บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พบ บ.ปริศนา!บนเกาะ Channel Islands โผล่ถือหุ้นร่วม“ชูวิทย์”18 ล้าน



. เขียนโดย เสนาะ สุขเจริญ หมวด isranews,
alt
พบ บ.ปริศนา!แจ้งที่อยู่“ตู้ไปรษณีย์”บนเกาะเล็กๆ Channel Islands ในช่องแคบอังกฤษ โผล่ถือหุ้นร่วม “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” 18 ล้านนาน 6 ปีก่อนถอนตัวไร้ร่องรอย พิลึกกล้าลงทุนทั้งๆที่ผลประกอบการขาดทุนยับทุกปี  
        เมื่อครั้งบริษัท วินมาร์คลิมิเต็ด ซึ่งมีที่อยู่เพียงตู้ไปรษณีย์ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เข้ามาเกี่ยวพันกับการโอนหุ้นเครือชินคอร์ปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเมื่อหลายปีก่อนเป็นเรื่องฮือฮาอย่างมาก (ต่อมาได้พิสูจน์ว่า บริษัทดังกล่าวเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งขึ้นเพื่อเลี่ยงภาษี?)
         ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า บริษัทมีที่ตั้งเป็นเพียง “ตู้ไปรษณีย์”ตั้งอยู่หมู่บนเกาะเล็กๆในช่องแคบอังกฤษ เข้ามาเกี่ยวพันกับนักการเมืองชื่อดังของไทยด้วยเหมือนกัน
        บริษัทที่ว่าชื่อ SUNSET INVESTMENT HOLDINGS CO.,LTD ตามทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ระบุที่ตั้ง เลขที่ Po Box 523,Lefebvre Court, Lefebvre Street,St.Peter Port,Guemsey GY 16 E,Channel Islands
(ตู้ ป.ณ. 523 เฟเบอร์ คอร์ท ถนนาเฟเบอร์ เซนต์ปีเตอร์ พอร์ต เจิมเซย์ จีวาย 16 อี ชาแนลไอแลนด์)  และนักการเมืองที่บริษัทดังกล่าวเข้ามาเป็นหุ้นส่วนคือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีชื่อและหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ผู้เปิดโปงบ่อนการพนัน สถานบริการ และกำลังเปิดศึกกับลูกพรรคของตัวเองอยู่ในขณะนี้
       ทั้งนี้ ปัจจุบันนายชูวิทย์มีธุรกิจ 7 บริษัท  
         1.บริษัท ภาติฌาน จำกัด จดทะเบียนวันที่ 6 มกราคม 2531 ทุนเริ่มแรก 10 ล้านบาท ปัจจุบัน 44 ล้านบาท บริการซัก อบ รีด ที่ตั้งปัจจุบันเลขที่ 88/8 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
         2. บริษัท ต้นตระกูล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 พฤษภาคม 2533 ทุน 170 ล้านบาท ประกอบธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 909 ซอยสุทธิพร ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ            
         3.บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 12 มีนาคม 2536 ทุน 170 ล้านบาท กิจการโรงแรม ที่ตั้งเลขที่ 88 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          4.บริษัท เดวิส ซิลเวอร์ สตาร์ แมเนจเมนท์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 2 เมษายน 2536 ทุน 1 ล้านบาท ให้บริการเช่าพื้นที่ ที่ตั้งเลขที่ 88/1-88/7 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ  
         5.บริษัท ทรัพย์สินตระการตา จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 มิถุนายน 2538 ทุน 3 ล้านบาท ประกอบธุรกืจ รับเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำด้านบริหารงาน ที่ตั้งเลขที่ 88/8 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ  
        6.บริษัท บุญต่อตระกูล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 20 มกราคม 2541 ทุน 3 ล้านบาท รับเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำด้านบริหารงาน ที่ตั้งเลขที่ 88/8 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ  
        7.บริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ธันวาคม 2545 ทุน 250 ล้านบาท ให้เช่าอสังหาฯ ที่ตั้งเลขที่ 88/8 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ  
        ปัจจุบันทั้ง 7 แห่ง ทายาททั้ง 4 คนคือ นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ นางสาวตระการตา กมลวิศิษฎ์ ด.ช.ต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้นคนละ 24.4% ยกเว้น บริษัท ภาติฌาน จำกัด ที่ ด.ญ. ดวงตระการ กมลวิศิษฏ์ ทายาทคนที่ 5 ถือหุ้นมากสุด 75.7% อีก 4 คนถือคนละ 5.5%
         สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า SUNSET INVESTMENT HOLDINGS CO.,LTD เข้ามาถือหุ้นบริษัท ภาติฌาน จำกัด หุ้น 180,000 หุ้น (20%) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2546 ซึ่งเป็นช่วงที่นายชูวิทย์ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 60 ล้านบาทเป็น 90 ล้านบาท นายชูวิทย์ 198,000 หุ้น (22%) ด.ช.ต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้นใหญ่ 216,000 หุ้น จากจำนวนทั้งหมด 900,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท (ดูตาราง)
         และ SUNSET INVESTMENT HOLDINGS CO.,LTD ถือหุ้นเรื่อยมา กระทั่งวันที่ 28 เม.ย. 2551 ไม่ได้ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ภาติฌาน จำกัด อีกต่อไป       
ขณะเดียวกันบริษัท ภาติฌาน จำกัด ได้เปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ทั้งหมด
         นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งเดิมถือ 198,000 หุ้นได้ลดสัดส่วนถือครองเหลือ 9,000 หุ้น (ลดลง 189,000 หุ้น)
         ด.ช.ต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ (บุตรชายนายชูวิทย์) 216,000 หุ้น ได้ลดสัดส่วนถือครองเหลือ 45,000 หุ้น (ลดลง 171,000 หุ้น)
        บริษัท ต้นตระกูล จำกัด 45,000 หุ้น ได้ลดเหลือ 9,000 หุ้น (ลดลง 36,000 หุ้น)
        บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด 45,000 หุ้น ได้ลดเหลือ 9,000 หุ้น (ลดลง 36,000 หุ้น)
        บริษัท ทรัพย์สินตระการตา จำกัด 45,000 หุ้น ได้ลดเหลือ 9,000 หุ้น (ลดลง 36,000 หุ้น)
        บริษัท บุญต่อตระกูล จำกัด 45,000 หุ้นได้ลดเหลือ 4,500 หุ้น (ลดลง 40,500 หุ้น)
        นายฤทัย กมลวิศิษฐ์ 72,000 หุ้น ไม่มีชื่อถือหุ้น
        หุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม 8 ราย (รวม SUNSET INVESTMENT HOLDINGS CO.,LTD) จำนวน 760,500 หุ้น ถูกนำไปเพิ่มสัดส่วนให้ ด.ญ.ดวงตระการ กมลวิศิษฎ์ 684,000 หุ้น ด.ช.เติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ 27,000 หุ้น ด.ญ.ตระการตา กมลวิศิษฎ์ 27,000 หุ้น และ ด.ช.ต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ 27,000 หุ้น
        ต่อมาวันที่ 5 พ.ย.2551 บริษัท ภาติฌาน จำกัด ได้ลดทุนจดทะเบียนเหลือ 46 ล้านบาท และเหลือ 44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553
        น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่ปี 2540 – 2553 บริษัท ภาติฌาน จำกัด แจ้งข้อมูลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าขาดทุนสุทธิติดต่อกันทุกปี ยกเว้น ปี 2552 แจ้งว่า มี รายได้ 145,000 บาท กำไรสุทธิ 93,333 บาท
         และในช่วงปี 2540-2544 ก่อนที่ SUNSET INVESTMENT HOLDINGS CO.,LTD จะเข้ามาถือหุ้นบริษัท ภาติฌาน จำกัด ก็มีผลประกอบการขาดทุนติดต่อกันทุกปีด้วย (ดูตาราง)
        ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า Channel Islands เป็นหมู่เกาะบริติชในช่องแคบอังกฤษตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งทางใต้ของสหราช อาณาจักรและภาคเหนือของฝรั่งเศส มีประชากรทั้งหมดประมาณ 158,000 มีการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลัก
        มีข้อมูลว่าหมู่เกาะแชนแนลไอส์แลนด์ เป็น 1 ใน 50 ประเทศที่องค์การเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศกล่าวหาว่าเป็นสวรรค์ของนัก เลี่ยงภาษี
       ตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายชูวิทย์ แจ้งทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่ามีทรัพย์สิน174,714,568.44 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 83,568.44 บาท เงินลงทุน 45,000 บาท ที่ดิน 28 แปลง 154,286,000 บาท โรงเรือนและส่งปลูกสร้าง 20,200,000 บาท ยานพาหนะ 200,000 บาท หนี้สิน 9,723,875.62 บาท บุตรไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 699,739,063.81 บาท แบ่งเป็น เงินฝาก 5,292,563.81 บาท เงินลงทุน 633,726,000 บาท ที่ดิน 8 แปลง 60,718,500 (รวมทั้งหมด 36 แปลง เนื้อที่ 11-0-46 ไร่ )โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 200,000 บาท รวมทรัพย์สิน 874,651,632.25 บาท
       เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 864,927,756.63 บาท 


 ธุรกิจปัจจุบันของชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และบุตร 
alt
ที่มา:กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวม

รายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท ภาติฌาน จำกัด 
alt
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ,สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวม

ผลประกอบการ บริษัท ภาติฌาน จำกัด 
alt
ที่มา:กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวม

รายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท ภาติฌาน จำกัด 
alt
alt
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ,สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวม

อดีตกำลังไล่ล่า จตุพรกับพวก…เปิดตัวออฟฟิศลึกลับ ขนเงินลงทุนปริศนา 25 ล้าน


แกะรอยออฟฟิศลึกลับ“ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์”กับพวก”.ขนเงินลงทุน 5 แห่ง 25 ล้านก่อนปิดกิจการเรียบ พบเป็นที่ตั้งบ.อสังหาฯ ก่อนถูกโอนให้ บบส. ปี 44  ปัจจุบันสำนักงาน ม.“มหิดล”
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  ได้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และนายฐาปนา จินดากาญจน์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2545 โดยจดทะเบียนจัดตั้ง หจก. 5 แห่ง ได้แก่  หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ , หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี ,หจก.ศรีหมวดเก้า, หจก.บุตรตะวัน , หจก. ศรีสมุย ลองสเตย์  รวมเงินลงทุน 25 ล้านบาท  (เฉพาะนายจตุพร 8.6 ล้านบาท)  ทั้ง 5 แห่งมีที่ตั้งเลขที่เดียวกัน เลขที่ 69/12 อาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง ชั้น 12 โซนเอ ถนนวิภาวดีรังสิต สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ แต่เปิดดำเนินการเพียงสั้นๆ และแจ้งเลิกกิจการพร้อมกัน วันที่ 24 ธันวาคม 2547
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา   ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)  ได้เดินทางไปยังสถานที่ตั้งของหจก. ทั้ง 5 แห่ง ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ก่อนที่ หจก.ทั้ง 5 แห่ง จะเลิกกิจการไป คือ  เลขที่ 69/12 อาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง ชั้น 12 โซนเอ ถนนวิภาวดีรังสิต สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ พบว่า ปัจจุบันอาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง มีการเปลี่ยนแปลชื่อใหม่ เป็นอาคารมิว หลังจากที่มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้ามาซื้ออาคารแห่งนี้ และจัดตั้งเป็นวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล   ซึ่งภายในตัวอาคาร และชั้นต่างๆ มีการเปลี่ยนสภาพเป็นห้องเรียนของนักศึกษา และสถานที่ทำงานฝ่ายต่างๆ ของวิทยาลัย ทั้งหมดแล้ว
จากการสอบถามพนักงานต้อนรับของ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล  ได้รับการยืนยันว่า ปัจจุบันอาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล และเริ่มเข้าปรับปรุงอาคารพร้อมใช้ประโยชน์ ในช่วงปี 2545-2546 แล้ว
เมื่อสอบถามว่า บริเวณชั้น 12 ของอาคาร ก่อนหน้าที่จะมหาวิทยาลัยจะเข้ามาใช้ประโยชน์เคยเป็นที่ตั้งของบริษัท หรือ หจก. อะไรมาก่อนหรือไม่  เจ้าหน้าที่ตอบรับรายนี้ ตอบว่า  เท่าที่ทราบ  พื้นที่ส่วนใหญ่ของชั้น 12 มีสภาพเป็นห้องชุด ใช้สำหรับพักอาศัยเท่านั้น
ทั้งนี้ จากการเดินทางขึ้นไปสำรวจพื้นที่ชั้น 12 ของตัวอาคาร ในปัจจุบัน พบว่า มีการปรับปรุงให้มีสภาพเป็นสำนักงานออฟฟิศ ของวิทยาลัยการจัดการ ใช้สำหรับการติดต่องานด้านบุคคล เป็นหลัก  ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ได้รับการยืนยันว่า มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้ามาใช้พื้นที่ชั้น 12 เพื่อทำเป็นสำหรับงาน เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)  รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเข้ามาครอบครองอาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง ของมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เริ่มเข้าซื้อพื้นที่อาคารชั้นต่างๆ ของอาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง จากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2546
โดยเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2546 ได้เข้าซื้อพื้นที่ ชั้น 8,9,10,11,12,13,14,15,16,17,18,19,20,21,22,23,24,25  จากนั้น ได้เข้าซื้อพื้นที่อาคารเพิ่มเติม คือ ชั้น 3,5,6,7 และ 26 ต่อมาเดือนธันวาคม 2548 ได้เข้าซื้อพื้นที่ ชั้น 4 และเดือนมกราคม 2548 ได้เข้าซื้อพื้นที่ ชั้น 2 และล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2549  ได้เข้าซื้อพื้นที่ชั้น  1 อีกครั้ง  ส่งผลให้มหาวิทยาลัยมหิดล ครอบครองพื้นที่ อาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง ได้เกือบหมด เหลือเพียงแค่ พื้นที่ของหจก.เบ็ลท แอนด์ แบริ่งส์ ซัพพลาย ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดล กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขอซื้อพื้นที่อยู่
ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลพนักงาน หจก.เบ็ลท แอนด์ แบริ่งส์ ซัพพลาย เกี่ยวกับข้อมูล หจก. 5 แห่ง ของนายจตุพร กับพวก ได้รับการยืนยันว่า ไม่เคยได้ยินชื่อ หจก. เหล่านี้ มาก่อน
สำหรับพื้นที่ชั้น  12  ของ อาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง  ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ หจก. ทั้ง 5 แห่ง  ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ซื้อมาในช่วงแรก พบว่า มีสภาพเป็นห้องชุด ขนาด 512 ตารางเมตร โดยห้องชุดแห่งนี้ ดังเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท จิบเสน ดีเวลลอพเม้นท์ จำกัด (ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันเป็นบริษัทร้าง ถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2546 ปรากฎชื่อ  นายวัฒนา เขียววิมลนายธีระศักดิ์ กาญจนศักดิ์ชัย ประธาน บมจ.ไทยเอนจิน เมนูแฟคเจอริ่ง,  นาย ชัยวัฒน์ ดำรงกิจกุลชัย,  นายหว่อง ซุน ฮง , นายลอร์เร้นท์ คาน ฟุควิง ,  นางสาว ศรีสุดา ธีรกุลพจนีย์  เป็นกรรมการ)   เมื่อปี 2533 ก่อนจะถูกโอนไปที่ธนาคารทหารไทย และโอนต่อไปที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ พญาไท ปี 2544 และถูกโอนต่อไปทีบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ปี 2546 และมหาวิทยาลัยมหิดล เข้าซื้อในเวลาต่อมา
เมื่ออาคารชุดชั้น ที่ 12  ดังกล่าวมีที่มาทีไปแบบนี้ เป็นปริศนาอย่างยิ่ง นายจตุพรกับพวกใช้ความสามารถเข้าไปใช้เป็นออฟฟิศลงทุนได้อย่างไร?
ที่มา :
www.prasong.com




ลึก!เงินลงทุน“จตุพรกับพวก”ปล่อยกู้อุตลุตให้ตัวเอง-บริวาร 23.7 ล้าน

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:00 น. เขียนโดย isranews หมวด isranews, Investigative

เจาะลึกงบการเงิน หจก. 5 แห่งปริศนา“จตุพร-พวก” กำไรแค่หลักร้อยถึงพันบาท ใจปล้ำปล่อยกู้พรวด 23.7 ล้านเกือบเท่าทุนจดทะเบียน ทั้งที่เพิ่งก่อตั้ง แถมค้างจ่าย ค่าสอบบัญชี - เงินสมทบประกันสังคม –ภาษีนิติบุคคลเพียบ ผู้ตรวจสอบบัญชีระบุไม่พบหลักฐานใครลูกหนี้?
          เงื่อนปมสำคัญกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปัจจุบันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กับพวกคือ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และนายฐาปนา จินดากาญจน์ อดีตผู้มัครสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้ง หจก. 5 แห่งรวด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2545 ได้แก่ 1.หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ 2.หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี 3.หจก.ศรีหมวดเก้า 4.หจก.บุตรตะวัน และ5. หจก. ศรีสมุย ลองสเตย์ รวมเงินลงทุน 25 ล้านบาท (เฉพาะนายจตุพร 8.6 ล้านบาท)
         ทั้ง 5 แห่งมีที่ตั้งเลขที่เดียวกัน เลขที่ 69/12 อาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง ชั้น 12 โซนเอ ถนนวิภาวดีรังสิต สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ ต่อมา สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า ที่ตั้งดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท จิบเสน ดีเวลลอพเม้นท์ จำกัด ตั้งแต่ปี 2533 ก่อนจะถูกโอนไปที่ธนาคารทหารไทย และโอนต่อไปที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ พญาไท ปี 2544 และถูกโอนต่อไปทีบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ปี 2546 และมหาวิทยาลัยมหิดล เข้าซื้อตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2546
        และ หจก.ทั้ง 5 แห่งแจ้งเลิกกิจการพร้อมกันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547
        ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบงบดุลและงบการเงินของ หจก.ทั้ง 5 แห่งของนายจตุพรกับพวกพบว่า ในรอบปี 2545 (ก่อนเลิกกิจการ) มีรายการ “เงินให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือกิจการเกี่ยวข้อง” ถึง 23,700,000 บาท แบ่งเป็น
        1.หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท
        2.หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท
        3.หจก.ศรีหมวดเก้า มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท
        4.หจก.บุตรตะวัน มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,800,000 บาท
        5.หจก.ศรีสมุย ลองสเตย์ มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท
        ทั้งนี้ในรายการการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชี คือ นายปัญญา อุดมระติ หมายเลขผู้สอบบัญชี 2653 ระบุว่าการตรวจสอบงบดุลของ หจก.แต่ละแห่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 เหมือนกันว่า
       “ข้าพเจ้าไม่สามารถหาหลักฐานจนเป็นที่พอใจที่แสดงยอดลูกหนี้ให้กู้ยืมระยะ ยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งมีผลต่อฐานะการเงินของบริษัท”
        หจก.ทั้ง 5 แห่ง ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี และจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี คือ นายปัญญา อุดมระติ หมายเลขผู้สอบบัญชี 2653 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546 ปรากฏรายละเอียดดังนี้
         1.หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ จดทะเบียนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท รับเหมาก่อสร้าง ถมดิน ขุดดิน ปรับหน้าดิน
         ได้จดทะเบียนเลิกห้างซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
        ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียดมีรายได้รวม 197,916.67 บาท มีรายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 198,191.00 บาท มีกำไร(ขาดทุน)สุทธิ -274.33 บาท  
       สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 71,691 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 197,916.67 บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 269,607.67 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคล หรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,019,607.67 บาท
       ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,882 บาท รวมหนี้สินหมุนเวียนอื่น 19,882 บาท รวมหนี้สิน 19,882 บาท      
       ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นายสถาพร มณีรัตน์ 1,800,000 บาท นายฐาปนา จินดากาญจน์ 1,600,000 บาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1,600,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม -274.33 บาท รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 4,999,725.67 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,019,607.67 บาท
       2. หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี จดทะเบียนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ผลิตสื่อโฆษณา
       ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
        ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า มีรายได้รวม 195,833.33 บาท มีรายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 194,860 บาท กำไร (ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 973.33 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคล 194.67 บาท กำไร(ขาดทุน) สุทธิ 778.66 บาท
        สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 124,860 บาท ดอกเบี้ยค้างรับ 195,833.33 บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 320,693.33 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท รวมทรัพย์สิน 5,020,693.33 บาท
        ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,720 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 194.67 บาท รวมหนี้สิน 19,914.67 บาท
        ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นายจตุพร พรหมพันธุ์ 4,000,000 บาท นายสถาพร มณีรัตน์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม 778.66 บาท รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,000,778.66 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,020,698.33 บาท
         3.หจก. ศรีหมวดเก้า จดทะเบียนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ขุดถ่านหิน ขุด ขนแร่ต่างๆ
ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
         ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า มีรายได้รวม 195,833.33 บาท มี รายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 196,914 บาท กำไร(ขาดทุน)สุทธิ -1,080.67 บาท
          สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 122,914 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 195,833.33 บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 318,747.33 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,700,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,018,747.33 บาท  
          ส่วนหนี้สิน พบว่า มี ค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,828 บาท รวมหนี้สิน 19,828 บาท ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นาย สถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท นาย จตุพร พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม -1,080.67 บาท รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 4,998,919.33 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,018,747.33 บาท  
        4. หจก.บุตรตะวัน จดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการ ถมดิน ขุดปรับหน้าดิน ขายซื้อที่ดินทั้งหมด และ ขนถ่ายขุดถ่านหิน แร่ต่างๆทำเหมืองแร่ทั้งหมด
        ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า มีรายได้รวม 200,000 บาท มี รายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 198,968 บาท กำไร(ขาดทุน)ก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,032 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคล 206.40 บาท กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 825.60 บาท
สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 20,968 บาท มีดอกเบี้ยค้างรับ 200,000 บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 220,968 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,800,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,020,968 บาท
ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,936 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 206.40 บาท รวมหนี้สิน 20,142.40 บาท
ส่วนทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน นายฐาปนา จินดากาญน์ 4,000,000 บาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม 825.60 บาท รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,000,825.60 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,020,968 บาท
         5.หจก. ศรีสมุย ลองสเตย์ จดทะเบียนวันที่ 12 มีนาคม 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแก่ชาวไทยและต่างชาติเพื่อเป็นสมาชิกประกอบ ธุรกิจท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ประกอบกิจการอำนวยความสะดวกในการจองที่พัก โรงแรม ในโครงการที่พักระยะยาว และประกอบกิจการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนา โครงการพัฒนาโครงการหมู่บ้าน  
          ได้จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2550 โดยจัดส่งงบการเงิน รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2545 ให้ผู้สอบบัญชี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546
           ทั้งนี้ ในส่วนงบกำไรขาดทุน มีการแจ้งรายละเอียด ว่า มีรายได้รวม 178,125 บาท มี รายจ่ายรวมจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร 176,860 บาท กำไร(ขาดทุน)ก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,265 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคล 253 บาท กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 1,012 บาท
           สำหรับข้อมูลละเอียดในงบดุล มีการแจ้งว่า มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 92,860 บาทดอกเบี้ยค้างรับ 178,125 รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 270,985 บาท มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,750,000 บาท รวมสินทรัพย์ 5,020,985 บาท
           ส่วนหนี้สิน พบว่า มีค่าสอบบัญชีค้างจ่าย 10,000 บาท เงินสมทบประกันสังคมค้างจ่าย 9,720 บาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 253 บาท รวมหนี้สิน 19,973 บาท
           ส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน นาย สถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท นาย จตุพร พรหมพันธุ์ 1,000,000 บาท กำไร(ขาดทุน)สะสม 1,012 บาท รวมส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,001,012 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน 5,020,985 บาท
           รวมเงินให้กู้ยืม 5 แห่ง 23,700,000 บาท 




 
“ตู่-จตุพร”ฉุน “อิศรา” คุ้ยปมเงินลงทุนปริศนา 25 ล้านผ่าน หจก. 5 แห่ง ปล่อยกู้พรวด 23.7 ล้านหลังก่อตั้งไม่กี่วัน “รูดซิป”ไม่ตอบข้อเท็จจริง  อัดนักข่าวบ้าเล่นไม่เลิก อย่าหลอกล่อถาม ยันแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ครบถ้วนไม่มีปัญหา!!

          กรณี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมกับ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และนายฐาปนา จินดากาญจน์ อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้ง หจก. 5 แห่งรวด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2545 ได้แก่ 1.หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ 2.หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี 3.หจก.ศรีหมวดเก้า 4.หจก.บุตรตะวัน และ5. หจก. ศรีสมุย ลองสเตย์ รวมเงินลงทุน 25 ล้านบาท (เฉพาะนายจตุพร 8.6 ล้านบาท) และ หจก.ทั้ง 5 แห่งแจ้งเลิกกิจการพร้อมกันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547
          ต่อมา สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบงบดุลและงบการเงินของ หจก.ทั้ง 5 แห่งของนายจตุพรกับพวกพบว่า ในรอบปี 2545 ก่อนเลิกกิจการ พบว่า มีรายการ “เงินให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือกิจการเกี่ยวข้อง” ถึง 23,700,000 บาท จากเงินทุนจัดตั้ง หจก.5 แห่ง รวมกัน 25,000,000 บาท โดยไม่ปรากฏหลักฐานการกู้ยืมที่ชัดเจน
          ในช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังใช้ความพยายามในการติดต่อนายจตุพร ผ่านโทรศัพท์มือถือส่วนตัวหลายครั้ง เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดให้สังคมได้รับทราบ
          นายจตุพร ได้รับสายโทรศัพท์ ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) โดยใช้เวลาพูดคุยกันนานถึง 7 นาที 12 วินาที เพื่อตอบคำถาม ถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการจัดตั้ง หจก.ทั้ง 5 แห่ง

  • ขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดตั้ง หจก. 5 แห่ง ในช่วงปี 2545
ผมไม่ตอบอะไร เป็นเรื่องเดิม ข่าวนี้ลงมาเป็นร้อยๆรอบแล้ว แต่สำนักข่าวอิศราเอาข่าวนี้มาลงใหม่ ความจริงเป็นของที่ “มติชน” ลงไปหลายรอบแล้ว ลงกันหลายฉบับนะ “ประชาชาติ” ก็ลงตามปกติ ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย มันก็จบไปแล้ว

  • ทำไม หจก. ทั้ง 5 แห่ง แจ้งเลิกกิจการอย่างรวดเร็ว จัดตั้งปี 2545 และเลิกกิจการปี 2547
ผมไม่ตอบ.. (หัวเราะ) เรื่องมันจบไปนานแล้ว ลองไปดูข่าวซิตอนนั้นนะ มันเป็นข่าวไปแล้ว คือ เราไม่ฟื้นสิ่งที่พวกทีมที่ออกจากมติชนทำ ความจริง เขาก็ทำลงใน มติชนอยู่ ..(หยุดนิดหนึ่ง) คือ มันไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่พวกน้องเอามาลงใหม่ ในตอนที่ยึดอำนาจเรื่องนี้ก็เอามาลง ต่างกรรมต่างวาระกัน พี่ว่าเรื่องนี้ลงเป็น 10 ครั้งแล้วมั่ง

  • การจัดตั้ง หจก. ทั้ง 5 แห่ง ไม่ใช่เรื่องใหม่
ไม่ได้มีเรื่องอะไรใหม่ (เสียงแข็ง) ไม่เชื่อลองไปเปิดเช็คเครื่องคอมพิวเตอร์ดูเลย พอเรามาจับใหม่ แล้วพี่ต้องตอบสิ่งที่มันลงไปแล้ว พี่ว่ามันไม่ใช่นะ

  • มีการตั้งข้อสังเกตว่า คุณจตุพร เอาเงินไปตั้ง หจก. 8 ล้านกว่าบาท แต่เงินที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สินต่ำกว่า เงินส่วนนี้มันหายไปไหน
(หัวเราะ).. ก็มันจบไปแล้ว พี่ก็แจ้งไปแล้ว ทุกอย่างถือว่าแจ้งครบไปหมดแล้ว

  • หมายถึงแจ้งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินไปหมดแล้ว
การแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ก็คือ การแจ้งสิ่งที่มีอยู่จริงในช่วงที่แจ้ง (เน้นเสียง) ของเราก็ตรงไปตรงมา คือ ถ้ามีปัญหาเขา (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ) ก็ถลกหนังแดงเถือกอยู่แล้ว
          แต่ว่าเรื่องนี้ เครือข่าย ที่แยกตัวออกมาจาก “มติชน” แล้ว มาทำ “สำนักข่าวอิศรา” เขาเป็นคนเอาไปลงมติชนเอง ลงประชาชาติเองไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

  • ยืนยันว่าการจัดตั้ง หจก. 5 แห่ง ไม่ใช่เรื่องใหม่
ลองไปดูซิ (เน้นเสียง) ลองไปเช็คในเน็ตดู พี่ก็ยังดูว่า ทำไมเอามาลง ในสิ่งที่คณะนี้ เคยลงหลายรอบแล้ว แล้วเราต้องมาตอบสิ่งซ้ำๆซากๆ มันเพื่ออะไร

  • แต่การจัดตั้ง หจก. 5 แห่ง เป็นข้อมูลใหม่
มันจะใหม่อย่างไง.. (เสียงแข็ง)

  • มีการตรวจพบว่า หจก.ทั้ง 5 แห่ง ปล่อยเงินกู้ให้กับหุ้นส่วนผู้จัดการเอง
(ถอนหายใจ) คือ มันจบไปแล้ว.. (ลากเสียงยาว) เราไปถามสิ่งที่มันลงไปแล้ว คือ เจ้าตัวที่เอาข้อมูลนี่มาลง มาเปิดในสำนักข่าวอิศรา ก็น่าจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่เคยเอาไปลงใน “มติชน” “ประชาชาติ” แล้ว มันก็จบไปแล้วไม่มีอะไรไง
“ เราไปถามสิ่งที่จบแล้วได้ไง แล้วพี่ก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องมาตอบ แล้วมันเรื่องอะไรที่ทางคณะเดิมที่ย้ายออกมาจากมติชน แล้วก็มาทำสิ่งที่ทำไว้เดิม พอถึงเวลาก็มาเล่นที เราไม่ใช่ลูกไล่ ที่มันจะต้องมาชี้แจงทุกครั้ง มันเรื่องอะไรกัน”

  • ยืนยันว่าการเปิด หจก. ทั้ง 5 แห่ง ไม่มีปัญหาอะไร
ไม่ใช่ยืนยันหรือไม่ยืนยัน (เสียงแข็ง) แต่มันไม่เข้าท่าไง คือ ถ้าเป็นเรื่องของใหม่ก็พอว่า แต่นี่คณะนี้... เอามาเปิดหลายรอบแล้ว เราอาจจะเพิ่งมาทำ ก็ลองไปดูในเน็ตก่อนแล้วค่อยว่ากัน

  • กังวลเรื่องที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเข้ามาตรวจสอบหรือไหม
“มันจะกลัวอะไร (ลากเสียงยาว) ก็ยื่นมาไม่รู้กี่รอบแล้ว หมายถึงว่า หนึ่งก็คือเรื่องนี้เปิดมาไม่รู้กี่รอบ เราก็แสดงบัญชี ป.ป.ช. หลายรอบแล้ว”

  • หจก. ทั้ง 5 แห่ง ทำธุรกิจจริง หรือเปิดมาเฉยๆ
(หัวเราะ หึหึๆ )..ก็มันจบไปแล้ว เราไปถามสิ่งที่จบไปแล้ว เราพูดไม่รู้เรื่องนะ...(เสียงแข็ง) คือหมายความว่า เรามาถาม ถามเพื่ออะไร ถามในสิ่งที่คณะน้องบางคน เอาไปลงนสพ. ลงหลายรอบแล้ว อย่างที่พี่เล่าให้ฟัง ก็ไปย้อนดูซิ ถ้ามันเป็นเรื่อง ปานนี้มีเรื่องไปแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ไง
“ก็คณะของน้องอ่ะ ลงมาตั้งแต่ยุคขับเคลื่อน ตั้งแต่ คมช. (คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) ยึดอำนาจ ก็เปิดต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง ถ้ามันผิดจริง ปานนี่ผมถูกถลกหนังแดงเถือกแล้ว”
“ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหม่ พี่ดูแล้วสำนักข่าวน้องที่ลง ให้เขาคลิปปิ้งข่าวดูทุกวัน ไม่ได้มีอะไรใหม่ ฉะนั้นเราไม่ตอบสิ่งที่มันจบไปแล้ว และเรามาถามสิ่งที่มันจบไปแล้ว มันไม่ถูก และโดยสำคัญที่สุด คนที่เอามาลง ก็เคยนำไปใช้ลงหนังสือพิมพ์ ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งอยู่แล้ว”

  • แต่สำนักข่าวอิศราต้องการให้ยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้
มันเรื่องของน้อง ไม่ใช่เรื่องของพี่ (เสียงแข็ง) แต่เรื่องของพี่ก็คือ เรื่องนี้มันจบไปแล้ว และทีมที่แยกตัวมาจากมติชน ก็เคยเอาไปลงมาหลายรอบแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ พี่ก็ไม่ได้ตื่นเต้น กับสิ่งที่ไม่ได้น่าตกใจอะไร เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ลงต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งแล้ว

  • แล้วเรื่องตึกอัลฟ่า บิลดิ้ง ชั้น 12 หจก.ทั้ง 5 แห่ง เข้าไปตั้งอยู่ได้อย่างไร
ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องตอบน้อง พี่บอกแล้วไงว่ามันจบไปแล้ว เรามาถามวนแบบนี้ พี่ก็อายุมากพอสมควร ไม่มีประโยชน์ที่น้องจะต้องมาใช้ลีลาอะไรกัน (เสียงดุ) แต่ว่านี่เตือนว่า เราก็บอกเท่านี้ น้องก็น่าจะรู้แล้ว ไปเช็คดูในเน็ต ในที่กลุ่มของน้อง แต่ไม่ใช่ว่าน้องจะใช้ความสามารถในการมาหลอกล่อถามมา มันไม่มีประโยชน์
“ที่พี่คุยด้วยอยู่นี่ เพื่อที่จะบอกว่า คณะที่ทำงานกับน้อง เอาเรื่องนี้มาลงแล้วหลายรอบ ลงหนังสือพิมพ์ด้วย ไม่ใช่ลงในเว็บ เหมือนกัน เนื้อหาเดียวกัน “มติชน” หน้าสองลงเต็มเลย ประชาชาติก็ลง หลายพวกหลายคณะก็ลง ผู้จัดการ เอเอสทีวี ก็เอาไปลง ลงหลายครั้ง เพราะฉะนั้น เราก็มาถามสิ่งที่จบไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์ แล้วน้องก็มาหลอกล่อ ควรจะเคารพคนที่น้องต้องมาถามด้วย เพราะเรามันไม่ใช่นักการเมืองประเภทที่จะมาหลอกล่อจะอะไรมันไม่ใช่ เมื่อไรมันใช่ก็ใช่ แต่เรื่องนี้มันจบไปแล้ว เท่านั้นเอง ”

          “เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์อะไร อยากจะทำอะไรก็เชิญ เพียงแต่ว่า พวกคุณเอามาเปิดต่างกรรมต่างวาระกันหลายรอบแล้ว คำว่า “อิศรา” มันควรจะมีคุณค่านะ (เสียงแข็ง) พอเปิดของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เสร็จก็มาเปิดของพี่ต่อ แต่ของพี่มันเปิดหลายรอบแล้ว โดยคณะนี้ และเนื้อความไม่ได้แตกต่างอะไรเลย เหมือนกันเด๊ะ ลงไปเช็คดู ทำเป็นเรื่องตื้นเต้นไปได้ ตัวเองเปิดเองอะไรเอง คุณจะมาเปิดทุกครั้งมันก็บ้าแล้ว และเราจะมาตอบทุกครั้งมันก็ไม่ใช่คนปกติ มันไม่ใช่เรื่อง ...”  
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการลงทุนธุรกิจ 5 แห่งของนายจตุพรเคยปรากฏเป็นข่าวเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่ในข่าวดังกล่าวมิได้ถูกตั้งคำถามเรื่อง เงื่อนงำ “ที่มา” ของเงินลงทุน 25 ล้านบาทและ “เงินให้กู้ยืม” จำนวน 23.7 ล้านบาท แต่อย่างใด

ธิดา" เต็ง ประธาน "นปช.

"ธิดา" เต็ง ประธาน "นปช." หลังยังไม่มีใครเข้าแข่ง แจง นปช. ไม่เกี่ยวงาน "รักเมืองไทยฯ" "ทักษิณ" กลับถ้ามีประชาธิปไตย
             12ก.พ.2555 นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ รักษาการโฆษกนปช. กล่าวถึงกรณีที่จะมีการเลือกประธาน นปช.ในวันที่ 15 ก.พ.ที่จะถึงนี้ว่า คณะกรรมการนปช.กว่า 30 คน จะมาประชุมเพื่อเลือกประธานนปช.คนใหม่ และจะแถลงผลการหารือให้ได้ทราบเวลา 13.00น. ส่วนนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานนปช. จะเป็นประธานนปช.ต่อไปหรือไม่ ต้องบอกว่าขณะนี้ยังไม่รู้ว่าในวันเลือกตั้งจะมีใครมาสมัครเสนอตัวลงแข่งหรือไม่ เลยยังไม่แน่ใจ และไม่อยากพูดไปก่อน เดี๋ยวคนที่ไม่ชอบจะมาลงที่ตนได้ และเท่าที่ทราบโครงสร้างนปช.ชุดใหม่ จะไม่เปลี่ยนแปลงจากรูปแบบเดิมเท่าใด โดยมีคณะทำงานจากส่วนกลาง และคณะทำงานจากส่วนภูมิภาคที่เป็นผู้ประสานงานกับมวลชนในแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่เพื่อให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ให้สะเปะสะปะ

              หากเป็นนางธิดาต่อไปมวลชนจะรับได้หรือไม่นั้น นายวรวุฒิ กล่าว่า เวลานี้มวลชนนำหน้าไปไกลมาก ดังนั้นใครจะมาเป็นประธานนปช.คนใหม่ คงไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการประชาธิปไตย อีกทั้งที่ผ่านมานางธิดาก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร แม้จะมีบางคนที่ไม่คุ้นชินกับบุคลิกท่านส่วนตัวบ้างก็ว่ากันไป

              ด้านนายนิสิต สินธุไพร ที่ปรึกษารมช.คมนาคม ในฐานะผอ.นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เปิดเผยถึงกรณีเดียวกันว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครเสนอตัวมาลงแข่งขันกับนางธิดา  และในวงที่เคยหารือกับแกนนำนปช.คนอื่น ก็เห็นว่าประธานนปช.คนต่อไปจะเป็นใครก็ได้ แต่ที่ผ่านมานางธิดา ทำหน้าที่ประธานได้ดีในช่วงที่เกิดวิกฤตการเมือง ช่วงที่แกนนำนปช.ติดคุก บางส่วนก็หนีไปต่างประเทศ และยังนำธงนปช.ต่อสู้กับเผด็จการ อำมาตย์ได้เป็นอย่างดี มีความชัดเจนในแนวทางทฤษฎีและปฏิบัติของนปช. หากได้ทำงานต่อถือว่ามีความเหมาะสม ประกอบกับเวลานี้ยังไม่มีใครเสนอตัวเพื่อลงแข่งขัน ก็อาจมีความเหมาะสมหากได้ทำหน้าที่ต่อไป




แจง นปช. ไม่เกี่ยวงาน "รักเมืองไทยฯ"

              นายนิสิต กล่าวต่อถึงกรณีรัฐบาล จัดงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศ” เมื่อวันที่ 10 ก.พ.โดยบรรยากาศในงานทั้งพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่างชื่นมื่นเป็นอย่างมากว่า โดยหลัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้เคยประกาศแนวทางปรองดองแห่งชาติเอาไว้ ดังนั้นก็ต้องมุ่งหมายและนำประเทศไปสู่ความปรองดอง สมัครสมานสามัคคีให้ได้ โดยการจัดงานก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรองดอง การประนีประนอม ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนปช. เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และเราก็ไม่ได้ขัดขวาง ไม่มีความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนเสื้อแดงก็ยังทำหน้าที่เป็นองค์กรขับเคลื่อนมวลชนต่อไป

              ส่วนที่เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ ได้ขึ้นข้อความทวงถามจุดยืนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีภาพประกอบผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมคู่กับภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพล.อ.เปรม สะท้อนให้เห็นปฏิกิริยามวลชนอย่างไรบ้างนั้น นายนิสิต กล่าวว่า เป็นการแสดงความเห็นของสื่อออนไลน์ที่แสดงออกมาตามความรู้สึก ถือเป็นเรื่องปกติที่อาจมีมุมมองที่แตกต่างทางการเมืองกันบ้าง แต่ในทางด้านความปรองดอง พล.อ.เปรม มางานเลี้ยง ก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์หมดหวังไม่น้อย และออกมาตีกินทางการเมือง แต่เอาเข้าจริงๆวันนี้ทุกฝ่ายมีส่วนทำให้เกิดความปรองดอง ความสามัคคีในชาติ ความเห็นที่ปรากฎทางเว็บไซต์เป็นการมองแตกต่างกันได้ ถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย


“ทักษิณ” กลับ ถ้ามีประชาธิปไตย

              ผู้สือข่าวถามว่า จากสัญญาณดังกล่าวจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านได้เร็วขึ้นหรือไม่ นายนิสิต กล่าวว่า หากแนวโน้มบ้านเมือง สังคมเป็นประชาธิปไตย ทุกฝ่ายก็เข้าใจดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ได้สร้างความหายนะต่อบ้านเมือง ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับประเทศไทยได้ ก็ต้องเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย

    เมื่อถามต่อว่าต้องมีเงื่อนไขอะไรประกอบหรือไม่นั้น นายนิสิต กล่าวว่า ยังเลย ในบ้านเมืองไปสร้างเงื่อนไขก็ไปต่อไม่ได้ ถ้ามีก็แสดงว่ายังไม่มีความปรองดอง ดังนั้นคงไม่มีเงื่อนไขอะไร



คมชัดลึก




"จตุพร"ยืนยัน นปช.ยังเลือก "ธิดา" นั่งประธานต่อไป
ปัดบางกลุ่มไม่พอใจการทำงาน
อ้างเคยโจมตี "ป๋า"เพราะเป็นหน้าที่ไม่มีเรื่องขัดแย้งส่วนตัว
นายจตุพร หรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวยืนยันว่า ในการประชุมเลือกกรรมการของกลุ่มนปช.ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ กรรมการนปช.ทั้งหมดยังจะมีมติเลือก นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. ให้ดำรงตำแหน่งประธาน
ทั้งนี้ยืนยันว่ากระแสข่าวที่ะบุว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนางธิดา หรือ การที่กลุ่ม นปช.บางคนไม่พอใจการทำหน้าที่ของนางธิดานั้นไม่เป็นความจริง โดยการเลือกกรรมการ นปช.ในครั้งนี้ จะถือว่าเป็นการเติมเต็มให้กับกลุ่ม นปช. ที่ไม่มีการเลือกคณะกรรมการใหม่เลยหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค.2553 เพื่อทำให้การบริหารงานในกลุ่มดีขึ้น
นายจตุพรกล่าวอีกว่า การที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้พบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในงานเลี้ยงวันที่ 10 ก.พ.เป็นจุดเริ่มต้นกระบวนการปรองดองอย่างชัดเจน แต่ขอตำหนิพรรค ประชาธิปัตย์ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ออกมาแต่งชุดดำประท้วง และหากทำเช่นนี้ก็เชื่อว่า ปชป. จะต้องเป็นฝ่ายค้านไปตลอดกาล
"ที่ผ่านมาการที่แกนนำพยายามโจมตีพล.อ.เปรมนั้น ถือเป็นการทำหน้าที่ ไม่มีเรื่องขัดแย้งส่วนตัว ผู้ใหญ่ก็ควรทำตัวเป็นผู้ใหญ่ อะไรก็ตามที่เป็นจุดเริ่มต้นของประเทศ กลุ่ม นปช.จะไม่ขัดขวาง"นายจตุพรกล่าว
ส่วนการจัดงานรวมพลคนเสื้อแดงที่โบนันซ่า เขาใหญ่  ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะวิดีโอลิงก์มายังสถานที่ชุมนุมในเวลาประมาณ 20.00-21.00 น.แน่นอนและยืนยันว่า งานดังกล่าวไม่มีการเรียกรับเงินค่าใช้จ่ายใดๆ จาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น

..
..
“ตู่” เสียงอ่อย เคยด่า “ป๋า” แค่ทำหน้าที่
-นปช.ไม่ขวางจุดเริ่มต้นปรองดอง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กุมภาพันธ์ 2555 14:05 น.
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง



..
“จตุพร” อ้าง “ป๋าเปรม” พบ “ยิ่งลักษณ์” จุดเริ่มต้นปรองดอง เสียงอ่อย เคยด่า “ป๋า” เป็นการทำหน้าที่ ไม่ได้ขัดแย้งส่วนตัว อะไรที่เป็นจุดเริ่มต้นของประเทศ นปช.ไม่ขัดขวาง เหน็บ ปชป.คุมตัวเองไม่อยู่ แต่งดำประท่วงงานเลี้ยงทำเนียบ ยัน “ธิดา” ยังนั่งประธาน นปช. เลือกกรรมการชุดใหม่ 15 ก.พ.นี้
      
       วันนี้ (12 ก.พ) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า จะมีการเปลี่ยนตัว นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช.ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฏความขัดแย้งในกลุ่ม นปช.และหลายกลุ่มเห็นว่า นางธิดา ยังทำงานได้ไม่ดีนัก ว่า ไม่เป็นความจริง ในการประชุมเลือกกรรมการของกลุ่ม นปช.ในวันที่พุธที่ 15 ก.พ.ที่จะถึงนี้ เวลาประมาณ 09.00 น.ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าวนี้ ยืนยันว่า กรรมการ นปช.ทั้งหมด ยังคงน่าจะมีมติเลือกนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธาน นปช.มีอำนาจเต็มตามตำแหน่งอย่างแน่นอน และไม่ใช่รักษาการอีกต่อไป ดังนั้น ข่าวลือที่ระบุว่า กลุ่ม นปช.บางคนไม่พอใจการทำหน้าที่ของนางธิดา จึงไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ การเลือกกรรมการ นปช.ในครั้งนี้ จะถือว่าเป็นการเติมเต็มให้กับกลุ่ม นปช.ที่ไม่มีการเลือกคณะกรรมการใหม่เลยหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค.2553 เพื่อทำให้การบริหารงานในกลุ่มสะดวกและดีขึ้น
      
       เมื่อถามว่า นายจตุพร จะยังมีรายชื่ออยู่ในคณะกรรมการ นปช.ชุดใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ก.พ.นี้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ความจริงแม้ส่วนตัวจะไม่มีตำแหน่งกรรมการบริหาร แต่ก็มีหน้าที่ประคับประคองให้กลุ่ม นปช.ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ที่ผ่านมา ตนก็เป็นกรรมการคนหนึ่ง ก็ดำเนินการโดยตลอดอยู่แล้ว
      
       ส่วนกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้พบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในงานเลี้ยงวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ส่วนตัวเห็นว่า เป็นจุดเริ่มต้นกระบวนการปรองดองอย่างชัดเจน แต่ตนต้องขอตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ออกมาแต่งชุดดำประท้วง รวมไปถึง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ที่นำกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วง ด้วยเหตุไม่รู้จักควบคุมตัวเอง หากทำอย่างนี้เชื่อว่า พรรค ปชป.ได้เป็นฝ่ายค้านไปตลอดกาลแน่นอน
      
       ส่วนที่มีหลายฝ่ายออกมาระบุว่า กรณีดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจในกลุ่มมวลชน นปช.ในการพบกันของบุคคลสำคัญทั้ง 2 เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า กลุ่ม นปช.และแกนนำพยายามโจมตี พล.อ.เปรม มาโดยตลอด แต่แล้วกลับมาพูดคุยกัน ทำให้ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้มวลชนฟังได้อย่างไรนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ถือเป็นการทำหน้าที่ ไม่มีเรื่องขัดแย้งส่วนตัว ผู้ใหญ่ก็ควรทำตัวเป็นผู้ใหญ่ อะไรก็ตามที่เป็นจุดเริ่มต้นของประเทศ กลุ่ม นปช.จะไม่ขัดขวาง
      
       นายจตุพร ยังกล่าวถึงการจัดงานรวมพลคนเสื้อแดงที่จะจัดที่โบนันซ่า เขาใหญ่ นครราชสีมา ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะวิดีโอลิงก์มายังสถานที่ชุมนุมในเวลาประมาณ 20.00-21.00 น.คืนวันที่ 25 อย่างแน่นอน ส่วนตัวขอยืนยันว่า งานดังกล่าวที่จัดขึ้นไม่มีการเรียกรับเงินค่าใช้จ่ายใดๆ จาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทย อย่างที่มีกระแสข่าวแน่ ความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำ นปช.และ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นไปด้วยใจ และมีวัตถุประสงค์เดียว คือ ต้องการให้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านรัฐประหารเท่านั้น

..
“ชินวัฒน์” ค้าน “ธิดา” นั่งหัว นปช.
-แนะใจเย็นเลือก ปธ.หวั่นแก๊งแดงแตกซ้ำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กุมภาพันธ์ 2555 14:40 น.
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม (ภาพจากแฟ้ม)



..

“ชินวัฒน์” แกนนำแดงสายแท็กซี่ ค้าน “ธิดา ”นั่งประธาน นปช.
แฉจุดอ่อนชอบเก่งคนเดียว อารมณ์ร้อน แถมตัวติดกันกับ“เหวง”ยังกะปาท่องโก๋ แนะควรแยกหน้าที่งานการเมือง-มวลชน
รอหลังคอนเสิร์ตโบนันซ่า 25 ก.พ. ค่อยเลือกประธานคนใหม่
หวั่นมวลชนไม่ยอมรับ จนแยกไปตั้งกลุ่มใหม่แบบ “ขวัญชัย”

      
       นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งประธาน นปช.คนใหม่ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นมีผู้แสดงตัวชัดเจนว่าจะลงสมัครแม้แต่ตัว นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช.เอง
      
       นายชินวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับบทบาทการนำของ นางธิดา ที่ผ่านมา ตนไม่เห็นด้วยใน 2 ประเด็น คือ 1.นางธิดา ต้องปรับเปลี่ยน ต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่อย่าคิดว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถหรือเก่งอยู่คน เดียว 2.นางธิดา ต้องปรับอารมณ์ให้เยือกเย็นเหมาะสมต่อการเป็นผู้นำมากกว่านี้ นอกจากนี้ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะสามีนางธิดาก็ไม่ควรทำตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ ควรแยกบทบาทหน้าที่ของ ส.ส.ให้ชัดเจน
      
       ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะลงสมัครเพื่อรองรับหากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.นั้น นายชินวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ในทางการเมืองหรือทำงานอยู่ในซีกรัฐบาล ไม่ควรมานั่งในตำแหน่งนี้ เพราะยังมีคนที่ไม่ได้มีหน้าที่และตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคนที่เคยเป็น แกนนำและมีความรู้ความสามารถ เช่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ซึ่งมีความรู้ความสามารถไม่มีภาระในซีกรัฐบาลและที่ผ่านมาก็มีบทบาทในการนำ อยู่แล้วถ้าให้คนที่มีหน้าที่ในซีกรัฐบาลมาเป็นประธาน นปช.ก็จะมีข้อครหานินทาตามมาว่าพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และ นปช.เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
      
       นายชินวัฒน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หาก นายจตุพร พ้นจากการเป็น ส.ส.เขาก็ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง มันก็ควรอยู่ที่เขาจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ แต่ในระหว่างนี้ถ้ายังมีหน้าที่ทางการเมืองก็เป็นเรื่องที่ต้องทำงานให้กับ คนทั้งประเทศเพื่อรักษาบทบาททางการเมืองไม่ให้มีแผล ก็อย่าเข้ามารับตำแหน่งนี้เลยจะดีกว่าและขอให้แกนนำ นปช.ทั้งหลายหนุนการเลือกตั้งประธานที่มาจากภาคประชาชนที่แท้จริงจะเหมาะสม กว่า ควรมีการตั้งกรอบกติกาให้ชัดเจนก่อนแล้วจึงเปิดให้มีการเลือกตั้งอย่างโปร่ง ใสได้หรือไม่หรือเปิดโอกาสให้คนอื่นที่ไม่ได้เป็นแกนนำอย่าปิดห้องแล้วแกนนำ ยกมือเลือกกันเอง
      
       “ผมว่าไม่ควรรีบร้อนเลือกตั้งประธาน นปช.รอหลังการจัดคอนเสิร์ต นปช.วันที่ 25 ก.พ.ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ไปก่อนก็ได้ ผมเห็นว่าถ้าเลือกกันเองแล้วได้แกนนำคนใดคนหนึ่งในที่ประชุมมาทำหน้าที่ ความเชื่อมั่นจะไม่เกิดและเขาก็จะไม่ฟังเสียงแล้วก็ไปตั้งกลุ่มกันเอง ซึ่งทุกวันนี้มันก็เป็นเช่นนั้นเช่น นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรก็ออกไปดำเนินการเองและไม่มาร่วมกับ นปช. ส่วนกลางแล้ว ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในวันที่ 15 ก.พ.นี้ จะมีการเลือกตั้งประธาน นปช.หรือไม่” นายชินวัฒน์ กล่าวและว่า อย่าลืมว่าหัวเป็นเรื่องสำคัญเหมือนวัด ถึงมีพระปฏิบัติดีทั้งวัด แต่เจ้าอาวาสเสีย วัดนั้นก็จะไม่มีผู้ศรัทธา ในเรื่องขององค์กรก็เช่นกัน ถ้าผู้นำองค์กรมาด้วยความไม่เชื่อมั่น ก็จะเหมือนการปูเสื่อทับขี้หมา ถึงแม้จะดูสะอาดแต่ก็ยังส่งกลิ่นเหม็นอยู่
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง