เจาะลึกงบการเงิน หจก. 5 แห่งปริศนา“จตุพร-พวก”
กำไรแค่หลักร้อยถึงพันบาท ใจปล้ำปล่อยกู้พรวด 23.7
ล้านเกือบเท่าทุนจดทะเบียน ทั้งที่เพิ่งก่อตั้ง แถมค้างจ่าย ค่าสอบบัญชี -
เงินสมทบประกันสังคม –ภาษีนิติบุคคลเพียบ
ผู้ตรวจสอบบัญชีระบุไม่พบหลักฐานใครลูกหนี้?
เงื่อนปมสำคัญกรณี
นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กับพวกคือ
นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และ
นายฐาปนา จินดากาญจน์
อดีตผู้มัครสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้ง
หจก. 5 แห่งรวด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2545 ได้แก่ 1.หจก.สยามเชนจ์
พอยท์ 2.หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี 3.หจก.ศรีหมวดเก้า 4.หจก.บุตรตะวัน และ5.
หจก. ศรีสมุย ลองสเตย์ รวมเงินลงทุน 25 ล้านบาท (เฉพาะนายจตุพร 8.6
ล้านบาท)
ทั้ง 5 แห่งมีที่ตั้งเลขที่เดียวกัน เลขที่ 69/12
อาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง ชั้น 12 โซนเอ ถนนวิภาวดีรังสิต สามเสนใน พญาไท
กรุงเทพฯ ต่อมา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)
ตรวจสอบพบว่า ที่ตั้งดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท จิบเสน
ดีเวลลอพเม้นท์ จำกัด ตั้งแต่ปี 2533 ก่อนจะถูกโอนไปที่ธนาคารทหารไทย
และโอนต่อไปที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ พญาไท ปี 2544
และถูกโอนต่อไปทีบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ปี
2546 และมหาวิทยาลัยมหิดล เข้าซื้อตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2546
และ หจก.ทั้ง 5 แห่งแจ้งเลิกกิจการพร้อมกันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)
ตรวจสอบงบดุลและงบการเงินของ หจก.ทั้ง 5 แห่งของนายจตุพรกับพวกพบว่า
ในรอบปี 2545 (ก่อนเลิกกิจการ) มีรายการ
“เงินให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือกิจการเกี่ยวข้อง” ถึง 23,700,000 บาท แบ่งเป็น
1.หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท
2.หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท
3.หจก.ศรีหมวดเก้า มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท
4.หจก.บุตรตะวัน มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,800,000 บาท
5.หจก.ศรีสมุย ลองสเตย์ มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท
ทั้งนี้ในรายการการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี คือ
นายปัญญา อุดมระติ หมายเลขผู้สอบบัญชี 2653 ระบุว่าการตรวจสอบงบดุลของ หจก.แต่ละแห่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 เหมือนกันว่า
“ข้าพเจ้าไม่สามารถหาหลักฐานจนเป็นที่พอใจที่แสดงยอดลูกหนี้ให้กู้ยืมระยะ
ยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งมีผลต่อฐานะการเงินของบริษัท”
หจก.ทั้ง 5 แห่ง ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี และจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี คือ
นายปัญญา อุดมระติ หมายเลขผู้สอบบัญชี 2653 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546 ปรากฏรายละเอียดดังนี้
1.หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ จดทะเบียนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท รับเหมาก่อสร้าง ถมดิน ขุดดิน ปรับหน้าดิน
ได้จดทะเบียนเลิกห้างซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่
4 กันยายน 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545
ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียดมีรายได้รวม
197,916.67 บาท มีรายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 198,191.00
บาท มีกำไร(ขาดทุน)สุทธิ -274.33 บาท
สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า
มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 71,691 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 197,916.67
บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 269,607.67 บาท
มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคล หรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,019,607.67 บาท
ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท
เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,882 บาท รวมหนี้สินหมุนเวียนอื่น 19,882 บาท
รวมหนี้สิน 19,882 บาท
ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นายสถาพร มณีรัตน์ 1,800,000 บาท
นายฐาปนา จินดากาญจน์ 1,600,000 บาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1,600,000 บาท
กำไร(ขาดทุน)สะสม -274.33 บาท รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 4,999,725.67 บาท
รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,019,607.67 บาท
2. หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี จดทะเบียนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ผลิตสื่อโฆษณา
ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่
25 ตุลาคม 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545
ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า
มีรายได้รวม 195,833.33 บาท มีรายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร
194,860 บาท กำไร (ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 973.33 บาท
ภาษีเงินได้นิติบุคคล 194.67 บาท กำไร(ขาดทุน) สุทธิ 778.66 บาท
สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า
มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 124,860 บาท ดอกเบี้ยค้างรับ 195,833.33
บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 320,693.33 บาท
มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท
รวมทรัพย์สิน 5,020,693.33 บาท
ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท
เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,720 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย
194.67 บาท รวมหนี้สิน 19,914.67 บาท
ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นายจตุพร พรหมพันธุ์ 4,000,000 บาท
นายสถาพร มณีรัตน์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม 778.66 บาท
รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,000,778.66 บาท
รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,020,698.33 บาท
3.หจก. ศรีหมวดเก้า จดทะเบียนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ขุดถ่านหิน ขุด ขนแร่ต่างๆ
ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่
24 ธันวาคม 2547 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 4 กันยายน
2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า
มีรายได้รวม 195,833.33 บาท มี
รายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 196,914 บาท
กำไร(ขาดทุน)สุทธิ -1,080.67 บาท
สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า
มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 122,914 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 195,833.33
บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 318,747.33 บาท
มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท
รวมสินทรัพย์ 5,018,747.33 บาท
ส่วนหนี้สิน พบว่า มี ค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท
เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,828 บาท รวมหนี้สิน 19,828 บาท
ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นาย สถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท นาย จตุพร
พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม -1,080.67 บาท
รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 4,998,919.33 บาท
รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,018,747.33 บาท
4. หจก.บุตรตะวัน จดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545
ทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการ ถมดิน ขุดปรับหน้าดิน ขายซื้อที่ดินทั้งหมด
และ ขนถ่ายขุดถ่านหิน แร่ต่างๆทำเหมืองแร่ทั้งหมด
ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่
24 ตุลาคม 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545
ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า มีรายได้รวม
200,000 บาท มี รายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 198,968 บาท
กำไร(ขาดทุน)ก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,032 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคล
206.40 บาท กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 825.60 บาท
สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า
มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 20,968 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 200,000 บาท
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 220,968 บาท
มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,800,000 บาท
รวมสินทรัพย์ 5,020,968 บาท
ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท
เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,936 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย
206.40 บาท รวมหนี้สิน 20,142.40 บาท
ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นายฐาปนา จินดากาญน์ 4,000,000 บาท นายจตุพร
พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม 825.60 บาท
รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,000,825.60 บาท
รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,020,968 บาท
5.หจก. ศรีสมุย ลองสเตย์ จดทะเบียนวันที่ 12
มีนาคม 2545 ทุน 5 ล้านบาท
ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแก่ชาวไทยและต่างชาติเพื่อเป็นสมาชิกประกอบ
ธุรกิจท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ประกอบกิจการอำนวยความสะดวกในการจองที่พัก
โรงแรม ในโครงการที่พักระยะยาว
และประกอบกิจการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนา
โครงการพัฒนาโครงการหมู่บ้าน
ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่
4 กันยายน 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545
ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า
มีรายได้รวม 178,125 บาท มี รายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร
176,860 บาท กำไร(ขาดทุน)ก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,265 บาท
ภาษีเงินได้นิติบุคคล 253 บาท กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 1,012 บาท
สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า
มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 92,860 บาทดอกเบี้ยค้างรับ 178,125
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 270,985 บาท
มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท
รวมสินทรัพย์ 5,020,985 บาท
ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท
เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,720 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 253
บาท รวมหนี้สิน 19,973 บาท
ส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน นาย สถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท
นาย จตุพร พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม 1,012 บาท
รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,001,012 บาท
รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,020,985 บาท
รวมเงินให้กู้ยืม 5 แห่ง 23,700,000 บาท
“ตู่-จตุพร”ฉุน “อิศรา” คุ้ยปมเงินลงทุนปริศนา 25 ล้านผ่าน หจก. 5 แห่ง
ปล่อยกู้พรวด 23.7 ล้านหลังก่อตั้งไม่กี่วัน “รูดซิป”ไม่ตอบข้อเท็จจริง
อัดนักข่าวบ้าเล่นไม่เลิก อย่าหลอกล่อถาม ยันแจ้งบัญชีทรัพย์สิน
ป.ป.ช.ครบถ้วนไม่มีปัญหา!!
กรณี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบ นายจตุพร
พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมกับ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน
พรรคเพื่อไทย และนายฐาปนา จินดากาญจน์
อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้ง
หจก. 5 แห่งรวด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2545 ได้แก่ 1.หจก.สยามเชนจ์
พอยท์ 2.หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี 3.หจก.ศรีหมวดเก้า 4.หจก.บุตรตะวัน และ5.
หจก. ศรีสมุย ลองสเตย์ รวมเงินลงทุน 25 ล้านบาท (เฉพาะนายจตุพร 8.6
ล้านบาท) และ หจก.ทั้ง 5 แห่งแจ้งเลิกกิจการพร้อมกันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม
2547
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)
ตรวจสอบงบดุลและงบการเงินของ หจก.ทั้ง 5 แห่งของนายจตุพรกับพวกพบว่า
ในรอบปี 2545 ก่อนเลิกกิจการ พบว่า มีรายการ
“เงินให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือกิจการเกี่ยวข้อง” ถึง 23,700,000 บาท
จากเงินทุนจัดตั้ง หจก.5 แห่ง รวมกัน 25,000,000 บาท
โดยไม่ปรากฏหลักฐานการกู้ยืมที่ชัดเจน
ในช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
หลังใช้ความพยายามในการติดต่อนายจตุพร ผ่านโทรศัพท์มือถือส่วนตัวหลายครั้ง
เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดให้สังคมได้รับทราบ
นายจตุพร ได้รับสายโทรศัพท์ ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวอิศรา
(www.isranews.org) โดยใช้เวลาพูดคุยกันนานถึง 7 นาที 12 วินาที
เพื่อตอบคำถาม ถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการจัดตั้ง หจก.ทั้ง 5 แห่ง
- ขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดตั้ง หจก. 5 แห่ง ในช่วงปี 2545
ผมไม่ตอบอะไร เป็นเรื่องเดิม ข่าวนี้ลงมาเป็นร้อยๆรอบแล้ว
แต่สำนักข่าวอิศราเอาข่าวนี้มาลงใหม่ ความจริงเป็นของที่ “มติชน”
ลงไปหลายรอบแล้ว ลงกันหลายฉบับนะ “ประชาชาติ” ก็ลงตามปกติ
ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย มันก็จบไปแล้ว
- ทำไม หจก. ทั้ง 5 แห่ง แจ้งเลิกกิจการอย่างรวดเร็ว จัดตั้งปี 2545 และเลิกกิจการปี 2547
ผมไม่ตอบ.. (หัวเราะ) เรื่องมันจบไปนานแล้ว ลองไปดูข่าวซิตอนนั้นนะ
มันเป็นข่าวไปแล้ว คือ เราไม่ฟื้นสิ่งที่พวกทีมที่ออกจากมติชนทำ ความจริง
เขาก็ทำลงใน มติชนอยู่ ..(หยุดนิดหนึ่ง) คือ มันไม่ใช่เรื่องใหม่
เพียงแต่พวกน้องเอามาลงใหม่ ในตอนที่ยึดอำนาจเรื่องนี้ก็เอามาลง
ต่างกรรมต่างวาระกัน พี่ว่าเรื่องนี้ลงเป็น 10 ครั้งแล้วมั่ง
- การจัดตั้ง หจก. ทั้ง 5 แห่ง ไม่ใช่เรื่องใหม่
ไม่ได้มีเรื่องอะไรใหม่ (เสียงแข็ง)
ไม่เชื่อลองไปเปิดเช็คเครื่องคอมพิวเตอร์ดูเลย พอเรามาจับใหม่
แล้วพี่ต้องตอบสิ่งที่มันลงไปแล้ว พี่ว่ามันไม่ใช่นะ
- มีการตั้งข้อสังเกตว่า คุณจตุพร เอาเงินไปตั้ง หจก. 8 ล้านกว่าบาท แต่เงินที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สินต่ำกว่า เงินส่วนนี้มันหายไปไหน
(หัวเราะ).. ก็มันจบไปแล้ว พี่ก็แจ้งไปแล้ว ทุกอย่างถือว่าแจ้งครบไปหมดแล้ว
- หมายถึงแจ้งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินไปหมดแล้ว
การแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ก็คือ
การแจ้งสิ่งที่มีอยู่จริงในช่วงที่แจ้ง (เน้นเสียง) ของเราก็ตรงไปตรงมา คือ
ถ้ามีปัญหาเขา (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ
ป.ป.ช. ) ก็ถลกหนังแดงเถือกอยู่แล้ว
แต่ว่าเรื่องนี้ เครือข่าย ที่แยกตัวออกมาจาก “มติชน” แล้ว
มาทำ “สำนักข่าวอิศรา” เขาเป็นคนเอาไปลงมติชนเอง
ลงประชาชาติเองไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร
- ยืนยันว่าการจัดตั้ง หจก. 5 แห่ง ไม่ใช่เรื่องใหม่
ลองไปดูซิ (เน้นเสียง) ลองไปเช็คในเน็ตดู พี่ก็ยังดูว่า ทำไมเอามาลง
ในสิ่งที่คณะนี้ เคยลงหลายรอบแล้ว แล้วเราต้องมาตอบสิ่งซ้ำๆซากๆ
มันเพื่ออะไร
- แต่การจัดตั้ง หจก. 5 แห่ง เป็นข้อมูลใหม่
มันจะใหม่อย่างไง.. (เสียงแข็ง)
- มีการตรวจพบว่า หจก.ทั้ง 5 แห่ง ปล่อยเงินกู้ให้กับหุ้นส่วนผู้จัดการเอง
(ถอนหายใจ) คือ มันจบไปแล้ว.. (ลากเสียงยาว) เราไปถามสิ่งที่มันลงไปแล้ว
คือ เจ้าตัวที่เอาข้อมูลนี่มาลง มาเปิดในสำนักข่าวอิศรา
ก็น่าจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่เคยเอาไปลงใน “มติชน” “ประชาชาติ” แล้ว
มันก็จบไปแล้วไม่มีอะไรไง
“ เราไปถามสิ่งที่จบแล้วได้ไง แล้วพี่ก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องมาตอบ
แล้วมันเรื่องอะไรที่ทางคณะเดิมที่ย้ายออกมาจากมติชน
แล้วก็มาทำสิ่งที่ทำไว้เดิม พอถึงเวลาก็มาเล่นที เราไม่ใช่ลูกไล่
ที่มันจะต้องมาชี้แจงทุกครั้ง มันเรื่องอะไรกัน”
- ยืนยันว่าการเปิด หจก. ทั้ง 5 แห่ง ไม่มีปัญหาอะไร
ไม่ใช่ยืนยันหรือไม่ยืนยัน (เสียงแข็ง) แต่มันไม่เข้าท่าไง คือ
ถ้าเป็นเรื่องของใหม่ก็พอว่า แต่นี่คณะนี้... เอามาเปิดหลายรอบแล้ว
เราอาจจะเพิ่งมาทำ ก็ลองไปดูในเน็ตก่อนแล้วค่อยว่ากัน
- กังวลเรื่องที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเข้ามาตรวจสอบหรือไหม
“มันจะกลัวอะไร (ลากเสียงยาว) ก็ยื่นมาไม่รู้กี่รอบแล้ว หมายถึงว่า
หนึ่งก็คือเรื่องนี้เปิดมาไม่รู้กี่รอบ เราก็แสดงบัญชี ป.ป.ช. หลายรอบแล้ว”
- หจก. ทั้ง 5 แห่ง ทำธุรกิจจริง หรือเปิดมาเฉยๆ
(หัวเราะ หึหึๆ )..ก็มันจบไปแล้ว เราไปถามสิ่งที่จบไปแล้ว
เราพูดไม่รู้เรื่องนะ...(เสียงแข็ง) คือหมายความว่า เรามาถาม ถามเพื่ออะไร
ถามในสิ่งที่คณะน้องบางคน เอาไปลงนสพ. ลงหลายรอบแล้ว อย่างที่พี่เล่าให้ฟัง
ก็ไปย้อนดูซิ ถ้ามันเป็นเรื่อง ปานนี้มีเรื่องไปแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ไง
“ก็คณะของน้องอ่ะ ลงมาตั้งแต่ยุคขับเคลื่อน ตั้งแต่ คมช.
(คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) ยึดอำนาจ ก็เปิดต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง
ถ้ามันผิดจริง ปานนี่ผมถูกถลกหนังแดงเถือกแล้ว”
“ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหม่ พี่ดูแล้วสำนักข่าวน้องที่ลง
ให้เขาคลิปปิ้งข่าวดูทุกวัน ไม่ได้มีอะไรใหม่
ฉะนั้นเราไม่ตอบสิ่งที่มันจบไปแล้ว และเรามาถามสิ่งที่มันจบไปแล้ว
มันไม่ถูก และโดยสำคัญที่สุด คนที่เอามาลง ก็เคยนำไปใช้ลงหนังสือพิมพ์
ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งอยู่แล้ว”
- แต่สำนักข่าวอิศราต้องการให้ยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้
มันเรื่องของน้อง ไม่ใช่เรื่องของพี่ (เสียงแข็ง) แต่เรื่องของพี่ก็คือ
เรื่องนี้มันจบไปแล้ว และทีมที่แยกตัวมาจากมติชน ก็เคยเอาไปลงมาหลายรอบแล้ว
มันจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ พี่ก็ไม่ได้ตื่นเต้น กับสิ่งที่ไม่ได้น่าตกใจอะไร
เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ลงต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งแล้ว
- แล้วเรื่องตึกอัลฟ่า บิลดิ้ง ชั้น 12 หจก.ทั้ง 5 แห่ง เข้าไปตั้งอยู่ได้อย่างไร
ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องตอบน้อง พี่บอกแล้วไงว่ามันจบไปแล้ว
เรามาถามวนแบบนี้ พี่ก็อายุมากพอสมควร
ไม่มีประโยชน์ที่น้องจะต้องมาใช้ลีลาอะไรกัน (เสียงดุ) แต่ว่านี่เตือนว่า
เราก็บอกเท่านี้ น้องก็น่าจะรู้แล้ว ไปเช็คดูในเน็ต ในที่กลุ่มของน้อง
แต่ไม่ใช่ว่าน้องจะใช้ความสามารถในการมาหลอกล่อถามมา มันไม่มีประโยชน์
“ที่พี่คุยด้วยอยู่นี่ เพื่อที่จะบอกว่า คณะที่ทำงานกับน้อง
เอาเรื่องนี้มาลงแล้วหลายรอบ ลงหนังสือพิมพ์ด้วย ไม่ใช่ลงในเว็บ เหมือนกัน
เนื้อหาเดียวกัน “มติชน” หน้าสองลงเต็มเลย ประชาชาติก็ลง
หลายพวกหลายคณะก็ลง ผู้จัดการ เอเอสทีวี ก็เอาไปลง ลงหลายครั้ง เพราะฉะนั้น
เราก็มาถามสิ่งที่จบไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์ แล้วน้องก็มาหลอกล่อ
ควรจะเคารพคนที่น้องต้องมาถามด้วย
เพราะเรามันไม่ใช่นักการเมืองประเภทที่จะมาหลอกล่อจะอะไรมันไม่ใช่
เมื่อไรมันใช่ก็ใช่ แต่เรื่องนี้มันจบไปแล้ว เท่านั้นเอง ”
“เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์อะไร อยากจะทำอะไรก็เชิญ เพียงแต่ว่า
พวกคุณเอามาเปิดต่างกรรมต่างวาระกันหลายรอบแล้ว คำว่า “อิศรา”
มันควรจะมีคุณค่านะ (เสียงแข็ง) พอเปิดของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
เสร็จก็มาเปิดของพี่ต่อ แต่ของพี่มันเปิดหลายรอบแล้ว โดยคณะนี้
และเนื้อความไม่ได้แตกต่างอะไรเลย เหมือนกันเด๊ะ ลงไปเช็คดู
ทำเป็นเรื่องตื้นเต้นไปได้ ตัวเองเปิดเองอะไรเอง
คุณจะมาเปิดทุกครั้งมันก็บ้าแล้ว และเราจะมาตอบทุกครั้งมันก็ไม่ใช่คนปกติ
มันไม่ใช่เรื่อง ...”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการลงทุนธุรกิจ 5
แห่งของนายจตุพรเคยปรากฏเป็นข่าวเมื่อ 2-3 ปีก่อน
แต่ในข่าวดังกล่าวมิได้ถูกตั้งคำถามเรื่อง เงื่อนงำ “ที่มา” ของเงินลงทุน
25 ล้านบาทและ “เงินให้กู้ยืม” จำนวน 23.7 ล้านบาท แต่อย่างใด