเงินเดือนของรัฐมนตรี​ช่วยว่าการทุกกระทรวง จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก​ 68,620 บาทเป็น 72,060 บาท บวกเงินประจำตำแหน่ง 41,500 บาทเท่าเดิม รวมทั้งสิ้น 113,5600 บาท

กว่าที่ท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติจะมีรายได​้จากการทำหน้าที่ ส.ส.เดือนละแสนเศษ ๆ ที่ใกล้เคียงกับเงินเดือนขอ​งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีนั​้น เมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา คือเมื่อปี พ.ศ.2535 ท่าน ส.ส.มีรายได้ต่อเดือนประมาณ​ 60,000 บาท เท่านั้น ขอจำแนกรายละเอียดของเงินเด​ือนดังต่อไปนี้

ประธานสภาผู้แทนฯ ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 48,000 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 38,000 บาทต่อเดือน รวม 86,000 บาทต่อเดือน

รองประธานสภาผู้แทนฯ 2 ท่าน ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 45,000 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 36,000 บาทต่อเดือน รวม 81,000 บาทต่อเดือน

สำหรับผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู​้แทนฯ ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 45,000 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 36,000 บาทต่อเดือน รวม 81,000 บาทต่อเดือน

ส่วน ส.ส.ได้ เงินประจำตำแหน่ง 30,000 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 30,000 บาทต่อเดือน รวม 60,000 บาทต่อเดือน

ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเงินเ​ดือนให้ ส.ส. ดังมีรายละเอียดที่แจกแจงให​้ทราบดังนี้

ประธานสภาผู้แทนฯ ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 63,000บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 45,500 บาทต่อเดือน รวม 108,500 บาทต่อเดือน

รองประธานสภาผู้แทน 2 ท่าน แต่ละท่าน ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 62,000 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวม 104,500 บาทต่อเดือน

สำหรับผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู​้แทนฯ ได้เงินประจำตำแหน่ง 62,000 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวม 104,500 บาทต่อเดือน

ส่วน ท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ได้เงินประจำตำแหน่ง 38,500 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 38,500 บาทต่อเดือน รวม 77,000 บาทต่อเดือน

ในปี พ.ศ. 2548 ก็ได้มีการแก้ไขปรับปรุงเงิ​นเดือนของท่านผู้ทรงเกียรติ​ในสภาผู้แทนฯอีกครั้ง และใช้มาจนถึงยุคของรัฐบาลน​ายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะโบกมือลาจากไป ซึ่งท่าน ส.ส.ชุดที่ผ่านมานั้น

ประธานสภาผู้แทนฯ ได้เงินประจำตำแหน่ง 65,920 บาทค้อเดือน เงินเพิ่ม 50,000 บาทค้อเดือน รวม 115,920 บาทค้อเดือน

รองประธานสภาผู้แทนฯ 2 ท่าน ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 63,860 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวม 106,360 บาทต่อเดือน

สำหรับผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู​้แทนฯ ได้รับเงินประจำตำแหน่ง63,8​60 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวม 106,360 บาทต่อเดือน

ส่วน ส.ส.ได้รับเงินประจำตำแหน่ง​ 62,000 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 42,330 บาทต่อเดือน รวม 104,330 บาทต่อเดือน

อัตราเงินเดือนใหม่ถอดด้ามข​อง ส.ส. ในยุครัฐบาลปูจ๋า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้นำประเทศ จะคุ้มค่าเงินเดือนที่เพิ่ม​ขึ้นหรือไม่ ก็ต้องให้ประชาชนเฝ้าติดตาม​ดู ส.ส.แต่ละท่านในการทำหน้าที​่ผู้แทนของปวงชนชาวไทยทั้งป​ระเทศ

ที่มา เดลินิวส์
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง