บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ปี 2554 กับโจทย์เดิมที่ยังค้างคา “สถานภาพของทักษิณ” ที่ยังคลุมเครือ


isriya

ปี 2554 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ เป็นปีที่ประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง นับจากเหตุการณ์ชุมนุมครั้งใหญ่ในปี 2553 สุดท้ายก็นำมาสู่การยุบสภาของนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และตามด้วยการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม อันเป็น ‘จุดเปลี่ยนขั้วการเมือง’ สำคัญที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ ‘กบฎงูเห่าเนวิน’ ในปี 2551

ถึงแม้รัฐบาลที่ปกครองประเทศจะพลิกขั้วจากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นพรรคเพื่อไทยที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงนับจากเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2549 เป็นต้นมา (และคาดว่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงในระยะอันใกล้) ก็คือ “สถานภาพ” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


ทักษิณ ชินวัตร ในเนเธอร์แลนด์

ในสายตาของคนกลุ่มหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ คือ “นักโทษหนีคดี” ที่ขาดความชอบธรรมใดๆ ในทางการเมืองและกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงต้องตามล่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาชดเชยความผิดที่ได้ก่อเอาไว้ (ซึ่งความผิดที่เป็นรูปธรรมมีเพียงข้อเดียวคือคดีที่ดินรัชดา แต่ความผิดอื่นที่กล่าวหามีอีกมาก) ให้ถึงที่สุด เราจึงเห็นมาตรการไล่จับ พ.ต.ท.ทักษิณ รอบโลกอย่างหนักในช่วงที่นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว. ต่างประเทศในรัฐบาลประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นการกดดันทางการทูต การเพิกถอนพาสปอร์ต และการขอให้ตำรวจสากล (อินเตอร์โปล) ช่วยจับกุม

แต่ยุทธการเหล่านี้ยังไม่เป็นผล เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ประพฤติตัวราวกับภาพยนตร์เรื่อง Catch Me If You Can ใช้อิทธิพล คอนเนคชัน กำลังทรัพย์ ช่วยให้อยู่ในต่างประเทศได้อย่างปกติสุข (ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์พร้อมนัก) ถึงจะถูกเพิกเถอนพาสปอร์ต ก็หาพาสปอร์ตจากชาติอื่นใช้ได้ ถึงจะถูกกดดันไม่ให้เข้าบางประเทศ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่พร้อมจะอ้าแขนรับ

ในอีกด้าน ในสายตาของคนอีกกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณคือ “เหยื่อ” ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา 2549 และต้องโทษหลายอย่างที่กระบวนการไม่ได้มีความชอบธรรม เช่น คดีที่ฟ้องร้องโดย ค.ต.ส. ซึ่งเป็นศัตรูเก่าที่มีความขัดแย้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อน

ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเพื่อไทยขึ้นมาครองอำนาจ เราจึงเห็นมาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กลับมารับสิทธิที่พึงจะได้หลายๆ เรื่อง และกรณีของ “พาสปอร์ต” ที่ผลักดันสุดตัวโดย รมว. ต่างประเทศคนปัจจุบัน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุด

แต่เมื่อสังคมยังแบ่งเป็นสองข้างอย่างชัดเจนในประเด็นเรื่องสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าตกลงแล้วเป็น “นักโทษหนีคดี” หรือ “เหยื่อที่ถูกกลั่นแกล้ง” กันแน่ ทำให้ท่าทีใดๆ ของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นชุดไหน ที่เกี่ยวข้องกับการจับกุม-ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องเผชิญกับแรงต้านจากฝั่งตรงข้ามมาโดยตลอด และกลายเป็น “ชนวน” ของความขัดแย้งทางการเมืองอื่นๆ อยู่เรื่อยมา

ถ้าเราไม่สามารถถอดชนวนว่า ตกลงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะเป็นอย่างไรกันแน่ในสังคมไทย การจะถอดชนวนความขัดแย้งทางการเมืองไทยก็เป็นไปได้ยากยิ่ง

ทุกวันนี้การมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น “นักโทษหนีคดี” คงพิสูจน์แล้วว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ล้มเหลว เพราะรัฐบาลไทยไม่มีความสามารถในการล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษได้เพียงลำพัง

แต่การจะมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น “เหยื่อ” ที่ปราศจากความผิด ก็ยังไม่ใช่คำตอบของสังคมไทยทั้งหมด เพราะยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเหล่านี้

ถ้าอยากยุติความขัดแย้งทางการเมือง ปี 2555 อาจเป็นปีที่คนไทยต้องมานั่งคิดใคร่ครวญ และหาฉันทามติร่วมกันว่า ตกลงแล้ว สถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในสังคมไทยคืออะไร
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง