บทความจาก สหพร ทิพย์จำนงค์
น้ำมันหลายบ่อฝรั่งขุดขายแบบฟรีๆครับ เพราะทำสัญญาสัมปทานแก๊ส ส่วนน้ำมันไม่ได้อยู่ในสัญญา หมายความว่าน้ำมันที่ได้จะได้ไปฟรีๆ...ตอนนี้เรามีแก๊สที่มากกว่าคูเวต แต่เราใช้แก๊สแพง เราส่งออกน้ำมันอันดับที่33ของโลกแต่ก็ใช้น้ำมันแพงเนื่องจากน้ำมันที่ขุดได้นั้นส่งออกทั้งหมด ส่วนที่เราใช้กันนั้นนำเข้าครับ ฟันกำไรอย่างน้อยสองต่อจากเงินเจ้าของทรัพยากรก็คือประชาชนอย่างเราๆไม่นับภาษีซับซ้อนที่บวกเข้ามาครับ..ยังไม่พอนะครับ..จริงๆแล้วเรามีน้ำมันติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก แต่ยกสัมปทานให้บริษัทต่างชาติที่มีบริษัทนอมินีคนไทยเกือบทั้งหมด...แม้เป็นเศรษฐีน้ำมันแต่ยากจนกว่าชาติที่ ไม่มีน้ำมัน..เราเรียนฟรีได้ถึงด็อกเตอร์ รักษาพยาบาลฟรีในมาตรฐานสูงๆเท่ากันหมด เรามีสวัสดิการที่สุดยอดได้ทั้งชีวิต..แต่นรกลิขิตให้มีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า นักการเมืองไทยมาเบียดบังชีวิตเราและลูกหลาน...เปลี่ยนนรก ลิขิต เป็นลิขิตสวรรค์ด้วยใจที่รักชาติของพี่น้องด้วยVote no ทวงคืนอำนาจประชาชน เพื่อทวงคืนทรัพยากรกลับมาให้พี่น้องเราทั้งชาตินะครับ
วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ติดตามข่าวการยื่นถวายฯการยุบสภาฯของท่านนายกฯแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่า..../ อ,รังสรรค์ วงษ์บุญ
ติดตามข่าวการยื่นถวายฯการยุบสภาฯของท่านนายกฯแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่า.
1. กฎหมายลูกฯเกี่ยวกับการเลือ กตั้ง อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญฯ รอวันพิจารณาพิพากษาคดีซึ่ง ไม่มีใครทราบล่วงหน้าว่าผลจ ะออกมาเป็นเช่นไร
2. ท่านนายกฯยื่นวันยุบสภาฯเพื ่อโปรดเกล้าฯ ซึ่งถ้าโปรดเกล้าฯตามที่ท่า นนายกฯเสนอก่อนที่ศาลรัฐธรร มนูญจะมีคำพิพากษา จะเป็นการยืมมือสถาบันฯกดดั นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ ถ้าหากว่าศาลรัฐธรรมนูญพิจา รณาแล้วพบว่ากฎหมายลูกที่เก ี่ยวกับการเลือกตั้งผิดกฎหม าย ผลในทางการเมืองและผลกระทบต ่อการบริหารประเทศจะเป็นเช่ นไร
3. อยากเรียนถามท่านนายกฯว่ากา รที่ท่านฯเร่งกระบวนการทุกอ ย่างเพื่อหนีความรับผิดชอบข องพรรคของท่านต่อการออก mou2543 และ ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาในการป ระชุมมรดกโลกในเดือนมิถุนาย น และ ผลการพิจารณาของศาลโลกฯ นั้น ทำไมท่านต้องเอาคนไทยทั้งปร ะเทศ รวมทั้งสถาบันอันเป็นที่รัก และเคารพของคนไทยทั้งปวงลงม าเป็นเครื่องมือทางการเมือง ของท่านด้วยเล่า
ติดตามข่าวการยื่นถวายฯการยุบสภาฯของท่านนายกฯแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่า.
1. กฎหมายลูกฯเกี่ยวกับการเลือ
2. ท่านนายกฯยื่นวันยุบสภาฯเพื
3. อยากเรียนถามท่านนายกฯว่ากา
พบใบปลิวกล่าวหาทหารยิงชาวบ้านในร้านน้ำชาว่อนตลาดบันนังสตา ยะลา -
พบใบปลิวกล่าวหาทหารยิงชาวบ้านในร้านน้ำชาว่อนตลาดบันนังสตา
ยะลา -
ชาวบ้านพบใบปลิว ข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทหารยิงชาวบ้านในร้านน้ำชาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสีย ชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ถูกทิ้งเกลื่อนตลาดบันนังสตา
เมื่อ เวลา 07.50 น.วันนี้(5 พ.ค.) พ.ต.อ.สุวัตต์ วงศ์ไพบูลย์ ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบใบปลิวกล่าวหา เจ้าหน้าที่ทหาร ยิงชาวบ้านในร้านน้ำชา ถูกทิ้งตามร้านน้ำชา หน้าโรงพยาบาลและหน้าโรงพัก จำนวนหลายแผ่น จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ศุภชัช ยีหวังกอง รอง ผกก.ป พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ออกไปตรวจสอบ พบว่ามีชาวบ้านต่างมุงอ่านใบปลิวด้วยความสนใจ พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ขอเก็บใบปลิวดังกล่าวมายัง สภ.เพื่อทำการตรวจสอบและรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป
สำหรับ ใบปลิว นั้นมีลักษณะเป็นกระดาษ เอ 4 พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ที่หัวกระดาษ มีภาพทหารในชุดสนามถือปืนเอ็ม 16 มีตัวหนังสือที่มุมภาพว่า ละครเรื่อง เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา กำกับโดยตาเดียว หัวข้อในใบปลิว พิมพ์ตัวใหญ่ว่า “เหี้ยม! เจ้าหน้าที่ทหาร กระหน่ำยิงใส่ร้านน้ำชาวบ้านดับ 4 บาดเจ็บ 21 ราย”
และ มีเนื้อหาว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2554 ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารไม่ต่ำกว่า 5 คนขับรถปิคอัพใช้อาวุธเอ็ม 16 และอาก้า กราดยิงเข้าไปในร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 21 จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งทราบว่า ขณะที่ชาวบ้านกว่า 30 ราย กำลังนั่งดื่มน้ำชาและซื้ออาหารที่ริมถนน หน้าโรงเรียนบ้านกาโสด ซึ่งอยู่ห่างจากกองร้อยสังกัด ฉก.15 ประมาณ 100 เมตร ได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร มากับรถกระบะ มาจอดที่หน้าร้านน้ำชา แล้วคนหนึ่งอยู่ท้ายกระบะ ก็ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ชาวบ้านที่นั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะริมถนน เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะหลบหนีไป และเจ้าหน้าที่ทหารได้ยิงปืนขู่ตลอดทาง เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่พบเห็น
ลงท้าย ปล.หลังยิงชาวบ้านเสร็จ รถเจ้าหน้าที่ทหารมุ่งหน้าไปยังโรงพักบาตูตาโมง ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กม.
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000055185
ยะลา -
ชาวบ้านพบใบปลิว ข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทหารยิงชาวบ้านในร้านน้ำชาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสีย ชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ถูกทิ้งเกลื่อนตลาดบันนังสตา
เมื่อ เวลา 07.50 น.วันนี้(5 พ.ค.) พ.ต.อ.สุวัตต์ วงศ์ไพบูลย์ ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบใบปลิวกล่าวหา เจ้าหน้าที่ทหาร ยิงชาวบ้านในร้านน้ำชา ถูกทิ้งตามร้านน้ำชา หน้าโรงพยาบาลและหน้าโรงพัก จำนวนหลายแผ่น จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ศุภชัช ยีหวังกอง รอง ผกก.ป พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ออกไปตรวจสอบ พบว่ามีชาวบ้านต่างมุงอ่านใบปลิวด้วยความสนใจ พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ขอเก็บใบปลิวดังกล่าวมายัง สภ.เพื่อทำการตรวจสอบและรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป
สำหรับ ใบปลิว นั้นมีลักษณะเป็นกระดาษ เอ 4 พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ที่หัวกระดาษ มีภาพทหารในชุดสนามถือปืนเอ็ม 16 มีตัวหนังสือที่มุมภาพว่า ละครเรื่อง เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา กำกับโดยตาเดียว หัวข้อในใบปลิว พิมพ์ตัวใหญ่ว่า “เหี้ยม! เจ้าหน้าที่ทหาร กระหน่ำยิงใส่ร้านน้ำชาวบ้านดับ 4 บาดเจ็บ 21 ราย”
และ มีเนื้อหาว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2554 ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารไม่ต่ำกว่า 5 คนขับรถปิคอัพใช้อาวุธเอ็ม 16 และอาก้า กราดยิงเข้าไปในร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 21 จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งทราบว่า ขณะที่ชาวบ้านกว่า 30 ราย กำลังนั่งดื่มน้ำชาและซื้ออาหารที่ริมถนน หน้าโรงเรียนบ้านกาโสด ซึ่งอยู่ห่างจากกองร้อยสังกัด ฉก.15 ประมาณ 100 เมตร ได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร มากับรถกระบะ มาจอดที่หน้าร้านน้ำชา แล้วคนหนึ่งอยู่ท้ายกระบะ ก็ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ชาวบ้านที่นั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะริมถนน เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะหลบหนีไป และเจ้าหน้าที่ทหารได้ยิงปืนขู่ตลอดทาง เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่พบเห็น
ลงท้าย ปล.หลังยิงชาวบ้านเสร็จ รถเจ้าหน้าที่ทหารมุ่งหน้าไปยังโรงพักบาตูตาโมง ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กม.
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000055185
นักรบติดอาวุธสงคราม ในม๊อบเสื้อแดง
นักรบติดอาวุธสงคราม ในม๊อบเสื้อแดง
ม๊อบยืนดูกันหน้าสลอน เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกเดียวกัน
สนธิ ชูธง ปฏิรูปการเมืองหลังโหวตโน
สนธิ" มั่นใจ "โหวตโน" เป็นระเบิดพิฆาตนักการเมืองเลวตายหมู่ ชี้ถ้าไม่เลือกอัปรีย์ จัญไรก็มา ถึงเวลาปชป.ต้องสู้ "ทักษิณ" เอง ส่วนที่ให้เลือกคนเลวน้อยที่สุด พธม.ตาสว่าง จะล้างทั้งยาพิษ ล้างทั้งเชื้อโรค เดินหน้า "ปฏิรูปการเมือง" หลังโหวตโน ถ้า "ทักษิณ"มาก็จะสู้เรื่องปฏิรูปการเมืองเต็มสูบ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดินที่สะพานมัฆวานว่า การรณรงค์โหวตโน(ไปใช้สิทธิเลือกตั้งการช่องไม่ประสงค์จะเลือกใคร) ทำให้ความฝันของคนบางคนสลายไปหมดเลย อย่างเช่นบางคนมายึดพรรคการเมืองใหม่ เป็นพวกซ้ายจัด พวกซ้ายหลงยุค มีการแทรกซึมเข้ามาในพรรค แล้วเข้าใจว่าฐานเสียงของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 3-4 แสนเสียง จะทำให้ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อประมาณ 5-6 คนเป็นอย่างน้อย
ส่วนทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ฝันว่า ถ้ารณรงค์ไม่เลือกเราเขามาแน่ จะมีพันธมิตรไปลงคะแนนให้ เหมือนในอดีตที่มีฐานเสียง 5-6 ล้านเสียง เมื่อมีพันธมิตรฯ ประชาธิปัตย์ก็ได้คะแนนเพิ่มมาเป็น 12 ล้านเสียง คิดว่าเนรคุณไปเถอะ พันธมิตรมันจำไม่ได้ และพันธมิตรต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์อีก พอวันนี้มาเจอเรารณรงค์โหวตโน การโหวตโน คือ ระเบิดพิฆาตที่พอลงแล้ว ตายหมู่เลย เพราะว่า ประการแรก แคมเปญไม่เลือกเราเขามาแน่ พอดีตอนนี้พี่น้องพันธมิตรมีปัญญา ถึงไม่เลือกอัปรีย์จัญไรก็มา แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็เถียงประเด็นนี้ไม่ออก จึงพลิกประเด็นว่า ให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด แสดงว่าเริ่มจนมุม หลังชนกำแพง ถึงบอกว่าให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด ความหมาย คือ บอกว่ามันมียาพิษ วางอยู่บนจานถ้ากินแล้วต้องตาย ให้กินเชื้อโรคดีกว่า แต่พี่น้องพันธมิตรบอกว่าขอเอาจานไปล้างให้สะอาดก่อน นั่นคือ การรณรงค์โหวตโน
นายสนธิกล่าวว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าไม่เลือกเราเขามาแน่ ตนอยากบอกว่ามาแล้วเป็นอย่างไร มาแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ต่อสู้กับเขาไปสิ ไหนบอกว่าต้องจบที่สภา บอกว่าพวกเราเป็นแก๊งค์ข้างถนน ก็ไปสู้ในสภาเอาสิ ก็นำประชาชนฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์ไปสู้กับทักษิณสิ มาเดือดร้อนอะไร ถ้าเราโหวตโน แล้วมันจะหนักหัวกบาลใคร
การโหวตโน คือ ยาแก้ไข้สารพัดพิษครอบจักรวาล พวกเราเดินหน้าโหวตโน และปฏิรูปการเมือง ถ้าเราต้องสู้กับพ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้ง เราก็จะสู้ในเรื่องปฏิรูปการเมือง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ไปสู้กันเอง ตอนนี้ก็มีนายเจิมศักดิ์ มีนายจิตรกร มีนายแก้วสรร แล้วก็สู้ไปสิ ก็ไหนบอกว่าทุกอย่างต้องจบที่สภา แล้วถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วจะเช็คบิลพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ไหนหลายๆเรื่องที่ทำไว้ก็เรื่องของเขา ส่วนเราพันธมิตรฯ เมื่อโหวตโนเสร็จแล้ว ก็จะเดินหน้าปฏิรูปการเมือง และเราจะสู้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเขาไม่ยอมปฏิรูปการเมือง ตอนนี้ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องรักษาไข้ของตัวเองแล้ว อย่ามาหลอกรับประทาน อย่ามาตลกบริโภค ตลกรับประทาน ตอนนี้พี่น้องพันธมิตรฯต้องอดทน เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการโหวตโนจะทำให้แพ้เลือกตั้ง ก็ส่งหมาแต่ละตัวออกมาเห่าหอน ทั้งหมาอ้วนขาเป๋ หมาผอมขี้เรื้อนเต็มตัวมาเห่าหอน พี่น้องพันธมิตรฯต้องอดทน เพราะหมาพวกนี้ไม่มีราคา แม้กระทั่งคนกินหมา ยังไม่อยากฆ่าแล้วเอาเนื้อมันไปกินเลย เพราะหมาพวกนี้เกิดมากินอะไรไม่เป็นนอกจากกินขี้
นายสนธิกล่าวว่า ภารกิจของเรา คือไม่ต้องไปกินยาแทนพรรคประชาธิปัตย์ อย่าให้เขามาตลกบริโภค เดินหน้าโหวตโนลูกเดียว เพราะพรรคประชาธิปัตย์บอกไม่เลือกเราเขามาแน่ ก็ไปสู้กันเองสิ และที่ให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด ก็เราจะล้างชามใหม่ จะล้างยาพิษออก ล้างเชื้อโรคออก จะได้กินข้าวอย่างถูกสุขลักษณะ เราต้องเผยแพร่กระจายตรงนี้ออกไปให้มากๆ โหวตโนลูกเดียว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดินที่สะพานมัฆวานว่า การรณรงค์โหวตโน(ไปใช้สิทธิเลือกตั้งการช่องไม่ประสงค์จะเลือกใคร) ทำให้ความฝันของคนบางคนสลายไปหมดเลย อย่างเช่นบางคนมายึดพรรคการเมืองใหม่ เป็นพวกซ้ายจัด พวกซ้ายหลงยุค มีการแทรกซึมเข้ามาในพรรค แล้วเข้าใจว่าฐานเสียงของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 3-4 แสนเสียง จะทำให้ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อประมาณ 5-6 คนเป็นอย่างน้อย
ส่วนทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ฝันว่า ถ้ารณรงค์ไม่เลือกเราเขามาแน่ จะมีพันธมิตรไปลงคะแนนให้ เหมือนในอดีตที่มีฐานเสียง 5-6 ล้านเสียง เมื่อมีพันธมิตรฯ ประชาธิปัตย์ก็ได้คะแนนเพิ่มมาเป็น 12 ล้านเสียง คิดว่าเนรคุณไปเถอะ พันธมิตรมันจำไม่ได้ และพันธมิตรต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์อีก พอวันนี้มาเจอเรารณรงค์โหวตโน การโหวตโน คือ ระเบิดพิฆาตที่พอลงแล้ว ตายหมู่เลย เพราะว่า ประการแรก แคมเปญไม่เลือกเราเขามาแน่ พอดีตอนนี้พี่น้องพันธมิตรมีปัญญา ถึงไม่เลือกอัปรีย์จัญไรก็มา แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็เถียงประเด็นนี้ไม่ออก จึงพลิกประเด็นว่า ให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด แสดงว่าเริ่มจนมุม หลังชนกำแพง ถึงบอกว่าให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด ความหมาย คือ บอกว่ามันมียาพิษ วางอยู่บนจานถ้ากินแล้วต้องตาย ให้กินเชื้อโรคดีกว่า แต่พี่น้องพันธมิตรบอกว่าขอเอาจานไปล้างให้สะอาดก่อน นั่นคือ การรณรงค์โหวตโน
นายสนธิกล่าวว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าไม่เลือกเราเขามาแน่ ตนอยากบอกว่ามาแล้วเป็นอย่างไร มาแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ต่อสู้กับเขาไปสิ ไหนบอกว่าต้องจบที่สภา บอกว่าพวกเราเป็นแก๊งค์ข้างถนน ก็ไปสู้ในสภาเอาสิ ก็นำประชาชนฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์ไปสู้กับทักษิณสิ มาเดือดร้อนอะไร ถ้าเราโหวตโน แล้วมันจะหนักหัวกบาลใคร
การโหวตโน คือ ยาแก้ไข้สารพัดพิษครอบจักรวาล พวกเราเดินหน้าโหวตโน และปฏิรูปการเมือง ถ้าเราต้องสู้กับพ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้ง เราก็จะสู้ในเรื่องปฏิรูปการเมือง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ไปสู้กันเอง ตอนนี้ก็มีนายเจิมศักดิ์ มีนายจิตรกร มีนายแก้วสรร แล้วก็สู้ไปสิ ก็ไหนบอกว่าทุกอย่างต้องจบที่สภา แล้วถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วจะเช็คบิลพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ไหนหลายๆเรื่องที่ทำไว้ก็เรื่องของเขา ส่วนเราพันธมิตรฯ เมื่อโหวตโนเสร็จแล้ว ก็จะเดินหน้าปฏิรูปการเมือง และเราจะสู้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเขาไม่ยอมปฏิรูปการเมือง ตอนนี้ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องรักษาไข้ของตัวเองแล้ว อย่ามาหลอกรับประทาน อย่ามาตลกบริโภค ตลกรับประทาน ตอนนี้พี่น้องพันธมิตรฯต้องอดทน เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการโหวตโนจะทำให้แพ้เลือกตั้ง ก็ส่งหมาแต่ละตัวออกมาเห่าหอน ทั้งหมาอ้วนขาเป๋ หมาผอมขี้เรื้อนเต็มตัวมาเห่าหอน พี่น้องพันธมิตรฯต้องอดทน เพราะหมาพวกนี้ไม่มีราคา แม้กระทั่งคนกินหมา ยังไม่อยากฆ่าแล้วเอาเนื้อมันไปกินเลย เพราะหมาพวกนี้เกิดมากินอะไรไม่เป็นนอกจากกินขี้
นายสนธิกล่าวว่า ภารกิจของเรา คือไม่ต้องไปกินยาแทนพรรคประชาธิปัตย์ อย่าให้เขามาตลกบริโภค เดินหน้าโหวตโนลูกเดียว เพราะพรรคประชาธิปัตย์บอกไม่เลือกเราเขามาแน่ ก็ไปสู้กันเองสิ และที่ให้เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด ก็เราจะล้างชามใหม่ จะล้างยาพิษออก ล้างเชื้อโรคออก จะได้กินข้าวอย่างถูกสุขลักษณะ เราต้องเผยแพร่กระจายตรงนี้ออกไปให้มากๆ โหวตโนลูกเดียว
ผู้นำ ศรีธนญชัย !! โดยก้อนกรวด
๐๐ แม้จะแก้ตัวแบบ “ศรีธนญชัย”ว่าการประชุม ครม.นัดทิ้งทวนเมื่อวันก่อนของ “รัฐบาล มาร์ค” ไม่ได้มีการอนุมัติโครงการแบบ “ทิ้งทวน”กว่า206 โครงการมูลค่ากว่า แสนล้านบาท แต่อ้างว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่า เป็นภาระผูกพันที่อนุมัติจริงๆมีเพียงร้อยกว่าโครงการมูลค่าแค่หมื่นกว่า ล้านบาท โดยอ้างความจำเป็นเพื่อความต่อเนื่อง หากไม่อนุมัติตอนนี้ต้องรอไปอีกประมาณ 3 เดือน เกิดความเสียหายทางราชการ เกิดความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ได้ยินเช่นนั้นมันก็จริงอยู่ว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่า แต่คราวนี้ก็มีการ “รับทราบ” ความหมายก็คือเป็นการอนุมัติไว้ล่วงหน้าแล้ว และเมื่ออยู่ใน “ช่วงชุลมุน” มันก็ถือเป็นโอกาสเหมาะอยู่แล้ว ดังนั้นการที่บอกว่าไม่ได้ทิ้งทวน ไม่ได้ “เทกระจาด” มัน ก็เป็นแค่คำแก้ตัวหน้าด้านๆ เพื่อป้องกันถูกด่าเท่านั้นเอง และไม่ว่าจะใช้คำว่ารับทราบ เพื่อทราบมันจะต่างกันตรงไหนเพราะความหมายก็คือรัฐบาลชุดนี้เป็นคนอนุมัติ นั่นเอง
๐๐ สำหรับการยุบสภานั้นมีแนวโน้มสูงว่าจะต้องเลื่อนออกไปหลังวันที่ 9 พ.ค.เพราะต้องรอศาลรธน.วินิจฉัยกม.ลูก 3 ฉบับเสียก่อน และล่าสุด จรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการออกมายืนยันแล้วว่าไม่อาจพิจารณาได้ทันในวันที่ 6 พ.ค.ตามกรอบที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ กำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างไร นายกฯอภิสิทธิ์ก็ยังยืนยันว่าเป็นไปตามกรอบเดิม นั่นก็หมายความว่าอาจจะมีการเสนอทูลเกล้าฯยุบสภาไปก่อน ส่วนจะโปรดเกล้าฯลงมาเมื่อไหร่นั้นก็แล้วแต่ความเหมาะสม
๐๐ขณะที่ความเคลื่อนไหวสำหรับ “นักเลือกตั้ง” ที่กำลังอยู่ในช่วงกำลัง “ต่อรอง” โก่งค่าตัว หรือเสนอตัวให้ประมูลราคาตาม “เกรด” เอบีซี ซึ่งก็มีผลต่อราคาค่างวดของตัวเองในอนาคต แต่ตอนนี้ถือว่ายังไม่ใช่ข้อตกลงแบบตายตัว เพราะยิ่งใกล้วันยุบสภา และใกล้วันครบกำหนดตามกฎหมายก็ยิ่งจะต้องมีการแข่งขันในการปั่นราคาให้สูง ที่สุด เท่าที่จะทำได้ ขณะที่พรรคการเมืองก็เริ่มทยอยเปิดตัวออกมาส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะพรรคเล็ก พรรคน้อย ล่าสุดพรรค “พลังชล” ของกลุ่ม “คุณปลื้ม” ที่มี สนธยา คุณปลื้ม ชักใยอยู่ข้างหลังประกาศใช้จุดขาย “พรรคท้องถิ่น” หวังกวาดส.ส.ในเขตจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ได้ ส.ส.ประมาณ 5-10 ที่นั่งก็รอร่วมรัฐบาลได้แล้ว เหมือนตัวอย่าง “พรรคกิจสังคม” ของสุวิทย์ คุณกิตติ ที่นำร่องมาก่อนในยุครัฐบาลปัจจุบัน
๐๐ นอกจากนี้ยังมีพรรค “มาตุภูมิ” ของ “บังสนธิ” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่พุ่งเป้ากวาดคะแนนเสียงจากกลุ่ม “มุสลิม” ทั้งในภาคใต้ และในกรุงเทพฯแถบชานเมือง หวัง ส.ส.เข้ามาสัก 5-7 ที่นั่งมันก็หรูแล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมันก็ไม่ต่างจากการ “ลงทุน” ทำ “ธุรกิจการเมือง” ที่คุ้มค่า เพราะเชื่อว่าหลังเลือกตั้งแล้วคงไม่มีพรรคการเมืองใดได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด ต้องเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน มันก็เป็นโอกาสอันดีของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีโอกาสในการ “ต่อรอง” ในการหาผลประโยชน์ทางอำนาจได้มากขึ้น
๐๐ภาพที่เห็นก็เป็นภาพเดิมๆของคนอีกประเภทหนึ่งที่ต้องเคลื่อนไหวแบบนี้ทุกครั้ง จนเป็น “วงจรอุบาทว์” ของกลุ่ม “ธุรกิจการเมือง” ที่มีแต่คนหน้าเดิม ที่ทุกครั้งเมื่อปี่กลองเชิดคนพวกนี้ก็จะแบ่งสันปันส่วนประเทศไทยราวกับว่า เป็นของตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนมาใช้อธิปไตยของปวงชน มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งที่ “หลอกลวง” ไม่ได้มาตรฐาน มีแต่การซื้อเสียง ข่มขู่ทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองได้เป็น ส.ส.แล้วมาถอนทุน หมุนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้ และนับวันยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
๐๐ เมื่อเป็นแบบนี้มันก็น่า “ขยะแขยง” และน่ารังเกียจ จึงเป็นที่มาของแนวคิด “โหวตโน” ไม่เลือกใคร เพราะ “เลวไม่ต่างกัน” เมื่อเห็นกันอยู่หากยังปล่อยให้สภาพเน่าๆอยู่แบบนี้ต่อไป เราก็ไม่สมควรให้ผ่านไปเฉยๆ ต้องบอยคอตแสดงความรังเกียจให้เห็นกันบ้าง ปล่อยให้ปูยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอยู่ทำไม
๐๐กลายเป็นว่ารัฐบาลที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ได้นำประเทศเข้าสู่ “ความเสี่ยง” สมบูรณ์แบบในกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเรากำลัง “ถูกดูด” เข้าสู่ศาลโลกที่เราไม่เห็นทางชนะได้เลย เพราะเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบจากประเทศต่างๆที่เป็นองค์คณะ ซึ่งก็คงไม่หนีไปจากพวกประเทศมหาอำนาจ ซึ่งในที่นี้ก็คงไม่หนี ฝรั่งเศสแน่นอน แต่คำถามก็คือทำไมเราต้องไปยอมรับในสิ่งที่มันเสียเปรียบ ทำไมไม่บอกปัดตั้งแต่แรก ทำไมต้องมาพิสูจน์ ต้องพิสูจน์เรื่องแบบนี้ทำไม เพราะแม้กระทั่งการใช้กำลังทหารในการตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาเรายัง “ไม่ได้เปรียบ” เสียหายไม่คุ้มค่าเลย !!
๐๐ สำหรับการยุบสภานั้นมีแนวโน้มสูงว่าจะต้องเลื่อนออกไปหลังวันที่ 9 พ.ค.เพราะต้องรอศาลรธน.วินิจฉัยกม.ลูก 3 ฉบับเสียก่อน และล่าสุด จรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการออกมายืนยันแล้วว่าไม่อาจพิจารณาได้ทันในวันที่ 6 พ.ค.ตามกรอบที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ กำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างไร นายกฯอภิสิทธิ์ก็ยังยืนยันว่าเป็นไปตามกรอบเดิม นั่นก็หมายความว่าอาจจะมีการเสนอทูลเกล้าฯยุบสภาไปก่อน ส่วนจะโปรดเกล้าฯลงมาเมื่อไหร่นั้นก็แล้วแต่ความเหมาะสม
๐๐ขณะที่ความเคลื่อนไหวสำหรับ “นักเลือกตั้ง” ที่กำลังอยู่ในช่วงกำลัง “ต่อรอง” โก่งค่าตัว หรือเสนอตัวให้ประมูลราคาตาม “เกรด” เอบีซี ซึ่งก็มีผลต่อราคาค่างวดของตัวเองในอนาคต แต่ตอนนี้ถือว่ายังไม่ใช่ข้อตกลงแบบตายตัว เพราะยิ่งใกล้วันยุบสภา และใกล้วันครบกำหนดตามกฎหมายก็ยิ่งจะต้องมีการแข่งขันในการปั่นราคาให้สูง ที่สุด เท่าที่จะทำได้ ขณะที่พรรคการเมืองก็เริ่มทยอยเปิดตัวออกมาส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะพรรคเล็ก พรรคน้อย ล่าสุดพรรค “พลังชล” ของกลุ่ม “คุณปลื้ม” ที่มี สนธยา คุณปลื้ม ชักใยอยู่ข้างหลังประกาศใช้จุดขาย “พรรคท้องถิ่น” หวังกวาดส.ส.ในเขตจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ได้ ส.ส.ประมาณ 5-10 ที่นั่งก็รอร่วมรัฐบาลได้แล้ว เหมือนตัวอย่าง “พรรคกิจสังคม” ของสุวิทย์ คุณกิตติ ที่นำร่องมาก่อนในยุครัฐบาลปัจจุบัน
๐๐ นอกจากนี้ยังมีพรรค “มาตุภูมิ” ของ “บังสนธิ” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่พุ่งเป้ากวาดคะแนนเสียงจากกลุ่ม “มุสลิม” ทั้งในภาคใต้ และในกรุงเทพฯแถบชานเมือง หวัง ส.ส.เข้ามาสัก 5-7 ที่นั่งมันก็หรูแล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมันก็ไม่ต่างจากการ “ลงทุน” ทำ “ธุรกิจการเมือง” ที่คุ้มค่า เพราะเชื่อว่าหลังเลือกตั้งแล้วคงไม่มีพรรคการเมืองใดได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด ต้องเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน มันก็เป็นโอกาสอันดีของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีโอกาสในการ “ต่อรอง” ในการหาผลประโยชน์ทางอำนาจได้มากขึ้น
๐๐ภาพที่เห็นก็เป็นภาพเดิมๆของคนอีกประเภทหนึ่งที่ต้องเคลื่อนไหวแบบนี้ทุกครั้ง จนเป็น “วงจรอุบาทว์” ของกลุ่ม “ธุรกิจการเมือง” ที่มีแต่คนหน้าเดิม ที่ทุกครั้งเมื่อปี่กลองเชิดคนพวกนี้ก็จะแบ่งสันปันส่วนประเทศไทยราวกับว่า เป็นของตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนมาใช้อธิปไตยของปวงชน มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งที่ “หลอกลวง” ไม่ได้มาตรฐาน มีแต่การซื้อเสียง ข่มขู่ทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองได้เป็น ส.ส.แล้วมาถอนทุน หมุนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้ และนับวันยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
๐๐ เมื่อเป็นแบบนี้มันก็น่า “ขยะแขยง” และน่ารังเกียจ จึงเป็นที่มาของแนวคิด “โหวตโน” ไม่เลือกใคร เพราะ “เลวไม่ต่างกัน” เมื่อเห็นกันอยู่หากยังปล่อยให้สภาพเน่าๆอยู่แบบนี้ต่อไป เราก็ไม่สมควรให้ผ่านไปเฉยๆ ต้องบอยคอตแสดงความรังเกียจให้เห็นกันบ้าง ปล่อยให้ปูยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอยู่ทำไม
๐๐กลายเป็นว่ารัฐบาลที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ได้นำประเทศเข้าสู่ “ความเสี่ยง” สมบูรณ์แบบในกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเรากำลัง “ถูกดูด” เข้าสู่ศาลโลกที่เราไม่เห็นทางชนะได้เลย เพราะเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบจากประเทศต่างๆที่เป็นองค์คณะ ซึ่งก็คงไม่หนีไปจากพวกประเทศมหาอำนาจ ซึ่งในที่นี้ก็คงไม่หนี ฝรั่งเศสแน่นอน แต่คำถามก็คือทำไมเราต้องไปยอมรับในสิ่งที่มันเสียเปรียบ ทำไมไม่บอกปัดตั้งแต่แรก ทำไมต้องมาพิสูจน์ ต้องพิสูจน์เรื่องแบบนี้ทำไม เพราะแม้กระทั่งการใช้กำลังทหารในการตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาเรายัง “ไม่ได้เปรียบ” เสียหายไม่คุ้มค่าเลย !!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน