“อานนท์ แสนน่าน” เลขานุการหมู่บ้านคนเสื้อแดง จังหวัดอุดรธานี ระบุถึงวัตถุประสงค์การยกระดับจากหมู่บ้านขึ้นเป็นอำเภอคนเสื้อแดงไว้ได้ อย่างน่าสนใจยิ่งอย่างไรก็ดี ยังมีเสียงทัดทานเล็กๆ ออกมาจากคนกันเองที่เคยรบเคียงบ่าที่สมรภูมิราชประสงค์ อย่าง “ขวัญชัย ไพรพนา” ที่แสดงอาการไม่เห็นด้วย
“ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น ซึ่งความเป็นจริงชาวอุดรธานีมีในรักประชาธิปไตยอยู่แล้ว ไม่ควรที่จะไปบังคับเขาให้เป็นหมู่บ้านคนเสื้อแดงเหมือนเอาอะไรไปประทับตรา เขาเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางไปเปิดบ้านคนเสื้อแดง ก็เคยอยู่กับผมมาก่อน เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกัน แต่เนื่องจาก เรื่องผลประโยชน์ทำให้แยกตัวออกไปเปิดหมู่บ้านคนเสื้อแดง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาให้หน่วยงานด้านความั่นคง จ้องเล่นงาน หากต้องการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ร่วมกับผม ก็พร้อมเปิดกว้างเพื่อความเป็นปึกแผ่นต่อไป”เป็นธรรมดาของคนหมู่มากที่ร่วม กันต่อสู้บนทฤษฎี “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” ที่ภายหลังเสร็จศึกจะมีความเห็นต่างกันไปบ้าง ยิ่งหากย้อนภาพ กลับไปในอดีตเมื่อไม่นานเท่าไหร่ แกนนำชมรมคนรักอุดรผู้นี้ ก็มีความเห็นไม่ตรงกันกับ “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” รักษาการประธาน นปช.
กระนั้น เมื่อคลื่นลมพายุฝนสงบ อำเภอเสื้อแดง ก็อุบัติขึ้นบนประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเมื่อวันอังคารที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำ นปช.ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดอำเภอเสื้อแดงแห่งแรกของจังหวัด อุดรธานี ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอประจักษ์ศิลปาคมโดยมี “น.พ.ประสงค์ บูรณ์พงษ์” ประธานที่ปรึกษาบ้านเลขที่ 111 ไทยรักไทย “ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ” ประธานสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย “อานนท์ แสนน่าน” ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งแรก พร้อมรองประธานสมาพันธ์ฯ ของภาคอีสาน และกรรมการสมาพันธ์ฯ นำสมาชิกกลุ่มหมู่บ้านเสื้อแดงในเขตอำเภอประจักษ์ศิลปาคม อำเภอและ จังหวัดใกล้เคียง มาร่วมงานกว่า 500 คน
สำหรับบรรยากาศภายในงาน “เดอะตู่” พร้อมแกนนำสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดง ได้เดินทางไปติดป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตย ที่เป็นรูป “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชูภาษามือที่แปลว่า “รัก” ติดอยู่ ที่บ้านนาม่วง ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเปิดอำเภอเสื้อแดงแห่งแรกของ จ.อุดรธานี โดยหลังจาก เสร็จพิธีเปิด แกนนำหมู่บ้านเสื้อแดงแต่ละหมู่บ้าน จะรับป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงไปติดตั้งในวันนี้ทั้งหมด “ขณะนี้หมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตย คือฐานหลักของประชาชนที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย ผมเชื่อมั่นว่า ถ้าหมู่บ้านเสื้อแดงได้ขยายออกไปเต็มทั่วประเทศ จะทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอันชอบธรรม จะได้มีเสถียรภาพ และจะได้มีโอกาสแก้ไข ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน”
เสียงคำรามของ “เดอะตู่” ในวันงานเปิดอำเภอเสื้อแดงแห่งแรก ไม่ต่างจากการส่งสัญญาณไป ถึงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับวาระแดงทั้งแผ่นดิน ว่ากระบวน การการต่อยอด แตกเซลล์ ขยายผลหมู่บ้านคนเสื้อแดงที่แกนนำเชื่อมั่นถือมั่นว่านี่คือการสร้างรากฐาน แห่งประชาธิปไตยจะไม่หยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นี้ ยิ่งจับจากจังหวะการเคลื่อนไหวของคนระดับมันสมองอย่าง “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” ที่เล็งผลเลิศถึงขั้นจะลงไปเจาะยางฐานที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ อย่างจริงจัง และเริ่มมีการเปิดหมู่บ้าน เสื้อแดงในภาคใต้ไปบ้างแล้ว ย่อมถือเป็นเรื่องท้าทายอำนาจพรรคเก่าแก่แบบเปิดหน้าชน 100 เปอร์เซ็นต์ และหากนับจำนวนการปูพรมเปิดหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอเสื้อแดง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นั่นก็ได้ก่อตั้งไปแล้วกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศไทย มันย่อมถือว่าเป็นปรากฏการณ์แห่งการแตกเซลล์ทาง การเมืองที่ไม่ธรรมดาเอาซะเลย
และนั่นก็เป็นธรรมดาอีกเช่นกัน ที่ฝ่ายที่ยืนอยู่ฝั่ง ตรงกันข้าม จะไม่เห็นดีเห็นงามกับปรากฏการณ์ประกาย ไฟไหม้ลามทุ่งรอบนี้ของหมู่บ้านคนเสื้อแดงเป็นแน่แท้
อีกทั้งในทางตรงกันข้าม การก่อเกิดของหมู่บ้าน คนเสื้อแดง มันล้วนค่อนข้างสุ่มเสี่ยงหากมีการตี ความกันในแง่มุมของกฎหมาย โดยเฉพาะกระบวน การเหล่านี้ หากต้องถูกสแกนถี่ยิบผ่านเซียน เชี่ยวเขี้ยวลากดินอย่างประชาธิปัตย์ มันก็ย่อมเป็น เรื่องที่แกนนำคนเสื้อแดงต้องตระเตรียมงานใหญ่ ใน การตอบข้อสงสัยของสังคมให้กระจ่างชัดอีกเช่นกัน เรื่องหลักๆ ที่เชื่อมั่นว่าคนเสื้อแดงต้องโดยพรรคเก่าแก่ทิ้งบอมบ์แน่ๆ คือ วาระหมู่บ้านคนเสื้อ แดงในมือซ้ายต้นตำรับอย่าง “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” เป็นการปลุกผีคอมมิวนิสต์หรือไม่??? อีกคำถามหนึ่งที่ถูกเปิดแผลโดย “ขวัญชัย ไพรพนา” เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ระดับแกนนำต้องแจกแจงต่อลูกบ้านหมู่บ้านคนเสื้อแดง ให้เคลียร์เช่นกัน การรวมตัวของคนเสื้อแดง ในรูปแบบหมู่บ้าน ตำบล หรืออำเภอ ถือเป็นมิติใหม่ในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชน แต่จะจีรังยั่งยืนและเป็นหลักค้ำยันให้ประชาธิปไตยไทยที่คนเสื้อแดงเชื่อ มั่นถือมั่นได้เนิ่นนานมากมายเพียงใด ในที่สุดมันก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการการจัดการ ซึ่งต้องอาศัยความโปร่งใสและจริงใจต่อประชาชนรากหญ้า
นั่นแหละจะเป็นวัคซีนชั้นเยี่ยมใน การเยียวยาหมู่บ้าน ตำบล และอำ เภอคนเสื้อแดงให้อยู่รอดปลอดภัย..ขอรับ!!!
ที่มา:สยามธุรกิจ