บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คำต่อคำ : นายกฯอภิสิทธิ์ ประกาศ ยุบสภา


เมื่อเวลา 20.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ  ประกาศ ยุบสภาว่า
"พี่ น้องประชาชนที่เคารพรักทั้งหลาย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้นำพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรทูลเกล้า  บัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลจะได้นำเอาพระราชกฤษฎีกานี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันพรุ่งนี้คือวันที่ 10 พ.ค. เป็นผลให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงใช้พระราชอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญ ทำให้การปกครองของประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้
พี่น้องประชาชนที่เคารพ การยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้น หมายถึงการสิ้นสุดลงของวาระของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าการยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ด้วย เป็นการเริ่มต้น สำหรับพี่น้องประชาชน อีกครั้งหนึ่ง และเป็นการเริ่มต้นการเดินหน้าประเทศไทย ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชน และครอบครัว อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปภายใต้กระบวนการของประชาธิปไตย
ผมจึงประกาศ ยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง และด้วยความหวังว่า พี่น้องประชาชนจะได้ใช้โอกาสที่สำคัญในครั้งนี้ ในการขับเคลื่อน ประเทศไทยไปข้างหน้า และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังคงค้างอยู่
การสิ้น สุดของสภาผู้แทนราษฎรหรือวาระของรัฐบาลจาการยุบสภาในครั้งนี้  ไม่ได้หมายความว่า งานของรัฐสภา หรืองานของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงตรงกันข้าม ผมตระหนักดีว่าในปัจจุบันนี้ ยังคงมีปัญหามากมายที่ พี่น้องประชาชนและครอบครัวยังต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
พี่น้อง ประชาชนและครอบครัวจำนวนมาก ยังต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพ ข้าวของแพง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และรอคอยที่จะให้มีการเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้  พี่น้องประชาชนและครอบครัวจำนวนมากในชนบท ยังรอคอยที่จะเห็นการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อที่จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ลูก หลานคนไทยอีกจำนวนมากยังคงต้องการโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของคุณภาพ ทั้งในแง่ของโอกาสในการที่จะเรียนต่อไปจนถึงระดับปริญญา หรือระดับของอุดมศึกษา
พี่น้องประชาชนและอีกหลายคน หลายครอบครัว ยังคงวิตกกังวลทุกข์ใจกับปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามที่กัดกล่อนความ มั่นคง ไม่ใช่เฉพาะสำหรับประเทศเท่านั้น แต่หมายถึงชีวิตของคนในครอบครัว ชีวิตของคนในชุมชน ชีวิตของคนในสังคม และยังคงมีปัญหาอื่นๆ ที่เป็นงานที่ยังต้องทำต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือแม้กระทั่งปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ  ซึ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เป็นโอกาสดีของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าเราจะเดินหน้าประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ นี้อย่างไร
พี่น้อง ประชาชนที่เคารพรักครับ แม้ว่าผมจะได้กล่าวถึงงานจำนวนมาก ที่เราจำเป็นจะต้องทำต่อไป  แต่เราคงไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เพราะงานหลายอย่างนั้น ได้มีการเริ่มต้นมาแล้วท่ามกลางภาวะความยากลำบากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิ ฤกติซ้อนวิกฤติมาเป็นระยะเวลากว่า 5-6 ปี
พี่ น้องประชาชนคงจำได้ว่า ปัญหาทางการเมืองของเรา เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2548 , 2549  ซึ่งมีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น ต่อมาในปี 2549 เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยต้องสะดุดลง ต่อมามีเรื่องของคดียุบพรรค การเพิกถอนสิทธิ์นักการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการเมืองอย่างมา และต่อมาก็มีรัฐบาลซึ่งไม่สามารถทำงานได้ภายใต้ความขัดแย้งของพี่น้อง ประชาชนในสังคม แม้กระทั่งในช่วงรัฐบาลของผม ก็มีการชุมนุม มีการประท้วง มีการก่อเหตุจราจล จนนำมาสู่เรื่องของการสูญเสีย ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแน่นอนที่สุด คือ ชีงวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
แต่ผมพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่า ท่ามกลางความภาวะความยากลำบากเหล่านี้ ปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานของพี่น้อง ประชาชนนั้น  ก็ได้มีการเดินหน้าในการแก้ไข มีการเริ่มต้นนโยบายหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งทำให้เราสามารถที่จะใช้เป็น ประโยชน์เดินหน้าทำงานต่อไป 
ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งนั้น เศรษฐกิจไทยของเรากำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเศรษฐกิจโลก อัตราการขยายตัวติดลบ คนกลัวกันว่าจะมีคนว่างงานพุ่งสูงไปถึง 1 ล้าน 2 ล้านคน สุดท้ายการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้การว่างงานนั้นไปแตะที่ 7 แสนคนเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ลดลงมาอย่างรวดเร็ว เหลือ 3 แสนคน ฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวเป็นบวก  การส่งออก การท่องเที่ยวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้แต่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็สูงสุดในรอบเป็น 10  ปี

ถามว่าสิ่ง ต่างๆ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจดีเป็นที่พอใจหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่พอใจ ตราบเท่าที่ยังมีพี่น้องประชาชนและครอบครัวตั้งแต่ แม่ฮ่องสอน ลงไปนราธิวาส จากกาญจนบุรีไปอุบลราชธานี ยังคงมีปัญหาที่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เราพอใจไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเราก็พูดได้ว่า การแก้ไขปัญหาปูทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่ดีเป็นงานที่เราได้เริ่มต้นแล้ว
ก่อน ที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง พี่น้องประชาชนและหลายครอบครัวมีภาระมาก ทั้งในเรื่องการศึกษาของลูกหลาน ทั้งในเรื่องของการดูแลผู้สูงอายุ คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย รัฐบาลได้มาเริ่มต้นนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ลดภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาต่างๆ ได้นำโครงการเบี้ยยังชีพถ้วนหน้ามาให้พี่น้องประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปี แบ่งเบาภาระให้กับพี่น้องประชาชนไปได้  ถามว่าเพียงพอหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่พอ เพราะผมเชื่อมั่นว่า ครอบครัวของพี่น้องนั้นก็ต้องการที่จะต้องมีหลักประกันความมั่นคง และการสร้างโอกาสให้กับลูกหลานมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่งานที่ทำสิ่งเหล่านี้นั้น เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์  เราได้เริ่มต้นแล้ว
ก่อนที่ผมจะเข้ามารับหน้าที่ เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนในเรื่องของราคาของพืชผล รัฐบาลนี้ได้เข้ามาเริ่มต้นโครงการประกันรายได้ เป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรแบบครอบคลุม ทั่วถึง เงินสดไปถึงมือ เพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องของรายได้เป็นครั้งแรก ทำให้พี่น้องเกษตรกรทำการเกษตรแล้วไม่ขาดทุน
      
พร้อมๆ กันไปก็ได้อนุมัติโครงการประกันภัยพืชผล ที่จะมีการใช้ต่อไปปลายปีนี้ ถามว่าเพียงพอหรือยังในการที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้ เป็นที่พึงพอใจ ก็ต้องตอบว่ายัง แต่ขณะเดียวกันก็พูดได้เช่นเดียวกันว่า งานที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรได้เริ่มต้นอย่างแท้จริง
      
พี่ น้องครับ นอกเหนือจากเรื่องของเศรษฐกิจ และปากท้องแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่ง ยังหนักหน่วงอยู่ แน่นอนที่สุด ถามว่าวันนี้มีความปรองดองสมานฉันท์หรือยัง ก็ต้องตอบว่ายัง แต่ขณะเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ยืนยันความเป็นนิติรัฐของประเทศ ให้เห็นว่าประเทศไทยนั้นปกครองด้วยกฎหมาย และสามารถทำให้ภาวะต่างๆ กลับเข้ามาสู่ความเป็นปกติระดับหนึ่งที่จะคืนอำนาจให้แก่พี่น้องประชาชนได้ ดังนั้นงานที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ก็ได้เริ่มต้นแล้วเช่นเดียวกัน
      
ยัง คงมีปัญหาอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น หรือปัญหาทางสังคมอื่นๆ ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป แต่ในทุกเรื่องเหล่านี้ผมก็ยืนยันได้ว่า งานได้เริ่มต้นแล้ว ในการป้องกันปราบปราม ในการที่จะแก้ปัญหาแบบครบวงจร ซึ่งสามารถที่จะเป็นฐานในการที่จะทำงานแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ต่อไป
      
วันนี้ ผมจึงบอกได้ว่า แม้เรามีงานที่ต้องทำอีกมาก แต่เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ และวันนี้การตัดสินใจของพี่น้องประชาชนจึงเป็นการตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่ สุดที่จะเดินหน้าประเทศไทย แก้ไขปัญหานั้นคืออะไร
     
พี่น้องที่ เคารพครับ การตัดสินใจในวันนี้ ในเรื่องของการเดินหน้าประเทศ จึงเป็นการตัดสินใจว่าเราจะให้ประเทศของเรานั้นเดินไปในทิศทางไหน จะเดินไปข้างหน้า หรือจะเดินถอยหลัง หรือจะเดินวนจมปลักอยู่กับปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งทำให้ปัญหาอีกหลายอย่างของพี่น้องประชาชนที่เป็นปัญหาที่แท้จริง ไม่ได้รับการแก้ไข
จาก วันนี้ไป นักการเมือง พรรคการเมืองทั้งหลาย ก็คงจะได้รณรงค์หาเสียง นำเสนอวิสัยทัศน์ ความคิด นโยบายในการแก้ไขปัญหาต่างๆ วันนี้คงไม่ใช่โอกาสที่ผมจะมาพูดจาปราศรัยทางการเมืองครับ แต่ขอเปิดใจว่า ในฐานะที่ได้ทำงานมา 2 ปีกว่าๆ นั้น อยากจะเห็นประเทศของเรานั้นเดินหน้าไปอย่างไร ผมหวังว่าไม่ว่าพี่น้องประชาชนที่ดูอยู่ในขณะนี้ จะนิยมชมชอบพรรคการเมืองใด ใส่เสื้อสีอะไร หรือแม้กระทั่งไม่สนใจในทางการเมือง เราน่าจะเห็นตรงกันในบางเรื่อง
      
ในเชิงนโยบายผมว่าเราน่าจะ เห็นตรงกันว่า ความจำเป็นในการที่เราจะต้องช่วยพี่น้องคนยากคนจน คนมีรายได้น้อย ให้มีรายได้ที่เพียงพอ ต่อสู้กับปัญหาของแพง ค่าครองชีพ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ต้องยกระดับรายได้ เพิ่มค่าแรง เพื่อให้พี่น้องคนยากคนจนของเรานั้นมีรายได้ที่เพียงพอ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
      
ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็นรัฐบาล หรือใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมหวังที่จะเห็นว่าการให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกหลานของเราในเรื่องของการ ศึกษา ยังจะต้องทำต่อไป ทำอย่างไรจะให้ลูกหลานของเรามีโอกาสเรียนสูงๆ และได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นหลักประกันในเรื่องของการมีรายได้ มีอาชีพ และมีชีวิตที่ดีต่อไป
      
ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาเป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผมก็ยังอยากจะเห็นว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรนั้นมีความแน่นอน มีหลักประกันความมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการคงระบบประกันต่างๆ เอาไว้ ก็ยังต้องมีการเพิ่มในเรื่องของค่าตอบแทน กำไร หรือรายได้ของพี่น้องเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปาก พ้นจากความเป็นหนี้เป็นสิน สามารถที่จะมีเงินออม และมีความมั่นคงในชีวิตได้ต่อไป
      
และไม่ ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ผมหวังที่จะเห็นการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เพื่อให้ภัยคุกคามภัยนี้มันพ้นออกไปจากสังคมไทยของเรา และทำให้ลูกหลานของเรานั้นอยู่ในสังคมที่มีความปลอดภัย
      
แต่ นอกเหนือจากทิศทางในเชิงนโยบายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั้น ก็คือหลักการในการบริหารบ้านเมือง ผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันว่าจากวันนี้ไป การเมืองการปกครองของไทยนั้นต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ไม่เดินออกนอกเส้นทาง ไม่เดินออกนอกรัฐธรรมนูญ ไม่เดินออกนอกกฎหมาย
      
ผม คิดว่าเราควรจะเห็นร่วมกันครับว่า การเมืองในวันนี้ต้องเป็นการแข่งขันในทางความคิด ทางนโยบาย อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การยุยงให้เกิดความขัดแย้งด้วยการปลุกระดมจนนำไปสู่เรื่องของความ รุนแรงและความสูญเสีย ผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันครับว่า การสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาในรัฐบาล จะต้องเกิดจากการยึดมั่นในเรื่องของความโปร่งใส ไม่ใช่ปล่อยให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมาทำลายศรัทธาของประชาชน และผมคิดว่าเราควรจะเห็นตรงกันครับว่า ใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล มาบริหารประเทศ จะต้องยึดมั่นผลประโยชน์ของส่วนรวม และผลประโยชน์ของประเทศเท่านั้น ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวตน ของพวกพ้อง ของพรรค
ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ขอบคุณรัฐมนตรี ขอบคุณข้าราชการทุกท่าน ที่ได้ทำหน้าที่ของตนในการทำงาน ทำให้รัฐบาลสามารถที่จะผลักดันงานหลายอย่างออกมาได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่นอกเหนือจากจะมอบความไว้วางใจผ่านสภาผู้แทนราษฎรให้ผมมาดำรงตำแหน่งหัว หน้ารัฐบาล ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของตัวผม
      
ตลอด ระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ผมซาบซึ้งในกำลังใจ ความเข้าใจ และการสนับสนุนของพี่น้องประชาชน ในการทำงานของผม และทุกวันที่ผมตื่นขึ้นมา ผมตระหนักอยู่เสมอว่า ความไว้วางใจที่พี่น้องมอบให้นั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องตอบแทนด้วยการทุ่มเททำ งานเต็มความสามารถ ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย ไม่มีสิทธิ์ท้อแท้ ไม่มีสิทธิ์ท้อถอย บางวันเป็นวันที่ผมทำงานแล้วมีความสำเร็จ ผลประโยชน์ต่างๆ ตกสู่พี่น้องประชาชน นั่นคือความภาคภูมิใจ นั่นคือความพึงพอใจของคนที่เป็นนักการเมืองอาชีพอย่างผม แต่อีกหลายวันผมทราบดีว่า งานของผมไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางวันก็ทำให้พี่น้องประชาชนหลายส่วนผิดหวัง
      
แต่ไม่ว่าจะเป็น วันที่พี่น้องประชาชนสมหวังหรือผิดหวังนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่า ผมได้ทำเต็มความสามารถ เพื่อที่จะตอบแทนสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้ผมตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา วันนี้หน้าที่ของผมกำลังสิ้นสุดลง แต่หน้าที่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น นั่นคือการตัดสินใจชี้ชะตา ทิศทาง และอนาคตของบ้านเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเอง และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไทยที่เรารักทุกคน
      
พี่น้องครับ ผมมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ ขอขอบคุณครับ"
----------------------------

เปิดธุรกิจครอบครัว"โสภา" ก่อนแม่และพี่ชาย"ศิริโชค"ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด

เมื่อกลางดึกวันที่ 6 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจู่โจมได้เข้าจับกุม น.ส.เสาวรส โสภา (จันทนะปุญญา) อายุ 73 ปี มารดาของนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ เลขที่ จพ267/2554 ลงวันที่ 3 พ.ค. 2554 ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าประตูทางออกผู้โดยสารขาออก สนามบินดอนเมือง แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง หลังจากได้รับเบาะแสจากนายมนตรี สิหนาทกถากุล เจ้าของโรงแรมแลนด์มาร์ค ผู้เสียหาย เนื่องจากน.ส.เสาวรส จ่ายเช็คเด้ง

นายศิริโชค โสภา สวนกลับทันควันว่า จะฟ้องร้องกลับคู่กรณีที่ทำให้ครอบครัวเสียหาย  พร้อมแฉว่า ดอกเบี้ยจากหนี้นอกระบบ"แพงเกินเหตุ"

จริงๆ แล้ว ภาพภายนอกตระกูลโสภา เป็นตระกูลธุรกิจใหญ่ในสงขลา 

แต่จากการตรวจสอบ ในช่วง ปี 2550   ในราชกิจจานุเบกษา ระบุว่า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 26 ธันวาคม2550 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ "บริษัท โอเวอร์ซีส์ มารีนและห้องเย็น จำกัด" ที่1 "บริษัท สหะโสภา จำกัด" ที่2 และ "บริษัท โสภา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด" ที่3 นางสาวเสาวรส จันทนะปุญญา หรือโสภา ที่4 นายศิริพจน์ โสภา ที่6 นางกิ่ง ศิลาเลิศสกุล ที่7 ลูกหนี้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายศิริพจน์ และนางสาวนุชนาฎ โสภา เป็นพี่ชายและพี่สาวของนายศิริโชค

"มติชนออนไลน์" ได้ตรวจสอบ 3 บริษัทที่เกี่ยวข้องพบว่า

1. บริษัท สหะโสภา จำกัด ทำธุรกิจผลิตและขายอาหารทะเล มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 8 ล้านบาท โดยมีกรรมการ 3 คน ซึ่งเป็นกรรมการประกอบด้วย นายสุวัฒน์ โสภาเสถียรพงศ์, นางสาวเสาวรส โสภา และนายศิริพจน์ โสภา 

ส่วนผู้ถือหุ้นประกอบด้วย 1.นางสาวเสาวรส ถือหุ้น 70.875% มูลค่า 5,670,000 บาท
2.นายศิริพจน์ ถือหุ้น 17.375% มูลค่า 1,390,000 บาท
3.นางสาวนุชนาฏ ถือหุ้น 11.25% มูลค่า 900,000 บาท


31 มีนาคม 254831 มีนาคม 254731 มีนาคม 254631 มีนาคม 254531 มีนาคม 2544
เงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน14,668.56176,88527,33445,67430,280,490
รวมหนี้สิน314,711,280316,257,909 317,617,368319,929,849359,289,124
กำไร (ขาดทุน)สะสม-25,868,338-25,966,488-26,189,235.04-26,351,645-22,127,009
    

2. บริษัท โสภา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด แจ้งจดทะเบียนว่าเป็นธุรกิจขายทรัพย์สินและบริการ มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 10 ล้านบาท มีกรรมการ 2 คน ประกอบด้วย นายสุวัฒน์ และนายศิริพจน์ โดยนายศิริพจน์ มีหุ้น 89.95% มูลค่า 899,500 บาท ขณะที่นางสาวนุชนาฏถือหุ้น 10% มูลค่า 100,000 บาท และนางสาวเสาวรสถือหุ้น 0.01% มูลค่า 100 บาท  


31 ธ.ค. 254831 ธ.ค.2547   31 ธ.ค.254631 ธ.ค. 254531 ธ.ค.2544
เงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน33,388.1936,388.1939,388.1946,388.1946,388.19
รวมหนี้สิน55,806,89955,804,89955,802,89968,707,08368,706,083
กำไร (ขาดทุน)สะสม-17,916,120-17,911,120-17,906,120-17,903,120-18,025,122


และ 3. บริษัท โอเวอร์ซีส์ มารีนและห้องเย็น จำกัด ทำธุรกิจประเภทค้าปลีกและส่งออกอาหารทะเล มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 100,000,000 บาท โดยมีกรรมการ 3 คน ประกอบด้วย นายสุวัฒน์ โสภาเสถียรพงศ์, นางสาวเสาวรส โสภา (ถือหุ้น 0.0010% มูลค่า 1,000 บาท ) และนายศิริพจน์ โสภา (พี่ชายของนายศิริโชค) นอกจากนี้ ยังมีนางสาวนุชนาฎ โสภา ถือหุ้น 99.445% มูลค่า 99,445 99,445,000 บาท (พี่สาวของนายศิริโชค)


31 ธันวาคม 254831 ธันวาคม 254731 ธันวาคม 254631 ธันวาคม 254531 ธันวาคม 2544
เงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน177,884,120177,889,120177,894,120177,901,120177,885,593
รวมหนี้สิน 1,457,096,1991,459,850,8531,461,067,6531,461,069,6531,461,047,126
กำไร (ขาดทุน)สะสม-58,815,032-58,810,032-58,805,032-58,800,032-58,793,032

นี่คือ ความเป็นไปของธุรกิจตระกูลโสภาที่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าใดนัก!!!

vote no แล้วไปไหน?

กลุ่มผู้เปลี่ยนแปลงประเทศไทย

แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่แบ่งแยกสีกันชัดเจน ใครมีฐานคะแนนอยู่สีใหนมากก็มีสิทธิ์เข้ามาเป็นที่หนึ่งและเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ว่าจะจัดตั้งได้หรือไม่ได้ก็ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    แน่นอนว่าสองพรรคการเมือ่งใหญ่ๆทีมีฐานเสียงอยู่จำนวนมากนั้นคือพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องแย่งชิงจำนวนที่นั่งว่าใครจะได้มากกว่ากัน
    ยอ้นอดีตที่ผ่านมานับจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2550 ใครที่เป็นรัฐบาล ใครเป็นฝ่ายค้าน ใครเล่นบทอย่างไร ใครเล่นเกมตามกติกาหรือว่าใครนอกกติกา และผลงานมีขนาดใหน ก็ประจักษ์ต่อสายตาทุกๆท่านแล้ว
   ห้วงเวลาที่ประเทศไทยได้ผ่านวิกฤติมา หลายครั้งหลายคราวด้วยกัน เราอาจจะย้อนไปถึงเหตุการณ์ปฏิวัติ มาเป็นรัฐบาลสุรยุทธิ์ แล้วต่อมาก็เป็นรัฐบาลสมัคร ต่อด้วยรัฐบาลสมชายและปิดท้ายด้วยรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่รัฐบาลทำอะไรใว้บ้าง สัญยิ่งสัญญาอะไรใว้ หรือว่าสร้างความวุ่นวาย เผาบ้านเผาเมืองอย่างไร ภาพเหล่านี้ยังติดตา ตรึงใจ ประชาชนกันทุกคน ยากที่จะลบล้างไปจากจิตใจของคนที่รักประเทศ รักชาติ ได้
    ภาพ คนที่ท่านเลือกมาให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนท่านในสภา คนเหล่านี้ได้ทำหน้าที่ ที่เป็นตัวแทนท่านดีหรือยัง พวกที่ขาดประชุม พวกที่สถุน พวกที่น่าเคลือบแคลนสงสัยในความพฤติกรรมที่ส่อไปทางด้านทุจริต ท่านยังคงจะเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนท่านอีกหรือเปล่า
     ถึงเวลาหรือยัง ที่ ประชาชน ทุกคนจะกำหนดประเทศของตัวเองให้เดินไปข้างหน้าอย่างไร เพื่อไม่ให้จมปลักอยู่กับที่เดิม หรือว่าไม่สามารถที่จะก้าวผ่านวิกฤติ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งที่เรามีโอกาสที่จะก้าวผ่านไปอย่างง่ายดายแค่เพียงปลายปากกาของท่านเอง
    ถึงเวลาหรือยังที่จะท่านจะสั่งสอน พวกนักการเมืองสถุล  ให้รู้ซึ่งถึงสิทธิ อันชอบธรรมในระบบประชาธิปไตย ที่พวกมันชอบเอาไปแอบอ้าง
   ถึงเวลาแล้วนักการเมืองจะได้รู้เสียทีว่า ประชาชน ไม่ได้โง่ ไม่ได้ด้อยการศึกษา ไม่ได้เมินเฉยเรื่องการเมือง และไม่ได้ปล่อยบ้านเมืองไปตามยถากรรม ต่อไปนี้จะเป็นผู้กำหนดอนาคตของบ้านเมือง
    ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!!!
  
ซึ่งดูๆไปแล้วมีจำนวนไม่น้อยที่ตื่นตัวเรื่องนี้  นิด้าโพลเผย พท.ชนะ ปชป ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์
        ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง " การเลือกตั้งสมัยหน้าและความนิยมของประชาชนต่อพรรคการเมือง ระหว่างวันที่ 2-3 พ.ค.54 จากประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ  
  ดูจากวันเวลาแล้วเพิ่งสำรวจนี้เอง นิด้าโพลถือว่าเป็นโพลที่น่าเชื่อถือพอสมควรและมีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงมาหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งก็สอดคล้องกับกระแสพรรค พท.อยู่ปัจจุบันนี้ ว่ากระแสเพื่อไทยกับนายห้างดูไบ ยังแรง บวกกับการโฟนอิน ทุกสถานที่ ทุกโอกาส เรียกชนิดว่าปูพรมเก็บตกเกือบจะทุกตารางนิ้ว ซึ่งตรงกันข้ามกับพรรคอื่นๆที่ยังไม่ได้ หาเสียงแบบเต็มที่ เต็มกำลัง
      ผลสำรวจประชาชนเลือก  พรรคเพื่อไทย23.36% เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 20.20% พรรคภูมิใจไทย 2.99% และพรรคอื่นอีก 0.58% แต่ว่ายังไม่ตัดสินใจ 52.87%
     ถ้าหาก เรามองว่าสัดส่วนแต่ละพรรคที่ได้รับนั้นคือฐานเสียงของแต่ละพรรค แต่ว่าคะแนนเสียงตัวจริงที่จะเป็นตัวกำหนดและชี้ชะตาว่าพรรคใหนจะเข้ามาอันดับหนึ่ง นั้นคือ ประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจ 52.87%
     พรรคการเมืองพรรคใด จะแย่งคะแนนเสียงของคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ 52.87% ไปได้มากเท่าไร พรรคนั้นก็ย่อมจะเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งมากขึ้นเท่านั้น
    52.78%  ซึ่งถือว่าเกินครึ่งของที่สำรวจมา ประชาชน 52.87% ผมมีความเชื่อมั่นเหลือเกินว่า สัดส่วน52.87%นี้จะเป็นเสียงบริสุทธิ์ เป็นเสียงที่กำลังพิจารณา นโยบาย ของแต่ละพรรคและกำลังรอรายชื่อผู้ที่จะมาสมัครเป็น สส.ในแต่ละพื้นที่
     กลุ่มคนกลุ่มนี้กำลังใช้ดุลยพินิช  หลายๆอย่างประกอบการพิจารณาในการตัดสินใจคัดเลือก ก่อนที่จะเข้าคูหาเลือกตั้ง และยากที่จะชักจูงได้ง่าย ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะมีการรอคอยสินจ้างรางวัล แต่ก็อาจจะเป็นส่วนน้อยมาก
     52.78% ของคนที่ยังไม่ตัดสินใจ มันพอสำหรับที่จะสามารถที่จะ เปลี่ยนแปลงประเทศ มันพอที่จะกำจัดนักการเมืองเลวๆออกไป มันพอที่จะกำหนดทิศทางของประเทศ และผมหวังว่าคนไทยนั้นรักสงบ เสียงของคุณหนึ่งเสียง คงจะนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสูขต่อไป
   
     
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง