บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

“นิวไทยแลนด์” ขับเคลื่อนไอเดีย “ทักษิณ



พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “นิ่ง” ไป 4 เดือน ในโลกออนไลน์ แต่เมื่อ รัฐมนตรี-สายตรง ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เปิดไพ่ไอเดีย “นิวไทยแลนด์” ด้วยโครงการเกือบ 1 ล้านล้านบาท ทวิตเตอร์ชื่อ ThaksinLive ของ Thaksin Shinawatra ก็กลับมาโลดแล่น

24 ชั่วโมงหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กางสำรับโครงการลงทุน ระยะสั้น-กลาง-ยาว หลังน้ำท่วม 8 แสนล้านบาท

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 ปรากฏข้อความของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ที่ก้าวหน้า-ก้าวข้าม แผนการในเมืองไทยไปหลายช็อต 12 ข้อความต่อเนื่อง มีนัยทาง การเมือง และส่งผลต่อแผนการ”นิวไทยแลนด์” นโยบายของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ที่ส่งผ่านทวิตเตอร์ แจ่มชัด สามารถนำไปแปลงเป็นแผนงาน-โครงการ ลงสู่ระดับปฏิบัติการท่ามกลางความงุนงงของ รัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ

“พ.ต.ท.ทักษิณ” กล่าวว่า “สวัสดีครับ หายไปนาน ไม่ได้ทวีตมาเลย วันนี้ขออนุญาตส่งความห่วงใยมายังทุก ท่านที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้งทางตรงและทางอ้อม ความจริงผมแอบทำงานอยู่ห่าง ๆ”

“ช่วงนี้ผมยังคงเดินทางเช่นเดิม แต่ก็ตรวจสอบข่าวคราวเหตุการณ์บ้านเมืองตลอด มีอะไรช่วยทำช่วยแนะนำก็ทำ ไป แต่ก็ต้องยอมรับว่า เป็นอุทกภัยที่หนักที่สุด”

“การฟื้นฟูครั้งนี้เป็นความท้าทายของคนไทยทั้งประเทศ เพราะปัญหาใหญ่กว่า กินวงกว้างกว่า และยาวนานกว่า สึนามิที่ภาคใต้ เราจึงต้องร่วมมือร่วมใจกันครับ”

“ผมได้ให้กำลังใจทุกคนไปว่า ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส วิกฤตคราวนี้ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้คนไทยได้หันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาและฟื้นฟูประเทศ”

“และจะเป็นโอกาสให้เราได้แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งถาวรเสียที เพราะเราเสียงบประมาณจำนวนมากแก้ปัญหาและเยียวยาแบบเฉพาะหน้า เฉพาะกิจ ครั้งแล้วครั้งเล่า”

“ถ้าท่านจำกันได้ ตอนปี 2548 ผมเคยมีโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่เชิญต่างประเทศมาลงทุนให้ก่อน แล้วผ่อนเป็นสินค้าเกษตร ซึ่งมีเรื่องน้ำรวมอยู่ด้วย แต่…”

“ผมถูกปฏิวัติเสียก่อน เหตุการณ์ครั้งนี้เราเสียหายร่วมกัน ทั้งภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาครัฐเฉพาะทางตรงน่าจะร่วม ๆ สองแสนล้านบาท แต่ก็อยากให้สบายใจ”

“ว่าหาเงินมาแก้ปัญหาได้ ผมได้ คุยกับท่านนายกฯและผู้รู้หลายท่านรวมทั้งรัฐบาลหลายประเทศถึงแนว ทางการฟื้นฟูครั้งนี้ว่า ควรจะทำกันอย่างไรจะช่วยกัน”

“ทำอย่างไรจะทำให้เขามั่นใจที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศจะไม่หนีจากเรา เชื่อว่าท่านนายกฯคงจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ก่อนไปประชุมเอเปก”

“เพราะต้องถูกถามและต้องไปบรรยายให้นักธุรกิจฟัง น้ำท่วมครั้งนี้ถ้าเราไม่ช่วยกันกอบกู้ความน่าเชื่อถือประเทศกลับคืนมาอนาคตจะลำบากมาก เราต้องเร่งแก้”

“สิ่งที่ทำความเสียหายแก่ประเทศกลับคืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความ ขัดแย้งทางการเมือง การขาดหลักนิติธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย การแทรกแซงประชาธิปไตย”

“แน่นอนครับ เราต้องเร่งฟื้นฟูและเยียวยาทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบทั้งภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่ผ่านมา”

จากนั้นห้องประชุมคณะรัฐมนตรีที่เมืองไทยก็ “รับลูก”

น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งหัวโต๊ะ ในวาระการประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผน แก้น้ำท่วมทั้งระบบ และแผนการฟื้นฟูแก้ไขปัญหาประเทศระยะยาวภายหลังน้ำลดภายใต้แนวคิด “นิวไทยแลนด์” โดยมีนายพิชัย รมว.พลังงาน นั่งเป็น “มือขวา”

น.ส.ยิ่งลักษณ์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ความจริงคือโครงการแก้ไขปัญหาน้ำอย่างถาวร โดยจะมีการศึกษาใน รายละเอียดและประกาศตัวเลขงบประมาณที่ต้องใช้อย่างชัดเจน แต่เบื้อง ต้นงบประมาณที่จะใช้ในการเยียวยาอย่างเร่งด่วนคือ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงบฯบูรณาการโครงการ 25 ลุ่มน้ำ หรือโครงการระยะถาวร”

ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลังของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รับแผนไปปฏิบัติเป็น “แผนก่อหนี้” ในร่างกฎหมายกู้เงินทันที

โดย นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุลผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แจกแจงว่า สบน. เตรียมร่างกฎหมายกู้เงินเตรียมพร้อมไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินในรูปแบบใด เพื่อรองรับแผนกู้เงินเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูระบบน้ำภายหลังน้ำท่วม

ความเป็นไปได้มีทั้งรูปแบบการออกพระราชกำหนด เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายใน 45 วัน หรือจะเป็นรูปแบบการใ ช้เงินลงทุนระยะ 3-5 ปี โดยออกเป็นพระราชบัญญัติ รอเพียงให้หัวหน้ารัฐบาล-รมว.คลัง ตกลงตัวเลขและกรอกจำนวนเงินเท่านั้น

แหล่งเงินกู้ที่เข้าแถวรอประเทศไทย ในฐานะลูกค้าชั้นดี มีทั้งไจก้า-เอดีบี และแหล่งเงินกู้สถาบันการเงินในประเทศ โดยอาศัยความตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184-185 ที่กำหนดว่า รัฐบาลสามารถออก พ.ร.ก.กู้เงินได้เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ หรือป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ และมีความจำเป็นฉุกเฉินที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

สำนักบริหารหนี้คำนวณว่า หากกู้อีก 8 แสนล้านบาทใช้แก้ปัญหาน้ำท่วม จะทำให้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 50% ของจีดีพี ซึ่งอยู่ในวิสัยที่สามารถบริหารจัดการได้

ขณะที่ “ผู้นำสาร” จาก “พ.ต.ท.ทักษิณ” มาเผยแพร่ อย่าง “พิชัย” ให้รายละเอียดเพิ่มเติม หมายมั่นปั้นมือ จะทำโครงการ “นิวไทยแลนด์” ว่า แนวทางการฟื้นฟูหลังน้ำลด จะนำโมเดลประเทศต่าง ๆ ที่เคยประสบอุทกภัยมาศึกษา เช่น มณฑลเสฉวนของจีน, สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, พม่า และอาเจะห์ นำมาปรับใช้กับไทย

เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 1.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ถูกเก็บอยู่ในธนาคารแห่งประเทศไทยถูกอ้างถึง ว่าอาจจะนำมาใช้ใน “นิวไทยแลนด์” บางส่วน

นายพิชัยยืนยันว่า “รูปแบบการฟื้นฟูนั้นจะนำมาดูในทุกด้าน เช่น ท่อส่งน้ำมัน และแลนด์บริดจ์ ระบบป้องกันน้ำท่วมของนิคมอุตสาหกรรม และในอนาคตหากจำเป็นต้องแก้กฎหมายใดที่เป็นอุปสรรคต่อการทำโครงการนิวไทยแลนด์ก็ต้องแก้ไข และใช้วิธีคิดนอกกรอบ เพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนให้ได้ โดยต้องว่าจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศมาช่วยเสนอแนวคิดและโมเดลต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับการพัฒนาไทยด้วย”

ไอเดียถูกขยายเป็นการตั้งคณะกรรมการถึง 3 ชุด คือชุดที่ 1 ต่อสู้น้ำ ชุดที่ 2 ฟื้นฟูประเทศระยะสั้น 1 ปี และชุดที่ 3 ปรับปรุงประเทศระยะยาว โดยให้ปรับวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาส ซึ่งหากพบว่าไปติดขัดกฎระเบียบหรือข้อกฎหมายใด ๆ ก็จะดำเนินการ

วาระวงเงินที่จะนำมาใช้ในระยะสั้นมีเงิน 130,000 ล้านบาท โดย 50,000 ล้านบาท มาจากการขาดดุลงบประมาณประจำปี 2555 เพิ่มเติม และอีก 80,000 ล้านบาท มาจากที่แต่ละกระทรวงตัดงบประมาณลง 10%

แนวคิดการบริหาร “เงิน” ของแบงก์ชาติถูกแปรรูป เปลี่ยนแนวคิด เพื่อหาเงิน 600,000-800,000 ล้านบาท โดยอาจใช้วิธีการออกพันธบัตรและให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็น ผู้ซื้อด้วยการแก้ไขข้อกฎหมายให้ ธปท. จะซื้อพันธบัตรในประเทศได้

ทุกองคาพยพในรัฐบาลเพื่อไทยขับเคลื่อน-ควบคู่ ใน-นอกประเทศ เพื่อไป สู่แผน “นิวไทยแลนด์”

ด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ มี นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ประกาศกับคณะทูตานุทูตกว่า 80 ประเทศว่า จะมีการเสนอ ครม.ออก พ.ร.บ.เงินกู้ 6 แสนล้านบาท เพื่อนำมาปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

เงินลงทุน 8 แสนล้าน กับการลงทุนแก้กฎเหล็กของธนาคารชาติกำลังจะเริ่มขึ้น ด้วยการอ้างถึงภาวะ “วิกฤตน้ำท่วม

Talkstory



อ่านบทวิเคราะห์นิวไทยแลนด์



จริงในลวง ลวงก่อนรบจริง"

ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของรัฐบาลที่ออกมาในทิศทาง "ลบ"มากกว่า "บวก" สืบเนื่องมาจากการบริหารจัดการ "วิกฤติน้ำท่วม" ครั้งประวัติศาสตร์รอบนี้ กำลังส่งผลกระทบต่อสภาวะความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล มีต่อนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากขึ้นตามลำดับและดูจะยืดเยื้อ เรื้อรัง
จนมีแนวโน้มว่าปัญหาการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมอย่างรุนแรง รอบนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลายลงไปโดยเร็วแล้ว
ยิ่งเมื่อผนวกกับ "ความขัดแย้ง" ระหว่าง "รัฐบาล-กทม." ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของการเมืองต่างขั้ว ได้เพิ่มระดับดีกรีมากขึ้นแล้ว
ดูจะเป็นไปได้ว่า "แรงเสียดทาน" ในทางการเมืองที่เคยสร่างซาลงไปก่อนหน้านี้ ย่อมกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ผ่านทั้งเกมในและนอกสภา
การใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรของทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล ไปจนถึงสมาชิกวุฒิสภา เพื่อตรวจสอบ ซักฟอกและ "เปิดโปง" ปมปัญหาและข้อผิดพลาดจากการบริหารของทั้งรัฐบาลและกทม. ตลอดทั้งสามวันที่ผ่านมา
ภายใต้วาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ในวาระแรกนั้น สามารถสะท้อนให้เห็นได้ถึงเกมรุกและรับของแต่ละฝ่ายได้ในระดับหนึ่งว่า ต่างฝ่ายต่างเตรียมตัวกันมาเป็นอย่างดี




ทั้งที่วาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ เมื่อวันที่ 9-10 พ.ย.นั้นถือเป็นเพียงรายการ "เรียกน้ำย่อย" ก่อนถึงวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรี ในสมัยประชุมหน้า ซึ่งอาจส่อเค้าลางว่า "ความร้อนแรง" เกมในสภา ณ ห้วงเวลาดังกล่าวย่อมดุเดือดอย่างยิ่ง !!
ฉะนั้นด้วยเหตุที่ในเวลานี้ดูจะมีความชัดเจนว่า "รัฐบาล" ของนายกฯยิ่งลักษณ์ กำลังเผชิญหน้ากับศึกรอบด้าน ทั้งจากการตรวจสอบ เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม ผสมกับความไม่พอใจของบรรดาประชาชนที่กลายเป็น "ผู้ประสบภัย"
ยังไม่นับรวมกับความวุ่นวายจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มและขั้วการเมืองภายในพรรคเพื่อไทยที่ยื้อแย่งสิ่งของบริจาคภายในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพื่อตอบสนองต่อ "ฐานเสียง" ในพื้นที่ของตัวเองกันชนิดไม่มีใครยมถอยให้ใคร
ถึงแม้ใน "ภาพย่อย" ภายในพรรคเพื่อไทยเอง จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และชุลมุนปั่นป่วนกันเองก็ตาม ทว่าใน "ภาพรวม" ฐานะที่พรรคเพื่อไทย คือแกนนำรัฐบาลย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยง "ผลกระทบ" ที่เกิดขึ้นไปได้  และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
แม้ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้จะมีเสียงเล็ดรอดดังออกมาเป็นระยะๆ ว่าหากมีการ "ปรับครม."จริงๆแล้ว ย่อมไม่ใช่เฉพาะแค่รัฐมนตรีในโควต้าพรรคเพื่อไทยเพียงเท่านั้น ที่อยู่ใน "กลุ่มเสี่ยง" หากแต่ยังมีรายชื่อรัฐมนตรีจาก "พรรคร่วม" จากพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคชาติพัฒนา มีชื่อติดโผด้วยอีกต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็นการ "ปรับครม." เพื่อลดแรงเสียดทานจาก "ภายนอก" หรือเพื่อ "สบช่อง" ยึดคืนในบางกระทรวงจากพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อนำมาบริหารจัดการเสียเองหรือไม่ก็ตาม
อย่างไรก็ดีมีความน่าสนใจว่ากระแสข่าวการปรับครม.ที่มีขึ้นเป็นระยะ ๆสลับกับเสียงโจมตีที่ดังกระทบเข้าใส่รัฐบาลและตัวนายกฯยิ่งลักษณ์ ครั้งแล้วครั้งเล่านั้น
แท้ที่จริงแล้วอาจมีความน่าสนใจ มากกว่าที่เห็นอยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะในสายตาของ "ฝ่ายตรงข้าม" ทั้งฝ่ายค้านและสว.บางกลุ่ม ซึ่งคาดหวังที่จะได้เห็น "การเปลี่ยนแปลง" คาดหวังที่จะได้เห็น "การเปลี่ยนตัว" ในบางตำแหน่งที่ถูกประเมินว่า "ทำงานไม่เข้าเป้า" นั้น
ในเบื้องลึกแล้ว "นัยยะ" และ "เป้าหมาย" ต่อการตัดสินใจเลือก "ปรับครม." ของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ "เจ้าของครม." ตัวจริง ย่อมต้องเล็งเห็น "ผลประโยชน์"ที่คุ้มค่า คุ้มทุนในช็อตต่อไปหลังน้ำลด ที่ยาวไกล
การตั้งข้อสังเกตุของหลายต่อหลายฝ่ายที่มองว่า หากเชื่อว่าเวลานี้นายกฯยิ่งลักษณ์ กำลังเผชิญหน้ากับ "มรสุมลูกใหญ่" แล้วนั้น อาจถูกต้องเพียงบางส่วนเท่านั้น
เพราะ "วิกฤติใหญ่" ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาหลังน้ำลด สภาพบ้านเมืองเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นความวุ่นวายและความขัดแย้งในทางการเมืองรอบใหม่ ที่รออยู่เบื้องหน้า !
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ "งานใหญ่" ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้อง พัวพันกับ "การกลับมา" ของอดีตนายกฯทักษิณ ยังแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยทั้งสิ้น
ทั้งปมประเด็นว่าด้วยเรื่องของการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ - การนิรโทษกรรม และล่าสุดคือการรื้อ พ.ร.บ.กลาโหม 2551 เพื่อลดทอน "อำนาจ" ออกจากมือ "บิ๊กทหาร" ในกองทัพ ถ่ายเทกลับมาอยู่ในมือของ "ฝ่ายการเมือง"
ทุกประเด็นร้อนที่ว่านี้ ต่างมีอันต้องหยุดชะงักไปโดยปริยายเมื่อ รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 1" จำใจต้องวางมือจากเรื่องราวทางการเมือง เพื่อหันมา "สู้" กับวิกฤติน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
แต่นั่นย่อมไม่ได้ทำให้ "ธง" ที่เคยปักเอาไว้มีอันต้อง "ยุติ" ลงไปด้วยแต่อย่างใด ดังนั้นการปรับครม.จะมีขึ้นจริงหรือไม่นั้น แท้ที่จริงแล้วอาจเป็นเพียง "เกม" หนึ่งเกมบนกระดาน
เพื่อยุติและเริ่มต้น "เกมใหม่" เพื่อยุติ "แรงเสียดทาน" รอบด้านที่โหมเข้าใส่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด เพื่อ "เปลี่ยนตัวเล่น" ปลดระวางรัฐมนตรีแถวบีและแถวซี ในขณะนี้ให้ม้วนเสื่อกลับบ้าน
จากนั้นเปิดทางให้ "ผู้เล่นเกรดเอ" ที่กระจายกันอยู่ในบ้านเลขที่ 111 และ "คนนอก" ที่รอต่อคิว ร่วมขบวน "ยิ่งลักษณ์ 2" ได้เข้ามาทำหน้าที่ต่อไปแทน
นั่นจึงเท่ากับว่า งานนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถลดทอนแรงเสียดทาน "ภายนอก" จากสังคมได้เท่านั้น หากแต่จากปัญหาและความเชื่อมั่นที่ลดถอยลงของรัฐมนตรีในบางกระทรวง ได้กลายเป็น "ความชอบธรรม" ที่ "สยบแรงต้าน" ภายในพรรคได้ในระดับหนึ่ง
เมื่อ "ตัวผู้เล่น" ที่อยู่ในข่ายเสี่ยง มีโอกาสที่จะต้อง "ออกจากสนาม" สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือการสามารถ "ตัดวงจร" การตรวจสอบจากฝ่ายค้านไปได้โดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ไปจนถึงการยื่นถอดถอนรัฐมนตรี ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ "อำนาจ" ในมือของพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงน้อยนิด
ขณะเดียวกันยังมีการตั้งข้อสังเกตุล่าสุดว่า การปรับครม.หากจะมีขึ้นจริงหรือไม่นั้น ยังต้องรอดูกันในช็อตต่อไปว่า "งานใหญ่" ในแต่ละเรื่องที่เกี่ยวข้องโยงใยกับการกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรมนั้น "คืบหน้า" ไปถึง "ขั้นตอนใด"
ยิ่งปมประเด็นร้อนแรงทั้งหลายทั้งปวง เดินหน้าเข้าใกล้กับ "ความเป็นจริง" มากเท่าใด ควบคู่ไปกับการเผชิญหน้ากับ "แรงต้าน" รอบด้านจากฝ่ายตรงข้ามแล้ว
ยิ่งเป็นไปได้ว่าครม. "ยิ่งลักษณ์ 1" อาจต้องแบกรับกับสภาพที่ไม่ต่างไปจาก "หนังหน้าไฟ" ไปอีกพักใหญ่  ก่อนที่เกมใหม่ จะถูกเปิดขึ้น ผ่านการปรับครม. ไปสู่ "ยิ่งลักษณ์ 2" เพื่อเปิดหน้าผู้เล่น "ตัวจริง" บนกระดานในลำดับต่อไป !!
ทีมข่าวคิดลึก.
สยามรัฐ

"ทักษิณ"ไฟเขียวโผมหาดไทย แต่งตั้ง 40 เก้าอี้เข้าครม.วันนี้

มท.เสนอแต่งตั้งโยกย้าย 40 ตำแหน่งเข้าครม.วันนี้ หลัง “ยงยุทธ” ส่งรายชื่อให้ “ทักษิณ” เคาะเบ็ดเสร็จ ไม่เด้ง “วิบูลย์-อธิบดีกรมป้องกันฯ” หลังทำผลงานถุงยังชีพถูกใจเพื่อไทย ส่วนด้าน “เด็กเนวิน” โดนย้ายระนาวตามคิว ทั้งผวจ.ปากน้ำ-สุรินทร์-โคราช-บุรีรัมย์ ขณะที่ ผว.เชียงใหม่ “มล.ปนัดดา” ยังเหนียวนั่งที่เดิม
     ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า ในวันอังคารที่ 15พ.ย.นี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะนำเสนอบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 หรือบริหารสูงเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ภายหลังจากนายยงยุทธ และทีมงานฝายการเมืองได้นำบัญชีแต่งตั้งดังกล่าวไปหารือและถามความเห็นนักการเมืองในพรรคเพื่อไทย โดยจะมีการโยกย้ายเกือบ 40 ตำแหน่ง ท่ามกลางกระแสข่าวว่า รายชื่อหลายตำแหน่งหลักพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้รับทราบและเห็นด้วยแล้ว
     โดยตำแหน่งที่สำคัญประกอบไปด้วย นาย สุรพล พงษ์ทัดศิริกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (รป.มท.) ย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) หลังจากก่อนหน้านี้นาย เสนาะ เทียนทอง และนายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย กำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพยายามผลักดันให้นายสุรพล ไปเป็นอธิบดีกรมป้องกันฯหลังก่อนหน้านี้เพิ่งผลักดันให้เป็นประธานบอร์ดการประปาส่วนภูมิภาค
     แต่ปรากฏว่าหลังเกิดปัญหาเรื่องการจัดซื้อถุงยังชีพและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลายเรื่องเช่น ถุงยังชีพ เรือ ว่ามีความไม่โปร่งใส ทำให้ฝ่ายการเมืองเกิดความลังเลใจในการเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมป้องกันจากนายวิบูลย์ ที่นายยงยุทธก็เพิ่งเสนอชื่อเป็นประธานบอร์ดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไปเพื่อเป็นการให้รางวัลที่ทำงานเรื่องน้ำท่วมเป็นที่พอใจของรัฐบาล  เนื่องจากหากเด้งนายวิบูลย์เป็นคนอื่นเพราะเกรงจะมีข้อครหาว่าเชือดแพะ
     อีกทั้งนายสุรพลเองก็ไม่ต้องการเข้าไปรับเผือกร้อนหลังกรมป้องกันฯมีปัญหาถูกร้องเรียนการทุจริตจำนวนมาก จนทำให้โผสลับไปมาหลายรอบ เพราะรัฐบาลและศปภ.ก็ไม่ต้องการเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมป้องกันฯเวลานี้เพราะจะกระทบกับงานด้านการดูแลปัญหาน้ำท่วม
     นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจะโดนย้ายเข้ามาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นคนของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ขณะที่นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย (ผต.มท.) ได้รับการเสนอแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแทน
     ขณะที่นาย ชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย จะย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม หลังเจ้าตัวแสดงความจำนงเองอีกทั้งสาย”สะสมทรัพย์”ของนาย เผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน หัวหน้าทีมเลือกตั้งนครปฐมก็สนับสนุน
     ด้านผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นครราชศรีมา น้องรักเนวิน ชิดชอบ สายภูมิใจไทยจะถูกเด้งเข้ากรุไปตบยุงอยู่ที่เก้าอี้ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ที่ถือเป็นการลดชั้นอย่างมาก
     ที่น่าสนใจคือนาย เชิดศักดิ์ ชูศรี ผวจ.สมุทรปราการ ที่เติบโตสมัยพรรคภูมิใจไทย ก็ถูกเด้งเข้ากรุไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย หลังก่อนหน้านี้นายเชิดศักดิ์  พยายามล็อบบี้นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยสายปากน้ำทั้งนายประชา ประสพดี และนายประเสริฐ เด่นนภาลัย เพื่อขออยู่ต่อเพราะ สมุทปราการเป็นจังหวัดใหญ่มีงบประมาณมาก แต่ไม่สำเร็จ
     โดยคนที่จะเป็นแทนคือนาง วนิดา บูญประคอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ที่จะไปนั่งแทน เช่นเดียวกับนายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.สุรินทร์ เด็กปั้นนายเนวิน  ที่ก่อนหน้านี้สมัยเลือกตั้งเคยถูกร้องเรียนนาย ชัย ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย จนกกต.เสนอให้กระทรวงมหาดไทยสอบสวนข้อเท็จจริง ก็จะถูกเด้งเข้ากรุไปอยู่ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเช่นกัน ส่วนผวจ.บุรีรัมย์ คือนายธานี สามารถกิจ ก็จะถูกเด้งเข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเช่นกัน
      ทำให้เห็นชัดว่าบิ๊กมหาดไทยทั้งอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด สายนาย เนวิน ชิดชอบ เกือบทั้งหมดโดนเด้งออกจากตำแหน่งหลักหมด ทั้งนายขวัญชัย-นายระพี ผวจ.นครราชสีมา-นาเชิดศักดิ์ ผวจ.สมุทรปราการ –นายเสริม ผวจ.สุรินทร์- นายธานี ผวจ.บุรีรัมย์เป็นต้น
     ขณะที่นาย ชวน ศิรินันท์พร ผวจ.แพร่ เป็นผวจ.นครราชสีมาแทน หลังได้แรงหนุนจากนายยงยุทธ รมว.มหาดไทย รุ่นพี่สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ส่วนนาย คมสัน เอกชัย ผวจ.อุดรธานี ย้ายไปนั่ง ผวจ.ชลบุรี ท่ามกลางกระแสข่าวว่าได้แรงหนุนจากพล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ส่วนนาย วิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ชลบุรี จะถูฏย้ายไปนั่งเป็นผวจ. จันทบุรี แทนผวจ. จันทบุรีที่เกษียณอายุราชการ
     ในส่วนของภาคใต้ นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช ย้ายไปเป็นผวจ.สงขลา โดยมีนาย วิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.กาฬสินธุ์ ย้ายไปดำรงตำแหน่งแทน นาย โยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผวจ.อุตรดิตถ์ไปดำรงตำแหน่ง ผวจ.เพชรบุรี
     ส่วนม.ล.ปนัดดา ดิสกุล ผวจ.เชียงใหม่ ที่มีข่าวจะถูกเด้งมาตลอด ปรากฏว่าฝ่ายการเมืองเห็นแล้วว่าควรให้อยู่ต่อ จึงไม่มีการย้ายแต่อย่างใด

“เจอตอ”แล้วพี่น้องงง…

       
“เจอตอ”แล้วพี่น้องงง…
ผู้ถือหุ้น หจก.พูนเจริญพาณิชย์ที่ขายถุงยังชีพให้รัฐบาล
 มีคน “นามสกุลเดียวกับ” อดีตรองเลขาธิการ
พรรคเพื่อไทยชุดแรกจ้าาา !


เมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๒ พ.ย.๕๔ ผมเขียนเรื่อง “สื่อเครือเนชั่น” ต้องทำความจริงให้ปรากฎ…วันนี้ เหลือ “สื่อมืออาชีพ” ไม่กี่ฉบับ.. สาวให้ถึงสืบให้ได้ “ผู้ถือหุ้นบริษัทห้องแถว” ที่นักการเมืองและข้าราชการอ้างถึง !
        สาระ ของเรื่องมาจากการรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก และ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ถึงการตั้งข้อสังเกตของนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถึงการจัดซื้อสิ่งของสำหรับบรรจุถุงยังชีพของรัฐบาลว่า ไม่ชอบมาพา
        โดยทิ้งท้ายไว้ตอนหนึ่งว่า ผมจึงหวังว่าสื่อในเครือเนชั่นคงจะหา “ข้อมูล” เกี่ยวกับร้านค้าทั้งสองแห่งนี้จากกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์มาเปิดเผยให้ประชาชนทั้งประเทศได้ ทราบนะครับว่า
          ธุรกิจที่ทำการค้ากับรัฐบาลนี้ มีใครถือหุ้น และโยงใยไปถึงนักการเมืองคนไหนในพรรคการเมืองใดบ้าง ?
         แม้วันนี้จะยังไม่มีความคืบหน้าจากสื่อเครือเนชั่นในเรื่องดังกล่าว จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ก็มีความคืบหน้าในเรื่องนี้จากหนังสือพิมพ์มติชน( ๑๔ พ.ย.๕๔) ครับ เป็นรายงานเรื่อง
        พิรุธจัดซื้อจัดจ้าง “ปภ.” แกะรอย ๒ บริษัทรับเหมา วันที่ “ถุงยังชีพ” ส่งกลิ่น
        สาระสำคัญของรายงานชิ้นนี้ไม่ต่างจากข่าวของเครือเนชั่น ที่พูดถึงการโทรศัพท์ไปตรวจสอบการทำธุรกิจของ หจก.พูนเจริญพาณิชย์ แล้วไม่มีคนรับสาย จึงโทร.ไปที่หมายเลข ๐ – ๒๘๘๙-๓๖๒๘ ที่ปรากฎในเว็บไซด์ของ หจก.พูนเจริญ ปรากฎว่ามีเสียงตอบรับอัตโนมัติระบุว่า
        “สวัสดี ค่ะ ห้างหุ้นส่วนจำกัดพูนเจริญพาณิชย์กด ๑ บริษัทเติมคอร์ปเรชั่น กด ๒ ส่งแฟกซ์ กด ๓ ติดต่อโอโปอเรเตอร์ กด ๐ ค่ะ” แต่ไม่มีใครรับสาย มติชนตรวจไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า หจก.พูนเจริญ ระบุจำหน้าพลาสติก-ค้าปลีก , บริษัทเติมฯประกอบกิจการย่อยเศษพลาสติกทั้งสองบริษัทมี นายบุญเติม โนนจันทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการ
        หลังจากนั้น มติชนสอบงบการเงินบริษัทเอกชนที่ประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อถุงยังชีพ ๕ ปีย้อนหลัง พบว่า หจก.เอื้อธนพัฒน์ ขาดทุนติดต่อกัน ๕ ปีมีเงินหมุนเวียนแต่ละปีเพีง ๑ ล้านบาท
        มติชนตั้งข้อสังเกตว่า แต่กลับสามารถจัดหาถุงยังชีพให้กับ ปภ.จำนวน ๔ หมื่นถุง มูลค่า ๓๒ ล้านบาท ภายใน ๗ วันตามใบสั่งซื้อของ ปภ.ได้
        และแล้ว มติชนก็หาคำตอบให้ผมจนได้ เมื่อตรวจสอบไปที่ หจก.พูนเจริญทรัพย์ ที่จัดหาถุงยังชีพให้ ปภ.จำนวน ๖ หมื่นถุง มูลค่า ๔๘ ล้านบาท
        มติชนรายงานว่า “แต่ สิ่งที่น่าสนใจกลับเป็นรายชื่อผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคือ น.ส.พุฒมาลย์ ศรีสันต์ เพราะมีนามสกุลเดียวกับ นายสามชาย ศรีสันต์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยชุดแรก ( ๒๐ ก.ย.๒๕๕๐ – ๒๐ ก.ย.๒๕๕๑)
        ใน รายงานชิ้นเดียวกัน มติชนเผยรายชื่อคณะกรรมการตรวจรับพัสดุจาก ปภ.๓ คนคือ นายภูมิชาย อินทรวิเชียร , นายปิยะ วงศ์ลือชา และ นายฉัตรป้อง ฉัตรภูมิ รองอธิบดี ปภ.ครับพ่อแม่พี่น้องงงง
        แปลว่า การสูบน้ำที่ท่วมขังใน กทม.ของ ศปภ.และ กทม.ประสบความสำเร็จแล้ว ทำให้เห็น “ตอ” โผล่มาจนได้
        ส่วนตอนี้จะไปทิ่มใครบ้างคงต้องติดตามตอนต่อไปครับ เพราะงานนี้ ป.ป.ช.ได้ยืนมาเข้ามาตรวจสอบแล้วครับ

  โดย blogger  

มัจจุราชที่มากับน้ำท่วมน้ำขัง

มัจจุราชที่มากับน้ำท่วมน้ำขัง โดย ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ

ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ
ราชบัณฑิต



หน้าฝนปีนี้ น้ำดีเกินไป มีพายุหลายลูก ลูกสุดท้ายกระหน่ำเช้ามา น้ำท่วมขังหลายจังหวัดในภาคกลางลุ่มเจ้าพระยา ล่มไปเยอะ ในกรุงเทพเองเจอน้ำทะเลหนุนในปลายเดือนตุลาคม ถึงวันนี้ต้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว กำลังหมดท่า กรุงเทพมหานครชั้นในล่มแน่ๆ การทำงานหลายหน่วยงานประสานงานกันแบบที่รู้ๆ กันนั่นแหละครับ  อย่างไรก็ตามในแง่ทางการแพทย์ ผมคงต้องนำเราเรื่องราวที่น้ำท่วมจะไปทำให้คนไทยเรามีโรคภัยไข้เจ็บกัน มีอันตรายกัน ลองตามผมมาซีครับ จะได้ช่วยตัวเองได้บ้าง
อันตรายจากน้ำท่วมขังนั้น มีดังต่อไปนี้
1. อุบัติเหตุ เช่น ลื่นหกล้ม ขาแข้งหัก เกิดมีบาดแผลจากเศษแก้ว ตะปูตำเท้า รถชนกันเพราะห้ามล้อเปียกน้ำ หนักเบาก็แต่แต่กรณี ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต เสียชีวิตไปแล้วนับสิบรายทีเดียว
2. โรคที่มากับน้ำ ที่ท่วมขัง ซึ่งก็คงได้ชะล้างเอาความสกปรกและมลพิษต่างๆ  คนที่ต้องเดินลุยน้ำจากบ้านผ่านซอยออกมาขึ้นรถประจำทางที่ปากซอยนั้น อาจแพ้สารเคมี สิ่งสกปรกทั้งหลาย  อาจโดนน้ำกัด  เชื้อรากินที่เท้าที่เรียกว่า ฮ่องกงฟุต โรคติดเชื้อที่มากับความชื้นแฉะ เช่น โรคเยี่ยวหนู หรือเล็บโตสไปโรสิส ที่กำลังเป็นปัญหาของประเทศ โรคตาแดงจากไวรัส มันมักจะมาหลังน้ำท่วมทุกครั้ง ก็ต้องระวังเอาไว้ด้วย
3. โรค ติดเชื้อทางเดินอาหาร  ซึ่งน้ำท่วมน้ำขังจะก่อให้มีการปนเปื้อนน้ำบริโภคและอาหารทำให้เกิดโรคติด เชื้อทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง โรคบิด โรคจากไวรัสิตับอักเสบเอ เป็นต้น
4. อันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ
5.  ปัญหาทางจิต ความเครียต
การรักษาน้ำกัดเท้า
ขณะนี้น้ำท่วม กำลังท่วมกำลังขังปีนี้ ท่วมแล้วมักจะเรื้อรังอยู่ 1-3 เดือน บ้านเรือนประชาชนเสียหายเหลือคณานับ  ตายไปอีกบางปีก็นับสิบบางปีก็นับร้อย ที่ประสบกันมากโรคหนึ่งคือน้ำกัดเท้า อันที่จริง น้ำก็ไม่ได้กัดอะไรหรอก เพราะไม่มีปากไม่มีฟัน แต่เนื่องจากเท้าเปื่อยแฉะอยู่นานๆ ผิวหนังชั้นนอกๆ จะเปื่อยยุ่ย ชุ่มน้ำ เชื้อราที่อยู่ตามผิวหนัง อยู่ตามน้ำ ตามสิ่งแวดล้อมจะถือโอกาสขณะที่ผิวหนังกำลังอ่อนแอ บุกรุกเข้าไปทำให้เป็นตุ่มคันๆ เจ็บๆ หลังจากนั้นตุ่มจะแตกเป็นแผลบริเวณกว้างออกไป  มีอาการอักเสบติดเชื้อหนอง  มีแผล น้ำเหลืองเยิ้ม บางคนเป็นมากเสียเดินไม่ได้ เพราะความเจ็บปวด โรคนี้ถ้าไม่รักษามีแต่จะลามไม่หายได้เอง โรคนี้แต่เดิมเรียกกันว่า“ฮ่องกงฟุต” หรือ “แอ๊ทลีทฟุต” ซึ่งหมายความว่าที่ฮ่องกงสมัยก่อนสกปรก น้ำขังเฉอะแฉะ หรือพวกนักกีฬา (แอ๊ทลีทแปลว่านักกรีฑา) วิ่งไปมา เท้ามีเหงื่อชุ่มเปียก ทำให้ติดเชื้อราได้ บางทีอาจจะเปลี่ยนชื่อโรคเป็น “บางกอกฟุต” ไปแล้วก็ได้เพราะที่ฮ่องกงขณะนี้น้ำไม่ท่วมเหมือนบางกอก
การป้องกันมิให้น้ำกัดเท้าหรือติดเชื้อรานี้ที่สำคัญก็คือจะต้องป้องกัน มิให้เท้า ถุงเท้า รองเท้าชื้นแฉะเป็นสิ่งสำคัญ การที่จะไปลุยน้ำไปที่แฉะๆ ควรจะหารองเท้ายาง รองเท้าบู๊ตกันมิให้เท้าเปียก  บางทีก็อาจปฏิบัติได้ บางทีก็อาจปฏิบัติไม่ได้ คนที่มีอาชีพต้องลุยอยู่ตามท้องถนน  เช่น ตำรวจจราจรคงปฏิบัติลำบาก
อาการนอกจากคันที่ผิวหนังบริเวณง่ามนิ้วเท้า นอกจากมีตุ่มใสๆ ผิวหนังมักจะยุ่ยๆ ขาวๆ ลอกออกมีแผลแดงๆ ขึ้น แฉะมีกลิ่นเหม็นอับ บางทีก็ลามลงไปที่ฝ่าเท้า บางทีก็มีน้ำเหลืองเยิ้ม ทั้งเจ็บทั้งคัน บางทีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมอักเสบทำให้มีไข้ หรือที่เรียกว่า “ไข่ดันบวม”
การรักษานั้นจะมีการรักษาเฉพาะที่และการรักษาทั่วไป การรักษาทั่วไปนั้น คือการกินยาแก้ปวดแก้ไข้ ถ้าปวดมีไข้ เช่น ยาพาราเซตามอล ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็กินเม็ดละ 500 มิลลิกรัม กินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 4-5 ครั้ง ให้ห่างกันประมาณ 4 ชั่วโมง ถ้ามีอาการอักเสบ มีหนอง มีไข่ดันบวมคงต้องให้หมอสั่งยาปฏิชีวนะ อาจฉีดหรือกินแล้วแต่กรณี ปฏิชีวนะนี้ไม่ควรซื้อรับประทานเอง เพราะถ้ารับประทานไม่ถูกต้อง เชื้อจะดื้อยา โรคจะเรื้อรัง  อาจจะแพ้ยา อาจจะโดนฤทธิ์ข้างเคียงของยาก็ได้
สำหรับการบริบาลเฉพาะที่นั้น ควรหาชาม กะละมังมาสักใบใส่น้ำอุ่นผสมด่างทับทิมสัก 4 - 5 เกล็ดเอาเท้าแช่น้ำด่างทับทิมนี้ไว้สัก 5-10 นาที เสร็จแล้วเช็ดเท้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาดแช่เช้า-เย็น แล้วใช้ยาทา  ยาที่ใช้ทานั้นใช้ยาประเภทฆ่าเชื้อรา ดังนี้ครับ
1. ขี้ผึ้งรักษากลากเกลื้อนขององค์การเภสัชกรรม ชื่อภาษาทางเภสัช เรียกว่า ขี้ผึ้งวิทฟีลด์ ใช้ทาตรงผื่นวันละ 2-3 ครั้ง ทาอย่างน้อยประมาณสองสัปดาห์ ยาฆ่าเชื้อราอีกขนานหนึ่งก็คือ ซีม่าโลชั่น ยาขนานนี้ก็ใช้ได้ แต่อาจจะแสบไปหน่อย
2. ยาทาที่ผลิตจากต่างประเทศหรือ บางขนานก็ผลิตในประเทศไทยเรานี่แหละ อาจจะมีทั้งชนิดน้ำ ชนิดครีม หรือขี้ผึ้ง ชนิดน้ำจะไม่ใคร่จะติดผิหนังอยู่นาน สู้ใช้ชนิดครีมไม่ได้  ส่วนขี้ผึ้งมักจะมีความรู้สึกเหนอะหนะ ยาพวกนี้มีขายอยู่ทั่วไป เช่น แด๊คตาริน อีซอน-ที คาเนสเต้น จาดิท  โทแน๊ฟ   ทีเนียแฟ๊กซ์  มัยโคต้า ดีซีเน็กซ์ ยาพวกนี้ราคาค่อนข้างแพงหน่อย แต่คุณภาพก็จะดีกว่าขี้ผึ้งวิทฟิลด์  ยาพวกนี้ควรใช้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ติดต่อกันจึงจะหายขาด
3. ยาฆ่าเชื้อราชนิดกิน ในกรณีที่โรคเรื้อรังเป็นยาวนานเป็นเดือนๆ แล้ว การให้กินยาฆ่าเชื้อราซึ่งมีทั้งปฏิชีวนะและสารเคมีอาจจะมีความจำเป็น แพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป และไม่ควรซื้อยากินเอง

อันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ

ตะขาบ
พิษของตะขาบไม่ใคร่จะรุนแรง  นอกจากจะมีอาการปวด บวมแดง และอาจจะมีอาการอักเสบตามมาภายหลัง  มีบางรายอาจเป็นรอยแผลเน่า มีหนองบริเวณที่โคนเขี้ยวตะขาบกัด อาการอื่นๆ นอกเหนือจากปวดบวมแดง อาจจะมีไข้ ปวดหัว คลื่นไส้  ใจสั่น  แต่จะไม่ถึงตาย
การรักษา ควรให้ยาระงับปวด และทำความสะอาด  ที่ตรงแผลก็พอ  ถ้าบวมแดงมากใช้พวกครีมแอนติฮิสตามีนทา หรือครีมฮีรูดอยด์ทาก็จะยุบ
เคยมีเหมือนกันที่คนโดนตะขาบกัดที่เท้าแล้วเท้าบวมตั้ง 2-3 อาทิตย์ แต่ในที่สุดก็หายเสียเรียบร้อย


แมงป่องนั้น ชอบออกหากินกลางคืน ตอนกลางวันจะค่อยๆ แอบๆ ซุกๆ อยู่ตามมุมมืดๆ กองไม้กองกระดาน  พอฝนตกชุกก็จะหาโอกาสเข้าไปอยู่ในบ้านคน  วิธีจับเหยื่อของมันอันได้แก่แมลงมุมและแมลงชนิดอื่นๆ  มันจะใช้ก้ามทั้งสองจับเยื่อ  แล้วใช้ปลายหางซึ่งมีเหล็กในต่อยเอาและปล่อยพิษเข้าไปทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต
สำหรับ คนนั้น  อาการที่เกิดจากพิษของแมงป่องมีน้อยส่วนมากจะเป็นอาการเจ็บปวดและบวมแดง พิษต่อระบบประสาทมีน้อย แต่อาการต่างๆ เหล่านี้อาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแมลงป่อง และความใจเสาะของผู้ที่ถูกต่อย อายุของแมงและอายุของผู้ที่ถูกต่อยด้วย
การรักษา  เมื่อถูกแมงป่องต่อย อาจจะใช้แอมโมเนียชนิดที่เราใช้ดมเช็ดตรงบริเวณแผลหรือใช้เอ็ทธิล คลอไรด์ สเปรย์พ่นตามแผล จะทำให้ทุเลาอาการปวด ให้ยาระงับความเจ็บปวด เช่น พาราเซตามอล           รับประทาน 1-2 เม็ด ซ้ำได้อีก 2-4 ชั่วโมงให้หลัง
ในกรณี ที่เจอพันธุ์ที่พิษมาก อาจจะต้องใช้สายยางรัดเหนือแผลไว้ แล้วคลายเป็นระยะๆ ในทำนองเดียวกันกับเวลาถูกงูกัด
ตะขาบและแมงป่องมันไม่น่ากลัวเท่าไหร่  ทีนี้ลองมาดูไอ้ที่มันร้ายๆ บ้าง .
1. งูเห่า  มีอยู่ชุกชุมในภาคกลาง สมุทรปราการ ลาดกระบัง อยุธยา อ่างทอง ชลบุรี เพชรบูรณ์ เป็นต้นเป็นที่หนองงูเห่า  ซึ่งกลายเป็นสนามบินนานาชาตินั่นเอง ก่อนจะได้รับพระราชทานนามเป็นทางการว่า “สุวรรณภูมิ”แต่ก่อนก็รู้จักกันในนามของสนามบินหนองงูเห่า


2. งูจงอาง พบที่ลพบุรี ระยอง กาญจนบุรี ตรัง พัทลุง นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช เป็นต้น ตอนนี้ก็มีน้อยลงแล้ว เพราะป่าค่อยๆ หายไป
3. งูสามเหลี่ยม  พบในภาคกลางแต่ไม่ค่อยชุกชุมนัก พบไม่ค่อยบ่อย
4. งูทะเล มีอยู่ทั่วไปในอ่าวไทย ป่าชายเลน
5. งูกะปะ  พบมากในจังหวัดภาคใต้และฝั่งทะเลตะวันออกของไทย  เช่น ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นราธิวาส ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง สตูล สงขลา ชลบุรี จันทบุรี ตราด เป็นต้น
6. งูแมวเซา  มักอยู่ในภาคกลาง เช่น อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สระบุรี นครสวรรค์
7. งูเขียวหางไหม้  มีอยู่ชุกชุมอยู่ทั่วไปในภาคกลาง
8. ถ้าทางเหนือ เขาจะเจอ “งูตองตึง” เพราะว่าไม่ทราบว่างูอะไรกัด งูที่กัดมันมักซ่อนอยู่ใต้ใบตองตึง หรือใบสัก ใบใหญ่ๆ เขาก็เลยเรียกกันมั่วๆ ว่า งูตองตึง แพทย์จะต้องดูจากรอยเขี้ยวที่โดนงูกัด
ตอนนี้เกิดมีคนวิตถาร เอางูจากต่างถิ่นมาเลี้ยง แถวๆ ปากเกร็ด เรียกว่า “งูเขียวแมมบ้า” ข่าวว่าหลุดจากกรงออกมาทั้งครอก ทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูก ตามข่าวว่าพิษมาก  ในบ้านเรายังไม่มีเซรุ่มช่วยแก้ไข ตอนนี้สั่งเข้ามาได้แล้ว คนที่เลี้ยงสัตว์มีพิษแล้วควบคุมไม่ได้ น่าจะโดนกฎหมายเล่นงาน
พิษของงู นั้นมีพิษ โดยรวมๆ ก็คือต่อระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตและหยุดหายใจ  พิษต่อโลหิต ทำให้เลือดออกได้ตามที่ต่างๆ ตามผิวหนัง เหงือก ไอหรืออาเจียน  หรือปัสสาวะเป็นโลหิตได้และพิษต่อกล้ามเนื้อ  ทำให้มีอาการปวด เนื้อเน่าตาย
งูทะเลมีพิษสูงที่สุด เพียงหนึ่งหยดจะฆ่าคนได้ 5 คน รองลงไปคือ พิษงูเห่า 3 หยดจะฆ่าคนตายได้หนึ่งคน  ถัดไปได้แก่งูแมวเซา 15 หยดจะทำให้คนตาย ส่วนงูเขียวทางไหม้พิษอ่อนที่สุด งูแมมบ้านี่ ผมยังไม่ได้ศึกษาหารายละเอียด จะเอามาเล่ากันในโอกาศหน้า
วิธีปฐมพยาบาลเมื่อถูกงูพิษกัด
1. ให้รัดบริเวณ เหนือแผลที่ถูกงูกัด ใช้ผ้าหรือสายยาง หรือเชือกประมาณ 2 เปลาะห่างกันประมาณ 1 คืบ คลายผ้าทุกๆ 15 นาทีทิ้งไว้ประมาณ 1 คืบ คลายผ้าทุกๆ 15 นาที ทิ้งไว้ครึ่งถึง 1 นาที  แล้วรัดใหม่       ชาวบ้านมักใช้มีดกรีดให้เลือดออกซึ่งเป็นวิธีที่ผิด  จะทำให้ติดเชื้อเนื้อเน่าได้  บางคนใช้ปากดูดเลือดออกจะได้พิษเข้าไป  และพิษนั้นจะถูกดูดซึมเข้าทางปากได้  โดยพิษชนิดแรงๆ ก็มีโอกาสตายได้เหมือนกัน อย่าให้คนไข้ดื่มเหล้า  จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นพิษจะซึมซ่าได้ดีมากขึ้น  พยายามปลุกอย่าให้หลับ

2. ให้นำส่งโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์หรือสถานีอนามัยที่ใกล้ชิดที่สุดเพื่อทำการฉีดเซรุ่มต้านพิษงู และก่อนคนไข้จะมีอาการหนัก พยายามซักถามกันให้ดีว่างูอะไรกัด
เช่น ชาวนา มักถูกงูเห่ากัด
ชาวประมงมักถูกงูทะเลกัดซึ่งยังไม่มีเซรุ่มแก้พิษ
ชาวอ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี นครสวรรค์ ขัยนาท มักโดนงูแมวเซากัด
ชาวใต้มักโดยงูกะปะกัด
ถ้างูเขียวอยู่ตามกิ่งไม้กัด มักเป็นงูเขียวหางไหม้ ที่บ้านคุณสุรยุศ ทีวีช่องสามก็ยังมีงูเขียวไปเยี่ยม
ถ้างูดำๆ แผ่แม่เบี้ยมีดอกจันที่หัว มักเป็นงูเห่ากัด
ชาว เหนือไม่ว่าจะเป็นงูอะไรๆ เขาเรียกว่า งูตองตึง เพราะงูที่กัด มันอยู่ใต้ใบตองตึงทั้งนั้น (ใบไม้สักใบใหญ่ๆ เขาเรียกว่าใบตองตึง) จึงเรียกง่ายๆ ว่า งูตองตึง
โรคตาแดง นั้นมักแพร่ติดต่อกระจายง่าย จากการสัมผัสกับผู้ที่กำลังเป็นโรค หรือผู้ที่เป็นโรค ไอจามรดคนอื่น ระยะฟักตัวสั้น เพียง ๑-๓ วัน ยังไม่มีการรักษาที่จำเพาะ ต้องรักษาตามอาการเท่านั้น หยอดยาแก้คัน ถ้ามีขี้ตา อาจต้องหาหมอเพื่อปรึษาเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะ หยอด หรือกิน หรือ ฉีดแล้วแต่กรณีไป
หลังน้ำท่วมยังมีมัจจุราชที่สำคัญที่ตามมาซ้ำเติมคร่าชีวิตพี่น้องประชาชนเราอีก มัจจุราชที่ว่านั้นก็คือโรคฉี่หนูไงครับ
โรคฉี่หนูหรือไข้เยี่ยวหนูหรือชื่อทางการแพทย์เรียกว่า โรคเล็ปโตสไปโรสิส (Leptospsis) หรือบางลักษณะของโรคเรียกว่า โรค วายล์’ส (Weil’s disease) หรือภาษาไทยเราเรียกกันว่าโรคไข้ฉี่หนูนั้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Leptospira interrogans เนื่องด้วยหมอวายล์เป็นคนอธิบายโรคนี้เอาไว้อย่างละเอียดก่อนเพื่อนก็เลยได้ รับสมญาว่า Weil’s disease ปัจจุบันนิยมเรียกชื่อว่า Leptospsis  มากกว่าชื่อ Weil’s disease ญาติคนไข้ได้ยินหมอบอกสั้นๆ ว่าเป็นโรคเล็ปโต พอลับตาหมอก็รีบไปดู เล็บมือ เล็บเท้าผู้ป่วยที่เป็นลูก้ป็นหลานว่า   เล็บใหนที่ว่าโต มันคงไปทำบาปอะไรมา ถึงได้  มือโตเล็บโต
เชื้อเล็ปโตสไปร่านี้จะออกมากับเยี่ยวหนู มีรูปร่างเป็นเกลียวควงสว่านแหวกว่ายไปมาอยู่ในที่มีน้ำหรือที่ชื้นเฉอะแฉะ เชื้อมีชีวิตคงทนอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อม  เมื่อออกจากตัวหนูทางเยี่ยว  จึงสามารถเคลื่อนไหวไปมาในที่เปียกชื้นเฉอะแฉะได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว  โรคที่มันก่อขึ้นจึงเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า โรคเล็ปโตสไปโรสิส และมีผู้บัญญัติขึ้นเป็นภาษาไทยๆ เราว่าโรคฉี่หนูก็เรียก โรคไข้เยี่ยวหนูก็เรียก ในข่าวโทรทัศน์ผมได้ยินคำว่าปัสสาวะหนูหลายครั้ง     ท่านอาจารย์หมออวย เกตุสิงห์ราชบัณฑิต ท่านสอนนักเรียนแพทย์พวกผมเอาไว้ว่า คำว่าปัสสาวะเราจะมาใช้กับมนุษย์เท่านั้นไม่ใช้กับสัตว์  สำหรับสัตว์เราใช้คำว่าเยี่ยว ว่าฉี่ และทำนองเดียวกันเราจะไม่ใช้คำว่าอุจจาระกับสัตว์ สำหรับสัตว์เราจะใช้คำว่ามูลหรือขี้ เช่น มูลหนู หรือขี้หนู เราไม่เคยได้ยินคำว่า “ขนมอุจจาระหนู” เราจะไม่เรียกว่าอุจจาระหนูเป็นอันขาด ตอนที่ท่านสอน นักเรียนแพทย์บางคนคงแอบงีบเพลิน จึงไม่ทราบกัน
สำหรับหนูนั้นในบ้านเรานับว่าชุกชุม  ถ้าอยู่ในเมืองในหมู่บ้านเราก็จะเจอพวกหนูท่อ หนูผีอาจจะอยู่ตามโกดังเก็บของก็พบมาก  หนูพวกนี้จะคอยคุ้ยอาหารเศษอาหารที่เหลือกิน  หนูอีกพวกคือหนูนา อยู่ตามท้องนา  หนูพวกนี้มีหน้าที่ที่สำคัญคือทำลายผลผลิตผลการเกษตรกัดกินต้นข้าว กินข้าวเป็นต้น เมื่อหนูมีชุกชุมก็มีโรคต่างๆ ติดต่อกันอยู่ในบรรดาหนูด้วยกัน ซึ่งมีอยู่หลายโรค เช่น กาฬโรค ไข้เลือดออกฮันตานในเกาหลี ไข้เลือดออก ในอเมริกาใต้ ไข้ลาสล้าในอาฟริกา ไข้ปอดอักเสบในอเมริกา ไข้รากสาดใหญ่ในอเมริกาใต้, อเมริกากลาง ไข้หนูกัด ไข้วัณโรคเทียม ไข้กลับเป็นซ้ำ โรคลิสเตอริโอสิส ไข้สมองอักเสบ โรคพิษสุนัขบ้า      ตืดหนู ท็อกโซปล๊าสโมสิส และไข้เยี่ยวหนูด้วย  เห็นไหมละครับว่าการที่หนูชุกชุมนับเป็นแหล่งแพร่โรคที่สำคัญมาสู่คน หนูมาอาศัยอยู่ในบริเวณบ้านเราใกล้ชิดกับคน  จึงแพร่เชื้อมาสู่คนได้  ผลการวิจัยในประเทศไทยพบว่า เชื้อโรคที่ก่อโรคฉี่หนูพบในสุนัข โค กระบือ ด้วย  ยิ่งก่อให้เกิดปัญหาซับซ้อนในการป้องกันและการควบคุมโรคมากยิ่งขึ้น
เชื้อเล็ปโตสไปร่านี้เป็นเชื้อที่ทนทานอยู่ตามที่เฉอะแฉะได้หลายวันอาจ ถึงอาทิตย์เมื่อไชเข้าไปในร่างกายคนแล้วก็จะไปเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นจะกิน เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็จะทำให้เกิดโรค  ระยะนี้เราเรียกว่าระยะฟักตัวของโรค   หลังจากนั้นก็มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะมาก ปวดตามเนื้อตามตัว  ปวดกล้ามเนื้อ อาเจียน เบื่ออาหาร ตาแดงก่ำ เป็นอยู่ 4-5 วัน ไข้ทำท่าจะลดลงเล็กน้อยแต่แล้วไข้ก็จะกลับสูงขึ้นไปอีกคราวนี้จะมีอาการตัว เหลือง ตาเหลืองที่เรียกกันว่าดีซ่าน  คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บบริเวณใต้ชายโครงด้านขวาเพราะตับโตและอักเสบ กดจะเจ็บมาก สำหรับปัสสาวะของผู้ป่วยจะมีสีเข้ม สีเหลืองอมเขียว เป็นฟอง อาจมีจุดเลือดออกใต้ผิวหนังประมาณร้อยละ 30-50 ของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาจะถึงแก่ความตาย
สำหรับการรักษานั้น เชื้อชนิดนี้ไวต่อปฏิชีวนะหลายชนิด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพนิซิลลิน   หมอจะใช้เพนิซิลลินฉีดให้ผู้ป่วย  ให้การรักษาแบบประคับประคองคือให้น้ำเกลือเช็ดตัวให้อาหารกลูโคสทางเส้น เลือดรักษาตามอาการได้แก่ ให้ยาลดไข้  ยาแก้ปวด ให้วิตามิน ให้ยาบำรุงตับ เป็นต้น ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องไข้จะลดภายในสองวัน  และจะฟื้นไข้ภายในเจ็ดวัน
สำหรับการป้องกันโรคนั้น  การหลีกเลี่ยงไม่ไปย่ำน้ำเฉอะแฉะ น้ำโสโครก น้ำครำนั้น บางคนเลี่ยงไม่ได้  ถ้าเลี่ยงได้ก็จะไม่ติดเชื้อพวกนี้  ถ้าจำเป็นก็ขอให้หารองเท้ายาง รองเท้าท็อปบู๊ทใส่แล้วจึงลงไปลุยน้ำ การกำจัดหนู การเก็บเศษอาหารมิให้หนูลงไปคุ้ยกินได้ เก็บให้มิดชิดก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันโรค โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน  จึงต้องป้องกันตัวเองตามวิธีสุขาภิบาลบ้านเรือนที่ดี ข้าวของเก็บให้เป็นระเบียบ อย่าให้มีซอกมีมุมอับที่หนูจะเข้าไปหลบไปซ่อนได้  วิธีปราบหนูนั้นก็ทำได้หลายวิธี เช่น ดักหนูโดยใช้กับดัก ใช้กรงดัก ใช้แผ่นที่มีกาวเหนียวสีดำๆ ดักที่มีชื่อว่า “โนแร็ท” การดักหนูจะทำได้ไม่นาน หนูจะรู้แกว ไม่หลงไปติดกับดัก  บางทีก็เห็นซึ่งๆ หน้าก็ใช้วิธีตีเอา  การเลี้ยงแมวไว้ไล่หนูนั้นสมัยนี้แมวไม่ใคร่จะไล่หนู หมากลับไล่หนูดีกว่าแมวเสียอีก อีกวิธีหนึ่งคือยาเบื่อมีอยู่หลายขนาน  เอาไปคลุกอาหารแล้วเบื่อหนู  วิธีนี้มีข้อเสียตรงที่หนูจะไปตามซอกตามมุม  อยู่บนเพดานบ้าน ส่งกลิ่นเหม็นกว่า  จะหาซากหนูพบก็ทำให้เจ้าของบ้านเหม็นไปหลายวันทีเดียว
การป้องกันทำได้เองโดยไม่ต้องใส่รองเท้าบู๊ททรงสูงก่อนจะไปลุยน้ำ พอขึ้นจากน้ำต้องรีบอาบน้ำฟอกสบู่หลายครั้งเพื่อมิให้มีเชื้อไชเข้าผิวหนัง  ซึ่งเป็นการป้องกันที่ยุ่งยากอยู่พอสมควรสำหรับชาวบ้าน

ผลพวงรื้อ “บิ๊กแบ็ก” จับตา

ผลพวงรื้อ “บิ๊กแบ็ก” จับตา “นิคมอุตสาหกรรมบางชัน” ในวันที่น้ำบุกกรุง ปิดทำการแล้วกว่า 20 แห่ง

แม้ไม่อาจหลีกเลี่ยงกับสภาวการณ์น้ำท่วมขังสูงตั้งแต่ระดับ 1-2 เมตรในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ทำให้ประชาชนเกิดภาวะเครียดต่อสภาพน้ำท่วมขังเน่าเสียก่อให้เกิดการพังรื้อ ‘บิ๊กแบ็ก’ ในเขตดอนเมือง ทำให้ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในหลายพื้นที่ไหลลงมาสมทบในคลองหลักโดยเฉพาะ พื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อแนวป้องกันนิคมอุตสาหกรรมบางชันที่อาจได้รับผลกระทบจาก การกระทำดังกล่าว
โดย เหมือนแพร ศรีสุวรรณ ศูนย์ข่าว TCIJ
ก่อนหน้านี้ทางศูนย์ข่าว TCIJได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับ 6 นิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร สวนอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัด ปทุมธานีทำให้มวลน้ำก้อนใหญ่ไหลบ่าเข้าสู่กรุงเทพฯ ปริมาณมากจนเกิดน้ำท่วมถนนสายหลักเส้นต่างๆของกรุงเทพฯ
ล่าสุดหลังจากมีการรื้อแนวกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก ขนาด 1 ตันที่ใช้กั้นน้ำบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาออก ของทิศเหนือสนามบินดอนเมืองที่มุ่งหน้าสู่รังสิต หลังจากเจ้าหน้าที่กทม.นำถุงบิ๊กแบ็กวางเป็นแนวความยาวประมาณ 20 กิโลเมตรเพื่อทำแนวกั้นน้ำเข้าท่วมกรุงเทพฯชั้นใน  จนทำให้ชาวบ้านชุมชนแขวงดอนเมืองออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รื้อแนวกั้นดัง กล่าวออกเพื่อเปิดแนวกั้นกว้าง 10 เมตร ให้เรือสามารถแล่นผ่านได้ 2 ช่องทาง อีกทั้งเป็นการระบายน้ำเน่าเสียที่กักขังในชุมชนนอกคันกั้นน้ำ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังจนเน่าเสียมานานกว่า 1 เดือน จนทำให้ระดับน้ำบางส่วนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง
ด้านนายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์  ในฐานะที่ปรึกษานิคมอุตสาหกรรมบางชัน กล่าวว่า การรื้อแนวกระสอบทรายบิ๊กแบ็ก ในเขตดอนเมืองจะส่งผลทางอ้อมต่อระดับน้ำที่อาจจะเพิ่มขึ้นในเขตสายไหม คลองสามวา รวมทั้งถนนรามอินทรา เสรีไทย ซึ่งเป็นถนนที่เข้าสู่นิคม แต่จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงเหมือนกรุงเทพฯชั้นในอย่างถนนวิภาวดีและ พหลโยธิน ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำโดยรวมในพื้นที่ฝั่งตะวันออกวันนี้มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย เช่น บึงกระเทียม ระดับน้ำลดลง 2 เซนติเมตร, คลองหลอแหล ลดลง 2 เซนติเมตร ทำให้สถานการณ์ในนิคมอุตสาหกรรมบางชันยังอยู่ในสถานะที่ควบคุมได้
เป็นที่น่าจับตา เมื่อความพยายามรักษานิคมอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงเหลืออยู่ในกรุงเทพฯ ทั้ง 3แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร เขตเศรษฐกิจสำคัญที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ หากรัฐบาลไม่สามารถรักษาหรือดูแลได้จากภาวะมหาอุกภัยครั้งนี้ ก็ย่อมมีผลต่อการลงทุนระยะยาวของไทย
ศูนย์ข่าว TCIJ  ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนิคมอุตสาหกรรมบางชัน มีรายละเอียดดังนี้ นิคมอุตสาหกรรมบางชันมีพื้นที่ทั้งหมด 667 ไร่ อยู่ในเขตมีนบุรี และเขตคันนายาว  มีโรงงานประกอบกิจการรวมทั้งสิ้น 91แห่ง แบ่งเป็น 6โซน งบลงทุนเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ได้ปิดทำการชั่วคราวจำนวน 20โรงงาน (ข้อมูลล่าสุด)ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตสินค้า อุปโภคและบริโภค แม้ว่าโดยรวม โรงงานส่วนใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมจะผลิตอุปกรณ์เครื่องเขียน วัสดุก่อสร้าง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เป็นอันดับสูงสุด  รองลงมาคือ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์  สินค้าอุปโภคบริโภคจำพวก อาหาร น้ำดื่ม  ชิ้นส่วนประกอบยานพาหนะและเสื้อผ้าของใช้ ตามลำดับ
                                           ตารางรายชื่อผู้ประกอบการบางส่วนในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน
ลำดับ
ชื่อโรงงาน
ผู้ประกอบกิจการ
ประเภทกิจการ
เงินทุน(บาท)
1.
บริษัท เพรซิเดนท์เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)
บริษัท เพรซิเดนท์เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)
ผลิตอาหารพร้อมทานและกึ่งพร้อมทานประเภทต่าง ๆ
ไม่ระบุ
2. บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผลิตไอศกรีม 110,000,000
3. บริษัท เฮลซ์ เรดดิ้ง(ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เฮลซ์ เรดดิ้ง(ประเทศไทย) จำกัด ผลิตน้ำหวานเข้มข้นและน้ำตาลปอนด์ 50,000,000
4. บริษัท นิวพลัสนิตติ้ง จำกัด บริษัท นิวพลัสนิตติ้ง จำกัด ผลิตเสื้อผ้าชุดชั้นใน,ถุงน่องสตรี,ถุงเท้า 58,195,166
5. บริษัท โฮมคราฟท์ส จำกัด บริษัท โฮมคราฟท์ส จำกัด ผลิตเครื่องเรือน เครื่องใช้จากหวายและไม้ ไม่ระบุ
6. บริษัท อาร์ต อุตสาหกรรม จำกัด บริษัท อาร์ต อุตสาหกรรม จำกัด ผลิตกระเบื้องยางปูพื้น ผ้ากำมะหยี่ พิมพ์ลายด้วยเครื่องพิมพ์และผลิตเหยื่อเทียม 22,000,000
7. บริษัท พี เอ็ม เพ้นท์ จำกัด บริษัท พี เอ็ม เพ้นท์ จำกัด ผลิตสี ไม่ระบุ
8. บริษัท บริติช เพ้นท์ส จำกัด บริษัท บริติช เพ้นท์ส จำกัด ผลิตสีน้ำมัน สีน้ำ สีรองพื้น แชลแล็ก แล็กเกอร์ ทินเนอร์ ไม่ระบุ
9. บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตกาว ไม่ระบุ
10. บริษัทโตโยอิ๊งค์ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทโตโยอิ๊งค์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผลิตหมึกพิมพ์ต่างๆ เช่น หมึกราเวียร์ เฟล็กโซ่ ออฟเซ็ท และพินิเซ็ส
124,433,944
11. บริษัทโตโยอิ๊งค์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทโตโยอิ๊งค์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตหมึกพิมพ์ 116,000,000
12. บริษัทยูเนี่ยนไทย-นิจิบัน จำกัด
บริษัทยูเนี่ยนไทย-นิจิบัน จำกัด
ผลิตแผ่นหรือแถบกาวเทปใส และเทปกระดาษไม่ใช้น้ำ
ไม่ระบุ
13. บริษัทเกอฮาวส์ ลิฟวิ่ง จำกัด
บริษัทเกอฮาวส์ ลิฟวิ่ง จำกัด
ผลิตประตูหน้าต่างและวงกบหน้าต่างทุกชนิดที่ทำจากuPVC
ไม่ระบุ
14. บริษัทยูเนี่ยนโชจิรุชิ จำกัด
บริษัทยูเนี่ยนโชจิรุชิ จำกัด
ผลิตกระติกน้ำร้อน- น้ำเย็น
ไม่ระบุ
15. บริษัทธานี กูชิ เมททัล จำกัด
บริษัทธานี กูชิ เมททัล จำกัด
ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศ
ไม่ระบุ
16. บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด
บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด
ประกอบเครื่องผสมเครื่องดื่มและซ่อมแซมตู้เย็น 6,555,569
17. บริษัทเจ คิว บี จำกัด
บริษัทเจ คิว บี จำกัด
ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์(QUARTZ CRYSTAL)
ไม่ระบุ
18. บริษัทบลูสกาย อีเล็คทริค จำกัด
บริษัทบลูสกาย อีเล็คทริค จำกัด
ผลิตซ่อมแซมดัดแปลง พัดลม หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องปรับอากาศเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ลำโพง และชิ้นส่วนลำโพง ไม่ระบุ
19. บริษัทซันโก้อีเล็คตริค จำกัด
บริษัทซันโก้อีเล็คตริค จำกัด
ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า
(CAPACITORS)
5,000,000
20. บริษัทโอเรียนตัล อีเลคโทรนิคส์ ดีไวซ์ จำกัด
บริษัทโอเรียนตัล อีเลคโทรนิคส์ ดีไวซ์ จำกัด
ผลิตอุปกรณ์อืเลคทรอนิคส์(OSCILIATOR CIRCUITS CLOCK OSCILLAOR)
102,000,000
21. บริษัทไทยย่งฮง อีเลคตริค จำกัด บริษัทไทยย่งฮง อีเลคตริค จำกัด ประกอบพัดลมมอเตอร์ อุปกรร์ไฟฟ้า นาฬิกาแขวนและนาฬิกาปลุก
9,000,000
22. บริษัทสยามเทคนิค ชิมิสึ จำกัด บริษัทสยามเทคนิค ชิมิสึ จำกัด ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รถบรรทุก รถแทรกเตอร์และชิ้นส่วนสำหรับใช้ในการรถไฟ (ตะปูรางรถไฟ)
69,500,000
23. บริษัทฮอนด้าคาร์ส แมนูแฟคเจอริ่ง(ประเทศไทย)จำกัด
บริษัทฮอนด้าคาร์ส แมนูแฟคเจอริ่ง(ประเทศไทย)จำกัด
ผลิตเบาะนั่งในรถยนต์และขิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์
290,000,000
24. บริษัทพระนครฮอนด้าออโตโมบิล จำกัด
บริษัทพระนครฮอนด้าออโตโมบิล จำกัด
ซ่อมตัวถังพ่นสีรถยนต์ และศูนย์บริการทั่วไป
200,000,000
25. บริษัทเดลี่ฟูดส์ จำกัด
บริษัทเดลี่ฟูดส์ จำกัด
ผลิตเนย, น้ำผลไม้, ผัก, ผลไม้กระป๋องและน้ำหวานเข้มข้น
21,900,000
26. บริษัทสยามร่วมมิตร จำกัด
บริษัทสยามร่วมมิตร จำกัด
ผลิตข้าวเกรียบกุ้งขนมคุ้กกี้ ขนมผิง และขนมข้าวโพดอบกรอบ
ไม่ระบุ
27. บริษัทฮานามิ ฟู้ดส์ จำกัด
บริษัทฮานามิ ฟู้ดส์ จำกัด
ผลิตขนมขบเคี้ยว(Snack Foods) เช่น ขนมถั่วลันเตาอบกรอบตราสแน็คแจ๊ค
75,000,000
28. บริษัทสยามร่วมมิตร จำกัด
บริษัทสยามร่วมมิตร จำกัด
ผลิตขนมปังกรอบ
ไม่ระบุ
29. บริษัททรัพย์อนันต์ อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด
บริษัททรัพย์อนันต์ อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด
ทำอาหารสำเร็จรูปจากแป้ง
ไม่ระบุ
30. บริษัทเอทีซีอุตสาหกรรม จำกัด
บริษัทเอทีซีอุตสาหกรรม จำกัด
ผลิตสีน้ำมัน30,000 แกลลอน,ผลิตสีพลาสติก 20,000 แกลลอน, ผลิตวัสดุเทอร์โมพลาสติก 19,600,000
31. บริษัทฟูจิคูระ คาเซอิ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทฟูจิคูระ คาเซอิ (ประเทศไทย) จำกัด
ผลิตผลิตภัณฑ์เคลือบ,สีเคลือบ,ทินเนอร์สำหรับชิ้นส่วนงานอุตสาหกรรม ไม่ระบุ
32. บริษัทโตโยอิ๊งค์ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทโตโยอิ๊งค์ (ประเทศไทย) จำกัด
หมึกพิมพ์
ไม่ระบุ
33. บริษัทไอ พี อ็ม จำกัด
บริษัทไอ พี อ็ม จำกัด
ผลิตแผ่นยางมะตอยวัสดุกันสนิม และวัสดุหยอดร่องคอนกรีต
ไม่ระบุ
34. บริษัทอาเซียนอินซูเลเตอร์ จำกัด
บริษัทอาเซียนอินซูเลเตอร์ จำกัด
ผลิตลูกถ้วยไฟฟ้า
93,000,000
35. บริษัทอรุณา จำกัด บริษัทอรุณา จำกัด ผลิตดินสอและอุปกรณ์เครื่องเขียน 60,000,000
36. บริษัทมาเล่ย์ เอ็นจิ่น คอมโพเน็นท์ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทมาเล่ย์ เอ็นจิ่น คอมโพเน็นท์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผลิตลูกสูบสำหรับเครื่องยนต์บรรทุกรถยนต์โดยสารและลูกสูบเครื่องยนต์การเกษตร
172,379,000
37. บริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า, อะไหล่เครื่องไฟฟ้า, เครื่องวัดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้า และคาปาซิเตอร์ประกอบปั๊มน้ำ 370,800,000
38. บริษัทโอเรียนตัล อีเลคโทรนิกส์ ดีไวซ์ จำกัด บริษัทโอเรียนตัล อีเลคโทรนิกส์ ดีไวซ์ จำกัด ผลิตอุปกรณ์อีเลคโทรนิค(OSCILLATOR CIRCUITS) 30,000,000
39. บริษัทชิซูกิ อีเล็คทริค (ไทยแลนด์) จำกัด
บริษัทชิซูกิ อีเล็คทริค (ไทยแลนด์) จำกัด
ผลิตCAPACITOR รวมถึง CONDENSERS, TRANSFORMERS และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
ไม่ระบุ
40. บริษัทมินก้า เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทมินก้า เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตลำโพงและชิ้นส่วนลำโพง
22,000,000
41. บริษัทจินซาน อีเลคโทรนิก อินดัสเทรียล (ไทยแลนด์) จำกัด
บริษัทจินซาน อีเลคโทรนิก อินดัสเทรียล (ไทยแลนด์) จำกัด
ผลิตผลิตภัณฑ์อีเล็คทรอนิคส์
73,875,000
42. ห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรยงเอ็นยิเนียริ่ง
ห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรยงเอ็นยิเนียริ่ง
ผลิตเครื่องรีดพลาสติกและอุปกรณ์ไฟฟ้า(พัดลม) ไม่ระบุ
43. บริษัทกรุงเทพอิเลคทริค แอนด์ เอนเตอร ไพร์ส จำกัด
บริษัทกรุงเทพอิเลคทริค แอนด์ เอนเตอร ไพร์ส จำกัด
ผลิตพัดลมและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
38,962,804
44. บริษัทโอเรียนตัล - มูไร เท็ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด
บริษัทโอเรียนตัล - มูไร เท็ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ผลิตสายไฟฟ้า  ฉนวนสำหรับอุปกรณ์มอเตอร์ไฟฟ้า
11,000,000
45. บริษัทบางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี่ จำกัด
บริษัทบางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี่ จำกัด
ประกอบรถยนต์นั่งและบรรทุกต่าง ๆ
163,000,000
รวม
2,313.8  ล้านบาท
                                   ข้อมูลเมื่อวันที่ 3 พ.ย.2554 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม รวบรวมโดย ศูนย์ข่าว TCIJ
จากการพิจารณารายละเอียดของโรงงานที่อาจได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ครั้งนี้ จะพบว่า  มูลค่าการลงทุนสูงถึง 2,313.8 ล้านบาท ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค  อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานและกึ่งพร้อมรับประทาน ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากมีการซื้อสินค้าชนิดดังกล่าว ไว้กักตุนเพื่อบริโภค ในยามน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้ไว้สำหรับประกอบเครื่อง สูบน้ำ หรือปั๊มน้ำ ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในช่วงน้ำท่วมก็อาจได้รับผลกระทบจนต้องปิดโรงงาน ชั่วคราว เนื่องจากน้ำได้เข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางส่วนแล้ว
ขณะที่นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน ต.ค.2554 นี้ มีผู้ประกอบการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามา 115 โครงการ ลดลงจากเดือนกันยายน ที่มีผู้ประกอบการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน 175 โครงการ มูลค่าลงทุนอยู่ที่ 37,000 ล้านบาท ลดลงจากเดือนที่แล้ว ที่มีมูลค่า 107,000 ล้านบาท เนื่องจากโรงงานที่ถูกน้ำท่วมชะลอแผนการลงทุนออก เพราะต้องทำแผนฟื้นฟูโรงงานจากน้ำท่วมและคาดว่าจำเป็นต้องพิจารณาดูคำขอยื่น รับการส่งเสริมการลงทุนในส่วนของเดือน พ.ย.-ธ.ค. นี้
เป็นที่น่าจับตาว่า  3 นิคมอุตสาหกรรมสุดท้ายจะพ่ายต่อการบุกกรุง ของอุทกภัยครั้งนี้ได้หรือไม่ โปรดติดตาม !
ขอบคุณภาพจากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


 
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง