'เจาะลึกพนันบอล 1’ ไต่อันดับฮิตการพนันในไทย ติดกันงอมข้าราชการยันวินมอเตอร์ไซค์ คาด ‘บอลยูโร 2012’ เงินสะพัดหลายร้อยล้าน
ศูนย์ข่าว TCIJ เจาะลึก “พนันบอล”
เครือข่ายการพนันที่กว้างขวางในเมืองไทย รองจากหวยใต้ดิน สลากกินแบ่งและไพ่
เติบโตรวดเร็วในรอบ 10 ปี
งานวิจัยชี้เล่นกันทุกกลุ่มอาชีพตั้งแต่พนักงานบริษัท ข้าราชการ
โชเฟอร์แท็กซี่ พ่อค้า มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ที่น่าห่วงคือลุกลามเข้าไปในสถานศึกษาอย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบมากมายทั้ง
ต่อชีวิตบุคคลและสังคม จับตากลางปี 2555 “ฟุตบอลยูโร 2012”
ดันการพนันบอลในไทยพุ่งอีก คาดเงินสะพัดหลายร้อยล้าน
ข่าวการบุกเข้าทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ย่านเตาปูน เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ของเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามอบายมุข กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นที่ถูกขยายสู่การจับกุม และถูกเปิดโปงอีกหลายรูปแบบ สร้างความสนใจแก่สังคมมากขึ้น โดยเฉพาะวิธีการเรียกลูกค้าของแหล่งการพนันขนาดใหญ่ ด้วยวิธีการที่โลดโผนจูงใจนักพนัน อาทิ การจ้างนางแบบมาเปลือยอกให้บริการบนโต๊ะพนัน การให้บริการด้วยการใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้บริการ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือตัดสินใจมากนัก ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มปริมาณลูกค้าพนันให้เจ้ามือพนันแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความซับซ้อนในการหลบซ่อนจากการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกด้วย เชื่อว่าปัจจุบันแหล่งอบายมุข การพนันต่างๆ เหล่านี้กำลังเติบโต จนแทบจะกลายเป็นธุรกิจธรรมดาชนิดหนึ่งในสังคมไทยไปแล้ว
ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน จนถึง 1 กรกฎาคม ศกนี้ วงการฟุตบอลและคอพนันบอลทั่วทั้งโลก จะต้องตื่นตารอคอยการแข่งขัน “ฟุตบอลยูโร 2012” ที่จะมีการถ่ายทอดเผยแพร่ไปทั่วโลก และเพียงเริ่มต้นปี ธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสินค้าลิขสิทธิ์และไม่ลิขสิทธิ์ โทรทัศน์แทบทุกช่องทั้งช่องธรรมดาและช่องดาวเทียม รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์เฉพาะกิจและหนังสือพิมพ์ ก็พากันขยายพื้นที่เพิ่มรายการพิเศษ เตรียมสู่สนามแข่งขันชิงเม็ดเงินทางการค้าและการโฆษณา อันจะกลายเป็นบรรยากาศที่ปลุกเร้ากระแสการพนันบอลครั้งใหญ่ในสังคมไทย
จากวันนี้เป็นต้นไป ศูนย์ข่าว TCIJ จะนำเสนอรายงานเชิงสืบสวนสอบสวน ( Investigative Reports) ที่เจาะลึกวงการพนันฟุตบอล อย่างต่อเนื่องหลายสิบตอน โดยจะนำเสนอรายละเอียดในทุกมิติ และแง่มุมที่น่าสนใจต่างๆ เกี่ยวกับการพนันบอลฟุตบอล ที่กำลังเป็น “ดาวรุ่ง” แห่งการพนันในยุคโลกไร้พรมแดน เพื่อสร้างการเรียนรู้ร่วมกันและชี้ให้เห็นปัญหา ผลกระทบ ตลอดจนแนวทางแก้ไขจากหลายหน่วยงาน ในปัญหาความรุนแรงของการพนันรูปแบบใหม่นี้
(ภาพประกอบจาก ชัยภูมิบ้านเรา)
คนไทยติดการพนัน-วิจัยชี้ 15 ชนิดยอดนิยม
หากย้อนกลับไปในปี 2544 งานวิจัยเรื่อง “หวย ซ่อง บ่อน ยาบ้า เศรษฐกิจนอกกฎหมายและนโยบายสาธารณะในประไทย” ซึ่งจัดทำโดยคณะนักวิจัย ได้แก่ ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร์ ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ และ ผศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ระบุว่า การพนันที่มีผู้นิยมเล่นในประเทศไทยขณะนั้น มีไม่น้อยกว่า 15 ประเภท โดยการพนันที่ผู้เล่นนิยมเล่นเรียงตามลำดับ ได้แก่
- หวยใต้ดิน
- สลากกินแบ่งรัฐบาล
- หวยออมสิน
- การพนันในบ่อน
- หวย ธ.ก.ส.
- หวยหุ้น
- การพนันฟุตบอล
- กีฬาพื้นบ้าน
- มวยหรือมวยตู้
- จับยี่กี
- หวยปิงปอง
- ม้าแข่ง
- การพนันทางอินเตอร์เน็ต
- สลากจากต่างประเทศ
- การพนันประเภทอื่นๆ
1. การพนันในบ่อน 113,958 ล้านบาท
2. หวยใต้ดิน 92,073 ล้านบาท
3. การพนันฟุตบอล 51,085 ล้านบาท
4. สลากกินแบ่งรัฐบาล 38,700 ล้านบาท
5. หวยหุ้น 16,156 ล้านบาท
6. หวยออมสิน 9,341 ล้านบาท
7. หวย ธ.ก.ส. 3,471 ล้านบาท
ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขมูลค่าที่น่าตกใจนี้ ยังถูกเปิดเผยต่อด้วยว่า ในการเล่นการพนันต่างๆ เหล่านั้น พบว่า หวยใต้ดิน เป็นกิจกรรมที่ประชาชนขาดทุนมากที่สุดคือประมาณ 162,600 ล้านบาททั่วประเทศต่อปี ตามมาด้วยบ่อนการพนันในประเทศ ที่ประชาชนขาดทุนอยู่ประมาณ 94,000-148,000 ล้านบาทต่อปี ในส่วนบ่อนชายแดนและบ่อนต่างประเทศ ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่าย 14,000-17,000 ล้านบาทต่อปี อันดับ ที่รองลงจากกลุ่มการพนันบ่อนและหวย ได้แก่ การพันฟุตบอล ที่ประมาณการว่าประชาชนจะขาดทุน 12,000-16,000 ล้านบาทต่อปี ที่เหลือเป็นการพนันอื่นๆ ได้แก่หวยหุ้น ขาดทุนอยู่ที่ 4,000-4,800 ล้านบาทต่อปี หวยออมสิน ขาดทุนที่ประมาณ 2,700 ล้านบาทต่อปี หวยรายวันขนาดทุนที่ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อปี และ หวย ธ.ก.ส.ประชาชนขาดทุนประมาณ 1,050 ล้านบาทต่อปี
ธุรกิจ ‘พนันบอล’โตเร็วแซงขึ้นอันดับ 4 ในรอบ 10 ปี
เมื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับการพนันยอดนิยมของคนไทย มาเปรียบเทียบกับข้อมูลการสำรวจในช่วงเดือนธันวาคม 2553- กุมภาพันธ์ 2554 จะเห็นได้ว่านอกจากการพนันประเภทหวย และสลากกินแบ่งแล้ว “การพนันฟุตบอล” นับเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ไต่อันดับความนิยมในการเล่นพนันของนักพนันจาก อันดับ 7 ขึ้นมาสู่อันดับที่ 4 อย่างรวดเร็ว เป็นรองแค่ หวยใต้ดิน สลากกินแบ่ง และไพ่ เท่านั้น
ผศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ หนึ่งในคณะวิจัยปัญหาการพนัน กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจการพนันฟุตบอลในปัจจุบันว่า ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้คนไทยสามารถรับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว และเกือบจะพร้อมกันกับทั่วโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การพนันฟุตบอล มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะการพนันฟุตบอลเป็นการพนันที่ไร้พรมแดน ในประเทศไทยขณะนี้มีการถ่ายทอดสดทุกแม็ทช์การแข่งขัน นักเล่นสามารถเลือกเล่นได้เกือบทุกวัน ใช้เวลาเพียง 90 นาที ก็รู้ผลแพ้ชนะได้เสียกันแล้ว ประกอบกับความสะดวกสบายในการซื้อขาย ไม่มีอะไรยุ่งยาก ทั้งการคลิกแค่ปลายนิ้วในอินเตอร์เน็ต และโต๊ะรับพนันที่มีอยู่เกลื่อน ทำให้ตลาดการพนันฟุตบอลในประเทศไทยเฟื่องฟูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากเดิมคนเล่นพนันฟุตบอลส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง เป็นคนที่มีการศึกษา เป็นพนักงานออฟฟิศ บริษัทเอกชน หรืออาจจะเป็นข้าราชการบ้าง โดยมีมูลค่าการเล่นแต่ละครั้งในปริมาณที่สูง จึงทำให้ยอดวงเงินการเล่นพนันฟุตบอลสูงตามไปด้วย และดูเหมือนจะเป็นการพนันที่ค่อนข้างเข้าถึงยากสำหรับคนทั่วไป แต่ปัจจุบัน สถานการณ์การพนันฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เมื่อรูปแบบการเล่นพนันถูกปรับให้สะดวกสบาย เล่นง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้การศึกษารายละเอียดอะไรมากนัก ทำให้ กลุ่มคนเล่นพนันฟุตบอลได้ขยายตัวลงไปสู่กลุ่มคนที่กว้างขวางมากขึ้น ทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนงานในโรงงานทั่วไป กระทั่งพ่อค้า โชเฟอร์รถแท็กซี่ ไปจนถึงวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นก็คือ การขยายตัวของธุรกิจพนันฟุตบอลที่กำลังคืบคลานเข้าไปสู่กลุ่มเยาวชน และ เกษตรกรในชนบท ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่ต่างกับการซื้อหวยใต้ดิน
ปรับรูปแบบให้ง่ายทำให้ขยายตัวเร็ว
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การพนันฟุตบอล เริ่มกลายเป็นธุรกิจการพนันมาแรงในประเทศไทยในขณะนี้ ผศ.ดร.นวลน้อย กล่าวว่า น่าจะเกิดจากการปรับรูปแบบของการพนันให้ง่ายต่อความเข้าใจ และซื้อหาง่ายมากขึ้น จากเดิมการพนันบอลจะต้องเล่นแบบคู่ต่อคู่ ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นการพนันแบบแทงเป็นชุด หรือเรียกว่า ฟุตบอลพูล ผู้เล่นสามารถเลือกแทงได้จากโพยที่ถูกจัดพิมพ์ออกมา มีให้เลือกเล่นหลายคู่ โดยไม่ต้องใช้เงินเยอะ แค่หลักสิบหลักร้อยก็สามารถเล่นได้แล้ว หากต้องการแทงคู่ไหนก็จดรายละเอียดชื่อทีมบอลและช่วงเวลาแข่งขันลงไป เหมือนแทงหวยใต้ดินพร้อมกับจ่ายเงิน เมื่อทราบผลหลังการเตะบอล สามารถไปรับเงินได้เลย ปัจจุบันพบว่า นอกจากโต๊ะใหญ่ที่จะเปิดรับแทงแล้ว ยังมีคนเดินโพยบอลเหล่านี้กระจายอยู่ตามแหล่งต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ การพนันบอล จะสามารถวิ่งแซงการพนันรูปแบบอื่นๆ ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของความนิยมเล่นพนันในประเทศไทยนั่นเอง
ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงของการพนันในประเทศไทยปัจจุบัน ทั้งจากสื่อ หรือผลงานการวิจัยต่างๆ จนถึงขณะนี้ คงต้องยอมรับกันแล้วว่า การพนันในสังคมไทยตอนนี้ไม่ได้มีแต่การเล่นหวยใต้ดิน หรือสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้ว การพนันในรูปแบบอื่นๆ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในมุมสีเทาที่อาจมองเห็นไม่ชัด แต่ทว่าทวีความรุนแรงขึ้น จากการขยายตัวเข้าไปสู่กลุ่มคนที่มีอายุน้อยลง โดยเฉพาะการพนันฟุตบอล ซึ่งในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ เทศกาลแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ก็กำลังจะเปิดสนามแข่งขันกันยาวนานตั้งแต่ วันที่ 8 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม 2555 เม็ดเงินสะพัดจากการเล่นพนันฟุตบอลในทุกมุมถนนของประเทศไทย จึงน่าจะสูงจนไม่อาจประเมินค่าได้
‘เจาะลึกพนันบอล 2’ บอลยูโร 2012 บอลชุด-โต๊ะเล็กอู้ฟู่ มีน้อยก็เล่นได้ นศ.ขายตัวใช้หนี้เป็นเรื่องธรรมดา
ค้นหาคำ
‘พนันบอล’ในเว็บไซต์ดังพบเว็บพนันบอลชวนเล่นโจ๋งครึ่ม
วิศวกรหนุ่มชี้ไม่ใช้ใครจะเล่นก็ได้ ต้องเป็นคนมีความรู้
ที่สำคัญไม่เสี่ยงเสียชื่อเสียง เพราะไม่มีใครเห็นหน้าใคร
นักวิจัยไม่ยืนยันตัวเลขเงินหมุนเวียนในธุรกิจมืดนี้ แต่มั่นใจว่าในรอบ
10ปีที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท
ส่วนผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกอยู่กับโต๊ะบอลรายใหญ่เท่านั้น
ค้นหาคำ ‘พนันบอล’ ก็พบเป็นล้านรายการ
หากลองใส่คำค้น “พนันบอล” ลงไปในเว็บไซต์กูเกิลเสิร์ช ภายใน 0.26 วินาที จะได้คำค้นปรากฏบนหน้า จอให้เลือกถึง 3,640,000 รายการ และหากลองคลิกตามหน้าคำค้นเหล่านั้นไปเรื่อยๆ จะพบว่า ในหนึ่งหน้ามีปรากฎเว็บไซต์ให้บริการแทงบอลออนไลน์อย่างโจ่งแจ้งถึง 8 ใน 10 เว็บไซต์ ในแต่ละเว็บไซต์ต่างก็สรรหากลยุทธ์มาเรียกลูกค้า ด้วยเนื้อหา รายละเอียด ข้อมูลสนับสนุนให้ผู้เล่นรู้สึกถึงโอกาสที่จะได้รับเงินจากการพนัน นอกเหนือจากการนั่งดูฟุตบอลเพียงอย่างเดียว ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ค้นหาเกือบ 4 ล้านรายการเหล่านี้ คงจะเป็นข้อยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า ขณะนี้ การพนันบอลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการเสี่ยงโชคของคนไทยที่ก้าวสู่ กระแสยอดนิยม สามารถเข้าถึงได้ง่าย ปลอดภัยต่อตัวผู้เล่น และยังมีข้อมูลสนับสนุนการเล่นแบบไม่ต้องไปแสวงให้ยากลำบากจากแหล่งอื่นๆ อีกต่อไป
วิธีเล่นดึงดูด ไม่เสี่ยงเสียชื่อ
นักพนันบอลไทยวัย 30 กว่าปีรายหนึ่ง มีอาชีพเป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรโรงงานชื่อดังย่านจังหวัดสมุทรปราการ แจงถึงเหตุผลที่เลือกเล่นการพนันบอล มากกว่าการพนันประเภทอื่นว่า การพนันประเภทนี้เป็นการพนันที่ไม่ต้องเอาชื่อเสียง อาชีพการงานไปเสี่ยง ตราบใดที่ไม่ได้ไปก่ออาชญากรรมจนถูกจับได้ การเล่นพนันโดยใช้เสียงโทรศัพท์ฝากแทง ถ้าได้ก็รอรับเงิน แต่ถ้าเสียก็โอนเงินผ่านเอทีเอ็มไปเท่านั้น สังคมรอบตัวไม่มีใครรู้เลย การพนันง่ายๆ แบบนี้จึงเป็นจุดดึงดูดที่เขาเลือกใช้เป็นตัวช่วยในการดูฟุตบอล กีฬาโปรด ให้สนุกเร้าใจกว่าการนั่งดูเพื่อผลชนะและแพ้เท่านั้น ที่สำคัญ ตอนนี้เพื่อนฝูงคนรู้จักกว่าครึ่งหนึ่งล้วนเคยเล่นพนันบอลกันทั้งสิ้น ดังนั้นการพูดคุยแลกเปลี่ยน หาข้อมูล เพื่อใช้ในการเลือกแทงบอลจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือน่าตำหนิในสังคมของเขา อีกต่อไป
“การพนันบอลไม่ใช่เรื่องของการเสี่ยงโชค แต่คุณต้องมีความรู้ ต้องหาข้อมูลมาวิเคราะห์แล้วจึงตัดสินใจ จะได้หรือไม่ได้มันก็อยู่ที่ตัวเรา เพียงแค่ควบคุมตัวให้ได้ เล่นให้พอเหมาะ ก็ไม่ได้ทำให้เสียหายอะไร ใครๆ เขาก็เล่นกันทั้งนั้น”
คำยืนยันจากปากนักพนันรายนี้คงจะไม่แตกต่างจากทัศนะของนักพนันไทยอีก จำนวนมาก ที่มองว่า การพนันบอลในประเทศไทยขณะนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะมีความนิยมเล่นเพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีต ข่าวที่เผยแพร่ในสื่อมวลชนที่แม้จะชี้ให้เห็นถึงโทษที่หนักหนาของการเล่น พนันบอล แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้อนุมานได้ว่า ธุรกิจการพนันฟุตบอลในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ไต่อันดับสู่การพนันยอดฮิต ที่เป็นรองก็คงแค่หวยใต้ดินเท่านั้น
เงินหมุนเวียนหลักแสนล้านต่อปี
ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต หนึ่งในคณะทำงานวิจัยปัญหาการพนัน ในประเด็นการพนันบอลในประเทศไทย กล่าวว่า จากข้อมูลการวิจัยล่าสุด ค่อนข้างชัดเจนว่า การพนันฟุตบอลในประเทศไทย ขณะนี้ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากเดิมมากตามที่ทราบกันแล้วว่า สามารถไต่อันดับจาก 7 ในปี พ.ศ.2544 ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ อันดับ 4 ของการพนันที่คนไทยนิยมมากที่สุด และจากข้อมูลของสำนักงานแผนงานและงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เคยทำไว้ ระบุว่า มีนักเรียนชั้น ม.1-6 เล่นพนันฟุตบอลถึงร้อยละ 26.8 โดยประชาชนที่เล่นพนันยังเสียเงินจากการเล่นพนันฟุตบอลอยู่ในราว 51 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มูลค่าการพนันฟุตบอลของประเทศไทยในแต่ละปีตกอยู่ที่เท่าไหร่ เนื่องจากเป็นธุรกิจผิดกฎหมายที่ไม่มีการเปิดเผยจึงไม่อาจเก็บข้อมูลได้ อย่างชัดเจนนัก แต่จากการทำงานวิจัยตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ โดยทำการสัมภาษณ์ สอบถามข้อมูล และประเมินตัวเลขจากรายได้ของโต๊ะบอลใหญ่ๆ ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ดร.วิษณุระบุว่า เชื่อกันว่าเม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในการพนันฟุตบอลจะตกเฉลี่ยอยู่ราว 1 แสนล้านบาทต่อปีในปัจจุบัน แต่หากในปีใดมีการแข่งขันทัวร์นาเม้นใหญ่ๆ อย่างฟุตบอลโลก ยูฟ่า ยูโร ยอดเงินหมุนเวียนน่าจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะตลอดระยะเวลาการแข่งขัน 1-2 เดือนนั้น เงินหมุนเวียนในระบบการพนันบอล ประมาณการกันว่าอยู่ในราวหลักหมื่นล้านบาทขึ้นไป นั่นหมายถึงว่าในปีนั้นมูลค่าหมุนเวียนของการเล่นพนันบอลในไทยจะเพิ่มขึ้น มากกว่า 1 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน
โต๊ะใหญ่ต่างชาติรับเต็มๆ
เมื่อมูลค่าของการเล่นฟุตบอลหรือเงินหมุนเวียนในระบบมีสูงถึงหลักแสนล้าน บาท ถามว่า ผลประโยชน์เหล่านี้จะตกอยู่กับใครมากที่สุด ดร.วิษณุ ตอบโดยไม่ลังเลว่า จะต้องตกแก่เจ้ามือ หรือโต๊ะบอลรายใหญ่อย่างแน่นอน ที่เหลือเป็นเปอร์เซ็นต์หรือส่วนแบ่งกระจายลงไปตามตัวแทนหรือเอเย่นต์ โต๊ะที่มีลำดับรองๆ ลงมา แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ โต๊ะบอลรายใหญ่ ที่จะได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหล่านี้ มักมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่โยงใยไปถึงนักการเมือง คนมีสีหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพล
สำหรับผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากเงินหมุนเวียนจำนวนนี้ ดร.วิษณุกล่าวว่า เป็นกลุ่มที่อยู่ในกระบวนการเกือบทั้งหมด โดยเงินที่จะถูกกระจายไปยังกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการส่งยอดการซื้อพนันบอล ตามลำดับขั้นต่างๆ นั้น มีตั้งแต่เด็กเดินโพย คนรับซื้อ ที่เข้าถึงลูกค้าโดยตรง ที่จะมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์แล้วแต่ข้อกำหนด ขึ้นอยู่กับจำนวนเม็ดเงินที่แทง แต่ละครั้ง ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าเป็นจำนวนที่น่าพอใจสำหรับผู้ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการ ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่เครือข่ายวงการพนันฟุตบอลจะขยายตัวออกไป อย่างรวดเร็ว แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่จะได้รับเงินจำนวนมหาศาลนี้ก็จะถูกส่งต่อออกไปยังโต๊ะบอล หรือเจ้ามือระดับใหญ่ในต่างประเทศที่มีกฎหมายรองรับ เช่น โต๊ะบอลในประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือแม้แต่โต๊ะรับพนันบอลในประเทศอังกฤษ เป็นต้น
“ตอนนี้โต๊ะพนันบอลที่ดังๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทราบว่าเป็นกลุ่มทุนจากลาสเวกัสมาลงทุน แล้วก็ยังมีในประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง ซึ่งเป็นโต๊ะใหญ่ๆ ที่รับพนันกันอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกันก็มีการพนันบอลแบบออนไลน์ด้วย ซึ่งเว็บไซต์เกี่ยวกับการพนันบอลออนไลน์ นี้จะไปเปิดเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ แล้วจะมีเครือข่ายในประเทศไทย ซึ่งสามารถซื้อกันผ่านเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย และมีวิธีโอนเงินจ่ายเงินที่ง่ายด้วยเช่นกันโดยไม่ต้องผ่านโต๊ะบอลเลย” ดร.วิษณุกล่าว
โต๊ะบอลไทยได้ประโยชน์ทุกระดับ
ในประเทศไทยโต๊ะบอลที่เปิดให้บริการและเป็นที่รู้กันในวงการพนันบอลขณะ นี้ งานวิจัยระบุว่า มีอยู่ไม่กี่แห่ง หนึ่งแห่งเปิดอยู่กลางเมืองกรุงเทพฯ ย่านถนนเยาวราช นับเป็นโต๊ะพนันบอลขนาดใหญ่ที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อย แต่ก็ยังไม่มีใครให้ข้อมูลรายละเอียดได้ ส่วนอีก 3 แห่ง เชื่อว่าตั้งอยู่ในหัวเมืองใหญ่ๆ ในต่างจังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ภูเก็ต และหาดใหญ่ ทั้งนี้เชื่อว่า โต๊ะบอลใหญ่ที่สุดน่าจะเป็น โต๊ะบอลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีมูลค่าเงินหมุนเวียนในการพนันแต่ละวันน่าจะมากกว่าโต๊ะบอลอื่นๆ อยู่หลายเท่าตัว สามารถทำรายได้ส่งออกไปยังโต๊ะพนันบอลในต่างประเทศได้จำนวนมาก เนื่องจากอยู่ใกล้กับชายแดน ซึ่งจะมีวิธีลำเลียงเงินออกไปได้ง่ายกว่าการตั้งโต๊ะอยู่ในเขตอื่น ที่อาจจะต้องใช้วิธีการโอนเงินผ่านธนาคารเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันพบว่า วิธีการโอนเงินผ่านธนาคารซึ่งก่อนหน้านี้จะมีการตรวจสอบทำให้ยุ่งยากต่อการ โอนเงินไปสู่โต๊ะพนันบอลใหญ่ในต่างประเทศ ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว เพื่อให้สะดวกต่อการส่งเงินพนันสู่โต๊ะบอลใหญ่มากขึ้น โดยโต๊ะบอลในประเทศไทยจะใช้วิธีไปเปิดบัญชีในประเทศที่โต๊ะบอลแม่ของตัวเอง เปิดให้บริการอยู่ เพื่อทำการโอนเงินส่งไปโดยตรง เช่น หากโต๊ะบอลแม่ของตัวเองอยู่ในฮ่องกง จะมีการไปเปิดบัญชีไว้ที่ธนาคารในฮ่องกง แล้วใช้วิธีโอนเงินเข้าไปในวงเงินตรงตามจำนวนโดยไม่นำอัตราแลกเปลี่ยนมาคิด ให้เกิดส่วนต่าง เช่น หากต้องการโอนเงินในวงเงิน 1 ล้านบาท ผู้โอนในประเทศไทยจะต้องคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันโอนเพื่อให้เงินที่ถูกโอนไปตรงกับจำนวนเงิน 1 ล้านบาทพอดี ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ง่ายต่อการดำเนินการและหลีกเลี่ยงต่อการตรวจสอบใน ประเทศไทย
ส่วนการโอนเงินในประเทศไทย โต๊ะบอลภายในประเทศจะใช้วิธีการเปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชี เพื่อเปิดให้ลูกค้าสามารถโอนเงินผ่านได้สะดวก ซึ่งในการโอนเงินประเภทนี้ ดร.วิษณุระบุว่า ผู้จัดการธนาคารสาขามักจะมีส่วนรู้เห็นด้วย กล่าวคือผู้จัดการธนาคารมักจะอะลุ่มอล่วยให้มีการโอนเงินเกินวงเงิน หรือยอมให้เปิดบัญชีเกินกำหนด เพราะสิ่งที่ธนาคารได้คือยอดเงินของธนาคารที่จะเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง ซึ่งนอกจากพนักงานธนาคารแล้ว จากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูล ทำให้เชื่อว่าผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการพนันฟุตบอล ยังเกี่ยวพันไปถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐขึ้นไปจนถึงนักการเมืองทั้งในระดับท้อง ถิ่นและระดับชาติเลยทีเดียว
พนันบอลโต๊ะเล็กกำลังเฟื่อง
จากข้อมูลการวิจัยล่าสุด ดร.วิษณุกล่าวว่า สิ่งที่ค้นพบคือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงระยะ 10 ปี ที่ผ่านมาคือ ขณะนี้รูปแบบของการเล่นพนันฟุตบอลกำลังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยจากการสัมภาษณ์เจ้ามือพนันบอลรายใหญ่ๆ หลายรายระบุว่า ลูกค้าที่เข้ามาแทงบอลเริ่มมีปริมาณเม็ดเงินในการเล่นแต่ละครั้งลดน้อยลง ทำให้รายได้จากการพนันบอลโต๊ะใหญ่ๆ ลดน้อยลงตามไปด้วย แต่สำหรับโต๊ะเล็กๆ ที่เปิดให้เล่นบอลชุด กลับกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งพบว่ามีการขยายตลาดการเล่นกันอย่างกว้าง ขวางมากขึ้น ทำให้เจ้ามือโต๊ะบอลรายใหญ่ เริ่มที่จะลดจำนวนลงแต่หันไปให้บริการเปิดหน้าร้านเพื่อรับพนันบอลแบบบอลชุด แทน ปัจจัยที่ทำให้การแทงพนันบอลชุดเติบโตอย่างมากขณะนี้ เป็นเพราะผู้เล่นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากในการแทงบอลแต่ละครั้ง ทำให้มีผู้เล่นมีกำลังในการซื้อพนันได้ทุกวัน ในขณะเดียวกันหากเสียพนันขึ้นมาก็ไม่เกินกำลังที่จะรับภาระหนี้
จากการสัมภาษณ์นักพนันนักศึกษารายหนึ่ง ระบุว่า จากที่เคยเล่นพนันบอลเดี่ยว กับโต๊ะบอลใหญ่ที่ต้องใช้เงินต่อครั้งในจำนวนมากนั้น ตอนนี้ได้หันมาเล่นพนันประเภทบอลชุดแทน เพราะราคาถูกกว่ากันมาก และยังไม่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องเงินไม่พอใช้ เพราะถึงจะเป็นหนี้บอลอยู่บ้าง แต่ก็สามารถที่จะหามาใช้คืนได้ง่ายกว่า โดยไม่ต้องไปก่ออาชญากรรม ฉกชิงวิ่งราว เหมือนกับข่าวที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์
“สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องของแนวคิด เพราะจากการสัมภาษณ์เด็กนักศึกษาผู้ชายคนนี้ เขาบอกว่า ถ้าไม่มีเงินจริงๆ เขาก็ไปทำงานแบบอื่นที่หาเงินง่าย วิธีหนึ่งคือการขายตัว ซึ่งเขาบอกว่าไม่ได้เสียหายอะไร ไม่มีใครรู้ มันเป็นเรื่องส่วนตัว หรือแม้กระทั่งนักศึกษาผู้หญิงเขาก็บอกว่า ยังไงก็เสียให้กับแฟนอยู่แล้ว แต่ถ้าเสียแล้วได้เงินก็เป็นผลพลอยได้ อันนี้เป็นความคิดของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เล่นบอล ดังนั้นถ้าถามว่าความรุนแรงของสถานการณ์บอลในอดีตกับปัจจุบัน อะไรน่าห่วงกว่ากัน คงต้องบอกว่า รุนแรงในรูปแบบที่ต่างกัน เพราะในอดีตคนเสียเงินเยอะ ก็ทำให้เกิดอาชญากรรมรุนแรงเยอะถึงขั้นเสียชีวิต แต่ปัจจุบันความรุนแรงกลับกลายเป็นเรื่องของทัศนคติ ที่แม้เงินจะไม่เยอะแต่ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสังคมมากขึ้น” ดร.วิษณุกล่าวทิ้งท้าย
‘ฟุตบอล’จากตำนานการสร้างโลกถึงการค้าทาสยุคใหม่
หากถามว่า กีฬาชนิดใดคือกีฬาของมนุษยชาติ พร้อมๆ กับเป็นสินค้าทำเงินอันดับต้นๆ ของโลก คำตอบที่น่าจะได้ตรงกันคือ “ฟุตบอล”
ฟุตบอล
ปี 2006 ฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ ณ ดินแดนอินทรีเหล็ก เยอรมนี เชื่อกันว่าคน 3,000 ล้านคนทั่วโลก เฝ้าหน้าจอทีวีชมศึกชิงเจ้าบัลลังก์ลูกหนังระหว่างทีมมักกะโรนี อิตาลี กับทีมตราไก่ ฝรั่งเศส ซึ่งจบลงด้วยการครองถ้วยฟีฟ่าของทีมอิตาลี แม้ตัวเลขนี้จะถูกเติมแต่งเกินจริงไปบ้าง แต่ใครจะกล้าปฏิเสธกระแสความคลั่งไคล้ฟุตบอลได้ลงคอ
จุดกำเนิดฟุตบอล
ไม่มีหลักฐานใดๆ พิสูจน์ได้ว่า ฟุตบอลเริ่มต้นจริงๆ ณ ส่วนใดของโลก เท่าที่มีการศึกษา พบว่าชนชาติต่างๆ หลายแห่งในโลกมีเกมกีฬาที่ใช้เท้าเตะ เช่น ชาวอะบอริจน ในเมืองวิคตอเรีย เล่นเกมที่เรียกว่า มาร์นกุค (Marn Gook) มาหลายพันปีก่อนชาวตะวันตกผิวขาวจะมาถึงออสเตรเลีย
ในอเมริกากลาง เกมกีฬาที่ต้องอาศัยลูกบอลเป็นอุปกรณ์ พบในสมัยอาณาจักรแอซเท็คและอาณาจักรมายา สำหรับชนเผ่ามายา บอลถูกยกให้เป็นกีฬาศักดิ์สิทธิ์โดยอิงกับตำนานการสร้างโลก ในประเทศจีน สมัยราชวงศ์ฮั่น ราว 206 ปีก่อนคริสตกาล มีกีฬานามว่า คูจู ใช้ลูกบอลทำจากหนังสัตว์ยัดด้วยขนนก ซึ่งการเล่นมีลักษณะคล้ายรักบี้มากกว่าฟุตบอล เพราะสามารถใช้มือและกระแทกกันอย่างรุนแรงได้ ในอาณาจักรโรมันก็มีกีฬาที่คล้ายรักบี้เรียกว่า ฮาร์ปาสตุม ซึ่งอยู่รอดมาถึงสมัยกลาง และถูกนำมารื้อฟื้นอีกครั้งโดยชาวเมืองฟลอเรนซ์ จนถูกเรียกว่า Giuoco del Calcio Fiorentino แปลว่า เกมเตะของชาวฟลอเรนซ์ แต่ถูกเรียกสั้นๆ ว่า Calcioแปลว่า เตะ อันเป็นที่มาของชื่อลีกฟุตบอลของอิตาลี-กัลโช่
แต่เกมที่น่าจะเรียกว่าเป็นต้นแบบของฟุตบอลปัจจุบัน คือเกมวิ่งไล่ลูกบอลที่ทำจากกระเพาะหมูนำมาเย็บและเป่าลมของชนเผ่าเคลต์ทาง ตะวันตกของยุโรป แล้วค่อยๆ แพร่เข้าสู่เกาะอังกฤษในยุคกลางตอนต้น ซึ่งในสมัยนั้นมันถูกมองเป็นเกมกีฬาดิบเถื่อนของคนป่าเถื่อน กษัตริย์หลายพระองค์พยายามสั่งห้ามการเล่นกีฬาชนิดนี้ ทว่า ล้มเหลว ตรงกันข้าม ฟุตบอลกลับพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศอังกฤษ และขยายความนิยมไปทั่วโลกได้ก็เพราะอังกฤษ
ฟุตบอล เรือปืน และจักรวรรดิอังกฤษ
ช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ฟุตบอลถือเป็นกีฬาต้องห้ามของอังกฤษ มันถูกว่าเป็นการซ่องสุมของเหล่าคนเถื่อน ปี 1835 การเล่นฟุตบอลบนถนนในเขตเมืองถือว่าผิดกฎหมาย แต่น่าแปลก กีฬาของคนเถื่อนกลับเผยแพร่อยู่ในโรงเรียนเอกชน ซึ่งถือเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ของอังกฤษ ซึ่ง ณ ที่นี้เอง กติกาการเล่นฟุตบอลและแบบแผนการเล่นถูกพัฒนาขึ้น
เมื่อลัทธิจักรวรรดินิยมอังกฤษกำลังเฟื่องฟู พวกผู้ใหญ่มองฟุตบอลด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เริ่มเห็นความสำคัญของกีฬาประเภททีมว่าเป็นเครื่องมือพัฒนาเยาวชนของชาติ แต่โรงเรียนแต่ละแห่งกลับกำหนดกติกาการเล่นฟุตบอลของตนเอง ทำให้เกิดปัญหาเมื่อมีการแข่งขันระหว่างโรงเรียน ปี 1863 ศิษย์เก่าจากโรงเรียนเอกชนหลายแห่งจึงจัดประชุมกันในร้านเหล้าฟรีเมสันส์ ทาเวิร์น (Freemason’s Tavern) ของโรงแรมลินคอร์นส์ อินน์ ฟีลด์ (Lincoln’s Inn Fields) ณ กรุงลอนดอน เพื่อกำหนดกฎกติกาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งค่อยๆ ถูกปรับปรุงต่อมาเป็นระยะ กระทั่งเป็นกีฬาฟุตบอลดังที่รู้จักกันในปัจจุบัน
ปี 1872 อังกฤษจัดแข่งฟุตบอลชิงถ้วยเอฟเอ ชาเลนจ์ คัพ (FA Challenge Cup) ครั้งแรก ทำให้ฟุตบอลเริ่มกลายเป็นกีฬายอดนิยมของคนอังกฤษ เกมที่เคยผูกขาดเฉพาะลูกหลานชนชั้นสูง ถูกเบียดแย่งจากคนงานหลากหลายอาชีพจนสไตล์การเล่นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว เช่น การส่งบอลเพื่อหาช่องทำประตู เมื่อฟุตบอลได้รับความนิยมสูงขึ้นเป็นลำดับ การยกระดับเป็นอาชีพจึงตามมา
อิทธิพล อำนาจ และเรือปืนของจักรวรรดิอังกฤษคือพาหะชั้นเลิศของฟุตบอล ทุกที่ที่อังกฤษแผ่อิทธิพลถึง ฟุตบอลก็ติดตามไปยังดินแดนแห่งนั้นด้วย แต่ใช่ว่าจะได้รับความนิยมทุกที่ บางประเทศมองฟุตบอลเป็นกีฬาของเจ้าอาณานิคมผู้กดขี่ ความสนุกของมันจึงไม่อาจซื้อใจประชาชนผู้ถูกกดขี่ได้ ขณะเดียวกัน ประชาชนในบางประเทศกลับใช้ฟุตบอลเป็นเครื่องมือต่อต้านอังกฤษและเป็น สัญลักษณ์ความเป็นชาตินิยมของตน เพราะในสนามฟุตบอลคือสมรภูมิเดียวที่ประชาชนของประเทศราชอาจชนะเจ้าอาณานิคม ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจหาได้ในสงครามจริง
ด้านอัปลักษณ์ของฟุตบอล
ฟุตบอล เคลื่อนตัวจากกีฬากลายเป็นธุรกิจเต็มตัวที่ขับเคลื่อนด้วยเงินมหาศาล การตลาด การสร้างแบรนด์ หรือแม้แต่การสร้างนักเตะให้กลายเป็นตัวสินค้าเสียเอง ทั้งหมดนี้เพื่อหล่อเลี้ยงให้ฟุตบอลสามารถทำเงินให้แก่เจ้าของทีม ค่าตัวนักเตะจึงสูงแบบไม่มีเหตุผล ปี 2006 ค่าเหนื่อยเฉลี่ยของนักฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ตกที่ 676,000 ปอนด์ต่อปี หมายถึงแค่ 2 สัปดาห์ นักเตะก็มีรายได้เท่ากับแฟนบอลอังกฤษ 1 คน ตลอด 1 ปี เกิดช่องว่างด้านรายได้ขนาดใหญ่เท่าเกาะอังกฤษ
ค่าตัวสูงลิ่วของนักเตะในลีกยุโรปส่งผลกระทบแก่วงการฟุตบอลในมุมที่หลาย คนนึกไม่ถึง เนื่องจากเกิดอาการสมองไหล เมื่อนักเตะเท้าทองจากทั่วโลกต่างละทิ้งทีมฟุตบอลบ้านเกิดไปค้าแข้งในยุโรป ทำให้มาตรฐานฟุตบอลในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกตกต่ำลง ที่ร้ายแรงยิ่งกว่า ฟุตบอลนำไปสู่การค้าทาสยุคใหม่ จะให้เด็กๆ ยากจนในกาฬทวีปหรือตะวันออกกลางผู้ดำรงชีวิตอยู่ใต้เส้นความยากจนปฏิเสธเส้น ทางฟุตบอลได้อย่างไร เมื่อมันเป็นหนทางที่พวกเขาพอจะมีศักยภาพที่สุดที่จะฉุดดึงตัวเองจากหล่ม โคลนความยากจน ในเลบานอนมีโรงเรียนสอนฟุตบอลเถื่อนเกิดขึ้นจำนวนมากเพื่อคัดเอาเด็กที่มี แววส่งต่อให้สโมสรใหญ่ในยุโรปและตะวันออกกลาง และมันไม่ได้หมายความว่าความฝันของเด็กกลุ่มนี้ถึงปลายทางแล้ว
มีข้อมูลอ้างว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของนักเตะจากแอฟริการุ่นแรกๆ ที่ค้าแข้งในยุโรป ลงเอยด้วยการเป็นขยะที่ถูกเขี่ยทิ้ง หลายประเทศที่นักเตะเหล่านี้เดินทางไปค้าแข้ง พวกเขาต้องเผชิญกับการกดขี่แรงงานและคุณภาพชีวิตย่ำแย่ ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
และหากยุคอาณานิคม ฟุตบอลเดินทางโดยอาศัยเรือปืนของราชนาวีอังกฤษ ยุคโลกาภิวัตน์ เทคโนโลยีก็คือพาหนะชนิดใหม่ที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า การถ่ายทอดฟุตบอลกลายเป็นเรื่องปกติ และไม่ว่าค่าลิขสิทธิ์จะแพงแค่ไหนก็พร้อมมีคนสู้เพื่อกำรี้กำไรที่มากกว่า อย่างค่าลิขสิทธิ์ทีวีในเยอรมนีเพิ่มขึ้นกว่า 12 เท่า ภายในเวลา 17 ปี จาก 23 ล้านยูโร ในปี 1990 เป็น 288 ล้านยูโร ในปี 2007
เม็ดเงินมหาศาลจากธุรกิจฟุตบอลที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ เรื่องนี้รู้กันดีอยู่แล้ว แต่เม็ดเงินจากการพนันฟุตบอลเป็นอีกส่วนที่ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ามีอยู่ใน ระบบเท่าไหร่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนแถบนี้นิยมเล่นพนันฟุตบอลยุโรปมากที่สุด ประมาณว่าสัปดาห์หนึ่งๆ มีเงินเดิมพันสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 ภายใน 3 สัปดาห์ เงินเดิมพันจากกระเป๋าคนไทยประเทศเดียวก็สูงถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าไปแล้ว
แน่นอนว่า มีผู้คนจำนวนไม่น้อยชิงชังระบบธุรกิจกีฬาฟุตบอลที่เป็นอยู่ และพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบต่างๆ เช่น การหันกลับไปสนับสนุนทีมฟุตบอลท้องถิ่นและป้องกันอิทธิพลจากนายทุนที่จะเข้า มาซื้อ หรือการพยายามสร้างกติกาที่สมเหตุสมผลมากขึ้นในวงการธุรกิจฟุตบอล เพื่อหวังว่าฟุตบอลจะกลับมาเป็นกีฬาที่สนุก เร้าใจ และสวยงามดังที่มันเคยเป็น แต่ความพยายามที่ว่ายังเขยื้อนไปได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
(เรียบเรียงจากหนังสือ ‘ฟุตบอล ประเด็นเล็ก สะท้านโลก’คริส บราเซียร์ เขียน ประสิทธิ์ ตั้งมหาสถิตกุล แปล)
ขอบคุณภาพจาก http://boriphat.siam.im, http://www.matichon.co.th,
‘เจาะลึกพนันบอล 3’ โต๊ะออนไลน์น่าห่วง-ผุดนักพนันหน้าใหม่ทุกวัน ชี้รูปแบบการแทงไม่เปลี่ยน แต่เพิ่มทางเลือก
โต๊ะบอลออนไลน์ดึงนักพนันหน้าใหม่เข้าวงการทุกวัน
ขณะที่การเล่นแบบเดิม ไม่ได้สร้างความยุ่งยากให้กับคนที่พร้อมจะเรียนรู้
เผยพนันบอลมีแค่ 2 แบบ บอลเดี่ยว-บอลชุด ทั้งแทงธรรมดา ต่อลูก ต่อเงิน ฯลฯ
แค่เพิ่มรายละเอียดเข้าไป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนเล่น
อดีตนักเล่นระบุแบบชุดสนุกที่สุด เพราะมีโอกาสวิเคราะห์ก่อนแทง
แม้จะทราบกันดีอยู่แล้วถึงผลเสียของการพนันบอล ที่ทำให้หลายคนถึงกับต้องล้มละลาย บางรายเครียดจนคิดสั้นฆ่าตัวตายก็มี แต่ปัจจุบันกลับพบว่า มีนักพนันหน้าใหม่ๆ พยายามแสวงหาหนทางเพื่อเข้าสู่วงการพนันบอลกันอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการพนันสามารถเล่นกันได้ทุกวัน หาได้ง่าย มีอัตราเสี่ยงแบบ 50 : 50 ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่นักพนันเหล่านี้บอกว่า มีโอกาสที่จะได้เงินมากกว่าการซื้อหวย หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่อยู่ในอัตรา 1 ใน 100 และปัจจุบันรูปแบบของการพนันบอลที่พยายามสร้างสรรค์ให้มีความหลากหลายมาก ขึ้น เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้มีการแทงบอลกันอย่างแพร่หลาย
พนันบอลได้เสียมีหลักแค่ 2 รูปแบบ
ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต หนึ่งในคณะวิจัยด้านการพนัน ให้สัมภาษณ์ศูนย์ข่าว TCIJ ว่า ปัจจุบันการเล่นพนันบอลในประเทศไทยมีหลายรูปแบบ เช่น การทายผลการแข่งขัน การทายคนทำประตูแรก ทายสกอร์สูง-ต่ำ ทายผลครึ่งแรก ครึ่งหลัง ทายคนทำประตูสุดท้าย และอื่นๆ แล้วแต่เจ้ามือซึ่งส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ออนไลน์จะคิดขึ้น โดยนักพนันสามารถเลือกเล่นได้ตามชอบ โดยให้เห็นผลว่า เป็นการเพิ่มอรรถรสในการดูฟุตบอล รวมถึงการเชียร์ทีมโปรดในดวงใจ
แต่สำหรับในประเทศไทยแล้ว การเลือกเล่นพนันในรูปแบบที่หลากหลายนี้ อาจสร้างความสับสนและยุ่งยาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ดูฟุตบอลอย่างลึกซึ้ง เพียงแต่ต้องการดูเพื่อเล่นการพนันเท่านั้น ความนิยมในการเล่นในประเทศไทยจึงตกผลึกอยู่ 2 รูปแบบหลักๆ คือ บอลเต็ง หรือ บอลเดี่ยว และ บอลสเต็ป หรือบอลชุด ซึ่งหากจะอธิบายเพื่อเข้าใจง่าย
สำหรับ “การเล่นบอลเต็ง” หรือ บอลเดี่ยว เป็นการเลือกเล่นพนันบอลแบบเป็นคู่ คู่ละเท่าไหร่ก็ว่ากันไป ได้หรือเสียก็คิดเป็นคู่ตามที่ผู้เล่นพนันจะเลือกเล่น การเล่นพนันชนิดนี้เอง ที่เป็นการพนันที่มักจะสร้างปัญหาให้กับนักพนันในประเทศไทยมากที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการเล่นพนัน ถ้าทีมที่คนเล่นทายเกิดชนะก็จะได้เงินมาก คนเล่นฮึกเหิม เพราะกำเงินได้ครั้งละมากๆ แต่ถ้าหากทีมที่ตนเองเล่นเกิดแพ้ ก็ต้องสลดเหมือนกัน บางรายเริ่มต้นแทงในราคาที่ไม่สูงมากนัก แต่พอได้ก็เริ่มมีกำลังใจ จึงเล่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อเสียมากไม่มีเงินจ่าย เมื่อถูกกดดันจากเจ้ามือเข้ามากๆ อาจจะถึงขั้นเข้าสู่วงการอาชญากรรมร้ายแรง ตามที่เป็นข่าวกันอยู่ทั่วไป
ส่วน “การเล่นบอลสเต็ป” หรือ บอลชุด คือเลือกเล่นเป็นชุดตามโพยที่โต๊ะแต่ละแห่งกำหนดไว้ ส่วนมากจะกำหนดไว้ว่าต้องแทง 3 คู่ขึ้นไป ทุกทีมที่เลือกไว้จะต้องไม่มีทีมใดแพ้หรือเสียเลย เช่น มีฟุตบอลเตะกัน 10 คู่ เลือกทีมที่ชนะมา 4 คู่ ผลที่ออกมาทีมที่เลือกไว้ต้องไม่มีทีมใดที่แพ้เลย คนแทงจึงจะได้เงิน แล้วจึงนำไปคิดกับราคาต่อรองอีกทีหนึ่ง ซึ่งการเล่นในรูปแบบนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย และกำลังแพร่กระจายไปในกลุ่มนักพนันทุกระดับ มีการคาดการณ์กันว่าหากการพนันบอลชนิดนี้ไม่ได้รับการแก้ไขในอนาคตก็มีความ เป็นไปได้ที่จะเข้ามาครองอันดับการพนันยอดนิยมตีคู่ไปกับการเล่นหวยของคนไทย เลยทีเดียว
ราคาต่อรองยากจะเข้าใจ-แต่ไม่ยากถ้าจะเล่น
นอกจากรูปแบบการเล่นที่นักพนันจะต้องทำความเข้าใจ และศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสในการพนันบอลของตนให้เพิ่มขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งคงหนีไม่พ้นคือ การทำความเข้าใจเรื่องราคาต่อรองฟุตบอล ที่มักจะเห็นได้ทั่วไปในหนังสือเชียร์บอล หรือหนังสือเกี่ยวกับฟุตบอลหลายแห่ง ที่จะนำมาตีพิมพ์ไว้ให้นักพนันได้ใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ตามหลักการของ ตัวเอง หรือหากลองติดตามรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับฟุตบอลก็อาจจะเห็นการนำตัวเลข เหล่านี้มาเสนอกันอย่างโจ่งแจ้ง แบบไม่กลัวเซ็นเซอร์กันเลยทีเดียว
ราคาต่อรองฟุตบอล เป็นราคาที่โต๊ะพนันบอลจะตั้งราคาทีมที่มีคุณสมบัติดีกว่า หรือ เรียกกันง่ายๆ ว่าเก่งกว่า ด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ตัวผู้เล่น ฟอร์ม สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม สนาม ฯลฯ เพื่อต่อให้กับทีมรอง ซึ่งแต่ละคู่จะต่อรองกันเท่าไหร่บ้างนั้น ก็แล้วแต่ว่าทีมไหนเจอกับทีมไหน โดยราคาบอลจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ 1.การต่อบอลแบบต่อลูก เช่น ป.ป.,ครึ่งลูก,ครึ่งควบลูก,เสมอ เป็นต้น และ การต่อแบบที่เรียกว่า การต่อเงิน (หักค่าน้ำ หรือค่าบริการของโต๊ะ) เช่น –10,+10,-5 เป็นต้น
หากแยกราคาต่อรองทั้งสองชนิดออกมา จะพบว่า ราคาต่อบอลแบบต่อลูก จะถูกแบบออกไปได้อีก 3 แบบ คือ 1.เสมอ คือไม่มีใครต่อให้ใคร ผลเตะออกมาอย่างไรก็คิดได้เสียกันไปตามนั้นเลย แบบที่ 2 คือ แบบเต็ม เช่น ครึ่งลูก 1 ลูก 2 ลูก ผลการแข่งขันออกมาอย่างไรก็ต้องเอาราคาที่ต่อ ไปรวมด้วย จึงคำนวณออกมาว่า ฝ่ายใดแต้มมากกว่า จึงจะเป็นฝ่ายชนะ เช่น ทีมลิเวอร์พูล ต่อครึ่งลูกให้ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ผลออกมาเสมอ 1-1 แต่ลิเวอร์พูลต่อให้ครึ่งลูก ก็จะกลายเป็น 1-1.5 ฝ่ายที่เล่นแมนยูฯไว้ ก็จะชนะ เพราะลิเวอร์พูลต่อไว้ให้ครึ่งลูก หรือ ทีมเชลซีต่อหนึ่งลูกให้ทีมลิเวอร์พูล ผลออกมาเชลซีชนะ 2-1 แต่เชลซี ต่อให้ 1 ลูก ก็จะกลายเป็น 2-2 สุดท้ายคือเจ๊ากัน หรือเสมอกัน ไม่มีใครได้ใครเสีย อย่างนี้เป็นต้น
ส่วนแบบสุดท้ายคือ “แบบควบ” แบบนี้อาจจะทำให้คนศึกษาใหม่สับสนได้เล็กน้อย แต่คงไม่ยากต่อการทำความเข้าใจหากมีใจรักจะเป็นนักพนันจริงๆ เช่น ครึ่งควบลูก ลูกควบลูกครึ่ง, ป.ป. ย่อมาจาก แปะปั๊ว-เสมอควบครึ่ง ซึ่งราคาต่อรองแบบนี้เหมือนกับนำเงินมาแบ่งครึ่งหนึ่งแล้วแทงสองราคา เช่น ทีมลิเวอร์พูลต่อ ครึ่งควบลูกให้ทีมแมนยูฯ ถ้าหากเล่นลิเวอร์พูลที่ 100 บาท จะเหมือนกับได้เล่นที่ราคาครึ่งลูกที่ 50 บาท ถ้าผลออกมาลิเวอร์พูลชนะ 1-0 ก็จะได้ในส่วนที่เล่นครึ่งลูก 50 บาท และในส่วนอีก 1 ลูกจะเจ๊า นั่นคือนักพนันจะได้ครึ่งเดียว แต่ถ้ารองแมนยู เงินจำนวน 50 บาทแรกที่รองในราคาครึ่งลูกจะเสีย เพราะลิเวอร์พูลชนะ แต่อีกส่วนที่รองในราคา 1 ลูกจะนับว่าเป็นเจ๊าหรือเสมอ นั่นคือจะเสียในราคาครึ่งเดียว แต่ถ้าผลออกมาเสมอฝ่ายที่เล่นต่อ ก็จะเสียทั้งสองส่วนคือเสียเต็มราคา ฝ่ายที่เล่นทีมรองก็จะได้เต็มราคา แต่ถ้าชนะมากกว่า 1 ลูก เช่น คะแนนชนะเป็น 2-0 ฝ่ายที่เล่นทีมต่อก็จะได้เต็ม แต่ฝ่ายที่เล่นรองก็จะเสียเต็มเช่นเดียวกัน
คนที่ไม่ได้เล่นพนันเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คงจะเกิดอาการงงงวยพอสมควร เพราะหากไม่ใช่นักพนันที่เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาในการเทียบเคียงตามหลักคณิตศาสตร์อยู่พอสมควร แต่ สำหรับนักพนันแล้วล่ะก็ ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐาน
ราคาต่อรองแบบต่อเงิน (ค่าน้ำ)
ราคาต่อรองแบบต่อเงินหรือที่ รู้จักกันทั่วไปในวงการพนันบอลว่า “ค่าน้ำ” ซึ่งความเป็นจริงคือ ค่าบริการที่นักพนันจะต้องถูกหัก เพื่อจ่ายให้กับโต๊ะพนันหากแทงชนะขึ้นมา แต่ถ้าหากแทงเสียก็จะต้องเสียเต็มเช่นกัน ซึ่งราคาต่อรองแบบต่อเงินนี้ จะถูกกำหนดไว้ในท้ายของราคาต่อลูกด้วย เช่น ครึ่งลูกลบสิบ (ลบสิบคือราคาต่อเงิน) ซึ่งแบ่งได้ 4 แบบ ได้แก่ 1.เสมอ หรือ ขาว ซึ่งต้องบอกด้วยว่าเสมอทีมใด เช่น เสมอทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือ แมนยูฯต่อขาว ใครเล่นแมนยู ถ้าได้จะคิดเงินในอัตราแทง 5 ได้ 4 ส่วนทีมรองจะได้เต็ม แทง 5 ได้ 5 ไปเลย แบบนี้มักจะใช้ในกรณีที่ต่อลูกแล้วทีมต่อยังได้เปรียบอยู่ แต่ไม่มากนัก
แบบที่สอง ได้แก่ -10 (ลบสิบ) ทีมที่ต่อและรองจะคิดเงินในอัตราส่วนเท่ากันคือ แทง 5 ได้ 4.5 หรือแทง 10 ได้ 9 ใช้ในกรณีที่ต่อลูกแล้วสองทีมไม่ค่อยได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก
ส่วนแบบที่ 3 ได้แก่ +10 (บวกสิบ) ทีมต่อจะคิดเงินในอัตราส่วนแทง 11 ได้ 8 ส่วนทีมรองจะคิดเงินในอัตราส่วนแทง 9 ได้ 10 เช่น รองทีมลิเวอร์พูลในราคา +10 ไว้ 100 บาท แต่เวลาเสียจะเสียเพียง 90 บาท ใช้ในกรณีที่สองทีมฟอร์มต่างกันมากๆ ต่อลูกแล้วก็ยังต่างกันมากอยู่ และ แบบที่ 4 คือ -5 (ลบห้า) ฝ่ายต่อจะคิดในอัตราส่วนแทง 5 ได้ 5 ฝ่ายรองจะคิดในอัตราส่วนแทง 5 ได้ 4 ใช้ในกรณีที่ต่อลูกแล้วฝ่ายรองดูได้เปรียบนิดๆ
ทั้งหมดเป็นราคาต่อรองต่างๆ ที่จะถูกกำหนดเป็นมาตรฐานโดยบริษัทพนันขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทในประเทศอังกฤษ ที่เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย ที่เป็นที่รู้จักในระดับชาติปัจจุบัน อาทิ แล็ดโบรคส์ (Ladbrokes), วิลเลี่ยม ฮิลล์ (William Hill) และ โครัล (Coral) เป็นต้น ในขณะที่ระดับภูมิภาค หรือระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีบริษัทการพนันในประเทศมาเลเซีย เป็นผู้กำหนดราคาและอัตราต่อรองแล้วนี้ ซึ่งจะเป็นไปตามข้อกำหนดสากลที่ใช้กันทั่วโลก เจ้ามือหรือโต๊ะบอลไม่มีสิทธิ์กำหนด เพราะถึงจะกำหนดเองก็มักจะไม่ได้รับความนิยมจากลูกค้า และอาจจะเสียเวลาทำความเข้าใจมากไป ทำให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น
แต่ไม่ว่าจะเป็นการพนันบอลในรูปแบบใด จากข้อมูลสถิติไม่ว่าจากการวิจัยหรือโพลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ ก็พบว่า เงินส่วนใหญ่ไม่ได้ตกอยู่ที่นักพนัน หรือ นักเล่นทั่วไปเพราะไม่เคยพบว่ามีใครได้เงินเป็นกอบเป็นกำจากการพนันชนิดนี้ นอกจากเป็นเงินหมุนเวียนได้และเสียอยู่อย่างนี้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเสียมากกว่า ทำให้คนที่ได้ล้วนแต่เป็นเจ้ามือตั้งแต่ระดับ เด็กเดินโพย ขึ้นไปยังโต๊ะรับแทงบอลระดับยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น
‘บอลเดี่ยว’เสี่ยงกว่าแต่ได้มาก
จากการเปิดเผยจากเจ้าของโต๊ะบอลขนาดย่อม ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับแทงพนันบอลแบบบอลเดี่ยว จัดยอดส่งโต๊ะบอลใหญ่ รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า นอกจากผลการแพ้ชนะแบบต่อลูกแล้ว ปัจจุบันยังมีการเปิดให้แทงแบบสูง-ต่ำ ได้อีกด้วย หมายถึงสกอร์รวมจากทั้ง 2 ทีม มารวมกัน หลังจากการแข่งขันจบ เช่น ทำประตูผลแพ้ชนะกันที่ 3 : 2 เท่ากับ 5 อัตราต่อรอง 2 ลูกครึ่งเท่ากับ สูง (มากกว่า 2 ลูกครึ่ง) รวมทั้งการพนันในรูปแบบอื่นที่แล้วแต่บริษัทพนัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์พนันออนไลน์ จะผุดไอเดียขึ้นมา เช่น การทายว่าใครจะเป็นคนทำประตูเป็นคนแรก,การทำประตูจะเกิดขึ้นในครึ่งแรกหรือ ครึ่งหลัง,จะมีใบเหลือกี่ใบ เกิดขึ้นในช่วงเวลาใด มากมายแล้วแต่จะเลือกเล่น ถือเป็นการคิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการเล่นพนันบอล และเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะเล่นพนันกันในในเว็บไซต์พนันออนไลน์ เพื่อให้คนเข้าไปเล่นมากขึ้น
เจ้ามือรายนี้เล่าเพิ่มเติมว่า ในแต่ละวันมีนักพนันบอลรายใหม่ๆ ติดต่อเพื่อขอเข้าสู่วงการ แต่ใช่ว่าเมื่อติดต่อเข้ามาเขาจะยอมรับเป็นลูกค้า เพื่อเพื่อหวังประโยชน์จากเงินรายได้ของลูกค้าอย่างเดียว เพราะต้องประเมินคนเหล่านี้ด้วยว่า มีโอกาสหรือความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะตกปากรับแทง เพราะสิ่งสำคัญของการแทงบอลระหว่างสองฝ่าย ก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจในการรับจ่ายเงินกันหลังจบการแข่งขัน ส่วนใหญ่จะเล่นอันอย่างต่ำที่หลักพันกว่าบาทขึ้นไป ซึ่งการเคลียร์เงินก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างเจ้ามือกับลูกค้าว่าจะ จ่ายกันแบบวันต่อวัน หรือเคลียร์เป็นรอบ เป็นรายสัปดาห์ แต่สำหรับรายนี้ยืนยันว่า ชอบที่จะเคลียร์กันวันต่อวันมากกว่า
“ลูกค้าที่เล่นบอลแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนฝูง คนรู้จักที่พอมีรายได้ อันนี้เราจะเน้นเรื่องของความไว้ใจเป็นหลัก บางคนที่เห็นแล้วว่าไม่โอเค ผมจะไม่เสี่ยงเลย บางคนบอกแทงปากเปล่าสูงๆ 5-6 หมื่น ก็จะถามว่าจะไหวเหรอถ้าดูแล้วไม่ไหวจะไม่รับเลย บางโต๊ะก็มีมาตรการของเขาว่าจะจัดการอย่างไร ถ้าหากถูกเบี้ยว แล้วแต่นโยบายใครนโยบายมัน สำหรับของผมคนที่จะแทงจะต้องเคลียร์หนี้เก่าก่อนแล้วถึงจะแทงใหม่ได้ หรือไม่ก็ต้องเอาเงินสดมาวางไว้ เพราะการแทงบอลแบบนี้ต้องใช้เงินเยอะ ถ้าไม่มีจริงๆ อาจจะทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มั่นใจก็อย่าเสี่ยง”
‘บอลชุด’ ขวัญใจคนรายได้น้อย
สำหรับการเล่นพนันบอลที่กำลังมาแรง เข้าถึงทุกระดับอยู่ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการเล่นบอลชุด หรือ บอลสเต็ป การเล่นแบบนี้หากตั้งใจจะเล่นแล้ว สามารถหาเจ้ามือเล่นได้ในเกือบแทบทุกชุมชน หรือแม้กระทั่งในสถาบันการศึกษา จากการสัมภาษณ์ นักศึกษาชาย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดัง คนหนึ่ง ระบุว่า เขาสามารถที่จะเล่นพนันบอลแบบสเต็ป หรือบอลชุด ได้ เพียงแค่เดินออกไปยังโต๊ะบอลที่อยู่ไม่ห่างจากวิทยาลัยย่านจ.สระบุรี ซึ่งด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายน้ำแข็ง แต่ด้านในเปิดเป็นโต๊ะพนันบอล เมื่อไปถึงก็สามารถหยิบโพยบอลได้ทันที อยากเล่นคู่ไหนก็กาลงไปแล้วแต่ข้อมูล มีเงินขั้นต่ำเพียง 50 บาท ก็เล่นได้แล้ว
โดยวิธีการเล่น ผู้เล่นจะต้องแทงให้ครบทุกคู่ที่มีการแข่งในคืนนั้น ถ้าถูกคู่แรก จากที่แทง 50 บาท จะได้ 100 บาท ถ้าคู่ที่สองถูกอีก จำนวนเงินที่ได้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญคือต้องแทงให้ถูกทุกคู่ ถ้าแทงผิดหนึ่งคู่ จะไม่ได้เงินเลยเคยแทงได้เงินมากที่สุด 1,700 บาท โดยยืนยันว่าการเล่นพนันบอลแบบนี้ ความสนุกอยู่ที่การหาข้อมูล วิเคราะห์ และต้องพยายามแทงให้ถูกทุกคู่ ซึ่งทำให้เงินที่ได้รับทวีคูณขึ้นไปอีก และ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ราคาในการเล่นต่อครั้งไม่จำเป็นต้องมากก็เล่นกันได้แล้ว อย่างไรก็ตามนักศึกษาส่วนใหญ่ที่ตกเข้าไปสู่วังวนแห่งการเล่นพนันบอล ต่างก็สรุปเหมือนกันว่า หากรวมเงินที่เล่นไปจะพบว่า มีจำนวนการเสียพนันมากกว่าส่วนที่ได้มา และทุกครั้งที่เสียจะต้องตกอยู่ในความรู้สึกหวาดระแวง เป็นหนี้เป็นสิน อยู่ในความทุกข์มากกว่าตอนที่เล่นได้มากมายนัก
บอลออนไลน์ระบาดหนัก-เพิ่มนักพนันหน้าใหม่
“การพนันบอลชุด นักพนันก็จำเป็นต้องศึกษาเรื่องราคาต่อรองเช่นเดียวกัน แต่เรื่องนี้ไม่ยากหรอกสำหรับคนที่มีใจรัก ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน หรือคนอาชีพไหนก็เรียนรู้ได้ การเล่นแบบนี้จึงแพร่หลายมากจนน่าเป็นห่วง ซึ่งนอกจากการแทงพนันบอกที่มีรูปแบบหลักๆ ที่ว่ามานี้แล้ว ปัจจุบันการพนันออนไลน์ ก็กำลังเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มที่เคยเล่นพนันบอลเดิม” ดร.วิษณุกล่าว พร้อมทั้งอธิบายต่อว่า สิ่งที่ค้นพบจากการทำงานวิจัยในหลายปีที่ผ่านมานี้ คือ รูปแบบการเล่นในอดีตกับ ปัจจุบันไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ความหลากหลาย และความสะดวกสบายของการพนันบอล โดยในอดีตการแทงพนันบอล จะใช้วิธีแทงกันทางโทรศัพท์ โดยจะต้องแทงก่อนการแข่งขันครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้สามารถแทงกันได้แบบเรียลไทม์ เพราะมีการพนันแบบออนไลน์ ที่มาแรงสุดๆ อย่างไรก็ตามสรุปได้ว่า กลุ่มนักพนันบอล สามารถแยกได้เป็น 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่เล่นทุกคู่เลย เล่นเป็นประจำทุกสัปดาห์ เรียกได้ว่าเป็นนักพนันบอลแบบอาชีพ กลุ่มที่ 2 ได้แก่กลุ่มที่เล่นเมื่อเกิดทัวร์นาเม้นสำคัญๆ เช่น บอลโลก ยูโร ยูฟ่า และ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่เล่นสนุกๆ ติดปลายนวม
“สำหรับกลุ่มแรก และกลุ่มที่ 2 นี่เหตุผลของการเล่นมากที่สุดก็คือ ต้องการได้เงิน อยากมีรายได้จากการเล่นพนันบอล เมื่อเล่นได้แล้วก็ติดใจไม่เลิก จนบางคนกลายเป็นโรคติดพนันไปก็มี แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ กลุ่มที่ 2 เพราะกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสในการเพิ่มเข้ามาเป็นนักพนันบอลรายใหม่ เพิ่มขึ้น เพราะหลังทัวร์นาเม้นสำคัญๆ จบแล้วแต่เขาไม่จบสุดท้ายก็กลายเป็นนักพนันบอลถาวรไปได้ในที่สุด” ดร.วิษณุกล่าว
มาจับตาดูกันว่าในการแข่งขันบอลยูโรปีนี้ จะมีนักพนันบอลหน้าใหม่เกิดขึ้นอีกกี่คน ซึ่งนั่นหมายถึงผลกระทบต่างๆที่จะตามมาในสังคมไทยของเรา!!!
‘เจาะลึกพนันบอล 4’ เปิดชีวิตม.4 เหยื่อหนี้ลูกหนัง เจ้าของโต๊ะขู่เอาชีวิตถึงบ้าน ปล่อยโฮสารภาพกับแม่-ใช้คืน
เจาะชีวิตอดีตนักเรียนม.4ที่ชีวิตเกือบจบลงด้วยหนี้พนันบอล
ด้วยคำขู่จากเจ้าของโต๊ะ ที่รับแทงเริ่มต้นเพียง 50 บาท
และขยับเครดิตให้มากขึ้นจนถึงหลักหมื่น ขณะที่วัยโจ๋ตาลุกกับเงินก้อนโต
ที่เนรมิตทุกอย่างที่อยากได้ จนสุดท้ายโชคชะตาไม่เข้าข้าง
แทงเท่าไหร่เสียหมด ผัดผ่อนใช้หนี้แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นจริง
ถึงขั้นถูกขู่เอาชีวิต ถึงวันต้องสารภาพเพื่อชดใช้
นักเขียนรางวัลโนเบลชาวฝรั่งเศส อัลแบร์ กามูส์ เคยกล่าวยกย่องเกมลูกหนังที่เขาชื่นชอบไว้อย่างเลิศลอยว่า “ทุกสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับคุณธรรม ผมเรียนรู้จากฟุตบอล” กามูส์เกิดในปี ค.ศ.1913 เสียชีวิตในปี ค.ศ.1960 สมมติว่าถ้าเขาเกิดช้ากว่านั้น และมีชีวิตยืนยาวถึงปัจจุบัน ไม่แน่ว่าเขาอาจเปลี่ยนคำพูด
คนที่เชื่อว่าจะค้นหาสิ่งที่เกี่ยวกับคุณธรรมได้ในสนามฟุตบอล อาจเหลืออยู่น้อยเต็มที ธุรกิจและการพนันเปลี่ยนโฉมฟุตบอลไปมากเกินกว่าจะยอมให้เกมลูกหนังเป็น เทวทูตคอยสั่งสอนใคร ถ้าเป็นปีศาจ...ไม่แน่
15 ปีก่อน แคน (นามสมมติ) เป็นเพียงเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาใช้เวลา 3 เดือน กับเงิน 90,000 บาทซื้อบทเรียนราคาแพงที่สุดในชีวิต
ปีศาจสอนคุณธรรมใครไม่ได้ แต่บางครั้งมันก็ให้บทเรียนราคาแพงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคนจ่ายด้วยเหมือนกันว่ารู้จักเรียนรู้และจดจำแค่ไหน
หลังจากบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายหนี้พนันบอลให้แก่เจ้ามือโต๊ะบอล 2 ครั้ง เจ้ามือเสียงดุคนที่แคนไม่เคยเห็นหน้าโทรศัพท์มาทวงเป็นครั้งที่ 3 และพูดกับแคนว่า “เฮ้ย คุณแคน ได้ข่าวว่าคุณเป็นลูกทหารเหรอ คุณรู้มั้ยว่าลูกปืนลูกไม่กี่บาท คุณน่าจะรู้นะ”
ประโยคสั้นๆ นี้หนักหนาเกินทนสำหรับเด็ก ม.4 เขาวางโทรศัพท์ แล้วปล่อยโฮออกมา แม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตกใจและไถ่ถาม แคนพรั่งพรูทุกอย่างให้แม่รู้ จะเป็นเพราะแม่ของแคนเป็นทหารหรือไม่ก็สุดคาดเดา เธอบอกแคนให้เอาเลขบัญชีของเจ้ามือคนนั้นมาให้ โดยไม่พูดสิ่งใดอีก และจัดการโอนเงิน 90,000 บาทไปให้ หลังจากสะสางหนี้ให้ลูกชายแล้ว คำพูดเดียวที่หลุดจากปากแม่คือ “แคน แม่ขอ”
นั่นคือจุดสิ้นสุดระหว่างแคนและการพนันบอล
ตกหล่มพนันบอล-ถอนตัวแสนยาก
งานศึกษาเรื่องการพนันบอลชี้ว่า กลุ่มคนที่เล่นพนันบอลมากที่สุดเป็นกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา
เมื่อ 15 ปีก่อน โทรศัพท์มือถือยังไม่แพร่หลาย สมาร์ทโฟนยังเป็นอุปกรณ์ในนิยายวิทยาศาสตร์ อินเตอร์เน็ตยังเป็นนวัตกรรมค่อนข้างใหม่สำหรับเมืองไทย การพนันบอลแต่ละครั้งยังต้องอาศัยตัวกลางอย่างเด็กเดินโพยเพื่อรับ-ส่งค่า เดิมพันและเงิน โพยบอลที่เห็นเกลื่อนกลาดสมัยนี้ แคนบอกว่าสมัยนั้นเขาไม่เคยรู้จัก ไม่มีบอลชุด มีเพียงบอลคู่ แล้วไม่มีบอลให้เล่นทุกวันเหมือนเดี๋ยวนี้ มีถ่ายทอดบอลแค่ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์
จากเด็กม.4 ที่ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลคนหนึ่ง แต่เมื่อเพื่อนต่างห้องผู้เป็นเด็กเดินโพยให้แก่โต๊ะบอลในละแวกโรงเรียน เชิญชวนให้เล่นสนุกๆ แคนก็นึกสนุกด้วย ลองเล่นแบบขำๆ แทงบอลครั้งแรก คู่แรกในชีวิต 50 บาท เขาทายถูก ได้กลับมา 50 บาท ขณะนั้นยังเป็นช่วงที่แคนไม่มีความรู้เรื่องอัตราต่อรองหรือวิธีการแทงบอล ด้วยซ้ำ แต่เมื่อพลัดตกหล่มบอลแล้ว กว่าจะปีนป่ายพ้นปากหลุมก็แสนยาก
“ในโรงเรียนจะรู้กันว่า ถ้าจะแทงต้องมาหาคนนี้ ตัวเขาก็เล่นด้วย ตอนนั้นเด็กที่เล่น อาจจะเป็นพวกผมกลุ่มเดียว ประมาณ 10 กว่าคน อารมณ์ประมาณว่าอยากลอง อยากสนุก แค่ 50 บาท ยังไม่คิดว่าจะถลำไปเยอะ”
เริ่มคู่แรกแบบสมัครเล่นจนฮึกเหิม
ในยุคนั้นเมืองไทยยังมีฟุตบอลเพียง 3 ลีกหลักๆ ที่คนไทยรู้จักคือ พรีเมียร์ ลีก ของอังกฤษ กัลโช่ ซีรีส์ อา ของอิตาลี และบุนเดสลีกาของเยอรมนี เมื่อได้เงินมาในครั้งแรกก็แทงต่อ เงินลงทุนเริ่มขยับจาก 50 บาท เป็น 100 บาท จากแทงคู่เดียวก็ขยับเป็น 3-4คู่ จากที่ไม่เคยรู้เรื่องอัตราต่อรองก็เริ่มเรียนรู้ ถามว่ารู้จากไหน แคนบอกว่ารู้จากหนังสือพิมพ์กีฬาในยุคนั้น ซึ่งยังคงยืนหยัดมาถึงยุคนี้
ช่วงที่การพนันบอลกำลังเข้าเส้น แคนหักเงินประมาณ 40 บาท จาก 100 บาทของเงินมาโรงเรียน เพื่อซื้อหนังสือพิมพ์กีฬา 4 ฉบับ สำหรับอ่านและวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ให้มากที่สุด เพื่อนำไปต่อรองกับโชคชะตาที่ไม่แน่นอนที่สุด หนังสือพิมพ์ถือเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในยุคนั้น ทั้งยังมีการประกาศราคาต่อรองราคาเดียวกับของโต๊ะบอล จนเป็นที่รู้กันว่า ถ้าใครถือหนังสือพิมพ์หัวนี้ๆ แปลว่าหมอนั่นเล่นพนันบอลแน่นอน
“ผมเริ่มแทงเยอะขึ้น แต่ก็ยังได้อยู่ อาศัยจำนวนคู่ ตอนแรกเราแทงแค่คู่เดียว แต่พอเริ่มเข้าใจการแทงแล้วเราอาจจะแทง 3 คู่ เรามองว่าอาจจะแทง 1 คู่ ได้ 2 คู่ หรือแทง 2 คู่ ได้ 1 คู่ เอาไปเฉลี่ยกัน ส่วนหนึ่งผมมีเงินเก็บของตัวเองอยู่แล้ว ช่วงแรกผมจะได้ 100 บ้าง 50บ้าง ยิ่งทำให้เราฮึกเหิม มั่นใจ ยิ่งกล้าเล่นหนักขึ้น” แคนเล่า
สมองมีแต่ฟุตบอล-เข้าขั้นลูกค้าชั้นดี
ยิ่งแทงก็ยิ่งได้ เงินเดิมพันที่แคนทุ่มลงไปก็เริ่มหนักข้อขึ้น ศุกร์ถึงอาทิตย์ แคนใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อชมถ่ายทอดฟุตบอลผ่านดาวเทียมตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 4 การฝืนตื่นไปเรียนพิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือการไปเรียนปกติในวันจันทร์กลายเป็นเรื่องทุกข์ทรมาน แอบหลับในห้องเรียนถือเป็นเรื่องปกติ
“เวลาผมดูบอล อารมณ์มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ พอทีมที่เราแทงถูกยิง ใจจะตกวูบ เหมือนเราไปเล่นเครื่องเล่นที่ตกจากที่สูงมากๆ ปี๊ดเลย ใจตก เสียว จากนั้นเราก็จะลุ้นว่าเมื่อไหร่จะยิงเสมอได้ ถ้าเสมอได้ก็จะเริ่มคลายมานิดหนึ่ง ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะนำได้ ถ้านำได้ก็ดีใจปี๊ดเลย ตื่นเต้น มันจะขึ้นลงทั้งคืน ผมรู้สึกว่าหัวใจผมทำงานหนักมากตอนนั้น”
แต่แคนยังคงใช้เวลาในโรงเรียนจันทร์ถึงศุกร์หมดไปกับการอ่านข้อมูลการ แข่งขันจากหนังสือพิมพ์ ประมวลผล วิเคราะห์ เพื่อยื่นให้กับเด็กเดินโพยในเย็นวันศุกร์ แคนยอมรับว่าห้วงเวลานั้น ในหัวเขามีแต่ลูกฟุตบอลกลิ้งไปมา กระทั่งไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น จากลูกค้าธรรมดาจึงก้าวสู่การเป็นลูกค้าชั้นดีของโต๊ะบอลแห่งนั้น
“ผมเล่นบ่อย ไม่เคยเบี้ยว เขาก็ให้เครดิตไปเรื่อยๆ จาก 1 อาทิตย์เคลียร์ครั้งหนึ่งทุกวันจันทร์เป็น 2 อาทิตย์ จนท้ายที่สุด ผมคุยผ่านคนเดินโพยว่าจะขอจ่ายทุกสิ้นเดือนนะ คนเดินโพยก็ต่อไปที่โต๊ะ แล้วก็บอกว่า โอเค ไม่มีปัญหา จนท้ายที่สุด ผมได้เครดิตเดือนหนึ่ง”
ดังที่นักวิจัยเคยอธิบายไว้ การเล่นพนันบอลแบบจ่ายจริง เจ็บจริง มักไม่ใช่ปัญหา แต่การเล่นแบบให้เครดิตต่างหากคือต้นตอและเชื้อร้าย แคนเล่าว่ามันเป็นเทคนิคของเจ้าของโต๊ะบอลที่ล่อใจให้เล่น แทงปากเปล่า ไม่ต้องถือเงินสด มันง่ายมากที่ความโลภจะครอบงำ
แคนยอมรับว่า “แทงเครดิตคือปัญหา แล้วการขยายเครดิตยิ่งทำให้เราแทงกันปากเปล่า เงิน 10,000 บาท เหมือน 10บาท”
เงินสด 4หมื่นในมือเด็กม.4 พร้อมเนรมิตทุกอย่าง
จาก 50 บาท ขยับเป็น 500 บาท โชคยังยืนข้างแคน เขาได้เงินจากพนันบอลชนิดไม่รู้จักคำว่าขาดทุน เคยเล่นได้สูงสุดคือ 40,000 บาท เด็กเดินโพยเดินถือเงินสด 40,000 บาทมาจ่าย นึกภาพดูว่า เมื่อ 15 ปีที่แล้วเงินจำนวนนี้กับเด็ก ม.4 นับว่ามหาศาลมาก แคนนึกถึงกีตาร์ตัวงามที่อยากได้ รองเท้าฟุตบอลดีๆ สักคู่ สเก็ตบอร์ด เกมส์ ฯลฯ ทุกอย่างที่เงินซื้อได้ รวมถึงความสนุกสนานและมิตรภาพ
“คิดแบบเด็กๆ ว่าเราอยากได้อะไร เราก็จะซื้อ อยากได้รองเท้าแอร์วอล์ค ก็จะซื้อ ไอ้ที่จะคิดเก็บเป็นทุนการศึกษา ไม่มีเลย ไม่มีคิดอะไรที่เป็นเรื่องดีเลย” มันคือความรู้สึกของเด็ก ม.4 ที่กำเงินสด 40,000 บาทไว้ในมือ
ด้วยความเป็นที่คนมีโลกส่วนตัวประมาณหนึ่ง และทางบ้านไว้อกไว้ใจ แม่ของแคนจึงไม่ระแคะระคายว่า ลูกชายกำลังติดการพนันขั้นร้ายแรง
เล่นมือหนักแต่โชคเริ่มไม่เข้าข้าง
ชัยชนะในการพนันอาศัยโชคชะตาล้วนๆ จึงไม่มีใครเป็นผู้ชนะตลอดกาล แคนไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากได้กำไรต่อเนื่อง ความอยากได้ อยากมี เผาผลาญตัวแคนเอง ปีศาจกระซิบให้แคนแทงหนักขึ้นเพื่อเอาเงินมาซื้อความสุขของเด็ก ม.4 จากคู่ละ 500 กลายเป็น 1,000 บาท
จากไม่เคยขาดทุนเลย เต็มที่ก็แค่เจ๊ากันไป น่าแปลก วงเงินเดิมพันยิ่งสูง โชคชะตาก็ยิ่งหนีหาย การวิเคราะห์ที่เคยแม่นยำของแคนชักคลาดเคลื่อน เท่าทุนเริ่มเปลี่ยนเป็นเข้าเนื้อ แคนก็เหมือนกับนักพนันทั่วไป การขาดทุนไม่ช่วยให้ชะงักหรือเตือนตัวเอง แต่มันตรงกันข้าม
“ผมมีเงินก้อนหนึ่ง ผมจึงมั่นใจว่ามีเงินเสียให้เขาได้ ผมก็เล่นคู่ละ 5,000 บาท เริ่มเสีย ไม่เจ๊า แทง 5 คู่ เสีย 3 คู่ ได้ 2 หรือเสีย 2 ได้ 3 ไม่ใช่แล้ว แพ้รวดหมดเลย แต่มันก็ยังเป็นเครดิตอยู่ ผมยังสามารถแก้มือ กะเอาคืน เป็นความรู้สึกของคนที่เล่นเสีย แล้วอยากเอาคืน ผมว่านี่แหละที่ทำให้หน้ามืด ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าถ้าเสียจะเอาเงินมาจากไหนมาจ่าย คิดแค่ว่าแทงหนักๆ เพื่อให้ได้เงินคืนมา แทง 2-3คู่ คู่ละ 20,000 บาท สุดท้ายที่ผมจำได้ว่า ผมต้องจ่ายให้โต๊ะ 90,000 บาท ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน คือมันเสียสะสมไปเรื่อยๆ จนถึงลิมิต จนโต๊ะบอกว่า นายพอได้แล้วนะ เคลียร์ก่อนดีกว่ามั้ย แต่ก่อนหน้านั้น ผมคิดอย่างเดียวว่าต้องแทงเพิ่มเพื่อถอนทุนกลับคืนมา”
อวสานมาถึง-ไม่มีความลับในโลก
ระหว่างนั้น เงินจากการพนันบอลที่แคนสะสมไว้ได้ 30,000 บาท เหือดหายไปแล้ว กีตาร์ รองเท้าบาสฯ รองเท้าฟุตบอล เกม ค่อยๆ ทยอยขายต่อให้เพื่อนๆ นอกวงพนันบอลในโรงเรียน เพื่อนๆ ก็รู้ว่าแคนจะเอาเงินไปทำอะไร ถามว่าเสียดายหรือเปล่า แคนตอบว่า ไม่ เพราะมันได้มาง่าย การจากไปจึงไม่ได้ทิ้งสิ่งตกค้างมากนัก
ไม่ใช่แคนคนเดียวที่ติดหนี้ เพื่อนๆ ในกลุ่ม 10 กว่าคนเผชิญภาวะเดียวกับแคน บางคนติดหนี้อยู่แสนกว่าบาท
“ผมเครียดเลยครับ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง ไม่ได้บอกทางบ้าน ยังคิดเลยว่าจะยืมเงินจากเพื่อน ผมก็ถ่วงเวลาไปเรื่อย โต๊ะบอลโทรมาก็เลี่ยงไม่คุย โทรไปที่บ้าน ผมเป็นคนรับเอง เคลียร์ก่อนมั้ย คนที่โทรมาทวง ไม่เคยเห็นหน้า เสียงเหี้ยมมาก ตอนแรกก็พูดกันดีๆ เคลียร์ก่อนนะ แล้วค่อยมาเล่นกันใหม่ ผมบอกไปว่า ได้ๆๆ เฮีย เดี๋ยวผมหาเงินไปเคลียร์ให้นะ ก็เริ่มนัดวัน แต่ยังหาเงินให้ไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ไปเคลียร์ เขาก็โทรมา เฮ้ย ว่าไง คุณเบี้ยวผมเหรอ จนหลังๆ ท้ายสุดที่ผมร้องไห้ตรงโทรศัพท์เลย คือเขาพูดว่า เฮ้ย คุณแคน ได้ข่าวว่าคุณเป็นลูกทหารเหรอ คุณรู้มั้ยว่าลูกปืนลูกไม่กี่บาท คุณน่าจะรู้นะ ผมวางโทรศัพท์แล้วร้องไห้ตรงนั้นเลย ที่บ้านก็เลยรู้”
สัญญากับแม่ขอจบแค่นี้
แคนยอมรับว่า มันเป็นโชคของเขาที่หนี้พนันบอล ไม่ได้ลากจูงชีวิตของเขาให้ตกต่ำไปในมุมอื่นอีก ทั้งเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม หรือการขายบริการทางเพศ เหมือนคนเป็นหนี้พนันบอลในปัจจุบัน เลือกใช้เป็นทางออก เพื่อหลงวนเวียนอยู่ในวงจรมืดทึบยาวนาน
โชคดีที่แคนมีแม่ที่เข้าใจและนิ่งพอจะยอมรับความผิดพลาดของลูกชาย
“มันทำให้ผมตัดสินใจว่าจะไม่กลับไปเล่นมันอีก ผมเสียใจมาก ร้องไห้ สัญญากับแม่ว่าจะไม่เล่นอีก มันเหมือนเราโยนภาระไปให้เขา เอาสิ่งที่เราทำพลาดโยนไปให้คนอื่น หลังจากหยุดเล่น ชีวิตก็กลับมาสู่กิจวัตรปกติ หนังสือพิมพ์ซื้อแค่ฉบับเดียว ติดตามอยู่ เพื่อนๆ ก็เลิกเล่นหมด กลายเป็นมุกขำๆ กัน เฮ้ย คู่นี้แทงอะไรดีว่ะ ทุกอย่างเหมือนเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว เราไม่อยากเอามาจำ”
แคนทำได้ตามที่สัญญา เพื่อนๆ คนอื่นในวงพนันบอลซึ่งมีฐานะดีกว่า ทางบ้านช่วยจัดการหนี้สินให้เหมือนแคน หลังจากนั้นทุกคนในกลุ่ม กลับไปเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนานเหมือนเดิม เตะบอล แต่ไม่แทงบอลอีกเลย กับเด็กเดินโพยผู้เป็นเพื่อนต่างห้องคนนั้นต่างเลิกร้างห่างไป ไม่ข้องเกี่ยวกันอีก
เหมือนที่มีใครสักคนกล่าวไว้ ชีวิตเป็นครูที่ดุดัน มันให้แบบทดสอบก่อน แล้วจึงให้บทเรียนในภายหลัง สำหรับแคนมันคือบทเรียนราคา 90,000 บาท เงินอาจไม่มากสำหรับแม่ ที่พร้อมจะแลกกับชีวิตลูกชาย แต่ราคาของมันแพงลิบ แคนถือว่าเป็นค่าประสบการณ์ ค่าบทเรียน ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 เดือน
ชี้วันนี้น่าห่วงเพราะบอลแข่งมากขึ้น
จากอดีตสู่ปัจจุบัน แคนรู้แล้วว่า การเป็นเจ้ามือโต๊ะบอลเป็นธุรกิจที่เรียกได้ว่าไม่มีวันขาดทุน โต๊ะบอลมีสารพัดวิธีและพร้อมใช้ทุกวิธีเพื่อลดความเสี่ยง แคนบอกว่าเล่นไพ่ยังมีโอกาสได้มากกว่า เพราะอย่างน้อยคนเล่นยังมีโอกาสได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง และเมื่อมองถึงสถานการณ์พนันบอลในปัจจุบัน แคนบอกว่าน่ากลัวกว่ามาก เมื่อก่อนแข่งเพียง 3 วัน 3 ลีก ตอนนี้มีแข่งทุกวัน สารพัดลีก
“ผมว่ามันเกลื่อนมากเลยนะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงผ่านไปได้ เข้าถึงง่ายมาก มีเครดิตเหมือนเดิม แต่มีให้เล่นเยอะขึ้น แทงกันบนอินเตอร์เน็ต อีกอย่างผมว่าสื่อก็เยอะเกินไป อย่างที่ผมบอกคือ ราคาในหนังสือพิมพ์กับราคาโต๊ะบอลราคาเดียวกัน ผมก็ไม่รู้ว่ามายังไง สมัยก่อนที่ผมเล่น เขาก็เอาราคามาจากหนังสือพิมพ์พวกนี้
ผมเล่าให้แฟนฟังว่า เราเคยผ่านเรื่องนี้มานะ เขาก็บอกว่าดูผมแล้วไม่น่าเชื่อว่าเด็ก ม.4 จะเสียขนาดนั้น เราก็มานั่งถกกันว่า ถ้าเป็นเด็กสมัยนี้จะขนาดไหน ซึ่งสื่อทุกอย่างออนไลน์ผ่านโลกเล็กๆ มาอยู่ในมือเรา จะไม่ยิ่งกว่าสมัยเราหรือ สมัยก่อนผมจะตรวจผลบอลต้องโทรไป 1800 อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด”
ทุกวันนี้ แคนเป็นชายหนุ่มวัย 30 สิบต้นๆ ที่มีหน้าที่การงานมั่นคงและเรียนรู้มามากพอที่จะไม่วกกลับไปหาการพนันบอล อีก เขาบอกว่าไม่เคยแม้แต่วอกแวกไหวเอน สิ่งที่ทำคือเตือนคนรอบข้างว่าอย่าถลำลึกเหมือนที่เขาเคย
“ผมซื้อประสบการณ์ที่แพงเหมือนกันนะ ผมไม่คิดว่ามันจะลงเอยแบบนี้ ตอนแรกแค่กะสนุกๆ แต่เล่นไปเล่นมา เปลี่ยนเป็นเราอยากได้เงิน จนผมไม่รู้ว่าจะเสียขนาดต้องทิ้งภาระให้แม่ เป็นประสบการณ์ที่แพง ดีที่ผมไม่ได้หลุดไปอย่างอื่นต่อ ถือว่าโชคดีไป”
‘เจาะลึกพนันบอล 5’ แฉโต๊ะบอลเกลื่อนรอบมหา’ลัย บุกแจกโพยถึงโรงอาหาร อดีตนร.สาธิตเผยชีวิตมืด-หนี้นับแสน
สลดผลวิจัยชี้นักพนันบอลเริ่มก่อตัวตั้งแต่เรียนประถมต้น
จากโต๊ะบอลมาถึงเกมออนไลน์ อายุระหว่าง 15-25 ปี เริ่มตั้งแต่เรียนมัธยมต้น
อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังแฉ
หาเล่นได้ไม่ยากเพราะโต๊ะบอลให้เด็กเดินโพยเดินแจกตามโรงอาหารเหมือนติว
เตอร์ ด้านนักศึกษามหาวิทยาลัยระบุ ในห้องเรียนก็แทงง่าย
เพราะมีเพื่อนเป็นคนเดินโพย เฉลี่ยนักศึกษา 50 คน มีคนเล่น 30 คน
ขณะที่อดีตนักเรียนสาธิตชื่อดัง พัฒนาจากนักเล่นธรรมดาไปถึงขั้นรับแทง
แต่เจอนักเล่นเบี้ยว เป็นหนี้หลายแสนบาท จนต้องบอกพ่อให้เคลียร์
ก่อนจะหยุดเล่น
สลดนักเล่นเริ่มตั้งแต่ชั้นประถม
ผลการสำรวจของเครือข่ายรณรงค์หยุดการพนัน เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนในกรุงเทพฯที่เคยมีประสบการณ์เล่นพนันสูงถึงร้อยละ 64 ในจำนวนนี้เป็น นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 48 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 12.3 ประถมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 19.7 และระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 20 ซึ่งการพนันที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือการพนันบอล ร้อยละ 52.04 รองลงมาคือเกมออนไลน์ แหล่งพนันบอลที่เยาวชนนิยมเล่นพนันบอลด้วยมากที่สุดคือ เพื่อน รองลงมาคือโต๊ะพนันบอล และการเล่นพนันบอลออนไลน์
ขณะเดียวกันงานวิจัยของ ธนาคม พจนาพิทักษ์ หัวหน้าสาขา การแพร่ภาพและเสียงผ่านสื่อใหม่ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ที่ทำการสำรวจ กลุ่มตัวอย่างนักพนันบอลที่เป็นนักศึกษา ผู้ที่เพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงาน อายุระหว่าง 15-25 ปี ระบุสอดคล้องกันว่า กลุ่มนักศึกษาที่นิยมเล่นพนันบอล ล้วนแต่มีประสบการณ์เล่นพนันฟุตบอลมาแล้วกว่า 8 ปี นั่นหมายถึงเริ่มเล่นพนันบอลมาตั้งแต่เป็นนักเรียน จนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ที่ดูเหมือนจะมีอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่า
นอกจากนี้ในช่วงประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีข้อมูลว่า ร้านค้าบริเวณรอบมหาวิทยาลัย เช่น ร้านเหล้า หอพัก ร้านอาหารต่างๆ หรือร้านกาแฟ ที่เปิดให้บริการนักศึกษา มักจะให้บริการเล่นพนันบอลแอบซ่อนอยู่ แม้จะไม่โจ่งแจ้ง แต่ก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ที่จะเปิดโต๊ะแจกโพยให้นักศึกษาที่ต้องการแทงบอลกันอย่างเปิดเผยภายในร้าน ในสถานศึกษาบางแห่งถึงขนาดมีคนมาเดินแจกโพยพนันบอล ถึงในโรงอาหารมหาวิทยาลัย เหมือนกับการแจกเอกสารติวเตอร์ข้อสอบกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามแม้จะทราบกันโดยทั่วไปว่า มีนักเรียนและนักศึกษาจำนวนมากเล่นพนันบอล และมีการเปิดรับแทงกันในบริเวณรอบมหาวิทยาลัย หรือแหล่งที่นักศึกษารู้กัน แต่เมื่อเข้าไปสอบถามมักได้รับการปฏิเสธ แม้แต่นักศึกษาที่ได้รับการยืนยันจากเพื่อนจำนวนมากว่า เป็นเซียนพนันบอลเลยทีเดียว ก็กลับได้รับการปฏิเสธว่า เลิกเล่นแล้ว เป็นต้น จึงมองได้ว่าการแพร่ระบาดของการพนันชนิดนี้น่ากลัวมากขึ้น และนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถประเมินวงเงินของการพนันชนิดนี้ได้ อย่างชัดเจนว่า ในแต่ละปีมีเงินหมุนเวียนเท่าใด
โต๊ะบอลแจกโพยในโรงอาหาร-ซุ้มนักศึกษา
อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรังสิต ขอสงวนชื่อตนเอง ให้สัมภาษณ์ศูนย์ข่าว TCIJ ถึงสถานการณ์การเล่นพนันบอลของนักศึกษาว่า แม้ปัจจุบันรูปแบบการเล่นเปลี่ยนไป จากการแทงจากโพยของโต๊ะบอลที่อยู่ตามร้านอาหาร ร้านเหล้ารอบๆ มหาวิทยาลัย แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นมากกว่านั้นคือ พบว่าปัจจุบันคนเดินโพยจะเดินเข้าไปหาลูกค้าเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้นักพนันเข้าไปซื้อในร้าน โดยกลุ่มคนเดินโพยเหล่านี้จะใช้วิธีนำกระดาษโพยฟุตบอลมาแจกตามโรงอาหารที่มี นักศึกษานั่งรับประทานอาหารอยู่ หรือแจกตามโต๊ะ ตามซุ้ม เหมือนแจกเอกสารปกติ ใครสนใจก็กาลงไปแล้วเดินไปส่งให้กับคนเดินโพยได้ทันที เรียกได้ว่าสะดวกสบาย มีบริการให้ถึงที่ เพราะเด็กจะรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นใคร ดังนั้นบางคนอาจจะคิดว่าโต๊ะบอลจะเป็นที่ลับๆ แต่ที่เป็นอยู่คือไม่ปิดลับอีกต่อไปแล้ว
อาจารย์คนเดิมกล่าวว่า โดยปกติแล้วนักศึกษาที่มีใจรักด้านการพนันบอลจะรู้จักว่าร้านไหน ตรงไหนมีการรับแทงบอล ซึ่งจะมาจากการบอกเล่าปากต่อปาก ถ้าถามว่าพวกนี้กลัวตำรวจไหม ไม่มีใครรู้ แต่กลายเป็นว่าจุดที่อันตรายที่สุด คือจุดที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่มีใครคิดว่าโต๊ะบอลจะเปิดกันข้างรั้วมหาวิทยาลัย ตำรวจก็ไม่ได้มาขอค้น หรือถึงแม้จะมีการตรวจค้น แต่ก็เจอบ้างไม่เจอบ้าง และการตรวจค้นก็มีน้อยมาก ทำให้โต๊ะพนันแบบนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นักศึกษาที่ต้องการเล่นเขาจะรู้เวลาว่าฟุตบอลจะเตะกี่โมง โพยจะมากี่โมง เขาจะไปรอ แต่ก็มีบางกรณีที่ร้านจะไม่ให้โพยกับคนแปลกหน้า หรือไม่รู้จักกันมาก่อน จะให้เพียงคนที่มีเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกันแนะนำมาเท่านั้น
คนเดินโพยนั่งรอในร้านอาหาร-ร้านกาแฟ
“คงไม่สามารถระบุได้ว่า รอบมหาวิทยาลัยมีร้านที่รับแทงบอลกี่ราย เพราะร้านที่เจ้ามือรับแทงบอลเข้าไปนั่ง จะเป็นร้านอาหารธรรมดา เช่น ร้านข้าวมันไก่ อาหารตามสั่ง หรือร้านกาแฟจะเป็นที่นิยม เพราะนั่งได้นาน ซึ่งคนรับแทงจะนั่งเหมือนลูกค้ามากินข้าวในร้านนั้น คนเล่นจะรู้ว่า เค้าจะต้องไปเวลาไหน ใครแทงกับใครก็เข้าร้านนั้น ซึ่งร้านจะไม่มีส่วนรับรู้ ร้านไม่ได้เป็นคนเปิดโต๊ะ แต่คนรับแทงจะมาอาศัยภายในร้านมากกว่า โดยจะต้องแทงเป็นเงินสดเท่านั้น” อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังระบุ
ในห้องเรียนก็หาเล่นได้ไม่ยาก
จากปากคำของนักศึกษาชาย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยของรัฐ ย่านยานนาวา เปิดเผยถึงสถานการณ์การเล่นพนันบอลในรั้วมหาวิทยาลัยของเขา ซึ่งดูเหมือนจะไม่แตกต่างกับการพนันในมหาวิทยาลัยอื่นๆ โดยระบุว่า การเล่นพนันบอลในมหาวิทยาลัยขณะนี้นับเป็นเรื่องธรรมดามาก ในสาขาหนึ่งๆ ในคณะ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีประมาณ 50 คน พบได้ว่ามีนักศึกษาเล่นพนันบอลประมาณ 30 คน โดยส่วนตัวคิดว่าเกิดจากความง่ายต่อการเข้าถึง เมื่อคิดจะแทงบอลก็ไม่จำเป็นต้องออกไปไหนไกล เพราะเป็นที่รู้กันว่าในแต่ละห้องมีใครเป็นเอเย่นต์โต๊ะบอล หรือคนเดินโพยอยู่บ้าง อยากจะแทงก็ไปแทงที่คนนั้นได้เลย เรียกว่ารับแทงกันได้ในห้องเรียน แต่ถ้าหากอยากจะเล่นบอลชุด ก็เพียงเดินออกไปนอกรั้ว ตามร้านค้าที่จะเป็นที่รู้กันว่ามีหลังร้านเปิดเป็นโต๊ะบอลแล้ว และหากต้องการจะทดลองเล่นพนันรูปแบบใหม่ๆ ก็สามารถให้เพื่อนในห้องช่วยแนะนำให้ได้ เช่น การพนันบอลออนไลน์ เพื่อนจะเปิด ID ให้ พร้อมกับสอนวิธีการต่างๆ ทำให้เริ่มพนันบอลทางเว็บไซต์ได้เอง จากที่เขาเคยเล่น ขั้นต่ำจะต้องแทง 200 บาท และแทงได้ไม่เกิน 500 บาทต่อหนึ่งครั้ง การแทงพนันบอลแบบนี้ไม่ต้องจ่ายเงินสด แต่จะมีการเคลียร์เงินทุกวันอังคารและศุกร์ ได้หรือเสียเท่าไหร่ จะมีการโอนผ่านบัญชี ซึ่งเขาเคยได้เงินมากที่สุด 5,000 บาท
“ก็ในเมื่อมันเล่นง่าย สะดวกสบาย มีเพื่อนในห้องรอนั่งรับแทง มีเงินมาในกระเป๋าควักแทงได้เลยแบบนี้ใครๆ ก็เล่นได้ บางคนไม่ได้อยากเล่น แต่เห็นเพื่อนเฮฮา แทงกันก็สนุกเข้ามาเล่นด้วยจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา” เขากล่าว
สิ่งที่นักศึกษาจากสถาบันแห่งนี้ระบุ และเป็นข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในสถานการณ์การเล่นพนันบอลของนักศึกษา จะพบว่าเกิดขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติ และไม่พบว่ามีการตักเตือน หรือเคร่งครัดจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเลย ซึ่งส่วนตัวเขาไม่รู้ว่าอาจารย์รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ หรือรับทราบแล้ว แต่อาจจะไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากนัก
ผลการสำรวจของ ปัญญาสมาพันธ์เพื่อการวิจัยความเห็นสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2553
จากนักเล่นขยับขึ้นมารับแทงเอง
ด้านอดีตนักเรียนโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เปิดเผยถึงการเล่นพนันบอลในโรงเรียนของเขา ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนที่ติดอันดับความดังระดับต้นๆ ของประเทศ เปิดเผยว่า ในโรงเรียนของเขา การเล่นพนันบอลมีอยู่ทั่วไปไม่ต่างจากโรงเรียนหรือมหาลัยอื่นๆ ส่วนใหญ่นักพนันหน้าใหม่ระดับเยาวชนนี้ มักจะเข้าสู่วงการโดยชักชวนของรุ่นพี่ที่โรงเรียน ซึ่งเล่นต่อๆ กันมา คนเดินโพยหรือคนเก็บเงิน ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่บ้าง เพื่อนบ้าง ส่าวนตัวเขาเริ่มเล่นพนันบอลตั้งแต่ยังเรียนชั้นม.3 เคยรับเงินจากการพนันบอลมากที่สุด 5,000 บาท
เงินที่ได้มักจะนำไปซื้อของให้ผู้หญิงตามสไตล์วัยรุ่นที่เพิ่งมีความรัก แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ตัวเองเท่าไหร่นัก ซึ่งหลังเล่นพนันบอลอยู่สักระยะ เขาก็พัฒนาเป็นคนเดินโพยด้วยเพราะเห็นช่องทาง โดยรับส่งโพยบอลชุด และรับแทงเอง จนมีเครือข่ายในมือนับหมื่นคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนักพนันหลายคนที่มักจะพัฒนาจากนักเล่นไปสู่การเป็นคนเดินโพย ซึ่งเชื่อว่าครูในโรงเรียนไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เพราะถึงจะรู้อย่างไรก็ไม่อาจคาดคั้นเอาได้ หากเด็กไม่ยอมรับ
รู้ตัวอีกทีกลายเป็นหนี้หลายแสน
เขาเป็นเด็กเดินโพย รวมทั้งเป็นคนเล่นไปด้วย จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 มารู้ตัวอีกทีก็พบว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวกว่า 600,000 บาท สาเหตุมาจากนักเล่นในเครือข่ายของเติมที่ใช้วิธีแทงลม เล่นมือหนักขึ้นบางครั้งแทงถึงคู่ละ 50,000-80,000 บาท แต่เมื่อเสียแล้วไม่ยอมจ่าย ซึ่งนั่นหมายหนี้สินทั้งหมดต้องมาตกอยู่ที่เขา ที่จะต้องหาเงินไปจ่ายให้โต๊ะบอลเองแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาเงินมาเคลียร์ ได้เพราะติดอยู่ในวังวนการเล่นพนันที่ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ จนท้ายที่สุดก็จำเป็นต้องบอกครอบครัว เพื่อนำเงินไปใช้คืนให้ จนเป็นสาเหตุให้สามารถตัดใจ เลิกเล่นได้ในที่สุด
ผลการสำรวจของ ปัญญาสมาพันธ์เพื่อการวิจัยความเห็นสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2553
นร.สาวเล่นหนักหวังเงินช็อปปิ้ง-ถึงขั้นเสียตัว
สิ่งอดีตนักเรียนรายนี้แสดงเป็นห่วงคือ การที่มีนักเรียนหญิงข้าสู่วงการพนันบอลจำนวนมาก เพราะเด็กสาววัยรุ่นส่วนใหญ่ใช้เงินเก่ง โดยเฉพาะนักเรียนสาวในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และอยู่ในสังคมของลูกคนมีฐานะดี ที่นิยมเล่นกันเยอะ บางคนไม่มีเงินจ่ายถึงขั้นเสียตัว ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เขาเคยพบเห็นไม่ใช่แค่ประเด็นเพื่อเป็นข่าวเท่านั้น เนื่องจากโรงเรียนชื่อดังเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพ่อแม่มีเงิน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงจะอู่ฟู่กันมาก
“เด็กผู้หญิง ม.ปลาย โรงเรียนผมส่วนใหญ่ ออฟชั่นกันเต็มตัวกระเป๋า รองเท้า และมีเด็กพวกฐานะปานกลางและไม่ได้เป็นเด็กดีอะไรนัก ก็จะเห็นผู้ชายเล่น ก็เล่นบ้าง เอาเงินไปช็อปปิ้ง สมัยก่อนแทงผ่านโต๊ะก็แค่บอกว่าเป็นเพื่อนคนนั้นคนนี้ โต๊ะก็จะเช็คว่ารู้จักกันมั้ย ตามได้ใช่มั้ย ไม่มีปัญหาใช่มั้ย แค่นี้ก็เล่นได้แล้ว” เขากล่าว พร้อมกับระบุความเชื่อของตัวเองว่า สำหรับชีวิตวัยรุ่นส่วนใหญ่จะเจออยู่แล้ว มันเหมือนกับลุ้นว่าลูกจะสูบบุหรี่หรือเปล่า ส่วนตัวเชื่อว่าเด็กเล่นพนันบอลมากกว่าเด็กสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ก็ยังทำให้เหงือกดำปากดำ แต่การเล่นพนันบอลไม่มีโทษอะไรเลย ไม่ได้ทำให้ตัวเองสวยน้อยลง และโดยเฉพาะผู้หญิงที่อยากได้อยากมี ไม่มีทางรอดพ้นไปได้
ผลกระทบตามมามีแต่เสียกับเสีย
จากข้อเท็จจริงที่ได้จากทั้งอาจารย์ นักศึกษา และอดีตนักศึกษาในสถาบันต่างๆ ค่อนข้างยืนยันได้ว่า การพนันบอล ยังคงครองอันดับการพนันยอดนิยมของวัยรุ่นไทยในขณะนี้ โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ การกระทบกับผลการเรียน โดยเฉพาะในรายที่เล่นพนันหนักๆ ถ้านักศึกษาที่เล่นพนันบอลด้วย ดูการแข่งขันฟุตด้วย เมื่อตื่นมาเรียนไม่ทัน ผลการเรียนจะลดลงไปตามลำดับ บางคนต้องดูฟุตบอลคู่สำคัญที่เตะเกือบเช้า หรือบางครั้งที่ห้องพักดูไม่ได้ ก็ต้องไปดูที่ร้าน ทำให้มีการดื่มเหล้า ทำให้ตื่นเช้ามาเรียนไม่ไหว แบบนี้ก็มี
“เพื่อนผมมาเรียนเหมือนไม่ได้เรียน เพราะเมา ไปดูบอล ไม่ได้นอนทั้งคืนแต่ต้องมาเพราะเช็คชื่อ ก็มานอนหลับในห้อง อาจารย์ไม่ว่าอะไร” นักศึกษาคนหนึ่งกล่าว
ส่วนกรณีที่ต้องออกจากมหาวิทยาลัย เพราะสาเหตุมาจากพนันบอลนั้น ขณะนี้มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่มีข้อมูล ถึงแม้ว่าอาจจะมีบ้างที่เด็กลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะเสียการพนันบอลแต่มหาวิทยาลัยอาจจะไม่รู้ โดยบางราย เล่นพนันบอลเสียเงินในหลักแสน แล้วเจ้าของโต๊ะไปตามถึงบ้านแม่ต้องจ่ายเงิน ที่บ้านให้ออกจากมหาวิทยาลัยให้ไปเมืองนอกทันที เรียนไม่จบ
มหาวิทยาลัยทำได้แค่รณรงค์ให้เลิก
ทางด้าน นายกอบศักดิ์ วิชัยขัทคะ อาจารย์ฝ่ายงานกิจกรรมนักศึกษา สำนักงานกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในส่วนของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทำได้เพียงการรณรงค์ในมหาวิทยาลัยหากนักศึกษาถูกตำรวจจับ ก็จะถูกส่งเรื่องมาที่มหาวิทยาลัย ความผิดจะมีแค่การกระทำผิดระเบียบทางวินัยของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ในความผิดทางกฎหมายเรื่องการเล่นการพนัน มหาวิทยาลัยทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะนักศึกษาไม่ได้เล่นในมหาวิทยาลัย แต่ถ้าหากเป็นกรณีเด็กทะเลาะวิวาทกันในมหาวิทยาลัย ที่มีสาเหตุมาจากพนันบอล ทางมหาวิทยาลัยถึงจะดำเนินการกับนักศึกษาได้ ในแง่ของการทะเลาะวิวาทตามระเบียบของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
ปัจจุบันการสิ่งที่มหาวิทยาลัยทำได้ ในการแก้ปัญหานักศึกษาพันบอล คือ การเดินรณรงค์ป้ายผ้า ช่วงเฟรชชี่ ที่เข้ามา โครงการรั้วสีขาว เช่นโครงการยาเสพติด ต่อต้านเล่นพนันบอล ดื่มเหล้าในสถานศึกษา ร่วมกับตำรวจติดป้ายประชาสัมพันธ์ เข้าตรวจเช็คตามร้านขอดูโพยการพนัน ซึ่งไม่ค่อยเจอเพราะเปลี่ยนเป็นออนไลน์แล้ว เช็คได้ยากมาก ถ้าเข้าเช็คในร้านเกม นักศึกษาจะบอกว่าเล่นเกมแล้วจะปิดหน้าเว็บไซต์พนันบอลลง ซึ่งเรื่องเทคโนโลยีแบบนี้ตามเด็กไม่ทัน และเป็นเรื่องยากมากที่จะให้นักศึกษาที่ติดพนันบอลเลิกเล่นได้ อาจจะต้องมีอย่างอื่นที่ทำให้สนใจมากกว่าฟุตบอล เช่น การมีแฟน แฟนไม่ให้เล่น บางทีอาจจะหยุดได้ ทำให้เขาสนใจฟุตบอลน้อยลง เขาอาจจะเลิกเล่นได้ หรือให้เขาหันไปหาสังคมใหม่ๆ
แนะทำให้ถูกกฎหมาย-คุมง่ายกว่า
“ส่วนตัวแล้วเห็นว่ารัฐบาลควรจะให้การพนันบอลเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย เพราะตำรวจไม่สามารถตามจับได้หมด เพราะมีจำนวนมากแทบจะทุกมหาวิทยาลัย ซึ่งถ้าทำให้ถูกกฎหมายรัฐบาลจะสามารถควบคุมได้ เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 18 ห้ามเล่น หรือมีกฎ ระเบียบต่างๆ แต่วันนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากนี้รัฐบาลยังเก็บภาษีจากพนันบอลได้เหมือนสลากกินแบ่งรัฐบาล” อาจารย์มหาวิทยาลัยกล่าว
‘เจาะลึกพนันบอล 6’สะท้อนชีวิตหนุ่มโรงงาน จากนักเล่นถึงเดินโพย อ้างเพิ่มรายได้-ใครก็เล่น เปิดแทงโจ๋งครึ่ม
หนุ่มเมืองมะขามสะท้อนชีวิตคนเดินโพยพนันบอล
ขยับตัวมาจากนักเล่นธรรมดา หวังหารายได้พิเศษ นอกจากเงินเดือนจากโรงงาน
เพื่อเลี้ยงดูลูก และสร้างอนาคตทางการศึกษาให้ลูก มาเดินโพยให้โต๊ะบอล
ของอดีตตำรวจ ซึ่งทำรายได้ให้งอกงามขึ้น พอๆ
กับเมียที่เป็นคนเดินโพยหวยใต้ดิน ขณะที่มองว่าสังคมนี้ใครๆก็เล่น
จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ไม่รู้จักฟุตบอล-เข้าสู่วังวนพนันบอล
กรรมการหรือคนงานโรงงานนับเป็นคนอีกกลุ่ม ที่ก้าวเข้าสู่วงจรการพนันบอลอย่างแพร่หลาย อาจเพราะต้องการหาความตื่นเต้นตามอัตภาพ ต้องการเสี่ยงดวงเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า ต้องการเข้าสังคม มีเพื่อน มีเรื่องสนทนา หรือทุกอย่างรวมกัน ก็สุดจะคาดเดา
ก้อง หนุ่มเมืองมะขามหวาน เพชรบูรณ์ วัย 32 ปี เดินทางจากบ้านเกิดมาทำงานตามแรงผลักของเศรษฐกิจ เหมือนอีกหลายล้านคน ที่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน การทำงานในโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์เล็กๆ ใน จ.สมุทรปราการ แลกค่าแรงเดือนละไม่ถึงหมื่นบาท ค่าอยู่ ค่ากิน ค่านมลูกก็แทบไม่พอ แค่คิดว่าพอลูกโตขึ้นจะต้องหาเงินส่งเสียให้เล่าเรียนหนังสือก็ปวดหัวแล้ว แผนชีวิตในอนาคตจึงเป็นเรื่องหรูหราเกินตัว
“ตอนนี้ไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย ต้องเก็บเงินไว้ส่งลูกเรียนหนังสือ มีอะไรทำได้ก็ทำ แต่คนโรงงานไม่มีอะไรมาก ถ้าไม่มีรายได้อย่างนี้ก็เอาไปกินเหล้าหมด เงินที่เราได้มาก็เป็นค่าเบียร์บ้าง เท่ากับว่าเราไม่ได้ควักเงินก้อนใหญ่ มันเหมือนเป็นรายได้พิเศษ ไม่ได้คิดว่าทำแล้วจะรวย”
การหารายได้พิเศษเล็กๆ น้อยๆ จึงเป็นทางเลือกที่ปฏิเสธยาก หนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่เคยสนใจกีฬาฟุตบอล นอกจากเห็นเพื่อนบ้านวิ่งไล่เตะลูกกลมๆ เพื่อความสนุกสนานกับเดิมพันด้วยขนมแล้ว มากกว่านั้นคือสิ่งที่อยู่นอกเหนือการรับรู้ ไม่เคยรู้จักหงษ์หรือผี ราชันย์ชุดขาวคือใคร หรือปืนใหญ่เกี่ยวอะไรกับฟุตบอล เพิ่ง 5 ปีก่อนนี้เองที่ก้องรู้ว่า มันคือช่องทางสร้างรายได้สำหรับคนหาเช้ากินค่ำ
เรียนรู้จนเข้าสู่นักเล่นเต็มตัว
โรงงานที่ก้องทำงานอยู่มีการเล่นพนันฟุตบอลหรือไม่ ตอบโดยไม่ต้องอ้อมค้อมคือ มี แต่เพราะไม่ได้สนิทสนมกับกลุ่มที่เล่น วงโคจรของก้องจึงมีระยะห่างและไม่มีแรงดึงดูดเพียงพอจะลากพาตัวเองไปหมุนรอบ ลูกฟุตบอล ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
“การพนันที่ผมเล่นตอนนั้นคือหวย เพราะภรรยาที่ทำงานในโรงงานเดียวกันเป็นคนชอบหวย และยังเป็นคนเดินโพยหวยด้วย เพื่อหารายได้พิเศษ”
หลังจากเริ่มคลุกคลีสนิทสนม คนแปลกหน้าในโรงงาน เปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อน ระยะห่างถูกบีบเข้าใกล้ คำชักจูงและรายได้จากการพนันบอลทำให้ก้องสนใจ เริ่มศึกษาวิธีการเล่นว่าเป็นอย่างไร สำหรับมือใหม่การแทงพนันบอลซึ่งมีอัตราต่อรองหลายราคาสร้างความสับสนไม่น้อย ก้องเล่าว่า ครั้งแรกใช้วิธี ‘กามั่ว’ตามที่เพื่อนแนะนำ เป็นการแทงบอลชุดกับคนเดินโพยในโรงงานเดียวกัน ด้วยจำนวนเงินเพียง 50 บาท ปรากฏว่าเขาทายถูก
เมื่อได้เงิน การพนันบอลจากที่เคยเป็นเรื่องยากกลับกลายเป็นเรื่องสนุก ได้บ้าง เสียบ้าง เป็นเรื่องปกติ ก้องบอกว่า เคยเสียสูงสุดน่าจะตกราวๆ 2,000-3,000 บาท ไม่ถลำไปกว่านี้ เพราะด้วยกติกา รูปแบบ และวิธีการแทง ถือเป็นส่วนหนึ่งที่คอยกระตุกเตือนนักพนันว่า อย่าแทงหนักมือเกินไป ข้อแรกคือทางโต๊ะบอลกำหนดอัตราแทงต่ำสุดไว้ที่ 50 บาท และสูงสุดไม่เกิน 500 บาท เพราะเป็นบอลชุด ข้อสอง-รับแทงเป็นเงินสด ไม่แทงปากเปล่าหรือเครดิต ข้อสาม-คนโรงงานก็ใช่ว่าจะมีเงินถุงเงินถังแทงหนักๆ ได้ และสุดท้ายคือคนเล่นก็เป็นคนในโรงงานเดียวกัน รู้จักหน้าค่าตา จะเบี้ยว จะหนี ก็ลำบาก
กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
“การเล่นพนันบอลของคนในโรงงานไม่ได้เล่นจนหมดเนื้อหมดตัว แต่เล่นเพื่อสนุก ถึงบอลจะมีเกือบทุกวัน แต่บางคนก็ไม่ได้เล่นทุกวัน เล่นมากๆ ก็ในช่วงสุดสัปดาห์เพราะบอลมันมีเยอะและเลือกเล่นได้เยอะ ส่วนใหญ่จะเล่นกันไม่มาก เฉลี่ยแล้วเล่นกันอยู่ที่ประมาณ 200-300 บาทต่อสัปดาห์เท่านั้น”
ก้องบอกว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นใครเล่นแล้วติด ต่างเล่นเพียงเพื่อหวังรายได้เล็กน้อย หากวันไหนไม่มีคู่บอลใหญ่ๆ ดีๆ น่าสนใจ ก็ไม่เล่น ก้องจึงไม่คิดว่าการเล่นพนันบอลชุด จะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองมากนัก เขาจึงไม่เคยหวาดกลัวแม้แต่น้อยว่ากลายเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเช่นในข่าว
“บอลชุดมันเป็นการเล่นของคนที่มีรายได้ไม่มากนัก ไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง ถ้าเสียก็แค่เดือนละไม่เท่าไหร่ หากเดือนไหนมาลองคำนวณดูแล้วใช้ไปเยอะก็สามารถหยุดได้ และการเล่นบอลชุดเป็นการเล่นแบบวางเงินสด จึงไม่ทำให้เล่นเกินตัว”
แสดงว่าการเล่นบอลชุดถือเป็นข้อดี เป็นคำถามที่ก้องไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ แต่บ่ายเบี่ยงไปว่า การเล่นการพนันทุกชนิดล้วนไม่ดีทั้งสิ้น
ขยับตัวเองเป็นคนเดินโพย
หลังจากเป็นนักเล่นธรรมดามาได้ 2 ปีที่ เพื่อนในโรงงานที่เป็นคนเดินโพย ชักชวนก้องให้เป็นคนเดินโพยด้วย ก้องใช้เวลาคิดไม่นานก่อนจะตอบรับ
“เพราะอยากจะไปเดินอยู่แล้ว มันมีรายได้ เมียผมก็เดินโพยหวยอยู่แล้ว แต่ตัวเองไม่ชอบเล่นหวย คิดว่ามาทางนี้น่าจะดีกว่า ก็ตอบรับเลย เราก็เล่นอยู่แล้ว ไม่ยาก”
เมื่อก้องตอบตกลง เพื่อนของก้องจึงพาตัวเขาไปพบกับเจ้ามือโต๊ะบอล ซึ่งอันที่จริงก็รู้จักหน้าตากันมาก่อนแล้วในฐานะลูกค้าประจำ แค่ไปแสดงตัวให้รู้จักอย่างเป็นทางการว่าเป็นใคร มาจากไหน เล่นบอลผ่านใคร เพราะธุรกิจประเภทนี้ความไว้เนื้อเชื่อใจถือเป็นสิ่งสำคัญ ก้องจึงกลายเป็นคนเดินโพยอย่างเป็นทางการ ได้รับค่าเหนื่อยจากการเดินโพย 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่แทง ซึ่งก้องถือว่าเป็นรายได้ที่พอใจ
ไม่กลัวเพราะเจ้าของโต๊ะเป็นตำรวจ
อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจเป็นคนเดินโพยของก้องง่ายขึ้นมากก็ คือ เจ้าของโต๊ะเป็นอดีตนายตำรวจ หลังเกษียณก็หันมาทำธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดโต๊ะบอล และด้วยความที่เป็นอดีตตำรวจทำให้สามารถรู้ทิศทางลมและช่องทางต่างๆ เป็นอย่างดี สามารถขยายเครือข่ายให้มีคนเดินโพยได้กว้างขวาง แถมยังให้ความมั่นใจกับคนเดินโพยได้ว่า ไม่ต้องกลัวถูกตำรวจจับ เพราะหากเกิดปัญหาอะไร สามารถเคลียร์ให้ได้ หรือหากมีข่าวว่าจะมีการปราบปรามการพนันหรืออยู่ในช่วงเวลาที่อาจเสี่ยงต่อ การถูกกวาดล้าง เจ้าของโต๊ะรายนี้ก็มักได้ข่าวก่อนจากเพื่อนในวงการตำรวจเสมอ และจะถูกกระจายต่อมายังเครือข่ายคนเดินโพย ให้เพลาๆ การรับแทงลง หรือบางครั้งอาจจำเป็นต้องหยุดไปชั่วขณะเพื่อความปลอดภัย
“เขาเป็นตำรวจ มันทำให้เราสบายใจ เพราะเขามีสาย มีข้อมูล เขาก็จะบอก ถ้าเกิดปัญหาเขาก็เคลียร์ให้ คนก็เลยไม่กลัว อย่างโต๊ะบอลหรือบ่อนที่อยู่ใกล้ๆ กัน เขาก็ต้องมีสาย ต้องจ่ายตำรวจเหมือนกัน เพราะไม่เคยเห็นว่าจะถูกจับ ตอนที่มีข่าวก็ยังเปิดเล่นกันอยู่ แสดงว่าเขาจะต้องรู้ว่า ตำรวจจะมาเมื่อไหร่ ทำให้คนเล่นมั่นใจได้”
เมื่อเป็นคนเดินโพย บางคราว ก้องต้องทำหน้าที่เป็นคนทวงเงิน ซึ่งวงเงินไม่ได้มากมายอะไร เฉลี่ย 200-300 บาท มีผัดผ่อนบ้างวันสองวัน นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้าเป็นพวกแทงหนักๆ ก้องจะไม่รับ เขาบอกว่า มันน่ากลัว
เปิดเล่นกันเอิกเกริกถึง 3 โต๊ะ
ก้องยังบอกด้วยว่า โต๊ะบอลในละแวกบ้านของเขามีอยู่ 3 โต๊ะที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย หนึ่งคือโต๊ะของอดีตนายตำรวจที่ก้องเป็นคนเดินโพยให้ สอง-เป็นโต๊ะบอลที่เปิดเป็นบ่อนด้วย ทั้งสองแห่งอยู่ห่างกันไม่เกินระยะ 100 เมตร ส่วนอีกโต๊ะหนึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งก้องไม่รู้จักมากนัก เขาตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาทั้ง 3 โต๊ะไม่เคยมีเรื่องวิวาทบาดหมางหรือขัดผลประโยชน์กัน ต่างโต๊ะต่างทำธุรกิจอยู่ในขอบเขตของตัวเอง ไม่ส่งข้ามเขตกันหากไม่รู้จัก
“การได้ค่าเดินโพยโดยหักเปอร์เซ็นต์จากยอดเงิน มันไม่ถึงกับกระตุ้นนะ แต่ก็ทำให้เราอยากให้คนมาเล่นเยอะๆ เหมือนกัน เราจะได้เยอะๆ ด้วย แต่เราก็ไม่ไปเชียร์หรือหาคนเล่นเพิ่มเอง คนที่เขาอยากเล่นเขาจะติดต่อมาเอง ให้เพื่อนพามา ถ้าเราไปกระตุ้นเราก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มันเสี่ยง น่ากลัวมากกกว่า เพราะจริงๆ แล้วเราก็มีเงินเดือน มีรายได้จากเดินโพยหวย ก็เลยไม่คิดจะเสี่ยงอะไร”
รายได้จากการเดินโพยของก้องที่เคยได้มากสุดตกที่ 500 บาทต่อสัปดาห์ หากคำนวณเป็นเดือนก็ประมาณ 2,000 บาท แต่ไม่ได้หมายความว่าเงิน 2,000 บาท จะนำไปใช้จ่ายในครอบครัวเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก้องนำรายได้ตรงนี้ส่วนหนึ่งไปต่อเงินด้วยการแทงบอล ก้องให้เหตุผลว่าเป็นการเสี่ยงแบบไม่ต้องควักกระเป๋าเอง ซึ่งหากโชคชะตาเข้าข้างก็ได้กลับคืนเป็นกอบเป็นกำ แต่ส่วนใหญ่โชคชะตามักเล่นตลกร้ายกับเขามากกว่า ถ้าเดือนไหนคำนวณแล้วพบว่าเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ก้องก็จะหยุด
ขอเดินโพยจนกว่าโต๊ะบอลจะเลิกเอง
“เวลาผมเสีย ไม่เคยรู้สึกว่าต้องแทงหนักขึ้นเพื่อถอนทุน แต่จะรู้สึกเสียดาย ถ้าเสียไปเยอะแล้วก็จะหยุด ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเงินใช้ ตอนหลังเดินโพยอย่างเดียว ได้เงินแน่ๆ ไม่เสี่ยง จะเล่นก็แค่บางคู่สนุกๆ แมทช์ใหญ่ๆ เท่านั้น ยิ่งหลังๆ ไม่ค่อยได้เล่นก็เลยไม่รู้สึกโลภ ที่จะรู้สึกโลภก็คืออยากให้คนมาแทงเยอะๆ เราจะได้เปอร์เซ็นต์เยอะๆ มากกว่า”
แต่ก้องก็ยอมรับว่า ใช่ว่าทุกๆ คนจะสามารถยับยั้งชั่งใจได้ แต่เขายังคงยืนยันว่า สำหรับคนโรงงานอย่างพวกเขา ไม่มีเงินมากมายให้แทงบอลหนักอยู่แล้ว เขาจึงไม่เคยเห็นชีวิตคนโรงงานเดียวกันต้องซวนเซเพราะบอลเลยสักคน และเมื่อคิดดูจริงๆ คนในโรงงานร้อยกว่าคน ที่เล่นพนันบอลจริงๆ ไม่เกิน 20 คน
“คนที่เล่นในโรงงานเล็กๆ แบบนี้ผมไม่เคยเห็นว่าเขาจะเสียพนันบอลจนมีปัญหา แต่ถ้าจะมีปัญหาน่าจะเป็นเรื่องพนันอย่างอื่นมากกว่า แต่เราไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรมา เขาไม่ได้มาเล่าให้ฟัง ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องบอลเล็กๆ น้อยเท่านั้น บางคนมาแทงบ่อยๆ เสียบ่อยๆ เขาท้อ เลิกแทงไปเอง คิดว่ามันไม่เหมือนกับการแทงบอลเดี่ยว คนเล่นสนุกๆ เท่านั้น ก็เหมือนหวย เล่นสนุกๆ เงินเสียไป มันมองไม่เห็นว่าทำให้เดือดร้อนเท่าไหร่ กินเหล้ายังเสียเยอะกว่า”
สลดคนส่วนใหญ่เห็นเป็นเรื่องปกติ
ส่วนผลกระทบเชิงสังคม ก้องบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องของสังคมมากกว่า เพราะทุกคนแถวบ้านเช่าของเขารู้จักการเล่นพนันบอลกันหมด เด็กเยาวชนระดับมัธยมต้นถึงมหาวิทยาลัยก็เข้ามาเล่น และเป็นคนเดินโพยด้วยเหมือนกัน กลุ่มคนหาเช้ากินค่ำอย่างมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พ่อค้า ก็เล่น ซึ่งก้องมองโลกในแง่ดีว่าเขาจะมีลูกค้ามากขึ้น แน่นอนว่าคนเหล่านั้นคงต้องเสียเงินไปโดยใช่เหตุ แต่ก้องยังมองในแง่บวกว่าคนกลุ่มนี้จะได้คลายเครียด และทำให้มีเรื่องพูดคุยกันมากขึ้นโดยมีเรื่องบอลเป็นประเด็นในการสนทนา ถามว่า ถ้าอย่างนั้นทำให้พนันบอลกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายจะดีหรือไม่ เพราะไหนๆ ก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ในฐานะคนวงใน ก้องตอบว่า
“ไม่รู้สิ จะถูกหรือไม่ถูกกฎหมาย คนก็เล่นได้อยู่แล้ว ตำรวจก็เล่น แต่ถ้าถูกกฎหมายอาจจะดีที่คนไม่ถูกตำรวจจับ แต่ไม่ถูกอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมคิดว่ามันไม่แตกต่างกัน”
ถามก้องว่าคิดจะเลิกหรือไม่ ก้องตอบชัดถ้อยชัดคำว่า ไม่เลิก เขาคงเดินโพยต่อไปจนกว่าเจ้าของโต๊ะจะเลิกไปเอง ส่วนการเล่นพนัน เขาไม่มีคำตอบ เนื่องจากเขาไม่ได้ติด จึงไม่มีความคิดว่าจะต้องเล่นหรือต้องเลิก ครั้นจะเปิดโต๊ะเอง ยิ่งเป็นเรื่องนอกเหนือความคิด เขาไม่มีกำลังพอจะดูแลหรือบริหารจัดการได้ ที่สำคัญ ก้องไม่มีเส้นสายมากพอ การเป็นคนเดินโพยหารายได้พิเศษก็ถือว่าเหมาะแล้ว
“ผมมีลูกเล็กมาก 3 ขวบ อยู่บ้านนอก จริงๆ ถ้าโตขึ้นก็ไม่อยากให้ลูกเล่นหรอก โดยเฉพาะติดแบบพวกที่เล่นเยอะๆ เหมือนที่เป็นข่าว แต่คิดว่าลูกคงไม่เล่น เพราะเราไม่ได้ร่ำรวย จะเล่นได้เยอะอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้ลูกยังเล็กก็ไม่ได้คิดอะไร” เป็นความกังวลเล็กๆ ของคนเป็นพ่อ
ในมุมของกฎหมายหรือศีลธรรม ย่อมไม่มีพื้นที่สีขาวให้กับการพนันบอล แต่ในสายตาของคนหาเช้ากินค่ำที่ชีวิตส่วนใหญ่ถูกผลักจากแรงกดดันด้าน เศรษฐกิจ การพนันบอลกลายเป็นช่องทางหารายได้เสริม เป็นสถาบันในมุมมืดที่ทำหน้าที่กระจายรายได้ แม้ผลกระทบจากปริมาณเงินก้อนเดิมที่หมุนวนอยู่ในระบบเศรษฐกิจจะก่อปัญหาเงิน เฟ้อ ยังไม่นับรวมผลกระทบด้านสังคมอีกมาก ที่ตีค่าเป็นตัวเงินไม่ได้ก็ตาม
“เมื่อก่อนผมไม่รู้จักใคร เพราะไปทำงานกลับมาบ้านก็นอน กินเหล้า แต่ตอนนี้ผมรู้จักคนเยอะขึ้น มีสังคมเยอะขึ้น ไปเจอกันก็จะมีเรื่องบอลมาคุยกันทำให้รู้สึกว่าเป็นคนในชุมชนนี้ เพราะคนโรงงานส่วนใหญ่มาจากต่างถิ่นกันไม่รู้จักกันเท่าไหร่ มาอยู่ก็จะเหงา แต่พอได้รู้จักกันเพราะบอลก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน มีปัญหาอะไรก็อาจจะช่วยกันได้ ยกเว้นเรื่องเงินครับ”
ชี้ถ้ารัฐไม่เร่งแก้ถึงวันวิกฤตหนักแน่
ภาพชีวิตของก้องที่เล่ามา หากมองด้านศีลธรรมหรืออบายมุขเพียงอย่างเดียวก็ดูจะคับแคบเกินไป แต่หากมองด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ที่ทำให้คนๆหนึ่ง จากคนธรรมดาหันหน้าเข้าสู่วงการพนันบอล โดยเชื่อมั่นว่าสร้างรายได้ที่งดงาม และเลี้ยงดูอีกหลายชีวิตได้ นั่นแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบทางสังคมด้านอื่น ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐาน หรือสร้างความเชื่อมั่นให้กับอนาคตของผู้ใช้แรงงานคนหนึ่งได้ ทางเลือกของคนเป็นผู้นำครอบครัว คนเป็นพ่อ จึงมีไม่มาก ที่จะคิดสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นเองในทางลัด
ฉะนั้นการป้องกันและปราบปรามพนันบอล อาจเป็นเรื่องที่รัฐทำได้อย่างต่อเนื่อง แต่ด้านหนึ่งรัฐก็ควรมองถึงบริบทของต้นเหตุแห่งปัญหานี้ด้วย เพื่อไม่ให้วงการพนันบอลขยับขยายออกไปมากกว่านี้ ซึ่งหากทุกคนมุ่งหน้าเข้าสู่ทางลัดนี้ และเชื่อด้วยตัวเองว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ความหายนะก็จะเกิดขึ้นกับสังคมไทยในอนาคตอย่างแน่นอน
‘เจาะลึกพนันบอล 7’ นายทหาร-นักข่าว เข้าวังวนพนันบอล เคยเสียไปหลายล้าน เตือนพวกจิตอ่อน-โลภ อย่าเล่น
'พนันบอล'
ลามไปทั่วทุกวงการไม้เว้นแม้แต่นักข่าว-ทหารอาชีพ ยังเล่น
นักข่าวหนุ่มเผยเล่นมาตั้งแต่เรียนม.2 จากการชักชวนของเพื่อน
แต่นานวันชักเบื่อ เพราะเสียบ่อย
จนต้องหยิบยืมเงินเพื่อนและขอพ่อแม่มาใช้หนี้ จนต้องเลิกราไปในที่สุด
ขณะที่นายทหารหันมาเล่นเพราะเห็นเป็นช่องทางได้เงินง่ายและเร็ว
แต่รู้ว่าไม่ได้โชคดีทุกวัน ถึงขั้นเสียให้กับบอลมาแล้วหลายล้านบาท
เตือนคนจิตอ่อนให้ระวังก่อนถลำลึก
นักข่าวแทงบอลจากละอ่อนสู่ขั้นเซียน
การเล่นพนันบอลเริ่มจากความสนุกสนาน ด้วยการดูการแข่งขันฟุตบอล ระหว่างเพื่อน ทำให้ ปื๊ด (นามสมมุติ) ผู้สื่อข่าวสายการเมือง หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เริ่มเข้าสู่วังวนของการพนันบอล ตั้งแต่อายุ 14 ปี ขณะยังเรียนชั้นม.2 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
จากนั้นเริ่มมีเพื่อนในละแวกบ้าน ที่เป็นเด็กเดินโพยชวนให้เล่นพนันบอล และเริ่มหาข้อมูลจากการซื้อหนังสือพิมพ์ฟุตบอล มีบทวิเคราะห์ต่างๆ รวมถึงราคาต่อรอง ด้วยความเป็นวัยรุ่นใจร้อนอยากลองเสี่ยงโชคแบบที่ได้เงินเร็ว จึงลองเข้าไปเล่นพนันบอลกับเพื่อนข้างบ้าน เมื่อเข้าไปลองเล่นครั้งรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะต้องคอยลุ้นผลการแข่งขันทีมที่ตนเองเสี่ยงทาย แต่ในทางกลับกันรู้สึกว่าทำให้การดูฟุตบอลสนุกขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นได้เคยรู้เรื่องอัตราการต่อรองจากเพื่อนที่เป็นเด็กเดินโพย มาแล้วว่า คู่ไหนราคาต่อรองอย่างไร ทำให้เข้าใจการเล่นมากขึ้น
ที่ไหนเป็นชุมชนที่นั่นมีพนันบอล
ปื๊ดเล่าว่า โต๊ะบอลมีอยู่ทุกที่ ที่ไหนมีคนพลุกพล่านหรือเป็นชุมชนที่นั่นจะมีโต๊ะบอล เช่น ตามหอพัก ด้านล่างหอจะมีตะกร้าสำหรับทิ้งโพยบอลไว้สำหรับให้แทง คนเล่นก็จะรู้กันว่า จะต้องเอาเงินไปฝากไว้ที่ใคร เพื่อไปให้บ่อน ยามใต้หอ ฯลฯ คนเหล่านั้นจะได้ค่าน้ำชา เล็กๆน้อยจากโต๊ะบอล เรามีน้อยก็เล่นน้อย มี 500 บาท เล่น 500 บาท มี 1,000 บาท เล่น 1,000 บาท โดยจะไม่ให้ที่บ้านรู้ เก็บโพยให้มิดชิด จำคู่ที่เล่นให้ได้
ปื๊ดบอกว่า ตั้งแต่เริ่มเล่นพนันบอล เมื่ออายุ 14 ปี กระทั่งปัจจุบันอายุ 30 ปีเศษแล้ว เขายังคงเล่นอยู่ แต่ไม่ถึงกับเป็นตัวยง เพราะไม่ติดมาก มีเงินก็เล่น เงินหมดก็หยุด จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ทำงานก็ยังเล่นอยู่บ้างประปราย ไม่ได้ติดขนาดหนัก คนที่เล่นแล้วติดเป็นแสนๆ คือพวกที่มีเงินอยู่บ้าง เวลาเล่นคนเหล่านั้นก็จะเล่นอยู่ที่ระดับหลักหมื่น
ไม่ได้โชคดีเสมอไป-ได้เสียแก้ตัวในคืนเดียว
“ได้เงินจากการเล่นพนันบอลครั้งแรกเพียง 50 บาท เพราะไม่กล้าเล่นมาก จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับราคาขึ้นตามกำลังเงินในกระเป๋า เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็เล่นกับเพื่อนในคณะคู่หนึ่งไม่เกิน 1,000 บาท เมื่อโชคชะตาไม่เข้าข้าง ก็เริ่มเสียบอลมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องเพิ่มราคาพนันสูงขึ้น เพื่อหวังเอาทุนคืนจากเงินที่เสียไป วันทั้งวันหายใจเข้าออกมีแต่ฟุตบอล”
ปื๊ดกล่าวว่า ปกติการแข่งขันฟุตบอลจะมีตั้งแต่เวลา 19.00-02.00 น. ถ้าเราเสียพนันบอลในช่วงคู่แรก 19.00น. เราก็จะแก้มือได้ในคู่เวลา 22.00 น. และหากคู่ที่สองเสียอีก เราก็มีโอกาสแก้ตัวได้ในคู่สุดท้ายเวลา 02.00 น. เรียกว่า การเล่นพร้อมจะได้เสียทุกเวลา มันเหมือนคนโลภ แต่ถ้าเล่นทั้งคืนก็อาจจะหมดตัวได้ เพราะแต่ละคืนมีการเล่นกันถึง 20-30 คู่ มีการแข่งกันหลายประเทศ แต่ละคนก็ไม่บอกกันว่าใครเสียเท่าไหร่ ไม่มีใครบอกกัน ยกเว้นคนที่เล่นกับเจ้าของโต๊ะ ซึ่งคนเล่นหลักหมื่นถือว่าน้อยมาก และถ้าโชคดีได้มาก็เท่ากับที่เคยเสียไปแล้ว
“คนส่วนใหญ่เล่นแล้วจะเสีย เพราะหยุดไม่อยู่ ดวงจะขึ้นๆ ลงๆ ไม่ได้เสียตลอดเวลา ช่วงที่ได้ก็มี ก่อนแทงบอลก็ต้องศึกษาข้อมูล ตัวผู้เล่นว่าใครจะลงบ้าง สถิติทีมที่เราแทงเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้ที่เคยแข่งกันเป็นอย่างไร”
หนี้พอก-เสียเวลาจนต้องเลิกเล่น
“มันเป็นปัญหาตรงที่เวลาเราเสียต้องยืมเงินเพื่อน ขอพ่อแม่ไปใช้หนี้ รู้สึกเบื่อชีวิตผีดิบ ที่ต้องนอนดึก ชีวิตไม่เป็นระบบระเบียบ ต้องคอยมาซื้อหนังสือวิเคราะห์บอลมาอ่าน วันหนึ่งๆ หมดเวลาไปกับฟุตบอลตั้งแต่เช้าจนถึงตีสี่ของอีกวัน รวมๆ ทั้งอาทิตย์ก็ไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจเลิกเล่น พอเลิกเล่นก็รู้สึกดี ได้นอนเต็มที่ สบายตัว สบายใจ สบายกระเป๋า ไม่ต้องเครียดหาเงินมาใช้หนี้เวลาเสียพนัน ไม่ต้องหมกมุ่น มีเวลาไปสนุกกับเพื่อน หันไปสนใจเรื่องอื่นๆ”
ขณะที่ทำงานเป็นนักข่าว ปื๊ดเล่าว่า ชีวิตการเล่นพนันบอลแตกต่างจากสมัยเรียนมากนัก เพราะอาชีพนักข่าว ส่วนใหญ่ที่เล่นพนันบอล เพียงเพราะต้องการเข้าสังคมกับนักข่าวด้วยกัน มีเรื่องให้คุยกันได้ โดยเฉพาะในสำนักงาน เพื่อนร่วมงานหลายคนเล่น ก็เล่นพนันบอลเหมือนกัน แต่จะเล่นแบบสนุกสนาน ด้วยเงินเดิมพันไม่มากนัก แต่จะเล่นเพื่อเข้าสังคม ไม่ได้คาดหวังเรื่องเงินมากนัก
แม้แต่นายทหารก็เคยเสียพนันเป็นล้าน
ขณะที่ทหารอาชีพคนหนึ่ง ที่มียศระดับนายพัน ยอมเปิดเผยกับศูนย์ข่าว TCIJ ถึงการเข้าไปสู่วังวนของการพนันบอล แบบคนเล่นหนักมือ ถึงขั้นเคยเสียเงินให้กับโต๊ะหลักล้านบาท เขาบอกว่า เรียนรู้เรื่องพนันบอลมาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ด้วยที่ว่าเห็นเพื่อนเล่นแล้วได้เงินคราวละมากๆ จึงอยากลองดูบ้าง ในครั้งแรกๆที่เห็นเงินหลักหมื่นมาวางกองอยู่ตรงหน้าก็ยั่วใจ จึงขยับการเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ และถลำลึกเข้าไปในที่สุด ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า การพนันไม่มีคำว่าเป็นธรรม
“จากที่เคยแทงด้วยเงินหมื่น ก็มากขึ้นไปเล่นบอลเดี่ยวคู่ละ 100,000 บาท ได้ก็ได้แค่ 80,000 บาท หรือถ้าเสียก็อาจเสียถึง 110,000 บาท เจ้าของโต๊ะได้เปรียบอยู่แล้ว แต่เราก็อยากเล่น อย่างที่บอกว่าถ้าเราเสี่ยงทายถูกก็ดี แต่เราไม่ได้โชคดีทุกวัน โชคชะตาไม่ได้เข้าข้างเราเสมอไป วันดีคืนดีเสียครั้งละเป็นแสน ก็มี สมมติว่าแทง 10 คู่ แต่ถูกแค่ 6 คู่ ก็ไม่คุ้มเหมือนกัน การเล่นก็จะโทรศัพท์ฝากแทงกัน แต่พอเรารู้ว่าเราดวงไม่ดีก็หยุด เพราะมันกระทบกับสภาพคล่องทางการเงิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเสียเป็นหลักล้าน แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ตอนนั้นถือว่ากระทบหนักมาก” นายทหารคนเดิมกล่าว
เตือนนักเล่นให้มีสติ-จิตอ่อนอย่าเล่น
และแม้เขาจะเป็นนักเล่นมือหนัก แต่เขายังมองเห็นด้านมืดของการพนันบอลอยู่มากมาย นายทหารคนดังกล่าวบอกว่า การเล่นพนันบอลเป็นการหาเงินในช่องทางที่รวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันการได้เสียก็จะเกิดขึ้นจำนวนมากด้วย เพราะการแข่งขันฟุตบอลมีทุกวัน ทำให้เกิดความล้มเหลวได้ง่ายมาก เพราะขณะที่มีการแทงบอลจะพูดกันด้วยวาจา ไม่ได้เห็นตัวเงิน แต่เมื่อถึงเวลาที่เราควักเงินจ่ายหลังจากเสียพนัน นั่นเราจะรู้ว่าคือการสูญเสียมหาศาล ฉะนั้นคนเล่นต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะถ้าเราไม่รู้จักยั้งคิดจะอันตรายมาก เพราะเมื่อเราเสีย เราก็อยากได้คืน ได้แล้วโลภอยากได้มาก ก็จะยิ่งทำให้ถลำลึกลงไป ฉะนั้นจิตใจเราต้องไม่อ่อนแอ ไม่ให้มันครอบงำเราได้
‘เจาะลึกพนันบอล 8’ จวกสื่อไทยกระตุ้นพนันบอล เสนอข่าว-วิเคราะห์เกมเกลื่อน ชี้เป็นแหล่งผลประโยชน์-ฟอกเงิน
ต่างประเทศขยับใช้สื่อออนไลน์ช่วยเล่นพนันมากขึ้น
ขณะที่เมืองไทยเริ่มให้ความสนใจบ้างแต่ยังไม่มากถึงกับเบียดสื่อสิ่งพิมพ์
ที่ให้ข้อมูลและการวิเคราะห์เกมดีกว่า แถมยังหาซื้อง่าย
หวั่นกระตุ้นเด็กให้อยากเล่นพนัน
เหมือนสื่อวิทยุที่พูดกรอกหูทุกวันแบบไร้การควบคุม จวกรายการทีวีไร้รสนิยม
ต้องใช้โคโยตี้มาดึงคนดู
อเมริกาเหนือใช้ออนไลน์เล่นพนันมากขึ้น
เว็บไซต์ www.wmsactivegamblerprofile.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ ที่เปิดให้บริการข้อมูลด้านวิชาการสำหรับผู้ประกอบการด้านการพนัน เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์ในเชิงการตลาดเรียกลูกค้าเข้ามาร่วมจับจ่ายใช้ สอยในคาสิโนของตัวเอง ได้สำรวจเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักพนันในทวีปอเมริกาเหนือที่เปลี่ยน แปลงไปตามยุคสมัย โดยใช้เวลา 3 ปี คือ ตั้งแต่ปี 2552-2554 ในการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 3,800 คน ใน 3 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และแมกซิโก ครอบคลุมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต นิสัย และแนวโน้มการใช้เวลาว่าง พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันสื่อออนไลน์เข้ามาบทบาทสำคัญกับกลุ่มนักพนันมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ค้นหาข้อมูลในรูปแบบการใช้อินเตอร์เน็ตทั่วไป ที่มีอัตราการใช้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 53 ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ ที่มีอัตราการใช้ลดลงมากที่สุด
ใช้เฟซบุ๊คพูดคุยแลกเปลี่ยนมากที่สุด
เว็บไซต์แห่งนี้ ยังเปิดเผยข้อมูลการสำรวจเพิ่มเติมด้วยว่า ในกลุ่มของการใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งมีอัตราการใช้เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน คืออยู่ที่ร้อยละ 31 พบว่า เฟซบุ๊ค (Facebook) เป็นกลุ่มโซเชียลออนไลน์ ที่กลุ่มนักพนันใช้ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนมากที่สุด ตามด้วยทวิสเตอร์ (Tweeter) และเว็บไซต์ยูทูป (You tube) ตามลำดับ ในขณะที่ไอโฟน (iPhon) หรือ สมาร์ทโฟน (Smart Phone) แบบต่างๆ เป็นเทคโนโลยีที่นักพนันมักใช้ในการเข้าถึงข้อมูล รวมถึงการเล่นพนันออนไลน์มากที่สุด และยังยินดีที่จะจ่ายเงินโหลดแอพพลิเคชั่น (application) เพื่อความสะดวกสบายในการรับข้อมูลสนับสนุนการเล่นพนันอีกด้วย
สื่อไฮเทคตัวช่วยใหม่นักพนันไทย
สำหรับประเทศไทยแม้จะยังไม่มีการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและ สื่อ เพื่อสนับสนุนการเล่นพนันให้เห็นเป็นตัวเลขอย่างชัดเจนนัก แต่จากสภาพสังคมและพฤติกรรมของการบริโภคสื่อในปัจจุบัน ก็พบข้อมูลที่สำรวจโดย www.Truehits.net เมื่อปี 2010 พบว่าคนไทยหันมานิยมสืบค้นข้อมูลจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาอย่าง IPad และ IPhone สูงถึงร้อยละ 48.54 เช่นกัน แม้ว่าการสำรวจจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่า การใช้เทคโนโลยีด้านสื่อของคนไทยจะเกี่ยวข้องกับการพนันหรือไม่ แต่จากการเพิ่มขึ้นของเว็บไซต์และข้อมูลด้านการพนันออนไลน์ โดยเฉพาะการเปิดแอพพลิเคชั่นด้านการพนันมากมาย ทำให้คาดเดาได้ว่า นักพนันชาวไทยจำนวนไม่น้อยกำลังหันมาใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อสนับสนุนการเล่นพนันของตัวเองมากขึ้นเช่นเดียวกับ ต่างประเทศ
แต่สิ่งที่ประเทศไทยยังคงแตกต่างจากต่างประเทศคือ “สื่อกระแสหลักเช่น หนังสือพิมพ์กีฬา วิทยุและโทรทัศน์ รายการด้านการวิเคราะห์กีฬา” กลับยังคงได้รับความนิยมจากนักพนันไทยตลอดมา โดยไม่มีแนวโน้มลดลงแต่อย่างใด
คนเล่นทันเหตุการณ์-คนทำหวังดึงดูดคนเล่น
ดร.วิษณุ วงศ์สินสิริกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ซึ่งทำงานวิจัยด้านการพนันฟุตบอลไทยมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขณะนี้ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า มันได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ และตัวช่วยสำคัญในการอำนวยความสะดวกสบายให้กับนักพนันมากขึ้น ทั้งในแง่ของการสืบค้นข้อมูล และการเข้าถึงการพนันที่ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเล่นพนันบอลที่มีจำนวนคู่การแข่งขันจำนวนมากในประเทศต่างๆ ทำให้เกิดการแข่งขันขึ้นเกือบทุกวัน เทคโนโลยีและสื่อ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้พนันเข้าถึงเกมได้อย่างรวดเร็ว และทันสถานการณ์ได้ทันท่วงที และยิ่งในปัจจุบันที่การพนันบอลเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น เชื่อว่าผลประโยชน์ที่สื่อจะได้รับย่อมมากขึ้นไปด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบว่า ผู้ประกอบการพยายามคิดค้นหาวิธีดึงดูดนักพนันด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการเล่นพนันหรือดูการแข่งขัน รวมไปถึงการช่วงชิงการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ต่างประเทศ ที่เชื่อว่าจะมีคนไทยที่รวมถึงนักพนันไทยติดตามชมเป็นจำนวนมากด้วยนั่นเอง
“สื่อกับการพนันบอล มีความเชื่อมโยงกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ สำหรับคนไทยปัจจุบันนอกจากสื่อสิ่งพิมพ์ จำพวกหนังสือพิมพ์กีฬา ประเภทแทบลอยด์ ที่มีการตีพิมพ์อัตราต่อรองไว้อย่างชัดเจนแล้ว รายการประเภทวิเคราะห์การแข่งขันฟุตบอล ทั้งวิทยุโทรทัศน์ เคเบิลทีวี ที่เผยแพร่กันทั่วไปยังเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ที่แม้ไม่ทำให้คนเล่นหน้าใหม่เพิ่มขึ้น แต่จะเป็นเหมือนการสนับสนุนให้มีการเล่นพนันอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งแตกต่างจากต่างประเทศที่หันมาสนใจเรื่องเทคโนโลยีมากกว่า ในขณะที่คนไทยยังสนใจสื่อสิ่งพิมพ์เหล่านี้ ด้วยเหตุผลการให้ข้อมูลด้านการพนันนั่นเอง” ดร.วิษณุกล่าว
สื่อกระดาษหาซื้อง่าย-กระตุ้นเยาวชนเล่นพนัน
ด้าน อาจารย์สายชล ปัญญชิต นักวิจัยด้านปัญหาสังคม และอาจารย์พิเศษคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องเดียวกันว่า นอกจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นจากกลุ่มนักพนันแล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในประเทศไทยสื่อกระแสหลักจำพวกสื่อสิ่งพิมพ์ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลของนักพนัน อยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งดูจะแตกต่างกับต่างประเทศที่หันไปใช้เครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีมากกว่า เหตุผลสำคัญน่าจะเป็นเรื่องของข้อมูลข่าวสารหรือเนื้อหาที่นำมาเผยแพร่ เข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้มากกว่า เพราะปัจจุบันคนไทยทุกระดับหันมาเล่นพนันบอลกันมากขึ้น กลุ่มที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีก็ยังคงที่จะให้ความสำคัญกับข้อมูลในสื่อหนังสือ พิมพ์กีฬาที่หาซื้อได้ง่ายและราคาถูก เมื่อเทียบกับสื่อชนิดอื่น
นอกจากนี้ในปัจจุบันสื่อสิ่งพิมพ์ด้านกีฬา ยังมีการตีพิมพ์ลงอัตราต่อรองของทีมฟุตบอลในการแข่งขันแต่ละคู่ให้นักพนัน ใช้ในการจัดสินใจเล่นพนันด้วย ไม่เว้นแม้แต่หนังสือพิมพ์รายวันทั่วไปบางฉบับ ที่นำเสนออัตราต่อรองในวันอาทิตย์ ทำให้ได้รับความนิยมจากแฟนบอล โดยเฉพาะนักพนันยอมควักกระเป๋าซื้อมาเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจแม้จะมี ราคาสูงกว่าหนังสือพิมพ์ปกติทั่วไปก็ตาม ซึ่งการนำเสนออัตราต่อรองถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และเห็นกันอยู่อย่างชัดเจน แต่ยังไม่พบว่ามีการดำเนินการด้านกฎหมายแต่อย่างใด หนังสือพิมพ์ยังคงวางขายได้ตามปกติ ใครก็สามารถซื้อหามาอ่านได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กชั้นประถมศึกษา จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่า การที่เด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว หากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการพนันบอลจากสื่อเร้าหรือกระตุ้นมากๆ ก็มีโอกาสอยากลอง และเข้าสู่วังวนของการพนันได้เหมือนกับข้อมูลการวิจัยต่างๆ ที่มักจะพบว่า เด็กและเยาวชนไทยกำลังเข้าถึงการเล่นพนันชนิดนี้ได้ง่ายกว่าการพนันรูปแบบ อื่น
‘วิทยุ’พูดกรอกหูแบบไร้การควบคุม
อาจารย์สายชลกล่าวต่อว่า นอกจากสื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่อออนไลน์ แล้ว สื่อวิทยุเองก็นับว่าเป็นสื่อที่ต้องเฝ้าระวังและควรจะมีการตรวจสอบเป็น พิเศษ โดยเฉพาะรายการในกลุ่มของนักวิเคราะห์เกมฟุตบอลต่างๆ ที่ผู้ดำเนินรายการใช้คำศัพท์เฉพาะ หรือการพูดที่ส่อไปในทางแนะนำให้มีการเล่นพนันบอลอย่างชัดเจน เช่น การใช้คำพูดที่ว่า “เกมนี้กินได้ 2 ต่อ” “ฟันธง” หรือ “ขายบ้านได้เลยรับรองไม่กินไข่” ซึ่งชัดเจนว่า เป็นการชี้แนะเรื่องการเล่นพนันบอล ที่อาจปลุกเร้าให้ผู้ฟังรู้สึกอยากเล่นพนันบอลขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าก็คือ ที่ผ่านมายังไม่เคยพบว่า มีหน่วยงานหรือองค์กรใดสามารถเข้าไปควบคุมดูแลสื่อเหล่านี้ได้เลย
“ถามว่าหน่วยงานไหนหรือองค์กรสื่อไหนจะเข้าไปควบคุมดูแล เรายังไม่เห็น เพราะองค์กรสื่อด้วยกันเองก็คงไม่อยากจะไปมีเรื่องทะเลาะกันเอง ในขณะที่หน่วยงานด้านการปราบปรามอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แม้ว่าจะมีความสนใจในการเข้าไป แต่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะมันมีหลายปัจจัยทำให้ปัญหายังคงไม่ได้รับการแก้ไข” อาจารย์สายชลกล่าว
ไม่มีองค์กรคุมสื่อนำเสนอราคาต่อรอง
อดีตผู้สื่อข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์ และผู้คลุกคลีในวงการฟุตบอลรายหนึ่ง กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาสื่อไทยโดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ ประเภทกีฬา จะมีการนำเสนอในรูปแบบชี้นำไปในเรื่องการพนันอย่างชัดเจน แม้แต่เด็กนักเรียนขาสั้นยังนิยมที่จะพกติดกระเป๋า เพราะจะรู้สึกเหมือนได้อยู่ในกลุ่มเด็กผู้ชายด้วยกัน ซึ่งตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว เพราะหน้าที่จริงๆ ของสื่อควรให้ข้อมูลเพียงเรื่องของความพร้อมของทีมต่างๆ ก่อนการแข่งขัน และผลการแข่งขันเท่านั้น ไม่ควรชี้เรื่องราคาต่อรอง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะไปห้ามไม่ให้มีการนำเสนอเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของสื่อนั้นๆ ด้วย และปัจจุบันประเทศไทยเองก็ยังไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใด ที่จะมาควบคุมการนำเสนอของสื่อเหล่านี้อย่างจริงจัง แม้ว่าก่อนหน้านี้ในกลุ่มสื่อด้วยกันเองพยายามที่จะมีการเคลื่อนไหวในเรื่อง นี้ แต่ก็พบว่าไม่เคยสามารถทำได้ จนในที่สุด การนำเสนอจึงถูกปล่อยออกมาอย่างเสรีในปัจจุบัน
“ขณะนี้การพนันในประเทศไทยยังไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เพราะฉะนั้นก็ไม่ควรมีสื่อประเภทที่ชี้อัตราต่อรอง ทั้งในรูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์ ประเภทหนังสือพิมพ์ รายการวิเคราะห์บอลในโทรทัศน์ หรือวิทยุ ในเชิงของการให้ข้อมูลเพื่อการพนัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ต้องยอมรับว่าเราไม่มีอะไรมาควบคุมทำให้ สถานการณ์สื่อกับการพนันบอลรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ขยายไปถึงเด็กๆ แล้ว เด็กๆ ก็ฝากเล่นฝากแทงกันได้เพราะเขาเข้าถึงสื่อพวกนี้ได้ง่ายมาก” อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสกล่าว
ปั้นคำเพื่อปลุกเร้าหรือนักพนันตีความเอง
เมื่อถามว่าในกลุ่มสื่อกีฬาด้วยกันเองมีการเล่นพนันบอลกันบ้างหรือไม่ เพราะย่อมเป็นกลุ่มที่มีข้อมูลละเอียดกว่าคนทั่วไป อดีตผู้สื่อข่าวคนเดิมกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถพิสูจน์รู้ได้ว่าใครเล่นหรือไม่เล่น เพราะในกลุ่มสื่อด้วยกันเอง มักจะมีการพูดคุยเรื่องของผลแพ้ชนะกันมากกว่า บางครั้งอาจจะได้ยินนักข่าวตามสื่อวิทยุบางแห่งที่พูดว่า “เมื่อคืนผมก็อิ่มไปเหมือนกัน” ก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้พูดเล่นพนันด้วยหรือเปล่า แต่อาจจะเป็นเพียงการเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวเอง เพื่อให้คนฟังรู้สึกว่า เขาสามารถวิเคราะห์ได้ดีถือเป็นการเรียกลูกค้ามากกว่า คือพูดเพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์ของตัวเอง และประเด็นนี้ก็อาจจะทำให้คนฟังรู้สึกอยากเล่นขึ้นมาด้วยก็ได้
“แต่บางครั้งผมว่าสื่อเองก็อาจจะไม่ได้ชี้นำอะไร เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าสื่อต้องการนำเสนออะไรมากกว่า อย่างเวลาเราไปสัมภาษณ์ทีมไหน ส่วนใหญ่ก็มักจะมีการพูดถึงความพร้อมในการแข่งขันของตัวเอง แบบนั้นแบบนี้ หรือในวงการบางทีก็จะมีการเกทับกันบ้าง แล้วสื่อเลือกที่จะเสนอในบางแง่ บางมุมเท่านั้น คนอ่านก็อาจจะเอาไปตีความต่อและวิเคราะห์การนำเสนอนั้นกันเองในหมู่นักพนัน ก็กลายเป็นประเด็นขึ้นมา ถามว่าเราต้องการชี้นำเรื่องการพนันหรือเปล่า ต้องบอกว่าเปล่าเลย”
คอลัมนิตส์ดังย้อนอดีตนสพ.เพื่อการพนัน
ทางด้านคอลัมนิสต์ที่อยู่วงการสื่อมวลชนมายาวนานกว่า 20 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า การเขียนข่าวกีฬาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ก็มักจะมีโผการแทงพนันเล็กๆไว้ในหน้า 2 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทั้งลีกการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษ และฟุตบอลเยอรมัน ต่อมาเป็นการวิเคราะห์การเล่นฟุตบอลของทีมต่างๆ โดยเฉพาะ ในหนังสือพิมพ์กีฬา หลังจากนั้นมีการเปิดหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ๆ ที่มีการรายงานผล การวิจารณ์เรื่องการพนัน 1-2 หน้า และมีหนังสือพิมพ์บางฉบับที่เริ่มขยายการวิเคราะห์บอลมาเป็นการลงอัตราการ ต่อรอง ที่ใช้เล่นพนันบอลเกิดขึ้น
อัตราการต่อรองในหนังสือพิมพ์กีฬาสมัยนั้น จะมีการอ้างอิงถึงอัตราการต่อรองจากโต๊ะพนันบอลที่ออกมาในตลาดฟุตบอล มีทั้งอัตราการต่อรองฟุตบอลในประเทศไทย และอัตราการต่อรองบอลที่ยึดหลักอ้างอิงตามราคาต่อรองในต่างประเทศ เช่น ทีมที่จะแข่งวันที่ 21 ก.พ.ทีมลีเวอร์พูล-เชลซี คิดเป็นอัตรา ควบลูกครึ่ง ซึ่งในหนังสือพิมพ์กีฬาของไทย ก็จะมีการตั้งราคาต่อรองขึ้นมา ในลักษณะ 5 + 4 ซึ่งนี่คืออัตราการต่อรองที่อ้างอิงราคาในเมืองไทย โดยผู้เขียนคอลัมน์จะชี้แจง และวิเคราะห์ผลการแข่งขัน รวมถึงวิเคราะห์ตัวผู้เล่นอย่างชัดเจน
สำหรับอัตราการต่อรองที่ยึดตามอัตราการต่อรองจากต่างประเทศ จะไม่เหมือนกับอัตราการต่อรองในบ้านเรา ซึ่งมีการกำหนดตามราคาตลาดสากล มีความนิ่งมากกว่าอัตราต่อรองในบ้านเรา ซึ่งในหนังสือพิมพ์กีฬาของมีการเทียบราคาอัตราต่อรองไว้อย่างชัดเจน โดยลักษณะหนังสือพิมพ์กีฬาแต่ละฉบับ ก็จะแตกต่างกัน ทั้งโฆษณา เนื้อหา และกลวิธีวิเคราะห์การแข่งขันบอลก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับคอลัมนิสต์ และสิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือการวิเคราะห์แนวทางการเล่น ผลการได้เสียประตู รวมถึงอัตราต่อรองของบอลชุด ที่แพร่หลายอย่างรวดเร็ว ผ่านการเขียนคอลัมน์ของนักข่าวสายกีฬา
จวกหนุนคนเล่นพนันแบบโจ๋งครึ่ม
“แต่มันมีสิ่งที่น่าเกลียดสำหรับคนทำสื่อ ที่หันไปสนับสนุนให้คนเล่นการพนัน แบบโจ่งแจ้ง ชัดเจน อย่างรายการวิเคราะห์ฟุตบอลบางรายการในเครือหนังสือพิมพ์กีฬา ที่มีคอลัมนิสต์ ซึ่งเขียนให้กับหนังสือพิมพ์กีฬาของตนเป็นผู้ดำเนินรายการด้วย เวลาที่มาจัดรายการโทรทัศน์จะมีการพูดอย่างชัดเจน ในบางครั้งก็มีการโฆษณาเว็บไซต์ที่รับแทงพนันบอลแอบแฝงในขณะจัดรายการ ขณะที่บางรายการก็มีช่องทางให้ผู้ชมทางบ้านโทรศัพท์เข้ามาทายผลฟุตบอล ว่าทีมไหนจะชนะโดยจะใช้หมายเลขโทรศัพท์อัตโนมัติ 1900 -99-xxx มันเป็นการโฆษณาแฝงให้คนเข้ามาเล่นการพนันมากขึ้น”
สื่อดังอิทธิพล-ผลประโยชน์เพียบ
คอลัมนิสต์ชื่อดังคนเดิมให้ข้อมูลต่อว่า เป็นที่รู้กันว่า สื่อกีฬาชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหนังสือพิมพ์กีฬาหลายฉบับที่วางจำหน่ายเพื่อนำยอดขายมาแบ่งกัน จะมีการบริหารงานของสื่อต่างๆ ในเครือที่แตกต่างกันไป โดยจะกลุ่มเป้าหมายก็แตกต่างกันด้วย การที่เป็นผู้มีอิทธิพลมากในวงการกีฬาของไทย จากการที่เป็นผู้นำด้านการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลต่างประเทศ ทำให้เป็นที่รู้ๆกันว่า วงการกีฬาสามารถใช้เป็นที่แสวงหาผลประโยชน์ และเป็นที่ฟอกตัว ฟอกเงินของบรรดาเหล่ามาเฟีย ตำรวจ ทหาร และนักการเมืองบางคนที่ผันตัวมาจัดตั้งทีมกีฬาต่างๆ เป็นของตัวเอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไมสื่อเหล่านี้ยังคงขายได้อย่างแพร่หลายโดยปราศจาก การควบคุมทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า ผู้สื่อข่าวกีฬาหรือคอลัมนิสต์ มีส่วนชี้นำทำให้คนหันมาสนใจการพนันบอลหรือไม่ คอลัมนิสต์ชื่อดังกล่าวว่า คงจะตอบชัดเจนแบบฟันธงไปเลยไม่ได้ แต่คนที่เข้ามาซื้อหนังสือพิมพ์กีฬา ก็มักจะอ่านผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เขียน แต่ของแถมที่ได้คือราคาต่อรอง อัตราต่อรองการพนันบอล ส่วนจะมองว่าคนเขียนคอลัมน์มีส่วนได้เสียกับการเล่นการพนันหรือไม่นั้น เชื่อกันว่ามี เพราะส่วนใหญ่คนเขียนกับเจ้าของโต๊ะบอลก็มักจะรู้จักกันเป็นการส่วนตัวอยู่ แล้ว ซึ่งเจ้ามือ เจ้าของโต๊ะบอลอยู่ในวงการนี้ย่อมเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยกันอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามไม่ได้ทำให้เกมฟุตบอลเปลี่ยน แต้มที่ยิงประตูก็ไม่เปลี่ยน สิ่งสำคัญคือขึ้นอยู่กับประสบการณ์ การประเมินทิศทางของเกม รวมถึงการวิเคราะห์ตัวผู้เล่นมากกว่า
ชี้ทีวีกีฬา ‘ไร้รสนิยม’ต้องใช้โคโยตี้ดึงคนดู
เมื่อถามว่า วันนี้สื่อมวลชนไทยกับมาตรฐานการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับฟุตบอลเป็นอย่างไร คอลัมนิสต์รายนี้ ให้ความเห็นอย่างชัดเจนว่า “ผมว่ามันห่วย ห่วยที่เดี๋ยวนี้รายการฟุตบอลมันเลอะเทอะ ทีวีของบางช่องมีโคโยตี้มาร่วมจัดรายการ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นการร่วมมือกับนิตยสารกับบริษัทที่จัดรายการหรือไม่ ผมคิดว่ารายการเหล่านี้มันไม่ใช่รายการทีวีช่องกีฬาเหมือนกับต่างประเทศ คนที่มาจัดรายการส่วนใหญ่ก็เป็นนักข่าวมาก่อน ที่ถนัดด้านการพูดถนัดด้านการวิเคราะห์ แต่อาจจะไม่ได้มีหน้าตาดีมากนัก ก็เลยต้องเอาสาวๆ สวยๆมาเป็นตัวช่วย ผมว่ารายการประเภทนี้มันไร้รสนิยม” เขาระบุ พร้อมเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นนักข่าวมานาน คิดว่าอิทธิพลในวงการสื่อด้วยกันก็มีส่วนสำคัญต่อการนำเสนอข่าวที่สนับสนุน ให้คนเล่นการพนัน เพราะมองว่า สื่อกีฬารายใหญ่มักมีอิทธิพลต่อสื่อกีฬารายย่อย เช่น สยามกีฬา มักจะมีอิทธิพลต่อสื่อมวลชนสายกีฬา เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ในวงการกีฬามานาน ทำให้มี จึงได้รับการยอมรับ และเป็นที่เกรงขามของสื่อมวลชนด้วยกัน นอกจากนี้สื่อมวลชนหัวใหญ่ ค่ายใหญ่มักจะมีอิทธิพล และมีบทบาทต่อคนในวงการอื่นๆ อีกด้วย เช่น นักการเมือง ตำรวจ ทหาร ผู้มีอิทธิพล เป็นต้น
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง