บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การปะทะกันของกระบวนทัศน์ไทยในปัจจุบัน

โดยดร.ไก่ Tanond


คงปฏิเสธกันไม่ได้ว่า บนพื้นฐานของความสับสนวุ่นวาย ขัดแย้ง และรุนแรงทั้งในทางสังคม และในทางการเมืองที่เป็นอยู่นี้ มีปัจจัย/เงื่อนไขหนึ่งมาจาก "ความต้องการ/ความพึงพอใจทางการเมือง" หรือ ที่เรียกว่า "ความชอบธรรมทางการเมือง" ที่เกิดขึ้นโดยกรอบแนวคิด ที่ต่างกันไปของผู้คนที่แบ่งตนออกเป็นหลายพวกหลายฝ่าย ที่มักสวนทางกัน หรือ แตกต่างกันอย่างสุดขั้วสุดโต่ง ก็คงต้องบอกก่อนนะครับ บริบทของสังคมเช่นว่านี้ ..ไม่ดีเลย แต่ก็มักเกิดขึ้นเสมอๆ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่เกิดตามมา
 
ทั้งนี้ หากนำมาใส่เป็นสมการให้เข้าใจง่ายขึ้น มันก็จะคล้ายๆ.. paradigmA  vs  paradigmB >=paradigm shift ที่ก็คือคำตอบของรูปแบบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหนนั่นเอง
 
สังคมไทยเกิดการปะทะกันขึ้นของกระบวนทัศน์ หรือ กรอบแนวคิดอันใดบ้าง มาลองดูครับ -
1.ใช่ หรือไม่? ที่เรามีผู้คนฝ่ายหนึ่งที่ยังยึดมั่น ในสรรพสิ่งที่เป็นมาแบบอนุรักษ์นิยม แล้วก็มี อีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องการจะโยนสิ่งนี้ทิ้งทั้งหมดทั้งปวง? อันนี้ ใครเริ่มใครนำใครทำ เป้าหมายคืออะไรคงไม่ต้องอธิบาย แต่ที่จำต้องบอกเตือนให้เข้าใจกันอีกครั้งก็คือ เป้าหมายของฝ่ายหลังนี่ ถึงจะเปลี่ยนไปได้ มันก็ไม่ได้แตกต่างกันไปมากนักหรอกครับ
 
เพราะ ระบอบประธานาธิบดีนั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากระบบกษัตริย์นัก เนื่องจากลอกเลียนแบบมา ความแตกต่างที่ชัดสุดก็คือ การมีประมุขแห่งรัฐเป็นสามัญชนคนธรรมดา ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ระบบกษัตริย์มีขุนนางฝ่ายใน ฝ่ายต่างๆ คอยช่วยเหลือดูแลบริหารจัดการประเทศ ประธานาธิบดี ก็เลือกคณะผู้คนที่จะมาช่วยงานตน โดยให้ชื่อว่าเลขาฯ หรือ Secretary ฝ่ายต่างของตน ไม่มีคำว่ารัฐมนตรี แต่อย่างใดนะครับ เช่นนี้แล้วการปะทะกันในเรื่องนี้ สำหรับบ้านเราจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอยู่มาก วิธีการที่จะนำพาไปสู่ความต้องการของฝ่ายหลัง จึงซับซ้อนซ่อนเงื่อนนักสำหรับคนคิด  ทว่าสำหรับผู้คนที่นำปฏิบัตินั้น กลับกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ (แต่ไม่เคยมีใครเขา"กล้า"ทำกันอย่างออกนอกหน้ามาก่อน ยกเว้นเมื่อพ.ศ.2475 เช่นการหมิ่นฯ อย่างที่เราเห็นๆกัน) ความกล้า ที่ผมกล่าวถึงนี้ได้นำมาซึ่งการปะทะกัน ในกระบวนทัศน์อื่นๆที่ตามมา เช่น
 
2.ใช่ หรือไม่? ที่เกิดการปะทะกัน ในเรื่องของความโบราณ กับ ความเป็นสมัยนิยม! ที่หลายคนพร้อมจะโยนทิ้งความงดงามตามจารีตประเพณี ความเป็นอารยะด้วยระบบกษัตริย์ที่มีมาแต่เก่าก่อน ..จนได้ทำให้เกิดข้อที่3.นี้ตามมา
 
3.ใช่หรือไม่? ที่เกิดการปะทะกัน ในเรื่องการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อบาป(การทำเช่นไรก็ได้เพื่อให้ได้มา) กับ การอยู่ในศีลในธรรม และความเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม (มุ่งมั่นในการใฝ่ดี คิดดี ทำดี)
 
หากพวกเราสังเกตุกันให้ดี จะพบว่า ..หากไม่มีข้อ1.นี้แล้ว causal effect ที่จะนำพาไปสู่ข้อ2.และ3.นั่น ก็ย่อมไม่มีไม่เกิดขึ้นแน่นอน เช่นนี้แล้วการดำรงอยู่ของข้อ1.และอีก2ข้อที่จะตามมานี้ ยิ่งนานวันยิ่งไม่ดี ยิ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อชาติอย่างมหันต์ เพราะข้อ4. เช่นนี้ครับ
 
4.พฤติกรรมทำซ้ำ ที่เกิดขึ้นจนคุ้นชิน คุ้นตานั้น ในทางทฤษฏีบอกว่า ..จะทำให้เรื่องๆนั้น สิ่งๆนั้นกลายเป็นเรื่องที่"ปกติธรรมดา" นี่หรือเปล่าครับ ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุ ที่ได้ทำให้เยาวชนหลงผิด คิดร่วมกันกระทำการหมิ่นฯ ให้กว้างขึ้นและหนักขึ้นทุกๆวัน (เมื่อของต้องห้าม ถูกทำให้เป็นของสามัญ)  โดยส่วนตัวผม ผมเชื่อว่าใช่ และเชื่อว่าเป็นแผนของพวกแดงล้มเจ้า ที่วางไว้ และสามารถทำให้เกิดขึ้น จนอาจบรรลุเป้าหมายได้ หากยังไม่มีใครออกมาจัดการเรื่องที่ใหญ่มากนี้สำหรับบ้านเรา ที่อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆในสายตาฝรั่งตาน้ำข้าว ให้จบลงได้ในเร็ววัน
 
 
สำหรับ อนาคตข้างหน้านั้น ข้อ4.นี้จึงสำคัญมากนะครับ เพราะทำไปทำมาสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนานี้ กำลังจะทำให้ข้อ1 - 3 มันเป็นจริงขึ้นมา หากให้เวลาทอดยาวออกไปอีก2-3ปี ..พวกเราภาคประชาชน อย่าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นเป็นอันขาดนะครับ เห็นทีคงสิ้นหวังกับรัฐตำรวจ กับ รัฐบาลที่เป็นใจ เป็นต้นเหตุ ที่จะมาจัดการกับเรื่องนี้เอง ..คงไม่มีทางได้เห็นหรอกครับ  

ถึงว่าที่คุณตาทักษิณ ของหลานรัก


ปยุต เจริญประสิทธิ์
คงอีกไม่นานเกินรอ หลังจากที่งานมงคลสมรสของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ผ่านพ้นไปแล้ว สามี ภรรยาคู่นี้จะต้องให้กำเนิดบุตรคนแรกของครอบครัว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิง หรือ เด็กชาย เด็กน้อยผู้นี้จะมีฐานะเป็นหลานตาของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น นายทักษิณ คงมีความรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย แต่จะได้มีโอกาสกลับมาเมืองไทยเพื่อรับขวัญหลานตาคนแรกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวนายทักษิณเองเป็นหลัก
ปัจจุบันหลังจากที่ นายทักษิณ มีจดหมายถึงประชาชน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ กรณีที่รัฐบาลจะออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษในวโรกาสครบรอบ 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วนั้น แต่สังคมการเมืองก็ยังคงมีความเคลือบแคลงในเรื่องนี้ ซึ่งเชื่อว่า การตัดสินใจของนายทักษิณในครั้งนี้เป็นเพียงการ “พักรบ เพื่อหา โอกาส และ เวลา ที่เหมาะสม ในการรุกครั้งใหม่” ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุเอาไว้ ซึ่งข้อสังเกตุดังกล่าว น่าจะมีความเป็นไปได้ เมื่อดูจาก สิ่งที่ นายเฉลิม อยู่บำรุง พูด หรือสิ่งที่คณะทำงานของนายอุกฤษ มงคลนาวิน กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้นายทักษิณ พ้นผิด ไร้มลทิน พูดง่ายๆก็คือ ฟอกเนื้อ ฟอกตัว เพื่อให้ทักษิณดูดีเท่านั้น แต่ก็คงไม่ง่าย เหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก เพราะแม้แต่พวกซ้ายปลอมๆ หรือ คอมมิวนิสต์ ซังกะบ๊วย ก็ยังรู้เลยว่า ทักษิณมีพฤติกรรมตามที่ คตส.ตรวจจับผิดได้ หมอความทักษิณ และบรรดาลิ่วล้อ ข้าทาสรับใช้ จึงแนะนำว่า ให้หนีออกนอกประเทศไปก่อนเป็นการดีที่สุด แล้วบรรดาผู้รับใช้ต่างให้สัญญาว่า จะสุมหัวกันหาทางช่วยทักษิณ ตามที่ทักษิณซึ่งเป็นนายจ้างต้องการ
นับจากนั้นเป็นต้นมา “ขบวนการทักษิณ” จึงเกิดขึ้น โดยใช้การเมืองนำการเคลื่อนไหวล้วนๆ โดยไม่สนใจใยดีกับจารีตประเพณี เป็นขบวนการไร้ซึ่งคุณธรรม ดังนั้นการโฆษณาชวนเชื่อจึงเกิดขึ้น ผ่านสื่อและเวที จัดตั้งแกนนำได้จัดฉากไว้แล้ว เราจึงได้ยินได้ฟังวาทกรรมล้างสมองคนไทยด้วยถ้อยคำต่างๆมากมาย จนในที่สุดมันก็กลายเป็น “บูมเมอแรง” วกกลับมาฟาดหัวฟาดหางตัวเอง เพราะความที่ขบวนการทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ผู้นำมวลชน หรือบรรดาลิ่วล้อที่แฝงตัวอยู่ตามหลืบต่างๆ ได้รับการพิสูจน์จากสังคมแล้วว่า คือ “พวกกะล่อน พูดจาลวงโลก” ซึ่งนี่คือความจริงที่คนไทย แม้กระทั่งผู้นำประเทศมหาอำนาจเขาก็รู้กันอยู่ (มีแต่เฉพาะพวกลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทย และ มวลชนคนเสื้อแดง รวม ทั้งนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เท่านั้นที่ถูกปิดหู ปิดตา ด้วยอามิสสินจ้าง หรือด้วยนโยบายประชานิยมที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือตกเบ็ดหาเสียงไปวันๆ ของนักการเมืองไร้ฝีมือเหล่านี้ โดยมีพรรคฝ่ายซ้ายรุ่นป่าแตกบางคนคอยกำกับ)
ถึงวันนี้แล้ว นายทักษิณ น่าจะประเมินผลงานลูกหาบ และ บรรดาผู้รับใช้ของตนเองว่า ควรที่จะหวังพึ่งคนเหล่านี้ได้หรือไม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในข้อเท็จจริงคนพวกนี้ทำอะไรให้ภาพพจน์ของทักษิณดูดีขึ้นบ้าง คำตอบก็คือ ก็เปล่าเลย ในเมื่อความเป็นจริงของ “ขบวนการทักษิณ” มี ที่มา ที่ไป แบบนี้แล้ว คนที่เป็นทุกข์ที่สุดก็คือ ตัวนายทักษิณเอง จริงมั๊ย
ระหว่างลมปากของ “ไอ้ปื๊ด” กับคำแนะนำของ ท่านปุระชัย ที่ห่วงใยในฐานะกัลยาณมิตร นายทักษิณ น่าที่จะพิจารณาด้วยความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อความสงบสุขในบั้นปลายชีวิตที่จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา กับลูก กับหลาน ว่า ควรที่จะเชื่อใคร
หวังว่า ทักษิณ คงเกิดดวงตาเห็นธรรมขึ้นมาบ้าง ในฐานะที่เคยได้รับรางวัล “เกียรติยศจักรดาว” อย่าทำให้คุณค่าของรางวัลนี้ต้องสูญเสียไป เพราะฉะนั้น ณ เวลานี้ ถึงเวลาแล้ว ที่ นายทักษิณจะเลือกทางเดินในชีวิต ว่าจะยึดมั่นใน หลักการแห่งความถูกต้อง และเกียรติยศ ตามที่กัลยาณมิตรหลายคนแนะนำด้วยความหวังดี หรือ จะยอมเป็นเหยื่อแห่งความโลภทางการเมืองแบบไม่รู้จักพอ จนกลายเป็นคนอมทุกข์แบบทุกวันนี้ อย่าวิ่งหนีความจริงอยู่เลย ยอมจำนนเสียเถอะ และความสุขที่มาจากความพอเพียงจะบังเกิดขึ้นเอง …แต่ถามว่า ทักษิณกล้าหรือไม่ เท่านั้น หรือ เอาแต่เกรงใจ ไอ้ปี๊ด หรือ สมคบคิดกับพวกไอ้ปื๊ด
ความหวังของทักษิณในขณะนี้ คงขึ้นอยู่กับ พวกเนติบริกร ที่กำลังหาวิธีการที่จะล้มล้างผลพวงจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อคืนสถานภาพทางการเมืองให้นายทักษิณ ….อย่างนี้ มันคงยุ่งตายห่า อีกแน่นอน แล้วเมื่อไหร่ นายทักษิณถึงจะมีความสุขจริงๆ เสียที ถ้าเชื่อแต่ ไอ้ปื๊ด จะมีอะไรดีไปสอนหลานล่ะครับ… คุณตาแม้ว !

พรรคประชาธิปปัตย์เรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเว็บหมิ่น, หากแก้ไม่ได้ให้แบน Facebook และ YouTube

พรรคประชาธิปปัตย์จัดแถลงข่าวว่าทางพรรคจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงไอซีที ให้จัดการเว็บหมิ่นอย่างจริงจัง โดยต้องกำหนดกรอบเวลา, ประสานความร่วมมือกับเจ้าของเว็บในต่างประเทศ, ประสานผู้นำประเทศต่างๆ เรียกผู้ให้บริการมาเจรจา, และสุดท้ายคือการแบนทั้งเว็บ
พร้อมกันนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังได้เปิดหน้า Facebook "Fight Bad Web" และเปิดอีเมล FightBadWeb@gmail.com เพื่อรับเรื่องร้องเรียนการทำความผิดตามพรบ. คอมฯ
คนที่ขึ้นแถลง ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์คือ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีไอซีทีในรัฐบาลที่แล้ว ผู้อ่าน Blognone อาจจะจำกันได้จากการออกแถลง การของเธอ ที่ระบุว่ารัฐบาลควรให้โอกาสกสท. ทำ 3G, ประชาธิปัตย์บล็อกเว็บถึง 25 เท่าของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน, และบรอดแบนด์แห่งชาตินั้นสำเร็จแล้ว
หลังการแถลง น.ส.มัลลิกา ยังทวีตอีกสิบข้อความอธิบายการแถลง และขอให้การสื่อสารทำให้ครบถ้วนทั้งสิบข้อความ ผมได้คัดลอกทั้งสิบข้อความไว้ท้ายข่าวแล้ว
จุดสังเกตุในเรื่องนี้คือการที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ประชาชนที่ พบเว็บหมิ่นแล้วแจ้งไปนังรัฐบาลแล้วไม่ได้รับการแก้ปัญหาทันท่วงที ให้แจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์แทน น่าสนใจว่าการกระทำเช่นนี้จะทำได้หรือไม่ในทางกฏหมาย เพราะการส่งข้อความที่ผิดกฏหมายแม้จะส่งไปยังตัวบุคคลนั้นก็ผิดกฏหมายได้ เช่นคดีของนายอำพลที่หมายเลข IMEI เป็นหมายเลข IMEI ที่ใช้ส่งข้อความหมิ่นไปยังนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีนั้นนายสมเกียรติแจ้งดำเนินคดี แม้จะเป็นการส่งข้อความมายังเลขหมายของเขาโดยตรงจนคดีมีการพิพากษาจำคุก 20 ปีไปแล้ว การส่งอีเมลแจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่น่าจะได้รับการยกเว้นใดตาม กฏหมาย เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ที่มา - ประชาไท, มติชน
คำแถลง 10 ข้อของ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกุล
  1. การใช้มาตรการแต่ละระดับ คือกลยุทธ์ผู้นำในการจริงจังต่อการแก้ไขปัญหา การแก้ไขปัญหาเว็บหมิ่นต้องรู้ต้นตอแห่งปัญหาต้นตอมีแค่ 2 อย่าง - @MallikaBoon
  2. ต้นตอ2อย่างคือ คนตั้งใจทำลายกับช่องทางการใช้ทำลาย เมื่อเจอตอเจอเชื้อโรคแล้วก็ต้องหายามารักษาหรือหามาตรการมาแต่ละระดับ - @MallikaBoon
  3. การเป็นผู้นำคนผู้นำประเทศต้องใช้ทักษะเป็นกลยุทธเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย ขอแค่คุณตั้งเป้าหมายไว้หรือยัง?มีเป้าหมายหรือไม่ว่าจะขจัดปัญหา - @MallikaBoon
  4. ถ้าเป้ามายคือการขจัดออกให้สำเร็จ คุณต้องกำหนดกรอบและระยะเวลาเพื่อคนทำงานซึ่งคือราชการจะได้เดินหน้าตามเป้าหมายในคำสั่งนั้น! - @MallikaBoon
  5. ไล่ตั้งแต่สืบค้น ตรวจจับ ส่งสำนวนสู่ศาล นี่สำหรับบุคคลกระทำผิด!ส่วนผู้ให้บริการ(บริษัท)เว็บนั้นๆต้องเชิญมาประชุม ขอความร่วมมือและเซนเซอร์ - @MallikaBoon
  6. หากผู้ให้บริการขาดจริยธรรมปล่อยให้เพจหรือURLของคุณละเมิดและผิดกติกา กับกฎหมายก็ส่งหลักฐานเสนอชั้นศาลปิดไป อยู่ในสังคมก็ต้องเคารพกติก - @MallikaBoon
  7. ทีนี้สำหรับกรณีที่ผู้นำหมดปัญญา นั่นคืออ้างว่ามันยากเพราะเจ้าของเว็บอยู่ต่างประเทศซึ่งหมายถึงยูทรูปกับ เฟสบุคที่ระบาดหนักช่วง3เดือนนี้ - @MallikaBoon
  8. เช่นนั้นแล้วมาตรการคือ ผู้นำต้องประสานผู้นำประเทศเขาแล้วเอาผู้ให้บริการประเทศนั้นเข้ามาร่วมองค์ เจรจา ขอความร่วมมือระหว่างกันให้เหตุผลไป - @MallikaBoon
  9. มันยากและไม่สำเร็จใช่ไหม? ก็มาตรการสุดท้ายให้ยาแรงคือมาตรการต่อรองแลกเปลี่ยนก่อนการยื่นจาก force แล้วไม่จบจึง ban ผู้นำต้องคิด - @MallikaBoon
  10. อย่าดัดจริต ถ้าคิดจะเด็ดขาด!! ขบวนการทำลายไปไกลขนาดใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีจนฝรั่งงง! อย่าเอ่ยคำว่า"รักท่าน"แล้วใช้คำว่า"ยาก" !! - @MallikaBoon

( รู้ทันเพทุบายทักษิณฯ )

ขออนุญาตนำมา 2 ท่านนะครับ จะรวมให้ต่อเนื่อง ก็ งงมากครับ ขอแบบนี้ละกันครับ

    

           กดมุมซ้ายของคลิปตรงคำว่า video  เพื่อขยายภาพนะครับ 



MusicPlaylistView Profile
Create a MySpace Music Playlist at MixPod.com





MusicPlaylistView Profile
Create a MySpace Playlist at MixPod.com
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง