บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธิดา สั่งแดงทั้งประเทศเตรียมพร้อม



ธิดา ถาวรเศรษฐ
ธิดา ถาวรเศรษฐ
หลัง กกต.ไม่รับรอง แกนแดงเป็น ส.ส. ชี้ จับตา 19 ก.ค.นี้ เลื่อนคอนเสิร์ตไม่มีกำหนด
ผู้ สื่อข่าว Mthai News รายงานจากชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาพร้าวว่า นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. แถลงยืนยันถึงความขัดแย้งภายในกลุ่มแกนนำ นปช.ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นปัญหากับ นปช.โดยทางนปช.มีความพยายามทำความเข้าใจกัน ซึ่งทาง นปช.จะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสในการปรับปรุงองค์กรครั้งใหญ่ ทั้งระบบอาทิโครงสร้าง รวมทั้งบทบาทองค์กร
ทั้งนี้ เพื่อทำให้ขบวนเสื้อแดงเข้มแข็งให้มากขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้คนเสื้อแดงว่า ความขัดแย้งในองค์กรหรือประชาชน เราสามารถจัดการได้อย่าปล่อยให้เป็นปัญหาระหว่างกัน เนื่องจากคนเสื้อแดงต้องต่อสู้กับระบอบอมาตย์
ส่วน กรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ไม่ประกาศรับรองการเป็น ส.ส.ของนางสาวยิ่งลักษร์ ชินวัตร รวมทั้งแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ตนและกลุ่มเสื้อแดงจะเฝ้าติดตามดู กกต.ว่า การประกาศรับรองชื่อในรอบ 2 วันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ผลจะออกมาเป็นเช่นไร โดยอยากฝากไปยังคนเสื้อแดงให้ชาร์ทแบตให้เต็มและเตรียมตัวให้พร้อมด้วย
นอก จากนี้ กรณีคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ ที่สวนลุมพินี ต้องขอเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์ แต่ยืนยันคอนเสริต์จะต้องมีขึ้นอย่างแน่นอนแต่ต้องรอให้มีรัฐบาลก่อน

Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย

ธิดา ถาวรเศรษฐ
ธิดา ถาวรเศรษฐ

ธิดา ถาวรเศรษฐ
ธิดา ถาวรเศรษฐ

รายชื่อ ส.ส. ที่ถูกแขวน 142 คน


  by ลุงแจ่ม ,

รายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถูกแขวน 16 คน
 พรรค เพื่อไทย 11 ราย 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 3.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 4.พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย 5.นายเหวง โตจิราการ 6.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท 7.นายพายัพ ปั้นเกตุ 8.นายพิชิต ชื่นบาน 9.นายก่อแก้ว พิกุลทอง 10.นางสาวจารุพรรณ กุลดิลก 11.นายวิเชียร ขาวขำ
 พรรคประชาธิปัตย์ 3 ราย 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ 3.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
 พรรคภูมิใจไทย 1 ราย 1.นายชัย ชิดชอบ 

 พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 ราย 1.นางพัชรินทร์ มั่นปาน

ส.ส.แบบแบ่งเขต 126 คน
 กทม. 12 ราย - 1.เขต 5 น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล พท. 2.เขต 7 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ปชป. 3.เขต 9 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ปชป. 4.เขต 12 นายการุณ โหสกุล พท. 5.เขต 15 นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ปชป. 6.เขต 16 นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ พท. 7.เขต 22 นายสามารถ มะลูลีม ปชป. 8.เขต 23 นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ปชป. 9.เขต 25 นางนันทพร วีรกุลสุนทร ปชป. 10.เขต 28 พ.ต.อ.สามารถ ม่วงศิริ ปชป. 11.เขต 30 นางอรอนงค์ คล้ายนก พท. 12.เขต 31 นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ปชป.
 กระบี่ 1 ราย - 13.เขต 1 นายสาคร เกี่ยวข้อง ปชป.
 กาญจนบุรี 4 ราย - 14.เขต 1 พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ พท. 15.เขต 2 นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ปชป. 16.เขต 3 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ พท. 17.เขต 4 นายประชา โพธิพิพิธ ปชป.
 จันทบุรี 1 ราย - 18.เขต 2 นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา ปชป.
 ฉะเชิงเทรา 2 ราย - 19.เขต 1 นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ปชป. 20.เขต 4 พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ปชป. 
 ชลบุรี 6 ราย -  21.เขต 1 นายสุชาติ ชมกลิ่น พช. 22.เขต 2 นายอุกฤษณ์ ตั๊นสวัสดิ์ พช. 23.เขต 3 นายรณเทพ อนุวัฒน์ พช. 24.เขต 4 นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ปชป. 25.เขต 5 นายพันธุ์ศักดิ์ เกตุวัตถา พช. 26.เขต 6 นางสุกุมล คุณปลื้ม พช.
 ชัยนาท 2 ราย - 27.เขต 1 นางพรทิวา นาคาศัย ภท. 28.เขต 2 นางนันทนา สงฆ์ประชา ภท.
 ชัยภูมิ 2 ราย - 29.เขต 1 นายโอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย ภท. 30.เขต 4 นายอนันต์ ลิมปคุปตถาวร พท.
 เชียงราย 2 ราย - 31.เขต 1 นายสามารถ แก้วมีชัย พท. 32.เขต 3 น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ พท.
 เชียงใหม่ 2 ราย - 33.เขต 1 น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ พท. 34.เขต 3 น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ พท.
 นครนายก 1 ราย - 35.เขต 1 นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ภท.
 นครปฐม 1 ราย - 36.เขต 5 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พท. 
 นครพนม 1 ราย - 37.เขต 4 นายชูกัน กุลวงษา พท. 
 นครราชสีมา 5 ราย - 38.เขต 5 นายโกศล ปัทมะ พท. 39.เขต 9 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ชพน. 40.เขต 10 นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ภท. 41.เขต 12 นายประนอม โพธิ์คำ ภท. 42.เขต 15 นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ ภท. 
 นครศรีธรรมราช 2 ราย - 43.เขต 1 นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ปชป. 44.เขต 2 น.ส.นริศา อดิเทพวรพันธ์ ปชป. 
 นครสวรรค์ 1 ราย - 45.เขต 2 นายดิสทัต คำประกอบ พท.
 นนทบุรี 4 ราย - 46.เขต 1 นายนิทัศน์ ศรีนนท์ พท. 47.เขต 2 นายอุดมเดช รัตนเสถียร พท. 48.เขต 5 นายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ พท. 49.เขต 6 นายฉลอง เรี่ยวแรง พท.
 นราธิวาส 1 ราย - 50.เขต 4 นายเจะอามิง โตะตาหยง ปชป.
 บุรีรัมย์ 4 ราย - 51.เขต 2 นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ภท. 52.เขต 3 นายโสภณ ซารัมย์ ภท. 53.เขต 4 นางอารีญาภรณ์ ซารัมย์ ภท. 54.เขต 5 นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ภท. 
 ปทุมธานี 1 ราย - 55.เขต 5 ว่าที่ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี พท. 
 ประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย - 56.เขต 2 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ปชป.
 ปราจีนบุรี 1 ราย - 57.เขต 1 นายอำนาจ วิลาวัลย์ ภท.
 ปัตตานี 1 ราย - 58.เขต 4 นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ภท. 
 พระนครศรีอยุธยา 2 ราย - 59.เขต 1 นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ชทพ. 60.เขต 5 นายองอาจ วชิรพงศ์ พท.
 พะเยา 1 ราย - 61.เขต 3 นายไพโรจน์ ตันบรรจง พท.
 พิจิตร 1 ราย - 62.เขต 1 นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ชทพ. 
 พิษณุโลก 1 ราย - 63.เขต 1 นายวรงค์ เดชกิจวิกรม ปชป.
 เพชรบูรณ์ 1 ราย - 64.เขต 3 นายยุพราช บัวอินทร์ ปชป.
 แพร่ 1 ราย - 65.เขต 1 นางปานหทัย เสรีรักษ์ พท. 
 ภูเก็ต 2 ราย - 66.เขต 1 นางอัญชลี เทพบุตร ปชป. 67.เขต 2 นายเรวัต อารีรอบ ปชป.
 มหาสารคาม 1 ราย - 68.เขต 5 นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท พท.
 มุกดาหาร 1 ราย - 69.เขต 1 นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ พท.
 ยโสธร 2 ราย - 70.เขต 2 นายบุญแก้ว สมวงศ์ พท. 71.เขต 3 นายพีรพันธุ์ พาลุสุข พท.
 ยะลา 1 ราย - 72.เขต 2 นายอับดุลการิม เด็งระกีนา ปชป.
 ร้อยเอ็ด 1 ราย - 73.เขต 8 นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ พท.
 ระยอง 1 ราย - 74.เขต 1 นายสาธิต ปิตุเตชะ ปชป. 
 ราชบุรี 2 ราย - 75.เขต 1 นายมานิต นพอมรบดี ภท. 76.เขต 4 นางชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ภท.
 ลพบุรี 3 ราย - 77.เขต 2 นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช ภท. 78.เขต 3 นายอำนวย คลังผา พท. 79.เขต 4 นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ภท.
 ลำปาง 2 ราย - 80.เขต 2 นายวาสิต พยัคบุตร พท. 81.เขต 3 นายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ พท.
 ลำพูน 1 ราย - 82.เขต 2 นายสถาพร มณีรัตน์ พท.
 เลย 1 ราย - 83.เขต 3 นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข พท.
 ศรีสะเกษ 1 ราย - 84.เขต 6 นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ พท.
 สกลนคร 1 ราย 85.เขต 4 นายพัฒนา สัพโส พท.  
 สตูล 1 ราย - 86.เขต 1 นายธานินทร์ ใจสมุทร ชทพ. 
 สมุทรปราการ 4 ราย - 87.เขต 2 นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย พท. 88.เขต 3 นางอนุสรา ยังตรง พท. 89.เขต 4 นายวรชัย เหมะ พท. 90.เขต 6 น.ส.เรวดี รัศมิทัศ ภท. 
 สระแก้ว 1 ราย - 91.เขต 2 นางสาวตรีนุช เทียนทอง พท. 
 สระบุรี 2 ราย - 92.เขต 1 น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ปชป. 93.เขต 3 นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ ภท. 
 สิงห์บุรี 1 ราย - 94.เขต 1 ดร.สุรสาล ผาสุข พท. 
 สุโขทัย 3 ราย - 95.เขต 1 นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ปชป. 96.เขต 3 นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกุล ภท. 97.เขต 4 นายมนู พุกประเสริฐ ภท. 
 สุพรรณบุรี 1 ราย - 98.เขต 4 นางสาวพัชรี โพธสุธน ชทพ. 
 สุราษฎร์ธานี 1 ราย - 99.เขต 2 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปชป. 
 สุรินทร์ 4 ราย - 100.เขต 1 นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ภท. 101.เขต 4 นายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล พท. 102.เขต 5 นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม พท. 103.เขต 6 จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ พท.
 หนองคาย 3 ราย - 104.เขต 1 ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย พท. 105.เขต 2 นายสมคิด บาลไธสง พท. 106.เขต 3 นางชมภู จันทาทอง พท. 
 หนองบัวลำภู 1 ราย - 107.เขต 2 นายไชยา พรหมา พท. 
 อ่างทอง 1 ราย - 108.เขต 2 นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ชทพ. 
 อำนาจเจริญ 2 ราย - 109.เขต 1 นางสมหญิง บัวบุตร พท. 110.เขต 2 นายอภิวัฒน์ เงินหมื่น ปชป.
 อุดรธานี 6 ราย - 111.เขต 2 พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ พท. 112.เขต 3 นายอนันต์ ศรีพันธุ์ พท. 113.เขต 4 นายขจิตร ชัยนิคม พท. 114.เขต 5 นายทองดี มนิสสาร พท. 115.เขต 8 นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม พท. 116.เขต 9 นายเทียบจุฑา ขาวขำ พท.
 อุตรดิตถ์ 3 ราย - 117.เขต 1 นายกนก ลิ้มตระกูล พท. 118.เขต 2 นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ พท. 119.เขต 3 นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย พท. 
 อุทัยธานี 1 ราย - 120.เขต 1 นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ปชป. 
 อุบลราชธานี 6 ราย - 121.เขต 2 นายศุภชัย ศรีหล้า ปชป. 122.เขต 5 นายสุทธิชัย จรูญเนตร พท. 123.เขต 6 นายพิสิทธ์ สันตะพันธ์ พท. 124.เขต 8 น.ส.บุณย์ธิดา สมชัย ปชป. 125.เขต 10 นายสมคิด เชื้อคง พท. 126.เขต 11 นายตุ่น จินตะเวช ชทพ.
สำนักข่าวเนชั่น

มหาอำนาจทางพลังงาน vs รัฐบาลขายชาติ

โดยดร.ไก่ Tanond เมื่อ 27 พฤษภาคม 2011 เวลา 16:26 น.
แหล่งพลังงานในอ่าวไทย ไทยแกล้งโง่ หรือ ลูกไก่ในกำมือ
ที่มา...กรุงเทพธุรกิจ

วัฒนธรรม ข้ามชาติยังกลืนกลาย ไม่ร้ายเท่าบรรษัทไร้พรมแดนไร้มนุษยธรรม เช่นที่เมาะตะมะ สำหรับประเทศที่ไม่ชัดเจนเขตแดน ย่อมมีผลประโยชน์เหยียบไว้
โลกนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน 2 บริษัท คือ

1. แอตแลนติก ริชฟิลล์ หรืออาร์โก้ (Atlantic Rich Field Company Limited, ARCO) ในสหรัฐอเมริกาทางภาคเหนือ จดทะเบียนบริษัทลูกชื่อ เอ็กซอน ( EXXON) เพื่อนำเข้าน้ำมัน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี  แปรรูปจากน้ำมัน และสารเคมี เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เม็ดพลาสติก ฯลฯ
2. บริษัท สแตนดาร์ด ออยล์ (Standard Oil Company Limited) บริษัทลูกขายปลีกน้ำมันชื่อโมบิล (Mobile) และนำเข้าน้ำมัน แปรรูปผลิตภัณฑ์น้ำมันและสารเคมี เช่นเดียวกับ บริษัทแอตแลนติ ริชฟิลล์ ทุกอย่าง
บริษัททั้งสองทำทีแข่งขันกันเกือบ จะกลบเกลื่อนร่องรอยการร่วมกันกำหนดราคาขายปลีกน้ำมันและก๊าซในสหรัฐอเมริกา จากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ (end-users) ได้สำเร็จ

แต่แล้วปรากฏ กระทาชายชื่อ นายอากูเอล่าโผล่ขึ้นมาฟ้องบริษัททั้งสองในข้อหาผูกขาดตลาดด้วยวิธีร่วมกัน กำหนดราคาขายปลีก เพราะกฎหมายสหรัฐอเมริกาเปิดช่องไว้ ห้ามทำการค้าผูกขาด ไม่ว่ากรรมวิธีใด ๆ เช่น ร่วมกันกำหนดราคาขายปลีกของสินค้า เป็นผู้ค้าสินค้าประเภทหนึ่งแล้วเข้าไปซื้อกิจการค้าข้างเคียง หรือต้องพึ่งพาเกี่ยวเนื่องกัน แล้วทำทีกำหนดราคาขายขึ้นเองให้กระทบกระเทือนในกลุ่มผู้ค้า หรือในกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นวิธีผูกขาดตลาดแบบแยบยล..เหล่านี้เป็นเรื่องห้ามเด็ดขาด
บท บัญญัติกฎหมาย Anti-Trust Law (กฎหมายห้ามผูกขาดตลาดการค้า หรือกรรมวิธีในทางการค้า) หรือคนอเมริกันเรียกให้เกียรติแก่ 2 คนผู้เสนอบัญญัติว่า Clayton – Sherman Act

เมื่อบริษัททั้ง สองถูกฟ้องและแพ้คดีในบางประเด็นสำคัญ จึงทำให้สาธารณชนในสหรัฐฯ รู้รายละเอียดกลวิธีการผูกขาดการค้าของบริษัททั้งสอง เช่น วิธีหลบเลี่ยงกฎหมาย รายรับรายจ่ายของบริษัท มีกลุ่มหรือบริษัทในเครือแค่ไหน อย่างไร? รวมตลอดถึงได้รู้ถึงเส้นทางการทำการค้าของบริษัททั้งสอง

ใน ชั้นศาลอุทธรณ์ บริษัททั้งสองมาทำข้อตกลงกับโจทก์ผู้ฟ้องร้องคดีนอกศาล จึงได้รู้ถึงยอดรายรับของบริษัททั้งสองทำกำไรได้หลายหมื่นแสนล้านดอลลาร์ต่อ ปี ยอดรายรับนี้ถูกนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีนิติบุคคล ตามกฎหมายสรรพากรของสหรัฐฯ (The Internal Revenue Code)
และเพื่อ ป้องกันถูกฟ้องจากลูกค้าอื่นๆ อีก และป้องกันความลับกรรมวิธีทำการค้าขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีต่าง ๆ มิให้รั่วไหล ในที่สุด บริษัททั้งสองจึงตกลงแบ่งแดนทำการค้า โดยให้บริษัท Atlantic Rich Field และบริษัทในเครือยังคงทำการค้าขายปลีกน้ำมันในสหรัฐฯ ต่อไป

ส่วนบริษัท Standard Oil Company Limited กับในเครือไปหาแหล่งพลังงานน้ำมันและก๊าซนอกทวีปอเมริกา และเป็นผู้ขายน้ำมันดิบให้แก่กลุ่มบริษัทค้าปลีกน้ำมันในสหรัฐฯ
ด้วย เหตุนี้ สแตนดาร์ดฯ บริษัทแม่ จึงไปซื้อบริษัทยูโนแคล (UNOCAL) มาเป็นบริษัทลูก และยูโนแคลก็ไปตั้งบริษัทหลาน คือ เชฟรอน (CHEVRON) เพื่อข้ามทวีปมาอาเซีย
ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทแม่(สแตนดาร์ดฯ) ได้ซื้อบริษัทโตแตล (TOTAL) ของฝรั่งเศส (เคยร่ำรวยจากขุดเจาะ ค้าน้ำมันในลิเบีย แล้วถูกเจ้าของประเทศคว่ำบาตร) เพื่อเข้ามาในกัมพูชาและไทย

ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะกฎหมาย ฝรั่งเศสห้ามมิให้นำบริษัทฝรั่งเศสออกไปจากประเทศ ดังนั้น บริษัทยังคงมีสัญชาติฝรั่งเศส มีที่ทำการการค้าเป็นหลักแหล่งในประเทศฝรั่งเศส
ยูโนแคล แสวงหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (oil and natural gas) ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ พม่า ไทย กัมพูชา และ เวียดนาม

ตัวอย่าง โด่งดังไปทั่วโลก คือ กรณี ยูโนแคลได้สัมปทานขุดเจาะพลังงานพม่าในอ่าวเมาะตะมะ คือ บ่อชเว ขณะนั้น รัฐบาลพม่าหรือ SLORG ได้บังคับเกณฑ์แรงงาน (the concentration camp ) ชนกลุ่มน้อย เช่น กะเหรี่ยง มอญ คะฉิ่น ฯลฯ มาทำงานค่ายแรงงานของยูโนแคล มีทหารพม่ารับจ้างคุมบังคับทำงานวางท่อก๊าซ
เผอิญในกลุ่มแรงงานนั้นมี หญิงท้องแก่คนหนึ่งกับสามี ต่อมาเธอคลอดลูกและทำงานไม่ได้ ทหารพม่าเกิดบ้าเลือดขึ้นมา จับทารกลูกกะเหรี่ยงโยนเข้ากองไฟตายอนาถ แม่เข้าไปขัดขวางก็ถูกจับโยนใส่กองไฟไปด้วย
ปรากฏว่า ทารกตาย แม่บาดเจ็บสาหัส กระทั่ง ผัวเมียคู่นี้ทนไม่ไหวหาโอกาสหนีออกมาได้ เข้ามาถึงเชียงใหม่มาพบตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชนชาวอเมริกัน จึงพาทั้งคู่บินไปสหรัฐอเมริกา นำเรื่องขึ้นฟ้องคดีสู่ศาลลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยกำกับดูแลของศาลอุทธรณ์เขต 9 สหรัฐอเมริกา

ใน อเมริกาเรียกว่า คดีจอห์นโด ปรปักษ์กับยูโนแคล [บริษัทลูกของสแตนดาร์ดออยล์อีกแห่งที่ไปลงทุนในพม่า (John Doe v. Unocal) ] ตั้งชื่อโจทก์ให้เป็นฝรั่ง แต่ความจริงคือกะเหรี่ยง
สู้คดีกัน 2 ศาล ศาลชั้นต้น ยูโนแคลแพ้คดี ถูกสั่งจ่ายค่าเสียหายและค่าปรับไหมแก่โจทก์เป็นเงิน 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คดีไปถึงศาลอุทธรณ์ ๆ พิจารณาจะพิพากษากำหนดให้จ่ายค่าเสียหายและค่าปรับไหมสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญ บริษัทยูโนแคลรู้ผลล่วงหน้า ก่อนจะอ่านคำพิพากษาหนึ่งสัปดาห์ จึงชิงไปเจรจากับผู้เสียหาย โดยเสนอจะชดใช้ค่าเสียหายและค่าปรับไหมให้โจทก์ 5 หมื่นล้านเหรียญเพื่อให้เรื่องจบ

ผลตกลงกันได้ แต่เงิน 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลนิธิสาธารณกุศลที่ช่วยออกค่าทนาย และค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินคดีให้โจทก์ หักค่าใช้จ่ายไป ผัวเมียกะเหรี่ยงคู่นี้ได้ประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญ  เมื่อแพ้คดีนี้ ยูโนแคลต้องลงจากตำแหน่งและมอบสิทธิตามสัญญาสัมปทานทั้งหมดให้บริษัท เชฟรอน ดำเนินการแทน โดยก่อนหน้านี้ยูโนแคลเคยได้สัมปทานในอ่าวไทยเกือบทั้งหมดรวมทั้งอ่าวตั่ง เกี๋ยด้วย

พลังงานในอ่าว “ฮุน เซน” กับใคร? จ้องเขมือบ
ประเทศ กัมพูชา นายกฯฮุน เซน ได้ทำสัญญายกสัมปทานให้โตตาล(สแตนดาร์ ดออยล์) ไปแล้ว ส่วนประเทศไทยให้สัมปทานการแก่ เชฟรอน สรุป ทั้ง เชฟรอน ทั้ง โตแตล ก็คือ สแตนดาร์ด ออยล์ ที่ได้พลังงานทั้งอ่าว 100 เปอร์เซ็นต์
ถ้าไปดูราย รับ รายจ่าย ย้อนหลังประมาณ 10 ปี ผลกำไร ๆ ต่อปีของบริษัท สแตนดาร์ด ออยล์ หลายแสนล้านเหรียญ หรือทริลเลี่ยนดอลล่าร์ (ศูนย์ 18-19 ตัว) ถ้าแปลงค่าเป็นบาทคูณด้วย 30 จะใช้เป็นเงินงบประมาณบริหารประเทศไทยได้ 30 ถึง 50 ปี
จากแผนที่อ่าวไทยจะมีเส้นประสีแดง แสดงอาณาเขต ตรงนั้นจะมีสี่เหลี่ยม 2 อันซ้อนกัน คือ ของเขมรกับไทย ต้องไปประกาศเขตแดนทางทะเลที่สหประชาชาติ ประเทศไทยลากไปสุดแค่เส้นรุ้งที่ 109 แต่จริง ๆ อ่าวไทยไปสุดเส้นรุ้ง 112 คือ เว้นไว้ 3 ช่องซึ่งรวมเนื้อที่ประมาณ 3 หมื่นตารางกิโลเมตร

ส่วนกัมพูชา ไม่ประกาศเลย เพราะอะไร? ก็จะรอใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ที่กำลังเจรจาปักปันเขตแดนอยู่ ซึ่งจะล้ำมากินเนื้อที่ใน 3 ช่องนั่นเอง
อย่างนี้หมายความอย่างไร ไปเรียกตรงนั้นว่า "พื้นที่ทับซ้อน"
แหล่ง พลังงานตรงจุดนั้น นอกจาก น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ ปากหลุมยังมีหินคาร์บอนไฮเดรทที่เผาไหม้แล้วให้ความร้อนถึง 179 องศา บริษัทที่มีเครื่องมือเอาขึ้นมาได้ คือบริษัท บีพี หรือ บริทิช ปิโตรเลียม(อังกฤษ) บริษัทที่มีสิทธิขนไปใช้คือ สหรัฐอเมริกา
ถามว่า มีคนกลุ่มไหนบ้างไปถือหุ้นในบริษัทพลังงานเหล่านี้ เช่น บริษัท มิตซุย ออยล์ คอมปานี ลิมิเต็ด อยากรู้มากกว่านี้ไปเปิดเว็บไซต์บริษัทโมอีโก้ (ญี่ปุ่น) และในนั้นมี ปตท. ปตท.สผ. รวมทั้งบริษัทไทยชื่อแปลก ๆ ถือหุ้นอีกมาก

ทำไม ฮุน เซน จึงอยากได้ที่ดินบริเวณเขาพระวิหาร 4.6 ตร.กม. รวมถึงที่ดินบนริมขอบของจังหวัดตราดไปถึงอุบลราชธานี...ลองคิดดู มีการคำนวณไว้ใน ค.ศ.1993 บ่อพลังงานเล็ก ๆ บ่อเดียวในบริเวณอ่าวไทย มีน้ำมันมูลค่า 5 ล้านล้านบาท มาถึง ค.ศ.2011 น้ำมันถึง 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาเรล อีกสามปีข้างหน้าจะขึ้นไปอีกเท่าไหร่

ในประเทศรอบ อ่าวโอมาน, อิหร่าน และซาอุฯ เขาขายน้ำมันได้ ราษฎรก็พลอยรวยไปด้วย เพราะรัฐบาลจ่ายเงินเดือนให้ คิดเป็นหลายแสนบาทต่อครอบครัว รถยนต์ในประเทศใช้น้ำมันฟรีตลอดชีวิต
ทำไมประชาชนไทยต้องซื้อน้ำมัน แพง ลิตรละ 30-40 บาท... ถ้าในทะเลมี 1,000-2,000 บ่อ คิดไหมนักการเมือง นายทุนใหญ่ในประเทศนี้จะมีเอี่ยวไหม?

นายกฮุน เซน ลงนามให้สัมปทานโตตาลไปแล้วในส่วนของกัมพูชา ส่วนที่เหยียบไว้ในส่วนที่สร้างวาทกรรม "พื้นที่ทับซ้อน" น่าจะเป็นแสนล้านบาท แล้วอย่างนี้ MOU จะแปลได้ไหมว่า คือ มันนี่, ออยล์ และ อันเดอร์ เทเบิล "เงินใต้โต๊ะ"
ที่เหยียบไว้นี่แหละ จะมีคนพวกหนึ่งรู้เห็นเป็นใจ ให้เอาเงินไปใส่ในกระเป๋าผู้นำเขมร จากนั้นค่อยแอบไปแบ่งกันนอกประเทศ

ส่วนรัฐไทยถูกล่ามด้วยโซ่ เอ็มโอยู ?
เรื่อง นี้ฝ่ายค้านหรือคนในรัฐบาลกัมพูชาเอง อย่างน้อยก็นายสม รังสี กับเจ้ารณฤทธิ์ ก็รู้ดีและอยากบ่อนเซาะเก้าอี้นายกฯฮุน เซน ถ้าถึงขั้นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศขึ้นมาเมื่อไหร่ จะได้เห็นการทุจริตมโหฬารในรัฐบาลกัมพูชา
นี่อาจเป็น สาเหตุหนึ่ง ทำให้ผู้นำกัมพูชา เบี่ยงเบน หาเรื่องรบกับไทย เพื่อจะอยู่ในอำนาจต่อไป การรบกับไทยจึงเป็นปลายเหตุ เป็นความโหดเหี้ยมเอาประชาชนเป็นเหยื่อ
การ ยิงปืนใหญ่ ยิงจรวดใส่กัน โดยไม่ให้ทหารราบเคลื่อนเข้ายึดพื้นที่ทางบกที่เราได้เปรียบ(เขมร ต้องตกหน้าผาเขาพระวิหาร) ถือว่าผิดตำราพิชัยสงคราม และไม่ใช้กองทัพอากาศหนุนช่วย เปรียบเสมือนนักมวยสากล ถ้าใช้แย็ปอย่างเดียวได้แต้มเดียว ถ้ามีมัดฮุค หมัดครอส ชกเขาร่วงลงไปได้ 3 แต้ม แต่ไม่ทำ

ที่รบกันชายแดนไทย-เขมร มันก็โอ้ละพ่อ!
นานา ประเทศต้องถือผลประโยชน์ของประเทศมาก่อน เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องรอง ต้องรักษาทรัพยากรของคนทั้งประเทศไว้เพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญต้องทำเรื่องอาณาเขตให้ชัดเจนเสียก่อน ไม่เช่นนั้น จะแบ่งพื้นที่ทรัพยากรเป็นของประเทศใดยังไม่ได้

จับพิรุธการ ตัดสินคดีรวบรัด ทำร้ายคนไทย  ส่วนคดีศาลพนมเปญตัดสินคนไทย 5 คนนั้น เป็นการพิจารณาคดีอย่างรวบรัดตัดตอน (Summary Execution) ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้าม
ถ้าพิสูจน์ได้ว่า จับคนไทยในดินแดนไทย ก็คือการลักพาตัว ลากเข้าไปในเขมรยัดข้อหาตัดสินอีก ประเทศไหนจะยอม(มีแต่ไทย) ส่วนจะอ้างว่า คนไทยยอมสารภาพ ก็เขมรนำคนไทยไปขังในสภาพแย่ ๆ ห้ามติดต่อกับทูต กับทนาย และมีท่าทีข่มขู่ คนไทยย่อมเกิดความหวาดกลัว เรียกว่า น็อน คอมโนนิกาโด(non communicado) คือ มิอาจจะติดต่อกับใครได้ นี่เป็นการกดดัน ทรมานอย่างหนึ่ง กติกาสากลห้ามทำเช่นนี้ ผู้นำประเทศใดทำเช่นนี้ ย่อมมีความผิด จะอ้างความเป็นนายกฯ เพื่อได้รับการยกเว้นไม่ต้องขึ้นศาลนั้น ไม่ได้

พยาน ของเราไปแสดงหลักฐานในศาลกัมพูชา มีทั้ง น.ส.3 กับ ส.ค. มีตราครุฑของราชอาณาจักรไทย ศาลเขมรก็ไม่ยอมรับ ก็ให้บันทึกไว้จะเป็นพยานหลักฐานไว้ฟ้องคดีในศาลสากล

ถ้าฟ้อง สำเร็จ นายกฯฮุน เซน จะต้องจ่ายชดใช้ความเสียหายและค่าปรับไหม ให้คนไทยทั้งหมด เทียบเคียงคำพิพากษาคดี Filartiga (ฟิลาร์ติก้า ผู้นำประเทศปารากวัย สั่งฆ่าประชาชน แล้วหนีไปสหรัฐฯ ประชาชนยื่นฟ้อง ในที่สุดศาลสหรัฐอเมริกา ตัดสินในค.ศ.1980 ให้จ่าย 10 ล้านดอลลาร์)  จะต้องจ่ายให้ผู้เสียหายคนละ 10 ล้านดอลลาร์ หรืออาจสูงถึง 700 ล้านดอลลาร์
นี่คือข้อมูลเสนอให้ตรวจสอบ พิสูจน์ เพื่อให้ประชาชนพี่น้องไทยได้เห็นความจริง.

ลายแทงเม็ดเงินวิจัย-ที่ปรึกษา“นิด้า” เคี้ยวนิ่มๆ 51หน่วยงานรัฐ 477 ล้าน


เจาะละเอียดยิบเม็ดเงินวิจัย-ที่ปรึกษา“นิด้า”477 ล้าน คว้าเรียบหน่วยงานภาครัฐ 51 แห่ง 104 โครงการ เคี้ยวนิ่มๆจากการรถไฟฯ 87 ล้าน กระทรวง พม.แชมป์ควักกระเป๋าจ้างมากสุด เปิดชื่องานร้อนอินเทรนด์ ทัศนคติ“เสมอภาคหญิงชาย”–สร้างเครื่องมือพัฒนาจริยธรรมความโปร่งใสองค์กร
         ในขณะที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับการว่าจ้างให้ทำวิจัยหรือเป็น ที่ปรึกษาโครงการรัฐมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและอยู่ในอันดับ 4 ของสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) อยู่อันดับ 5  (คิดตามมูลค่าวงเงินที่ได้รับว่าจ้าง)
         ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนฯ (TCIJ) ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดพบว่า ในรอบ 3 ปี สถาบันแห่งนี้ได้รับว่าจ้างจำนวน 88 โครงการ (สัญญา) วงเงิน  435,693,845 บาท แบ่งเป็น
        ปี 2551 จำนวน 33 โครงการ วงเงิน  140,899,316  บาท
        ปี 2552  จำนวน 27 โครงการ 139,949,370   บาท
        ปี 2553   28 โครงการ   154,845,159 บาท
        7 เดือนของปี 2544 ( 1 ต.ค.2553-30 เม.ย.2554) จำนวน  16  โครงการ  วงเงิน 42,147,650   บาท
       รวม 3 ปี 7 เดือน  104 โครงการ วงเงิน  477,841,495 บาท
       ทั้งนี้โครงการที่ทำสัญญาในช่วง 7 เดือนของปี 2554  ได้แก่
       1.โครงการศึกษาความคุ้มค่าในการจัดสรรงบประมาณของสถาบันอิสระในสังกัด กระทรวงอุตสาหกรรม  โดยสำนักงบประมาณ   วงเงิน 4,397,000 บาท 
      2.โครงการพัฒนาระบบบริหารผลงานและสมรรถนะประจำปีงบประมาณ ปี พ.ศ. 2554โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.ร)   วงเงิน 2,950,000 บาท 
      3.โครงการพัฒนาระบบการให้บริการของหน่วยงานของรัฐ เพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ  โดยสำนักงาน ก.พ.วงเงิน 2,220,350 บาท 
      4.แปลงแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ไปสู่การปฏิบัติ  โดย สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  วงเงิน 3,500,000 บาท 
      5.โครงการประเมินผลสำเร็จตามมาตรฐานคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยในชุมชนของการ เคหะแห่งชาติ ประจำปี 2553โดยการเคหะแห่งชาติ  วงเงิน 2,500,000 บาท 
      6.ดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์(นพม.) รุ่นที่ 3   โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  วงเงิน 3,340,000 บาท 
      7. ดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตรนักพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) รุ่นที่ 2โดย สำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  วงเงิน 2,800,000 บาท 
      8.ที่ปรึกษาเพื่อปฏิบัติงานตามโครงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ.ศ. 2554 – 2559 โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  วงเงิน 2,250,000 บาท 
      9.ที่ปรึกษาเพื่อปฏิบัติงานตามกิจกรรมการจัดทำ(ร่าง)แผนพัฒนาสตรีในช่วงแผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่11   โดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  วงเงิน 2,250,000 บาท 
     10.โครงการฝึกอบรม “หลักสูตรการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง” โดยกรมพัฒนาที่ดินกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 3,977,600 บาท 
     11.ที่ปรึกษาพัฒนาศักยภาพผู้บริหารสถาบันการค้าและการจัดทำยุทธศาสตร์ธุรกิจ สมาคมการค้า โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ วงเงิน 1,800,000 บาท 
     12.ที่ปรึกษาให้บริการจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาผู้บริหารของ กปน. หลักสูตร “การพัฒนาผู้บริหารระดับกลาง” สำหรับผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่า งบประมาณปี2554  โดย  การประปานครหลวง  วงเงิน 1,569,000 บาท
      13.ที่ปรึกษาโครงการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการของ กปน. ปีงบประมาณ 2554โดย  การประปานครหลวงวงเงิน 1,650,000 บาท 
      14.ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาระบบและปรับปรุงระบบทางเทคโนโลยีสารสนเทศ(ระยะที่ 2)  โดย สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ  วงเงิน 1,500,000 บาท 
      15.ที่ปรึกษาเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่  โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม วงเงิน 2,412,000 บาท 
      16.โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม  วงเงิน 1,776,000 บาท 
      โครงการที่น่าสนใจ ปี 2553  อาทิ ที่ปรึกษาดำเนินโครงการสร้างเครื่องมือประเมินเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมและความโปร่งใสขององค์กร โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
      จ้างจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโรงงานยาสูบ พ.ศ.2555 – 2559  โดยโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง
       โครงการสำรวจ “ร้อยละของประชาชนที่มีเจตนคติที่ดีเกี่ยวกับความเสมอภาคและบทบาทหญิงชาย”  โดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
      งานบริการบริหารทรัพยากรบุคคล โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้ โดยสารอากาศยานในเมือง-ระยะที่3โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย  (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในฐานข้อมูล)
       หน่วยงานที่ว่าจ้างให้เป็นที่ปรึกษามากสุด ในรอบ 3 ปี คิดตามจำนวนโครงการ ได้แก่
      สำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  จำนวน  7 โครงการ วงเงิน  13,561,200  บาท
      สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน  จำนวน  6 โครงการ  วงเงิน  17,430,670บาท
      สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร)  5 โครงการ  วงเงิน 11,764,194  บาท
      กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  5 โครงการ  วงเงิน  14,669,450  บาท
      สำนักงบประมาณ 4 โครงการ  วงเงิน  18,656,320  บาท
      คิดตามมูลค่ารวม  มากสุด การรถไฟแห่งประเทศไทย  87,419,250  บาท(2 โครงการ)
       สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ   27,350,000   บาท (3 โครงการ)
       สำนักการศึกษา  21,622,500  (1 โครงการ)
       สำนักงบประมาณ 18,656,320  (4 โครงการ)
       สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน  17,430,670  (6 โครงการ)
       เบ็ดเสร็จ 51 หน่วยงาน (ดูตาราง)
     
หน่วยงาน
จำนวนโครงการ
วงเงิน (ล้านบาท)
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
1
1,486,989
สำนักงบประมาณ
4
18,656,320
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
6
17,430,670
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร)
5
11,764,194
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
1
10,650,000
สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
1
2,950,000
กรมการท่องเที่ยว
1
7,850,000
สำนักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
7
13,561,200
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
3
12,679,000
สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
2
6,573,200
สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
1
7,550,000
สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ
1
4,959,343
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
1
3,499,970
กรมทรัพย์สินทางปัญญา
1
16,000,000
การประปาส่วนภูมิภาค
2
14,500,000
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
2
2,500,000
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
2
2,606,400
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
1
3,000,000
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
1
4,750,000
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
1
4,750,000
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
5
14,669,450
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
1
1,800,000
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
3
5,059,000
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
1
3,249,000
สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
3
27,350,000
กรมสรรพสามิต
1
4,796,500
สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
3
8,000,000
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
1
1,500,000
การรถไฟแห่งประเทศไทย
2
87,419,250
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
1
2,000,000
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
1
1,690,000
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
1
5,998,000
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
1
1,870,000
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
2
13,361,000
กระทรวงยุติธรรม
1
14,500,000
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
1
1,455,200
กรมอนามัย
1
2,550,000
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
1
2,400,000
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
1
5,000,000
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
1
1,573,000
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
1
4,695,000
โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง
1
4,700,000
กรมบัญชีกลาง
1
3,851,359
การเคหะแห่งชาติ
1
7,800,000
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ
1
3,088,800
การประปานครหลวง
1
1,250,000
สำนักการศึกษา
1
21,622,500
สำนักงานกิจการยุติธรรม
1
2,000,000
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)
1
1,535,000
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
1
1,033,500
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
1
9,000,000
ที่มา:ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนฯ (TCIJ) รวบรวม
                                …..
ภาพจาก www.hrd.ni

กกต.รับรองส.ส.358 คน แขวนยิ่งลักษณ์-นปช.-มาร์ค


ที่มา ข่าวสด



เมื่อ 12 ก.ค. รายงานข่าวใน ที่ประชุมกกต. แจ้งว่า ระหว่างการประชุมวาระการพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งส.ส. โดยที่ประชุมกกต.มีมติเสียงข้างมากควรประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ในวัน ที่ 12 ก.ค.นี้ โดยยึดมาตรฐานในการยึดยอดผู้ร้องคัดค้านถึงวันที่ 11 ก.ค. ปรากฏว่าในส่วนของส.ส.บัญชีรายชื่อ กกต.ใช้มติเสียงข้างมากให้ประกาศในส่วนของส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ไม่มี เรื่องร้องคัดค้านไปก่อน 109 คน จากทั้งหมด 125 คน ซึ่งเสียงข้างมากให้แขวนผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 16 คน เนื่องจากมีเรื่องร้องคัดค้านอยู่

ใน 16 คนนี้ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีจำนวนมาก อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประมาณ 12 คน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และนายสุรทิน พิจารณ์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคประชาธิปไตยใหม่

กกต.เสียงข้างน้อย 2 เสียง ประกอบด้วย นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ และนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เห็นว่าควรประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อไปก่อนทั้งหมดและค่อย พิจารณาเรื่องร้องคัดค้านในภายหลัง ส่วนของส.ส.เขตประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ 249 คน รวมส.ส.ทั้งสองแบบได้จำนวน 358 คนจากทั้งหมด 500 คน

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า กกต.ได้พิจารณายกคำร้องในกรณีผัดหมี่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่พิจารณาเรื่องร้องเรียนที่น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ร้องกรณีให้การเท็จในเรื่องหุ้น และนโยบายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ส่วนนายอภิสิทธิ์ โดนเรื่องจ้างวานให้คนอื่นไปซื้อเสียง ส่วนเรื่องแคะขนมครกของนายอภิสิทธิ์ ยังไม่เข้าการพิจารณา แต่เป็นไปได้ว่าจะยกคำร้องเช่นเดียวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่โดนแขวนอีก 1 คนคือ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง