บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ธ ทรงเป็นดั่งดวงใจไทยทั้งชาติ

อัญชะลี ไพรีรัก

ชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่เป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9  แห่งราชวงศ์จักรี ล้วนแล้วแต่มีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั่นคือความจงรักภักดีต่อพ่อผู้ยิ่งใหญ่ของเราอย่างหาที่สุดไม่ได้
        คน รุ่นปู่ย่าตายายหรือรุ่นพ่อแม่ของดิฉันต่างเกิดและเติบโตมากับพระจริยวัตร อันงดงามของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน นับตั้งแต่พระองค์ยังทรงเป็นพระอนุชาองค์น้อยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 จวบจนกระทั้งพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงตั่งมั่น อยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงบำบัดทุกข์สุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์อย่างมิเคยย่อท้อตราบจนถึง ปัจจุบันนี้
        ดิฉัน เกิดมาบนแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เติบโตมากับข่าวในพระราชสำนักที่ฉายภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ สมัยเด็กฯ ข่าวในพระราชสำนักจะเป็นเหมือนนาฬิกาบอกโมงยามกับเราว่าจบข่าวแล้วต้องเข้า นอน แต่เมื่อเราโตขึ้นพอสองทุ่มปุ๊ป ดิฉันกับเพื่อนๆจะหยุดพูด หยุดโทรศัพท์ หยุดทำงาน แล้วบอกกันว่าเดี๋ยวค่อยมาต่อกันใหม่น่ะ เราไปเฝ้าฯพระเจ้าอยู่หัวทรงโทรทัศน์กันก่อน รุ่นพี่คนหนึ่งเป็นผู้นำในการยกมือไหว้พระเจ้าอยู่หัวทางทีวีทุกครั้งที่มี ข่าวในพระราชสำนัก นี่จึงเป็นสิ่งที่ปฎิบัติกันมาโดยตลอดในครอบครัว และในกลุ่มเพื่อนผู้ใกล้ชิดของดิฉัน
        ตอน เด็กๆเราถูกสอนให้รักพระเจ้าอยู่หัวเราเห็นหนังสือเรียนมีเรื่องราวเกี่ยว กับพระองค์ท่าน เห็นปฎิทินในบ้านเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวปีแล้วปีเล่า เห็นภาพพระองค์ท่านทรงประกอบพระราชกรณียกิจอย่างมิเคยว่างเว้น ภาพต่างๆ เหล่านี้จำจดจาร ลงในดวงตาและดวงใจของเรา แม้ จะยังไม่รู้เรื่องราวที่เราซึมซับมานั้นจริงแท้แค่ไหน แต่ดิฉันคิดว่าเป็นพื้นฐานที่ดีมาก เพราะเมื่อเราเติบโตออกจากห้องเรียนสู่โลกกว้าง เราจึงได้ค้นพบด้วยตัวเองว่าสิ่งที่ถูกสั่งสอนให้จดจำมาตลอดชีวิตนั้นเป็น เรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ เราได้พบว่าพระเจ้าอยู่หัวคือเทพเจ้าที่มีตัวตนอยู่จริงและสัมผัสได้ เราไม่สามารถเอื้อมมือไปสัมผัสพระองค์ท่านได้ก็จริง แต่เราสามารถเอื้อมหัวใจของเราไปสัมผัสพระองค์ท่านได้แนบแน่นกว่ามือเสียอีก สัมผัสได้จากอะไรรู้ไหมคะ จากพระราชกรณียกิจ จากพระบรมราโชวาท และจากสิ่งที่พระองค์ทรงทำมาตลอดรัชสมัยของพระองค์
        นับ ตั้งแต่ทรงย่างพระบาทก้าวแรกกลับสู่แผ่นดินสยาม ดิฉันถือว่าเป็นบุญอันมหาศาลของบ้านเมืองเรา คิดดูนะคะว่าในยามนั้นถ้าพระองค์ท่านไม่เสด็จฯกลับมาก็ย่อมได้และจะไม่มีใคร ตำหนิได้เลย เพราะลมการเมืองในยุคสมัยนั้นเปลี่ยนแปลงและผันผวนแรงมากแต่พระองค์ทรง ตัดสินพระราชหฤทัยอย่างแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว ในวันนั้นครอบครัวเล็กๆจากเมืองโลซานน์กลับมายังแผ่นดินสยามแล้วไม่ได้กลับ มาเป็นเทพสมมุติผู้จุติอวตารลงมาด้วย แต่ กลับมาเป็นปุถุชนคนหนึ่งที่ทรงงานเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนภายใต้ เงื่อนไขที่ว่า ถ้าหากประชาชนไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งประชาชนได้อย่างไร นี่เป็นดั่งพันธสัญญาที่ผูกพันระหว่างพสกนิกรชาวไทยกับพระเจ้าอยู่หัว
        ใน ความคิดของดิฉัน พระเจ้าอยู่หัวทรงเปรียบเสมือนเอ็นจีโอ ทรงเป็นนักสังคมสงเคราะห์ผู้ยิ่งใหญ่ แทนที่จะเสวยสุขส่วนพระองค์เหมือนพระราชาในเทพนิยาย พระองค์ทรงดั้นด้นไปหาประชาชน  เพราะทรงตระหนักรู้ว่าประเทศของพระองค์ยังต้องการการเยียวยาและพัฒนา ขณะ ที่ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่อยู่ภายใต้รอยต่อของการเปลี่ยนแปลงและการเมือง ที่ยุ่งเหยิง แต่ทรงเอาชนะใจประชาชนทุกคน ทรงเอาชนะใจรัฐบาลทุกรัฐบาล ทรงเอาชนะประเทศไทยทั้งประเทศมาโดยตลอด
        ใน หลายประเทศเราจะเห็นว่าลมของโลกาภิวัฒน์หมุนแรงจนทำใหพระมหากษัตริย์บาง พระองค์จำเป็นต้องวางมงกุฎไว้แล้วเดินจากไป ทิ้งให้พระบรมมหาราชวังกลายเป็นเพียงพิพิธภัณฑ์  และ ระบอบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลายเป็นเพียงตำนาน แต่พอหันกลับมามองเมืองไทย เราจะเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำพาคนไทยทั้งประเทศเดินฝ่าวิกฤติการเมือง เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการถั่งโถมของวัฒนธรรมต่างๆ ที่ดาหน้าเข้ามาในประเทศไทยได้นาน 60 กว่าปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะบารมีอันแผ่ไพศาลของพระองค์ท่าน ดิฉันไม่รู้ว่าเราจะเป็นอย่างไรกันแล้ว
        ย่อมไม่มีใครปฎิเสธได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงทำทุกอย่างเพื่อเราทุกคน มานานหนักหนาแล้ว พระองค่ทานจึงได้ทรงเปลี่ยนจากพระเจ้าแผ่นดินมาสู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาทรงเป็นพระเจ้าอยู่หัว  ในหลวง พ่อหลวงและพ่อของแผ่นดินในที่สุด  วิวัฒนาการ ที่ดิฉันกล่าวมานี้ได้ลดช่องว่างระหว่างข้ารับใช้กับเจ้านาย และฟ้ากับดินมาเป็นพ่อของลูกทั้งแผ่นดิน คิดดูสิคะว่าทรงทำได้ในช่วงรัชสมัยที่พระองค์ทรงครองราชย์
ใน สมัยโบราณประชาชนไม่สามารถเงยหน้ามองพระเจ้าแผ่นดินได้ เพราะเราต่ำต้อยเป็นเพียงเศษฝุ่นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงเป็นผู้นำมาซึ่งการปฎิวัติมุมมองที่ไพร่ ฟ้าทั่วราชอาณาจักรเคยเห็นว่าพระมหากษัตริย์เป็นดั่งสมมุติเทพทรงทำให้ ประชาชนชาวไทยทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนสักแค่ไหน ได้รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นพสกนิกรของในหลวง กลายเป็นเพื่อนร่วมชาติและกลายเป็นลูกของพระองค์ท่าน
พระ เจ้าอยู่หัวทรงทำได้อย่างไร ทำได้ด้วยการเสด็จฯ ออกจากพระบรมมหาราชวังไปยังท้องถิ่นทุรกันดารเหนือจรดใต้ ทุกแดนดินถิ่นสยามไม่มีใครเลยที่ไม่เคยเห็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาเยี่ยมเยี่ยน แล้วเสด็จฯมาแบบไหนรู้ไหม มาด้วยรถจิ๊ปเขอระฝุ่น มากับพระราชินีที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาเราเห็นพระราชินีเราจึงรู้สึกเย็นจับใจ เวลาเราเห็นพระเจ้าอยู่หัวเราจึงรู้สึกเหมือนมีที่พึ่ง อย่างที่เรียกว่าเย็นศิระเพราะพระบริบาล ที่ใดมีทุกข์ที่นั่นมีพระ เจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปดับทุกข์ พระองค์ทรงมีแต่ให้ขณะที่นักการเมืองผู้ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินกลับ โกงบ้านกินเมืองและไม่เคยช่วยเหลืออะไรราษฎรเลย
อีกสิ่งหนึ่งมีค่ามากมายมหาศาลซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้แก่ชาวไทยทุกคนคือพระบรมราโชวาทของพระองค์ ในสมัยเด็กๆ ทุกวันที่  4 ธันวาคม เวลารับฟังกระแสพระราชดำรัสเราอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด จนกระทั่งเมื่อโตขึ้นดิฉันจึงเข้าใจว่าคำสอนของพ่อนั้นแฝงไว้ด้วยปรัชญาอัน ลึกซึ้ง หากเรานำมาตีความผ่านยุคสมัยและเอาสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่เข้ามาจับ ต้อง เราจะเห็นว่าทุกพระบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัวนั้นเต็มไปด้วยความรักและ ความปรารถณาดีจากพ่อถึงลูก รวมทั้งเต็มไปด้วยหลักแห่งการพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
พระ บรมราโชวาทที่ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก และคิดว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่ทุกคนจะน้อมนำมาปฎิบัติคือพระบรมราโชวาทเกี่ยว กับเรื่องคนดีที่ว่า ใน บ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ พระ เจ้าอยู่หัวของเราทรงเป็นนักปราชญ์โดยแท้ หากเราลองวิเคราะห์ให้เข้ากับสถานการณ์ ดิฉันเข้าใจความหมายว่าการควบคุมคนไม่ดีนั้น ต้องควบคุมด้วยกฎหมาย ถ้าสังคมใดที่กฎหมายไม่เข้มแข็งก็จะเกิดปัญหาตามมามากมาย
ดัง นั้น สังคมจึงต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะบ้านเมืองเกิดจากทุกสิ่งทุกอย่างรวมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในหน่วยอณูใดของสังคมทุกคนก็สามารถทำหน้าที่ปกครองบ้านเมืองได้ ถ้าเราได้ผู้นำครอบครัวที่ดีลูกหลานก็ดี ถ้าเราได้ผู้ใหญ่บ้านที่ดีชุมชนก็เข้มแข็ง ถ้าเราได้นายกรัฐมนตรีที่ดีบ้านเมืองก็เจริญสถาพร เมื่อทุกอณูเล็กๆที่เข้มแข็งในสังคมมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว  บ้าน เมืองของเราจะก้าวไปได้ไกล เพียงแต่ว่าทุกคนในสังคมต้องช่วยกันแยกแยะว่าใครคือคนดีด้วยมาตรฐานทาง จริยธรรม เห็นไหมว่าหากเราทำตามคำสอนของพระองค์ท่าน บ้านเมืองของเราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ และพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่เคยรับสั่งว่าทุกพระบรมราโชวาทของพระองค์เราทุกคน ต้องปฎิบัติตาม พระองค์เพียงทรงชี้แนะแนวทาง และทรงเป็นแบบอย่างที่น่าเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งจะหาองค์พระประมุขผู้เปี่ยมทั้งพระปัญญาและพระเมตตาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว บนโลกนี้
บัด นี้บ้านเมืองเจริญมาไกลถึงยุคที่สังคมวิเคราะห์วิจารณ์กันว่า พระเจ้าอยู่หัวกับสังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปด้วยสถานะอย่างไร ดิฉันบอกเลยว่าไม่ต้องถกเถียง ไม่ต้องถามต่อไปอีกแล้ว แค่หยุดแล้วมองย้อนกลับไป สิ่งเดียวที่ตกผลึกในหัวใจของดิฉันคือคำว่า ตายได้เพื่อพระเจ้าอยู่หัวเพราะ ดิฉันไม่เคยเห็น ใครทุ่มเทให้กับประเทศของตัวเองมากเท่ากับพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยเห็นใครรักชาติมากเท่ากับพระเจ้าอยู่หัว ถ้าไม่ทรงเข้มแข็ง ไม่ทรงมีขัตติยะ ไม่ทรงมีทศพิธราชธรรม พระองค์คงไม่ดำรงอยู่มาตราบทุกวันนี้หรอกค่ะ
ดิฉันอยากจะขอฝากให้สังคมพินิจพิเคราะห์พระองค์ท่านในทุกมิติ  อยาก ให้ศึกษาถึงมหาบุรุษพระองค์หนึ่งซึ่งเสด็จฯโดยรถจี๊ป พระหัตถ์ข้างหนึ่งถือแผนที่ อีกข้างหนึ่งถือดินสอ สะพายกล้อง ทรงฉลองพระบาทผ้าใบ ฉลองพระองค์เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ไม่สิ้นสุด  อย่าศึกษาพระองค์ท่าน ตามคำบอกเล่าหรือคำสั่งสอน แต่ให้ศึกษาจากพระราชกรณียกิจซึ่งเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ ผู้ใหญ่ยิ่งที่สุดในแดนสยาม
ถ้า ได้ศึกษาแม้เพียงสักนิด เราจะรู้ได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงอยู่ในดวงใจ แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นดวงใจของคนไทยทั้งชาติ และนั่นคือคำตอบว่าทำไมเราถึงรักพระเจ้าอยู่หัว

ขอขอบคุณ Lips magazine

คลิปชนคลิป! ประชา-อภิสิทธิ์ มี“ขงเบ้ง“ปล่อยน้ำทำลายข้าศึกจริงหรือเปล่า?



ฟัง"ประชา"บอกเป็นแผน"ขงเบ้ง"ปล่อยน้ำมาทำร้ายข้าศึกหรือเปล่า?



"อภิสิทธิ์" โต้เป็นการสร้างนิยาย"ขงเบ้ง" บอกจะหาทางแก้ตัว ปัดความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้


เปิด 6 สูตรนิรโทษ คดีการเมือง ล้างผิดทักษิณ



ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่จบลงง่าย หลังจากเกิดความเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบคัดค้านการออกกฎหมายให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพ้นผิด
เมื่อปรากฎข่าวว่า ครม.ยิ่งลักษณ์ ได้พยายามช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ  โดยเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้กระทำความผิดเนื่อง ในวโรกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.54  โดยตัดฐานความผิดกรณีผู้ต้องหาในคดียาเสพติด และคดีทุจริตออกไป เปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถูกศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาจำคุกในคดีทุจริตที่ดินรัชดา 2 ปี ได้รับสิทธิ์พ่วงขอพระราชทานอภัยโทษด้วย
พลังของกลุ่มต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งม็อบเสื้อเหลือง กลุ่มเสื้อหลากสี  กลุ่มสยามสามัคคี   ที่ฝ่ายเพื่อไทยบอกว่า เป็น “ขาประจำ” แต่ด้วยเหตุผลคัดค้านเดียวกัน คือ  การแก้ไขพรฎ.ครั้งนี้ล็อคเสปคให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และร่างพรฎ.ที่ส่งให้กฤษฎีกาเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าก็ต่างจากเนื้อหาในพรฎ.พระ ราชทานอภัยโทษในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐบาลสุรยุทธ์ รวมถึงรัฐบาลทักษิณ ที่ยึดเนื้อหาเดียวกัน          
แต่รัฐบาลชิงตัดไฟแต่ต้นลม เมื่อเห็นกระแสคัดค้านถักทอเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทั้งม็อบพันธมิตรที่สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศชุมนุมใหญ่หน้าสำนักงานกฤษฎีกา กลุ่มเสื้อหลากสี กลุ่มอาสาปกป้องแผ่นดินเข้าชื่อถอดถอน ครม.ทั้งคณะ  และยื่นเรื่องคัดค้านพรฎ.ต่อสำนักงานองคมนตรี รวมถึงจัดเสวนากึ่งปราศรัยที่สวนลุมพินี ซึ่งเป็นพื้นที่จุดเริ่มเมื่อครั้งขับไล่รัฐบาลทักษิณปี 2548
จนที่สุด  พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องออกแถลงการณ์ว่า ไม่ขอรับประโยชน์ใดๆ จากพรฎ.ฉบับนี้ และเชื่อว่า รัฐบาลจะเข้าใจเจตนาดี   ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่รับบทประธานในที่ประชุมครม.ลับ ออกมารับลูกว่า พรฎ.พระราชทานอภัยโทษไม่ได้เอื้อประโยชน์พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมสำทับว่า ไม่มีการแก้ไข ทุกตัวอักษรของร่างพรฎ.ฉบับนี้ เหมือนฉบับที่ผ่านมาสรุป ความพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังรัฐบาลทำงานได้เพียง 3 เดือน ท่ามกลางปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น  ไม่สำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศอีกครั้งว่า จะยังไม่กลับไทยจะมาก็ต่อเมื่อ  ความปรองดองเกิดขึ้น  และไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้เกิดความ  ขัดแย้ง อยากเป็นคนช่วยแก้ปัญหามากกว่า         
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของรัฐบาลเพื่อไทยได้ประกาศตั้งแต่หาเสียงแล้วว่า  จะแก้กฎหมายคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้ถูกรังแกจากการปฏิวัติ  และจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ  ดังนั้น เมื่อเป็นรัฐบาล จึงเดินหน้าผลักดันการนิรโทษกรรมล้างโทษความผิดในเหตุการณ์การชุมนุมตั้งแต่ หลังปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549  โดยรวมคดีทุจริตที่เกี่ยวพันพ.ต.ท.ทักษิณและรัฐมนตรีในยุครัฐบาลเพื่อไทย
ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า จะให้มีการออกพรบ.นิรโทษกรรมล้างไพ่ใหม่ทุกคดีเพื่อหยุดความขัดแย้ง สร้างความปรองดองของคนในชาติ         

หากดูช่องทางในการล้างโทษ เคลียร์คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่หลายลู่ทาง

1. พรฎ.พระราชทานอภัยโทษ แม้แนวทางนี้จะปิดตายแล้ว แต่ในปี 2555 ยังมีวโรกาสสำคัญ ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 80  พรรษาในวันที่ 12 ส.ค.  จึงต้องติดว่า จะมีการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนักโทษชั้นดีในวโรกาสนี้หรือไม่ และจะมีความพยายามแก้ไขพรฎ.พระราชทานอภัยโทษเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พ.ต. ท.ทักษิณ อีกหรือไม่เช่นกัน
2. การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมวลชนกลุ่มเสื้อแดงจำนวน  3.6 ล้านคนที่ ได้ยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการเมื่อเดือน ส.ค.ปี 2553  รัฐบาลเพื่อไทยได้ตั้งคณะทำงานกลั่นกรองและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้โดยมี นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง เป็นประธาน แต่ไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน
3.  การออกพรบ.นิรโทษกรรม วิธีนี้จะต้องผ่านความเห็น ชอบในกลไกรัฐสภา โดยที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎร และ ที่ประชุมวุฒิสภา เริ่มด้วยฝ่ายรัฐบาลต้องเสนอร่างเข้าที่ประชุมครม. คาดว่าจะเริ่มในปีหน้า 2555 จากนั้นส่งให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบซึ่งต้องอยูในช่วงเปิดสมัยประชุมนัดหน้า ระหว่างวันที่  21 ธ.ค. 18 เม.ย.
ขั้นตอนการออกกฎหมายฉบับนี้ต้องเมื่อสภารับหลักการให้ความเห็นชอบ  ต้องตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นพิจารณาและส่งให้สภาเห็นชอบอีกครั้ง  จากนั้นต้องเข้าที่ประชุมวุฒิสภา ตั้งคณะกรรมาธิการมาพิจารณา  ทั้ง สองสภาอาจต้องใช้เวลาพิจารณาหลายเดือนคาดว่า ระหว่าง 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์  ความร้อนแรงทางการเมืองและแรงขับของรัฐบาลขณะนั้น  เนื่องจากร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยังเป็นปมที่กลุ่มต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณ เดินหน้าค้านที่อาจจุดม็อบเดือดขึ้นมาอีกครั้ง
และถึงแม้ว่า รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาฯ แต่ชั้นในวุฒิสภา รัฐบาลไม่สามารถคุมสียง ส.ว. ได้ถนัดมือ  อย่างไรก็ตาม หลักการตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดนั้น วุฒิสภาแก้ไขได้เพียงเล็กน้อย ถ้าแก้มาก สภาผู้แทนฯมีสิทธิ์ยืนยันกลับไป ใช้ร่างแรกที่เสนอโดยรัฐบาล
หันมาดูเนื้อหาที่รัฐบาลเพื่อไทยต้องการนิรโทษกรรมตามที่เคยประกาศไว้ คือ คดีการเมืองตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เป็นต้นมาทั้งการชุมนุมของเสื้อเหลืองที่ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน  ฝ่ายเสื้อแดงกับคดีฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน คดีหมิ่นสถาบัน คดีก่อการร้าย ฯลฯ  รวมถึงคดีทุจริตที่คณะรัฐประหารได้แต่งตั้ง คตส. มาตรวจสอบความผิดซึ่งคดีที่ศาลฎีกานักการเมือง ตัดสินไปแล้วคือ คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาโดยให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี คดีหวยบนดินตัดสินจำคุก นายวราเทพ รัตนากร อดีตรมช.คลัง  รวมถึงอดีต ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งฯ และอดีตประธานบอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งฯ  2 ปี แต่ให้รอลงอาญา ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ ศาลจำหน่ายคดีออกไปชั่วคราว เพราะหลบหนี
4. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ  รัฐบาลกำหนดว่า ต้นปีหน้าจะเริ่มกระบวนการแก้ไขได้โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา แต่จะทำสองขยัก คือ แก้มาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญเพื่อออกแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) สองส่วนรวม 99 คน  คือ สสร.จังหวัดที่จากการเลือกตั้ง กับ สสร. สายวิชาการ คาดว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 6-8 เดือน  เมื่อร่างเสร็จ จะทำประชามติถามความเห็นประชาชนจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่  ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถเขียนบทนิรโทษกรรมล้างความผิดในบทเฉพาะกาลได้
5. ข้อเสนอของคณะกรรมการกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวกับการปรองดองที่จะออกมาพร้อมๆ กันในช่วงกลางปีหน้าเป็นต้นไป จะมีน้ำหนักต่อการผลักดันให้เกิดการนิรโทษกรรมและการปรองดอง
โดยเฉพาะคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)ที่เสนอให้ หยุดคดีแกนนำเสื้อเหลืองและเสื้อแดง และปล่อยตัวผู้ต้องหาทางการเมือง โดยให้หน่วยงานที่ฟ้องคดีคือ อัยการหรือตำรวจถอนคดีออกจากศาล  ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยเห็นด้วยทุกประการ
อีกคณะคือ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน สส.พรรคมาตุภูมิ อดีตผู้นำการรัฐประหารขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธาน
รายงานข่าวจากสื่อระบุว่า กมธ.ชุดนี้ที่ประกอบทุกพรรคการเมือง แต่ส่วนใหญ่เป็นพรรคเพื่อไทยจะเสนอให้มีการนิรโทษกรรมยกแผงทั้งคดีการเมือง และคดีทุจริต แต่กมธ.ไม่มีอำนาจสั่งการ  ทำได้ก็เพียงเสนอความเห็นต่อสาธารณะ
อีกหนึ่งคณะที่รัฐบาลได้แต่งตั้ง คือ คณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มี ศ.อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน   มีหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ ข้อเสนอแนะต่างๆในการใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม โดยต้องรายงานรัฐบาลทราบทุก 6 เดือน
ศ.อุกฤษออกแถลงการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า แม้ไม่สามารถตั้งกรรมการได้ เพราะติดปัญหาน้ำท่วม แต่จะเดินหน้าทำงานหลังน้ำลดแน่นอน  โดยจะให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมและเลี่ยง “ความยุติธรรมสองมาตรฐาน” รวมทั้งให้ความเห็นในการเตรียมออกกฎหมาย เพื่อใช้บังคับแก่ประชาชน
ขณะเดียวกัน  ในปีหน้าเมื่อเริ่มเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้ง   ที่ประชุมสภาจะลงมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาข้อเสนอลบล้างผลพวงของการ ทำรัฐประหาร 19 ก.ย. จากคณาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ ตามที่ แกนนำเสื้อแดง   นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วนคาไว้   นายก่อแก้ว บอกว่า จุดประสงค์ที่เสนอเพื่อต้องการปกป้องประชาธิปไตย  และให้ยกประโยชน์กับกลุ่มต่างๆ หลังเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 โดยอาจรวมถึงการนิรโทษกรรมของผู้ที่ถูกยึดอำนาจ  ที่สำคัญต้องให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวด้วย
ทั้งสามคณะ คอป. คอ.นธ. และกมธ.นิติราษฎร์ จะมีผลสรุปออกมาที่ใกล้เคียงกัน คาดว่าจะมีรายงานออกมาได้ประมาณกลางปีหน้าจนถึงสิ้นปี 2555 เป็นต้นไป ซึ่งประจวบเหมาะในช่วงแก้ไขรัฐธรรมนูญ
6. หากพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับไทยเพื่อมารับโทษจำคุก 2 ปีหลัง จากเดินทางหนีออกนอกประเทศไป ก็ง่ายต่อการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะได้รับความเห็นใจจากสังคมว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็กลับมารับโทษแล้วแม้อาจไม่ครบ 2 ปีก็ตามก็น่าจะนิรโทษกรรมกันได้


  เขียนโดย isranews
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง