บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ถอยปรองดอง ต่อรองรัฐธรรมนูญ

ถอยปรองดองต่อรองรัฐธรรมนูญ

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม 2555, 00:00 น.
ขออนุญาตฮุบสัมปทานหน้า ๕ สักประมาณ ๑ สัปดาห์นะครับ เพราะ "ป๋าเปลว" หลบฝน บินไปฉลองแชมป์ฟุตบอลยูโรที่สเปนตั้งแต่ค่ำวันจันทร์แล้วครับ

การเมืองปิดเทอมทีแรกคิดว่าจะลดอุณหภูมิลงไปได้บ้าง กลับกลายเป็นว่า ไปเปิดเทอมนอกสภาฯ กันแทน เป็นมากว่าสัปดาห์แล้วครับ ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยกันไม่เว้นวัน

ก็เป็นเรื่องดีถ้าพรรคการเมืองไปให้ความรู้กับประชาชน แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นซิครับ เพราะเล่นยกความขัดแย้งในสภาฯ ไปว่ากันข้างนอก

วันก่อนประชาธิปัตย์ถึงกับเกือบถูกเสื้อแดงรุมกระทืบที่ปทุมธานี ไม่พอใจเรื่องฆาตกรมือเปื้อนเลือดนั่นแหละครับ

นักการเมืองนิสัยเสียหลายเรื่อง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ส่อให้เห็นถึงการไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิงคือ เวลาพูดบนเวทีปราศรัย แทบทั้งหมด "จัดเต็ม" ด่ากันหมดแม็ก

พอเป็นคดีความ หรือกลายเป็นปัญหาขึ้นมา แทบทั้งหมดอ้างเหมือนๆ กัน ว่ามันคือเวทีปราศรัย ต้องพูดให้มีสีสันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง

ที่ผ่านมาเราก็เห็นกันแล้ว ไอ้ที่ปราศรัยยุยงให้เผาบ้านเผาเมือง "เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" แล้วไง รับผิดชอบกันจนได้เป็นรัฐมนตรี แต่ดันบริหารไม่เป็น

มันสาหัส เดียวนี้ลามเข้าไปในทีวีดาวเทียมแล้วครับ!

ทีวีแดงไปไกลเกินควบคุม ขนาดว่าคนจัดเป็นถึงรองศาสตราจารย์พิเศษ พ่วงดีกรีดอกเตอร์ ชื่อ อดิศร เพียงเกษ ยกนิ้วกลางโชว์กลางรายการ ภาษาบ้านๆ คือแจกกล้วย

แล้วด่าพรรคคู่แข่งเป็นพรรคนิ้วกลาง

หรือจะให้ลูกเด็กเล็กแดงของพี่น้องเสื้อแดงที่นั่งเฝ้าหน้าจอทีวีเรียนรู้ไว้เป็นแบบอย่าง วันไหนไม่ถูกใจพ่อ-แม่ ก็ยกนิ้วกลางให้ อยากให้เป็นแบบนั้นใช่มั้ย

สอนให้เด็กเอาอย่าง ขอไปเที่ยวนอกบ้านไม่ได้ ก็แจกกล้วยให้พ่อให้แม่มัน

หัดคิดถึงผลของความหยาบเถื่อนกันบ้างมั้ย พวกคุณพูดให้คนทำผิดมากี่หนแล้ว

กระทั่งเรื่องประชาธิปไตย ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญประเทศถึงจะเป็นประชาธิปไตย ถ้าไม่แก้ก็ไม่เป็นประชาธิปไตย

ผมนึกถึงเรื่องเล่าหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมัยนั้นประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักว่ารัฐธรรมนูญ หรือประชาธิปไตย คืออะไร

พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎรทำการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย จนได้รับฉายาว่า "เชษฐบุรุษประชาธิปไตย"

จากบทบาทที่มีค่อนข้างสูงในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะเป็นผู้นำคณะราษฎรฝ่ายทหารบก และหลังจากที่คำว่าประชาธิปไตยได้ถูกบัญญัติและเผยแพร่ไป มีชาวบ้านบางคนคิดว่า เป็นชื่อของลูกชายของพระยาพหลพลพยุหเสนาด้วยซ้ำ

ผมไม่ได้คิดเองเออเอง ลอกมาจากวิกิพีเดียทั้งดุ้น เพื่อให้รับรู้ว่ามันเป็นข้อมูลที่มีอยู่จริง และเป็นข้อมูลสาธารณะ มีการแพร่หลายในวงกว้าง

วันนี้ที่กลัวคือจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่า รัฐธรรมนูญ หรือประชาธิปไตย คือพี่ชายคนโตของลูกโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร เข้าสักวัน

ดูเหมือนจะไม่ไกลแล้วครับ เพราะล้างสมองกันไม่เว้นวัน มีประชาธิปไตย ต้องมีทักษิณบ้างล่ะ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อทักษิณกลับมาอย่างเท่ๆ บ้างล่ะ

ถ้าเป็นฟุตบอลก็เรียกว่าลูกซ้อม ระบอบทักษิณทั้งองคาพยพมุ่งตรงไปที่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมกันคักคึกเป็นพิเศษ จัดความสำคัญเร่งด่วนไว้ลำดับที่หนึ่ง โดยไม่มีเรื่องอื่นเจือปน

กฎหมายปรองดองที่ทั้งดิ้นทั้งแถก่อนหน้านี้กลับจะแช่แข็งซะงั้น

ข้อเสนอถอยคนละก้าว ของขุนค้อน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ไม่ใช่จู่ๆ ออกมาพูดโดยไม่ปรึกษาใคร แต่เป็นแผนที่ผ่านการประเมินสถานการณ์ล่าสุดของนายใหญ่ ว่าการกลับมาอย่างเท่ๆ นั้น จะข้ามขั้นตอนสำคัญไปไม่ได้

“ผมได้ถอยหลังแล้วหนึ่งก้าวด้วยเจตนาที่ไม่ต้องการทำตัวเองให้เป็นปัญหาความขัดแย้ง เพราะเหตุผลที่ไม่อยากให้ตัวเราเป็นปัญหาความขัดแย้ง ไม่ต้องการให้คนไทยฆ่ากันตาย แม้จะถูกตำหนิบ้างก็ไม่เป็นไร และหวังว่าศาลจะคิดไม่ต่างจากผม ผมมั่นใจอย่างนั้นเป็นความรู้สึกของผมเอง”

เหมือนจะดี แต่แย่ที่สุด!

นี่คือเกมที่วางหมากกันใหม่ ใช้กฎหมายปรองดองมาต่อรองกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ "น.ช.ทักษิณ" นิสัยไม่เคยเปลี่ยน ทำทุกอย่างด้วยการต่อรองเสมอ

จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าคนที่เป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติใช้สำนึกส่วนไหน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญถอย จากการวินิจฉัยคำร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 อาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่

การใช้คำพูดดังกล่าวตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย จะให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้หลักอะไร

ประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้เหตุผลทางการเมืองถอนร่างพระราชบัญญัติปรองดองออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่มิอาจให้ศาลใช้เหตุผลทางการเมืองมาวินิจฉัยว่ามีการล้มล้างรัฐธรรมนูญได้เลย

ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยไปตามข้อกฎหมายเท่านั้น มิอาจนำเหตุผลอื่นมาวินิจฉัยในสิ่งที่มีปัญหาข้อกฎหมายได้

พวกท่านเองมิใช่หรือที่เรียกร้องให้ศาลวินิจฉัยตามข้อกฎหมาย ไม่ว่าเรื่องซุกหุ้น เรื่องยุบพรรค ที่พวกท่านทึกทักเอาว่า ศาลมิได้ใช้ข้อกฎหมายในการวินิจฉัย แต่ใช้ความแค้นส่วนตัวบ้าง ใช้ความรู้สึกบ้าง ทำตามใบสั่งบ้าง

แล้ววันนี้จะให้ละเลยกฎบัตรกฎหมายได้อย่างไร ให้ละเลยแล้วพวกท่านจะรู้สึกดีขึ้นว่าคดียุบพรรคถูกต้องแล้วอย่างนั้นหรือ...ก็ไม่ใช่!

พวกท่านยังแค้นศาลรัฐธรรมนูญเรื่องยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนอยู่ดี

บอกตรงๆ ที่พวกท่านเปลี่ยนวิธีตั้งรับไปเรื่อยๆ แบบนี้ จะเป็นการดีหากหยุดกันสักนิด คิดถึงความผิดพลาดที่ก่อขึ้นสักหน่อย เพราะนั่นจะทำให้พวกท่านไม่ต้องคิดหาวิธีตั้งรับอีกแล้ว

แค่รู้ว่าผิด รู้ว่าพลาด แล้วแก้ไขให้ถูกต้องเสีย ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอยู่ยาวครบเทอมก็ไม่มีใครไปทำอะไรได้

แต่พวกท่านใช้ฐานของรัฐบาลมาฟอกผิดให้คนคนเดียว ดื้อดึงไปไม่มีวันจบ แล้วคิดว่าจะถอยไปได้แค่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วหนีไม่พ้นประชาชนตกเป็นเหยื่อต้องรบกันเอง

ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ อยู่ที่ศาลท่านจะพิจารณาตามข้อกฎหมาย

แม้ร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙๑/๑๑ จะเพิ่มวรรคห้า ระบุว่า

"ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขบทบัญญัติในหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ จะกระทำมิได้" ก็ตาม

แต่สัญญาณที่จับได้ตั้งแต่หลังวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่น่าวางใจเลยทีเดียว

เพราะมีการขายความคิดในหมู่เสื้อแดง โดยนักวิชาการและนักการเมืองสังกัดเสื้อแดง ว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตย อัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่น่าจะถูกต้อง

ที่ถูกจะต้องเป็น ปกครองระบอบประชาธิปไตย โดย พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ซึ่งนั่นจะเป็นการแก้ไขนอกหมวดพระมหากษัตริย์ หากแต่เป็นข้อความที่ปรากฏในมาตรา ๒ ของรัฐธรรมนูญแทบทุกฉบับที่ผ่านมา

และการบัญญัติว่า ปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ จะแตกต่างจากของเดิมมาก โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ซึ่งก็อยู่นอกเหนือหมวดพระมหากษัตริย์เช่นกัน

ขออนุญาตฮุบสัมปทานหน้า ๕ สักประมาณ ๑ สัปดาห์นะครับ เพราะ "ป๋าเปลว" หลบฝน บินไปฉลองแชมป์ฟุตบอลยูโรที่สเปนตั้งแต่ค่ำวันจันทร์แล้วครับ

การเมืองปิดเทอมทีแรกคิดว่าจะลดอุณหภูมิลงไปได้บ้าง กลับกลายเป็นว่า ไปเปิดเทอมนอกสภาฯ กันแทน เป็นมากว่าสัปดาห์แล้วครับ ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยกันไม่เว้นวัน

ก็เป็นเรื่องดีถ้าพรรคการเมืองไปให้ความรู้กับประชาชน แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นซิครับ เพราะเล่นยกความขัดแย้งในสภาฯ ไปว่ากันข้างนอก

วันก่อนประชาธิปัตย์ถึงกับเกือบถูกเสื้อแดงรุมกระทืบที่ปทุมธานี ไม่พอใจเรื่องฆาตกรมือเปื้อนเลือดนั่นแหละครับ

นักการเมืองนิสัยเสียหลายเรื่อง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ส่อให้เห็นถึงการไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิงคือ เวลาพูดบนเวทีปราศรัย แทบทั้งหมด "จัดเต็ม" ด่ากันหมดแม็ก

พอเป็นคดีความ หรือกลายเป็นปัญหาขึ้นมา แทบทั้งหมดอ้างเหมือนๆ กัน ว่ามันคือเวทีปราศรัย ต้องพูดให้มีสีสันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง

ที่ผ่านมาเราก็เห็นกันแล้ว ไอ้ที่ปราศรัยยุยงให้เผาบ้านเผาเมือง "เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" แล้วไง รับผิดชอบกันจนได้เป็นรัฐมนตรี แต่ดันบริหารไม่เป็น

มันสาหัส เดียวนี้ลามเข้าไปในทีวีดาวเทียมแล้วครับ!

ทีวีแดงไปไกลเกินควบคุม ขนาดว่าคนจัดเป็นถึงรองศาสตราจารย์พิเศษ พ่วงดีกรีดอกเตอร์ ชื่อ อดิศร เพียงเกษ ยกนิ้วกลางโชว์กลางรายการ ภาษาบ้านๆ คือแจกกล้วย

แล้วด่าพรรคคู่แข่งเป็นพรรคนิ้วกลาง

หรือจะให้ลูกเด็กเล็กแดงของพี่น้องเสื้อแดงที่นั่งเฝ้าหน้าจอทีวีเรียนรู้ไว้เป็นแบบอย่าง วันไหนไม่ถูกใจพ่อ-แม่ ก็ยกนิ้วกลางให้ อยากให้เป็นแบบนั้นใช่มั้ย

สอนให้เด็กเอาอย่าง ขอไปเที่ยวนอกบ้านไม่ได้ ก็แจกกล้วยให้พ่อให้แม่มัน

หัดคิดถึงผลของความหยาบเถื่อนกันบ้างมั้ย พวกคุณพูดให้คนทำผิดมากี่หนแล้ว

กระทั่งเรื่องประชาธิปไตย ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญประเทศถึงจะเป็นประชาธิปไตย ถ้าไม่แก้ก็ไม่เป็นประชาธิปไตย

ผมนึกถึงเรื่องเล่าหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมัยนั้นประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักว่ารัฐธรรมนูญ หรือประชาธิปไตย คืออะไร

พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎรทำการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย จนได้รับฉายาว่า "เชษฐบุรุษประชาธิปไตย"

จากบทบาทที่มีค่อนข้างสูงในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะเป็นผู้นำคณะราษฎรฝ่ายทหารบก และหลังจากที่คำว่าประชาธิปไตยได้ถูกบัญญัติและเผยแพร่ไป มีชาวบ้านบางคนคิดว่า เป็นชื่อของลูกชายของพระยาพหลพลพยุหเสนาด้วยซ้ำ

ผมไม่ได้คิดเองเออเอง ลอกมาจากวิกิพีเดียทั้งดุ้น เพื่อให้รับรู้ว่ามันเป็นข้อมูลที่มีอยู่จริง และเป็นข้อมูลสาธารณะ มีการแพร่หลายในวงกว้าง

วันนี้ที่กลัวคือจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่า รัฐธรรมนูญ หรือประชาธิปไตย คือพี่ชายคนโตของลูกโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร เข้าสักวัน

ดูเหมือนจะไม่ไกลแล้วครับ เพราะล้างสมองกันไม่เว้นวัน มีประชาธิปไตย ต้องมีทักษิณบ้างล่ะ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อทักษิณกลับมาอย่างเท่ๆ บ้างล่ะ

ถ้าเป็นฟุตบอลก็เรียกว่าลูกซ้อม ระบอบทักษิณทั้งองคาพยพมุ่งตรงไปที่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมกันคักคึกเป็นพิเศษ จัดความสำคัญเร่งด่วนไว้ลำดับที่หนึ่ง โดยไม่มีเรื่องอื่นเจือปน

กฎหมายปรองดองที่ทั้งดิ้นทั้งแถก่อนหน้านี้กลับจะแช่แข็งซะงั้น

ข้อเสนอถอยคนละก้าว ของขุนค้อน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ไม่ใช่จู่ๆ ออกมาพูดโดยไม่ปรึกษาใคร แต่เป็นแผนที่ผ่านการประเมินสถานการณ์ล่าสุดของนายใหญ่ ว่าการกลับมาอย่างเท่ๆ นั้น จะข้ามขั้นตอนสำคัญไปไม่ได้

“ผมได้ถอยหลังแล้วหนึ่งก้าวด้วยเจตนาที่ไม่ต้องการทำตัวเองให้เป็นปัญหาความขัดแย้ง เพราะเหตุผลที่ไม่อยากให้ตัวเราเป็นปัญหาความขัดแย้ง ไม่ต้องการให้คนไทยฆ่ากันตาย แม้จะถูกตำหนิบ้างก็ไม่เป็นไร และหวังว่าศาลจะคิดไม่ต่างจากผม ผมมั่นใจอย่างนั้นเป็นความรู้สึกของผมเอง”

เหมือนจะดี แต่แย่ที่สุด!

นี่คือเกมที่วางหมากกันใหม่ ใช้กฎหมายปรองดองมาต่อรองกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ "น.ช.ทักษิณ" นิสัยไม่เคยเปลี่ยน ทำทุกอย่างด้วยการต่อรองเสมอ

จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าคนที่เป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติใช้สำนึกส่วนไหน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญถอย จากการวินิจฉัยคำร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 อาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่

การใช้คำพูดดังกล่าวตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย จะให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้หลักอะไร

ประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้เหตุผลทางการเมืองถอนร่างพระราชบัญญัติปรองดองออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่มิอาจให้ศาลใช้เหตุผลทางการเมืองมาวินิจฉัยว่ามีการล้มล้างรัฐธรรมนูญได้เลย

ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยไปตามข้อกฎหมายเท่านั้น มิอาจนำเหตุผลอื่นมาวินิจฉัยในสิ่งที่มีปัญหาข้อกฎหมายได้

พวกท่านเองมิใช่หรือที่เรียกร้องให้ศาลวินิจฉัยตามข้อกฎหมาย ไม่ว่าเรื่องซุกหุ้น เรื่องยุบพรรค ที่พวกท่านทึกทักเอาว่า ศาลมิได้ใช้ข้อกฎหมายในการวินิจฉัย แต่ใช้ความแค้นส่วนตัวบ้าง ใช้ความรู้สึกบ้าง ทำตามใบสั่งบ้าง

แล้ววันนี้จะให้ละเลยกฎบัตรกฎหมายได้อย่างไร ให้ละเลยแล้วพวกท่านจะรู้สึกดีขึ้นว่าคดียุบพรรคถูกต้องแล้วอย่างนั้นหรือ...ก็ไม่ใช่!

พวกท่านยังแค้นศาลรัฐธรรมนูญเรื่องยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนอยู่ดี

บอกตรงๆ ที่พวกท่านเปลี่ยนวิธีตั้งรับไปเรื่อยๆ แบบนี้ จะเป็นการดีหากหยุดกันสักนิด คิดถึงความผิดพลาดที่ก่อขึ้นสักหน่อย เพราะนั่นจะทำให้พวกท่านไม่ต้องคิดหาวิธีตั้งรับอีกแล้ว

แค่รู้ว่าผิด รู้ว่าพลาด แล้วแก้ไขให้ถูกต้องเสีย ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอยู่ยาวครบเทอมก็ไม่มีใครไปทำอะไรได้

แต่พวกท่านใช้ฐานของรัฐบาลมาฟอกผิดให้คนคนเดียว ดื้อดึงไปไม่มีวันจบ แล้วคิดว่าจะถอยไปได้แค่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วหนีไม่พ้นประชาชนตกเป็นเหยื่อต้องรบกันเอง

ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ อยู่ที่ศาลท่านจะพิจารณาตามข้อกฎหมาย

แม้ร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙๑/๑๑ จะเพิ่มวรรคห้า ระบุว่า

"ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขบทบัญญัติในหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ จะกระทำมิได้" ก็ตาม

แต่สัญญาณที่จับได้ตั้งแต่หลังวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่น่าวางใจเลยทีเดียว

เพราะมีการขายความคิดในหมู่เสื้อแดง โดยนักวิชาการและนักการเมืองสังกัดเสื้อแดง ว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตย อัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่น่าจะถูกต้อง

ที่ถูกจะต้องเป็น ปกครองระบอบประชาธิปไตย โดย พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ซึ่งนั่นจะเป็นการแก้ไขนอกหมวดพระมหากษัตริย์ หากแต่เป็นข้อความที่ปรากฏในมาตรา ๒ ของรัฐธรรมนูญแทบทุกฉบับที่ผ่านมา

และการบัญญัติว่า ปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ จะแตกต่างจากของเดิมมาก โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ซึ่งก็อยู่นอกเหนือหมวดพระมหากษัตริย์เช่นกัน

กฎหมายปรองดองที่ดองได้ ก็เพื่อไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๐๙ แต่รัฐธรรมนูญใหม่ก็ใช่ว่าเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นยันต์กันผีให้กฎหมายปรองดองเพียงอย่างเดียว

เครือข่ายทักษิณคิดไกลกว่านั้นมากครับ!.

อัตถ์ อัตนัย
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง