ก่อนอื่นต้องขอย้ำเรื่องนึง ที่หลายคนอาจไม่รู้
ผู้ว่าฯกทม. ย้ำมาหลายครั้ง เป็นเวลานานแล้วว่า
ระบบการระบายน้ำของกรุงเทพฯ ถูกออกแบบมาเพื่อระบายน้ำฝนที่ตกหนักเท่านั้น (ถึงมีการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ขึ้น) ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อระบายน้ำเหนือ!!
ผู้ว่าฯพูดแล้วพูดอีก พูดจนหน้าดำเป็นท่านเปาบุ้นจิ้นแล้ว
แต่นายกฯปูนิ่มก็ทำเป็นเหมือนไม่เคยได้ยิน ยังคงเฉยเมยเชิดใส่ผู้ว่าฯต่อไป
อาจเพราะความที่ท่านผู้ว่าฯท่านเป็นผู้ดีเกินไป
และคิดว่าฝ่ายโน้นจะฉลาดพอๆกับท่าน
ท่านเลยพยายามบอกอ้อมๆให้ศปภ.และนายกฯปูนิ่มไปคิดต่อเอาเองว่า
กทม.มีเครื่องสูบไม่พอที่จะรับน้ำเหนือ ศปภ.ลองใช้สมองต่อไปสิว่า ควรทำอย่างไร
แต่ศปภ.กับนายกฯปูนิ่ม ดันไม่มีสมองมากพอที่จะประมวลคำบ่นของผู้ว่าฯให้เข้าใจ
พวกศปภ.และนายกฯปูนิ่มเลยดื้อตาใส ปล่อยน้ำเหนือผ่ากลางเข้ากรุงเทพ
ทั้งๆที่ถ้าพยายามผันน้ำไปทางตะวันออกและตะวันตกก่อนหน้านี้สักเดือนให้เต็ม
ที่ กรุงเทพฯไม่น่าท่วมหนัก แต่อย่างว่า สมองปูมันจะมีสักแค่ไหนกัน
-----------------
เมื่อน้ำเข้ากรุงแล้ว
ผู้ว่าฯกทม. จึงจำต้องร้องขอเครื่องสูบน้ำเพิ่มจากศปภ.ทั้งหมด
60เครื่อง
เพราะที่มีอยู่ไม่พอรับการระบายน้ำเหนือ กทม.จึงทำเรื่องผ่านมหาดไทย
เพราะรมว.มหาดไทยเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกฯ
และเป็นที่ปรึกษาศปภ.
ซึ่งกรุงเทพมหานครก็เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับมหาดไทย
แล้วหวังให้มหาดไทยช่วยไปประสานงานไปถึงกระทรวงเกษตร
แล้วกระทรวงเกษตรช่วยสั่งการไปที่กรมชลประทานให้อีกที
มึนมั้ยครับ? ระบบราชการไทยอันแสนจะซับซ้อน
ถ้าผู้ว่าฯ อยู่ๆไปยืมกรมชลประทานโดยตรงเองเลย เดี๋ยวศปภ.จะเขม่นว่า
ข้ามหน้าข้ามตา ข้ามขั้นตอน เดี๋ยวมหาดไทยจะบอกว่า ไม่เห็นหัวมหาดไทยเหรอ
เดี๋ยวเกษตร จะบอกว่า ผู้ว่าฯกทม.หัดรู้ระบบราชการบ้าง
ก็เพราะผู้ว่าฯ ท่านรู้ระบบเชื่องช้าของราชการ พอทำหนังสือปุ๊บ
ก็รีบให้สัมภาษณ์สื่อทันทีว่า ทำเรื่องขอยืมเครื่องสูบน้ำจากกรมชลประทาน
เพราะถ้าไม่พูดให้สื่อรู้เดี๋ยวหนังสือราชการมันจะเดินเป็น
ปู ไปไม่ถึงไหน
แต่ก็อย่างว่า หลังทำหนังสือร้องขอไปแล้ว
ถ้าผู้ว่าฯโทร.สายตรงไปถึงอธิบดีกรมชลเอง ก็น่าจะง่ายขึ้น
แต่ที่มันไม่ง่าย
เพราะทั้ง2หน่วยงานมีแนวทางแก้ไขน้ำท่วมขัดแย้งกันหลายเรื่องมาหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้ เลยอาจเป็นเหตุผลให้ทั้งสองคนคงไม่อยากโทร.ตรงถึงกัน
ทีนี้พอผู้ว่าฯพูดออกสื่อไป แต่รอแล้วรอเล่า
กรมชลก็ไม่ส่งเครื่องสูบมาให้ซักกะที จนกรมชลไประเบิดลงกับผู้ว่าฯ
กันต่อหน้านายกฯปูนิ่มของเรา
กรมชลบอกว่า กรมชลยังไม่ได้รับหนังสือร้องขอจากกทม. และเมื่อไปตรวจสอบแล้ว พบว่า กทม.ดันทำเรื่องขอไปที่มหาดไทย
ฉะนั้นจะมาโทษกรมชลฯไม่ให้ยืมบ่ได้เด้อ!! และที่สำคัญกรมชลก็มีเครื่องสูบไม่พอกับที่กทม.ทำเรื่องขอมา
ผู้ว่าฯ ก็พยายามอดทนข่มใจจนหน้าที่
ดำเริ่มจะ
แดง ตอบกลับอย่างช้าๆไปว่า "ผมยังรอเครื่องของท่านอยู่นะครับ ผมยังรออยู่นะครับ"
(แต่ในใจท่านคงคิด เพราะeปูตัวเดียว ที่เฉยชามาตลอด)
ทีนี้ประธานการประชุม คือนายกฯปูนิ่ม ที่นั่งฟังหน่วยงานระบายน้ำฟัดกันเองจนเสร็จสิ้น จึงเพิ่งจะฉลาดขึ้น และเ
พิ่งจะนึกขึ้นได้ หลังจากที่ทำหูทวนลมมานาน ว่า กทม.มีเครื่องสูบน้ำไม่พอรับน้ำเหนือ จำต้องสั่งให้ศปภ.หาเครื่องมาช่วย
จนเป็นเหตุให้ต่อมา ศปภ.เพิ่งจะประกาศขอยืมจากเอกชน
เพราะรอที่สั่งซื้ออาจไม่ทันการณ์ (ที่ไม่ทันการน่ะเพราะพวกเอ็งนั่นแหล่ะ
ช้าสุดๆ)
---------------------
ยงยุทธ แขวะกทม.ทำไมไม่ซ่อมเครื่องสูบ (ข่าวจากเนชั่น)
7พ.ย.54
เมื่อถามว่า ปัญหาความขัดแย้งของระหว่างกทม. และกรมชลประทาน
ในเรื่องเครื่องสูบน้ำที่กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รวบรวม นายยงยุทธ กล่าวว่า
หน้าที่ทั้งหมดในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องของกทม. โดยสมบูรณ์
รัฐบาลจะเข้าไปยุ่งหรือแทรกแซงไม่ได้ แต่จะเข้าไปช่วยเหลือบ้างพอทำได้
แต่หน้าที่หลักอยู่ที่กทม. ส่วน ศปภ.เป็นเพียงตัวเสริมกทม. อีกครั้ง
ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า กทม.ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ทั้งที่เครื่องสูบน้ำของ กทม.ก็มี แต่ไม่ซ่อมให้พร้อม
เมื่อมีปัญหาจะมาเอาจากรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้
“ผมไม่ได้โยนปัญหาทุกอย่างใส่ กทม.
ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้รวบรวมเครื่องสูบน้ำและแจกจ่ายไปยังต่างจังหวัด
ที่ประสบภัยที่ร้องขอเข้ามาตลอด กำลังมีการระดมเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมอีก” รมว.มหาดไทย กล่าว
สงสัยท่านยงยุทธจะสมองปูอีกคนละ กทม.เขาบอกตั้งนานแล้วว่า
ระบบระบายน้ำที่มีอยู่มันไม่พอรับน้ำเหนือ พอให้เครื่องสูบที่มีอยู่น้อยนิดรับน้ำเหนือ เร่งสูบทั้งวันทั้งคืน มันก็พังนะสิครับท่าน
ถ้าท่านจัดหาเครื่องสูบมาช่วยกทม. เสียตั้งแต่เนิ่นๆ เครื่องมันคงไม่พังเยอะแยะขนาดนี้หรอก
ผมเคยอธิบายให้ฟังไปแล้วว่า
หน้าที่ศปภ.คือจัดการให้น้ำหลบอ้อมกรุงเทพฯให้ได้ ถ้าทำให้น้ำหลบอ้อมกรุงเทพฯไม่ได้
ถือเป็นความบกพร่องของศปภ. ฉะนั้น ศปภ.ก็ต้องรับผิดชอบหาเครื่องสูบน้ำมาช่วยกทม. หรืออำนวยความสะดวกให้กทม.ทำงานได้โดยสะดวก
น่าเขกกระโหลกมท.1จริงๆ เลยว่ะ สมองปูทั้งนายกฯ ยันรองนายกฯ
-------------------------
ดูตัวอย่างความเชื่องช้าของมท.1
7พ.ย.54
เมื่อเวลา 14.00 น. กระทรวงมหาดไทยได้นำสื่อมวลชนนั่งรถเมล์
ของกระทรวงคมนาคม และต่อรถจีเอ็มซี ของทหารบก
ไปยังพื้นที่หน้าห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ ย่านหลัก 4
เพื่อแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าว
โดยนำอาหารมาจาก จ.ชลบุรี และประกอบอาหารในพื้นที่ด้วย
โดยในเบื้องต้นมีการแจ้งกำหนดการว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเดินทางมาแจกของด้วยตนเอง ในเวลา 14.00 น. แต่เมื่อถึงเวลา นายยงยุทธ ยังเดินทางมาไม่ถึง
โดยมีการแจ้งว่า ทางจ.ชลบุรี ขอเลื่อนเวลา เป็น 15.00 น.
เนื่องจากทางจังหวัดยังเตรียมของไม่พร้อม จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นายยงยุทธ
ก็ยังเดินทางมาไม่ถึง ขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าวการแจกอาหารได้มารอรับอาหารเป็นจำนวนมาก แต่
เจ้าหน้าที่ยังไม่ยอมแจก เพราะต้องการให้นายยงยุทธเป็นผู้มาแจก
ทำให้ประชาชนที่ยืนรอรับอาหารต่างไม่พอใจ เนื่องจากต้องรอเป็นเวลานาน
และเกรงว่าอาหารที่อยู่ในกล่องจะเน่าบูดเสียก่อนอย่างที่เคยประสบมาแล้ว
กระทั่งเวลา 16.00 น. นายยงยุทธ ได้เดินทางมาถึง
โดยกล่าวปราศรัยกับประชาชนที่มารอรับสิ่งของว่า
การนำอาหารมาแจกจ่ายในครั้งนี้
เพราะรัฐบาลเป็นห่วงประชาชนแม้เป็นพื้นที่ของกทม. ที่จะต้องดูแล
แต่รัฐบาลทนที่จะเห็นกทม.แก้ไขปัญหาเพียงคนเดียวไม่ได้
จึงได้จัดครัวรัฐบาลออกช่วยเหลือประชาชน
โดยได้รับความสนับสนุนจากจังหวัดชลบุรี
ที่ได้นำอาหารมามอบให้กับประชาชนในครั้งนี้และจะช่วยเหลือต่อไปจนกว่าน้ำจะ
ลด
และการฟื้นฟูหลังจากนี้จะทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างรวดเร็วที่
สุด ซึ่งหน้าที่ให้ความช่วยเหลือเป็นหน้าที่ของกทม. ของ สก. และสข.
ที่คนกทม. เป็นผู้เลือกมา แต่กทม.ทำหน้าที่ไม่ไหว
รัฐบาลจึงได้มาให้ความช่วยเหลือ
โห! ท่านมท.1 เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นเก่งเหมือนนะนี่
--------------------
ผู้ว่าฯกทม. ก็มีข้อเสีย
ที่จริงผมไม่อยากได้ผู้ว่าคนนี้หรอกครับ แต่ผมก็จำใจเลือก เพราะ
เสี่ยอ่างชูวิทย์แกถอนตัวไม่ลง
ผมเคยเขียนหลายครั้งในหลายแห่ง ว่า
ถ้า
มีอุโมงค์ยักษ์แล้ว แต่ถ้า กทม.ไม่เคยมาขุดลอกท่อระบายน้ำตามตรอกซอกซอยบ้าง
อุโมงค์ยักษ์ก็มีประสิทธิภาพไม่เต็มที่ เพราะน้ำจะไปไม่ถึงอุโมงค์ง่ายๆ
อีกทั้ง
คนไทยนิสัยมักง่ายไม่เป็นรองใครในโลก ทิ้งขยะไม่เลือกที่ จิตสำนึกสาธารณะห่วยแตกตั้งแต่เด็กยันแก่
อย่างบ้านผมอยู่โชคชัย4 นับตั้งแต่หมดยุคผู้ว่าฯจำลอง และผู้ว่าฯพิจิตร แล้ว รถขยะก็ไม่มาเก็บทุกวันเหมือนยุคผู้ว่าทั้งสองคนนี้
แถมหลังจากยุคจำลอง และยุคพิจิตรมาแล้ว
ผมจำไม่ได้จริงๆว่า นานแค่ไหนแล้วที่หน้าบ้านผม ไม่เคยมีนักโทษชั้นดีมาขุดลอกท่อ!!
----------------------
หมอเดาakecity ขอทำนายจุดหมายปลายทางของน้ำ
ผมakecity อยู่ย่านลาดพร้าว คาดการณ์ไว้ว่า จุดหมายปลายทางของน้ำบนถนนลาดพร้าวนั้น คาดว่าน้ำต้องการไปให้ถึง
อิมพีเรียลลาดพร้าว เพื่อไปไล่
เสนียดจัญไรที่นั่น แล้วน้ำจะหยุดไม่ไปลาดพร้าวต่อ
แต่น้ำจะเลี้ยวซ้ายเข้าถ.หลวงประดิษฐ์ จุดหมายที่
ซอยโยธินพัฒนา3 ส่วนอีกด้านน้ำจากรามอิทราจะเข้าสู่ถ.ประเสริฐมนูญกิจ แล้วเข้าตีตลบหลัง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ซอยโยธินพัฒนา3
เหมือนกัน
ส่วนน้ำทางด้านพหลโยธิน และด้านวิภาวดี ทำนายว่า มีจุดหมายปลายทางที่
ราชประสงค์ เพราะน้ำต้องการไปไล่
เลือดไพร่สถุลที่เคยเลอะเทอะเปรอะเปื้อนบนถนนเมื่อปีที่แล้ว
ถ้าน้ำเธอยังไม่เหนื่อยไปก่อน ก็อาจจะแวะไปเยี่ยมเยียนที่ทำเนียบ เพราะหน้าทำเนียบก็สกปรกเหลือเกิน
ปล. น้ำ คือชื่อเล่น ส่วนชื่อจริงของเธอคือ
น้ำเน่า!!
เขียนโดย
นักโทษชายแม้ว จรจัด (สร้างสรรค์ความฮาโดย akecity)