บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

งามหน้าอีก! แท๊บเลต  ป.1ไม่มีระบบตัดไฟ

นายณรงค์ จุนเจริญวงศา ศึกษานิเทศก์ สำนักงานพื้นที่ประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 เปิดเผยว่า เครื่องแท็บเล็ตที่รัฐบาลแจกให้ทดลองใช้ไม่มีระบบตัดไฟแบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็ม ดังนั้น เมื่อไฟเต็มก็จะเริ่มชาร์จใหม่ไปเรื่อยๆ ส่งผลให้เครื่องร้อนเกินไป กระทบต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์ที่จะสั้นลง นอกจากนี้ ต้องแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองว่า ห้ามปล่อยให้เด็กชาร์จแบตเตอรี่โดยไม่สวมใส่รองเท้า เพราะตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม จึงอาจทำให้เกิดไฟดูดได้ ดังนั้น เบื้องต้นได้แก้ปัญหาด้วยการออกแบบเครื่องตัดไฟอัตโนมัติเอง ซึ่งผลิตขึ้นจากการประกอบเบรกเกอร์และเครื่องจับเวลาเข้าด้วยกัน 

ด้าน นายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา อดีตผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า การชาร์จไฟเข้าไปยังอุปกรณ์โดยไม่มีระบบตัดไฟ จะทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่วนจะมีโอกาสระเบิดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่แบตเตอรี่ว่า มีการติดชิปวัดอุณหภูมิหรือไม่ ถ้าไม่มีก็มีโอกาสระเบิดได้ อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ที่ผลิตขึ้นในปัจจุบันส่วนใหญ่มีการติดตั้งชิปตัวนี้ไว้

 
ผู้สื่อข่าว : สรยุทธ แวววงศ์ทอง


นปช.เปิดเอกสารเทือกเซ็นตั้งพลยิงเมษา-พฤษภา53

นปช.เปิดเอกสารเทือกเซ็นตั้งพลยิงเมษา-พฤษภา53

เว็บไซต์นปช.แดงทั้งแผ่นดินนำเสนอรายงานข่าวเรื่อง เปิดเอกสารตั้งพลทหารซุ่มยิง เม.ย.-พ.ค. 2553 โดยนำเสนอเอกสารข้างต้น พร้อมกับรายงานว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นได้ลงนามในคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่ 9/2553 เรื่อง โครงสร้างการจัด และอำนาจหน้าที่ของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อแต่งตั้งพลทหารยิงปืนจำนวน 29 นาย เพื่อซุ่มยิงคนเสื้อแดงในเหตุการณ์เดือน เม.ย.-พ.ค. 2553
รายชื่อ"พลยิง"บางส่วนในส่วนของกองทมัพอากาศตามเอกสารข้างต้น


ฟังอีกรอบ ศอฉ.แจงแนวทางพลซุ่มยิง


Voice TV นำเสนอรายงานข่าวเรื่อง ฟังอีกรอบ ศอฉ.แจงแนวทางพลซุ่มยิง ว่า ในการเข้าชี้แจงของพันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ. นั้น มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ มีการตั้งประเด็นคำถามเกี่ยวกับการแถลงข่าวของ ศอฉ.ในขณะนั้น  ที่ขัดแย้งกับคำให้การของพลซุ่มยิง 2 นาย ที่ย่านบ่อนไก่  โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการใช้กระสุนซ้อมหรือกระสุนจริงในการปฎิบัติหน้าที่  วอยซ์ทีวีจึงนำคลิปการชี้แจงของพันเอกสรรเสริญต่อกรณีนี้มาให้ชม

ไต่สวน 6 ศพวัดปทุมฯ พยานชี้ชุดพรางพยายามฆ่ายิงลงมาจากรางรถไฟ

ประจักษ์พยานยัน ผู้ชุมนุมที่มารวมกันอยู่บริเวณวัด ไม่มีใครมีอาวุธหรือต่อสู้ เชื่อชายชุดพรางที่ยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้าเป็นเจ้าหน้าที่ และเป็นการพยายามฆ่า
ข่าวสดรายวัน รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 55 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิต ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของ นายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1, นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เสียชีวิตที่ 2, นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เสียชีวิตที่ 3, นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4, น.ส.กมนเกด ฮัคอาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้เสียชีวิตที่ 5, และนายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง ผู้เสียชีวิตที่ 6 โดยทั้ง 6 ศพ ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยพนักงานอัยการนำประจักษ์พยานเข้าเบิกความรวม 2 ปาก คือ นายเพิ่มสุข ใจเย็น เบิกความสรุปว่า เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในเดือนพ.ค.2553 ที่แยกราชประสงค์ โดยพักอยู่ที่เต็นท์หน้าโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ในวันที่ 19 พ.ค.2553 ได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางสวนลุมพินี ขณะที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม แล้วบอกให้ทุกคนกลับบ้าน โดยใช้เส้นทางแยกเฉลิมเผ่าไปยังสนามกีฬาแห่งชาติ หรือให้ไปหลบภายในวัดปทุมฯ เพราะเป็นเขตอภัยทาน
นายเพิ่มสุขเบิกความว่า หลังจากนั้นจึงขับรถมาจอดไว้บริเวณทางเข้าวัดปทุมฯ ตอนนั้นมีมวลชนจำนวนมากเข้ามาหลบในวัด ส่วนตนและมวลชนบางส่วนยืนอยู่หน้าวัด กระทั่งเห็นนายอัฐชัยผู้เสียชีวิตที่ 2 ยืนอยู่บริเวณตอม่อรถไฟฟ้าเตรียมจะวิ่งเข้ามาภายในวัด แต่ขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น วิถีกระสุนมาจากที่สูง แต่ไม่เห็นตัวคนยิง จึงตะโกนบอกนายอัฐชัยว่าอย่าเพิ่งวิ่งข้ามมา ไม่นานก็เห็นนายอัฐชัยถูกยิงเข้าที่หน้าอกล้มลง ก่อนจะมีคนเข้าไปช่วยเหลือนำเข้ามาในวัด ขณะนั้นนายอัฐชัยยังไม่เสียชีวิต พยาบาลอาสาปั๊มหัวใจ แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
"ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง ผมหลบอยู่ข้างรถพร้อมกับคนอื่นๆ และได้ยินเสียงตะโกนสั่งว่าให้ออกมา ผมเชื่อว่าเป็นเสียงของเจ้าหน้าที่ เพราะมองขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าจะเห็นคนใส่ชุดลายพรางถือปืนเล็งลงมา ผมกลิ้งตัวหลบกระสุนแต่ก็ถูกยิงบริเวณก้น และโคนขา เช่นกัน จนถึงตอนนี้ผมยังเชื่อว่าการยิงลงมาเป็นการพยายามฆ่า เพราะผมก็ไม่ได้มีอาวุธหรือต่อสู้ ผู้ชุมนุมที่มารวมกันอยู่บริเวณวัด ไม่มีใครมีอาวุธ" พยานคดี 6 ศพวัดปทุมฯ เบิกความ
ขณะที่นายจักรพงษ์ พนาสิริวรภัทร์ เบิกความสรุปว่า รู้จักกับนายอัฐชัย ผู้เสียชีวิตที่ 2 เพราะเรียนหนังสือด้วยกันที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมชุมนุมมาตั้งแต่เดือนมี.ค.2553 มีหน้าที่เป็นการ์ดนปช. ดูแลบริเวณด้านข้างของเวทีชุมนุม แยกราชประสงค์ ในวันที่ 19 พ.ค.2553 ยังทำหน้าที่การ์ดตามปกติ ช่วงบ่ายเริ่มได้ยินเสียง ปืนมาจากทางสวนลุมฯ จากนั้นไม่นานแกนนำประกาศยุติการชุมนุม ตนกับนายอัฐชัย พร้อมด้วยเพื่อนอีกคน พากันเดินไปทางแยกมาบุญ ครองเพื่อจะกลับบ้าน แต่ได้ยินผู้ชุมนุมคนอื่นบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านออกไป จึงพากันกลับมาที่วัดปทุมฯ ขณะนั้นเสียงปืนดังมาจากแยกเฉลิมเผ่า และไม่เห็นว่าใครยิง
นายจักรพงษ์เบิกความต่อว่า จากนั้นเวลา 17.00 น. มีคนบอกว่าให้ข้ามไปอยู่ฝั่ง ร.พ.ตำรวจ จะปลอดภัยกว่า พวกเราตัดสินใจจะข้ามไป ปรากฏว่ามีเสียงปืนดังขึ้น จึงหมอบลงกับพื้น ส่วนนายอัฐชัยวิ่งอยู่บนเกาะกลางถนนใต้รางรถไฟฟ้า จังหวะนั้นได้ยินเสียงคนตะโกนว่ามีคนถูกยิง เมื่อหันไปดูพบว่าเป็นนายอัฐชัย ก่อนมีคนช่วยเหลือนำเข้าไปในวัด จนกระทั่งนายอัฐชัยเสียชีวิต จึงโทรศัพท์แจ้งให้พี่สาวนายอัฐชัยทราบ แม้ไม่เห็นว่าใครเป็นคนยิง แต่ระหว่างที่วิ่งหลบกระสุนอยู่ เห็นคนแต่งกายชุดลายพรางอยู่ตรงแยกเฉลิมเผ่า และถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นการ์ดนปช. แต่ทุกคนไม่พกอาวุธ และไม่ได้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ย. เวลา 09.00 น. เพื่อหารือกับทนายและอัยการ เพื่อพิจารณาร่วมกันว่าจะนำพยานปากไหนเข้าเบิกความ เนื่องจากมีพยานเป็นจำนวนมาก หากพยานปากไหนที่ไม่สำคัญ ก็อาจจะตัดออกไป เพื่อให้การไต่สวนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว


Read more: http://kunginternews.blogspot.com/2012/09/53.html#ixzz25uEbjWHj

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง