Thaiinsider
"ไพศาล" บี้เอาผิด"แม้ว" ทำโวเจรจาผู้พิพากษาประกันแดง ชี้วิ่งเต้นติดสินบนผิดกม.ชัด ตอกย้ำรัฐเทคโอเวอร์กระบวนการยุติธรรม ทำปชช.ท้อแท้ผิดหวัง อัยการสั่งไม่ฟ้อง"เพ็ญ-โจกแดง" สะท้อนทั้งระบบอ่อนแอ สงสัยอำนาจ 3 ฝ่ายไม่อิสระจริง ถึงเวลาปฏิรูป-ตั้งประเทศกันใหม่
นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวกับ "ไทยอินไซเดอร์" ถึงกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีสำคัญ 2 คดี ทั้งคดีน.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง7 ฟ้องเอาผิดน.ส.พรทิพย์ ปักษานนท์ แกนนำเสื้อแดง ที่ส่งอีเมลข่มขู่ และคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข กรณีหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา 112 ว่า "ผลที่ออกมาอย่างนี้ ผมเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนท้อแท้ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับว่าสำนวนที่ตำรวจตั้งขึ้นไปเป็นอย่างไร ถ้าตำรวจทำสำนวนอ่อนตั้งแต่ต้น อัยการก็สามารถสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมหรือสั่งไม่ฟ้อง แต่ถ้าตำรวจทำสำนวนเข้มแข็งแล้ว อัยการสั่งไม่ฟ้องมันก็เสียหาย ต้องดูสำนวนว่าเขาทำกันอย่างไร แต่สิ่งที่ประชาชนรับรู้กับสิ่งที่กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไปมันไม่สอดคล้องกันเลย"
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประชาชนรู้ว่าผิดกฎหมายชัดเจน หรือว่าไม่ผิดกฎหมายชัดเจน ประชาชนเห็นได้ แล้วประชาชนก็เชื่อว่ามันเป็นการหมิ่นเหม่ที่จะผิดกฎหมายร้ายแรงด้วย"นายไพศาลกล่าว
เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคนไม่ได้มองเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอัยการ แต่ส่งผลถึงตำรวจด้วย นายไพศาล กล่าวว่า ทั้งกระบวนการยุติธรรมทั้งขบวนแล้วตอนนี้ คือเรื่องไปถึงอัยการ มันไม่ใช่อยู่ดีๆอัยการทำได้ มันส่งไปจากตำรวจ ซึ่งก็มีปัญหาว่าตำรวจทำสำนวนครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบถ้วนตำรวจก็เสียหาย...ก็ผิด เป็นการทำสำนวนบกพร่องเพื่อให้ผู้ต้องหาพ้นจากความผิด ซึ่งเป็นความผิดทางกฎหมายนะถ้าตรวจพบ แต่ถ้ามันไม่มีกระบวนการที่จะไปตรวจสอบอันนี้...มันมีแต่มันไม่ทำหน้าที่กัน ประชาชนมีความกังขามาก
"ประชาชนสามารถไปร้องต่อป.ป.ช.(กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)ได้ ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้อง ประชาชนอาจจะรวบรวมหลักฐานจากที่ปรากฎจากสื่อแล้วไปยื่นกับป.ป.ช.ว่าจากข่าวที่ปรากฎทั้งหมด ข้อเท็จจริงชัดเจนว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเห็นว่าผิด...แต่ว่าเมื่อมีการกระทำอย่างนี้ ก็แสดงว่ามีการร่วมกันทำให้เกิดความเสียหายก็ขอให้ป.ป.ช.สอบสวน แต่ถ้าป.ป.ช.ไม่ทำหน้าที่ เก็บเรื่องไว้ มันก็ทำอะไรไม่ได้อีก ซึ่งวันนี้ประชาชนก็ผิดหวังในพวกนี้มากนักต่อนักแล้วจนเกิดความเฉยเมยไปหมดแล้ว ทีนี้ถ้าบ้านเมืองประชาชนไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็เท่ากับว่าบ้านเมืองนั้นไร้ขื่อแปแล้ว ก็คงเหลือแต่ว่าความอดทนนั้นจะระเบิดออกมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ซึ่งอันนี้เป็นภาวะที่น่ากลัวมาก"นายไพศาลกล่าวย้ำ
เมื่อถามว่า กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาพูดพาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรม เกี่ยวกับการเจรจากับตุลาการเพื่อช่วยเหลือในการประกันตัวคนเสื้อแดง ยิ่งเป็นการตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมอีกหรือไม่ นายไพศาล กล่าวว่า ถ้ามีการทำอย่างนี้มันก็แสดงถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายนะ ทางผู้รับผิดชอบในกระบวนการอาจดำเนินคดีก็ได้ เพราะเป็นการวิ่งเต้นติดสินบนผู้พิพากษาให้กระทำการโดยมิชอบ แต่ยังไม่รู้ว่าศาลไหน...ไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง เมื่อเป็นอย่างนี้มันก็เป็นที่มาของการตั้งต้นสอบสวนได้แล้วว่าใครไปติดต่อเจรจา ศาลไหน อย่างไร คือถ้ากระบวนการยุติธรรมเข้มแข็งเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้หรอก
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลสามารถควบคุมทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงฝ่ายตุลาการ ยังมีความมั่นใจในฝ่ายตุลาการอยู่หรือไม่ นายไพศาล กล่าวว่า คือวันนี้ประชาชนเห็นชัดเจนแล้วว่าฝ่ายบริหารมันไปเทคโอเวอร์ หรือไปยึดครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ เราจึงเห็นกระบวนการนิติบัญญัติไม่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นอิสระในการทำหน้าที่ตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ นั่นเพราะการได้มาซึ่งการเลือกตั้งมันมีปัญหาตั้งแต่ต้น กกต.ก็มีปัญหาในการทำงานซึ่งประชาชนสงสัยมาก ถึงวันนี้ก็ไม่เห็นทำอะไร
"เมื่อฝ่ายบริหารเทคโอเวอร์ฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว ก็เหลือศาล ซึ่งอันนี้เขาก็เทคโอเวอร์โดยออกกฎหมายให้ศาลต้องปฏิบัติ หรือที่อย่างที่คุณทักษิณ(ชินวัตร อดีตนายกฯ)พูดกับตุลาการนั่นแหละ มันก็เลยทำให้เกิดความสงสัยโดยทั่วไปในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดวันนี้ ซึ่งทำให้เห็นว่ามันพึ่งอะไรกันไม่ได้แล้ว"นายไพศาลกล่าว
เมื่อถามว่า ศาลควรเทคโอเวอร์ปกป้องตัวเองหรือไม่ นายไพศาล กล่าวว่า คือในวงการตุลาการเขาควรจะเป็นไทแก่ตัว แต่วันนี้ใครจะแน่ใจบ้างว่ามันเป็นยังไง ถ้าตุลาการเขาไม่เข้มแข็งกันเองก็หมด...ก็จบกัน ซึ่งวันนี้ประชาชนเห็นแล้วว่าการรุกคืบเข้าไปในกระบวนการยุติธรรมของฝ่ายบริหารเนี่ย มันไปทั่ว จนวันนี้ไม่มีใครแน่ใจว่าในอำนาจตุลาการถูกครอบงำไปแล้วเท่าไหร่
เมื่อถามว่า กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคือการรุกคืบของฝ่ายบริหารด้วยหรือไม่ นายไพศาล กล่าวว่า คือประชาชนก็สงสัยอยู่เป็นลำดับแล้ว ตั้งแต่กระบวนการสืบสวนสอบสวนว่าตำรวจได้กระทำเต็มตามอำนาจหน้าที่หรือไม่ ซึ่งไม่ทำเต็มตามอำนาจหน้าที่สำนวนมันก็อ่อนแอ แทนที่จะสอบสวนพยานหลักฐานก็ไม่สอบ หรือสอบคนที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือสอบคนที่ช่วยผู้ต้องหาไว้ เป็นอย่างนี้อัยการเขาก็สั่งไม่ฟ้องอยู่ดี และเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคนก็สงสัยต่อไปอีกว่า หรือตำรวจเขาทำดีแล้ว อัยการกลับบิดพลิ้วขึ้นมา คือวันนี้ไม่มีใครเชื่อใจกระบวนการยุติธรรมทั้งหลาย
"วันนี้มันเป็นระบอบทุนสามานย์ เราก็เห็นทุกเรื่องมันทำเพื่อคนๆเดียวหมดเลย ทุกเรื่องที่วุ่นวายในบ้านเมืองขณะนี้ อย่างองค์กรที่จัดตั้งขึ้นจากคณะปฏิวัติ 19 ก.ย.49 ก็เยอะแยะหมด กกต. ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งหมดนี้การทำเรื่องปรองดองไม่มีใครเพิกถอนองค์กรเหล่านี้เลย เพิกถอนเฉพาะคตส.อย่างเดียว เหตุที่เพิกถอนคตส.เพราะไปดำเนินคดีอาญากับคนๆเดียว และมีการยึดทรัพย์ด้วย เพราะฉะนั้นมันทำให้คนเห็นชัดว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคนๆเดียว ไม่ว่ากระบวนการยุติธรรมหรือองค์กรอิสระ...มันไขว้เขวไปหมด"นายไพศาลกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า องค์กรอิสระเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่ นายไพศาล กล่าวว่า วันนี้ประชาชนก็สงสัยว่าองค์กรอิสระทำงานหรือเปล่า อย่างเช่นคดีทุจริตในสุวรรณภูมิป่านนี้ยังไม่เห็นมีอะไรออกมาเลย ทั้งที่เขารู้ว่าทุจริตกันทั้งบ้านทั้งเมือง มันเลยกลายเป็นว่ามีกระบวนการบางอย่างที่ปกป้องการทุจริตไว้จนเต็มบ้านเต็มเมือง
"วันนี้ในส่วนตัวผมเอง ผมเห็นว่าเราไม่สามารถฝากความหวังอะไรไว้กับองค์กรอิสระทั้งปวงในรัฐธรรมนูญนี้ได้อีกแล้ว และเราก็เริ่มสงสัยในอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 อำนาจ มันถูกเทคโอเวอร์ไปทั้งหมดโดยฝ่ายบริหารหรือยัง ซึ่งถ้ามันเป็นอิสระและสมดุลกันจริงตามระบอบประชาธิปไตย บ้านเมืองเราไม่เป็นอย่างนี้แน่ วันนี้มันอาจต้องถึงเวลาต้องตั้งประเทศไทยกันใหม่ ต้องปฏิรูปใหญ่กันทุกด้าน"นายไพศาลกล่าว
วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน