บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ข้อมูลลึก“พิชัย นริพทะพันธุ์”รมว.พลังงาน กระจาย 2,350,000 หุ้นให้ 3 คนใกล้ชิด




เปิดข้อมูลลึก นายทุนเพื่อไทย“พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พลังงาน แต่งตัวนั่งเก้าอี้ยุคสมัคร สุนทรเวช  กระจาย 2,350,000  หุ้นบ.ที่ปรึกษา ให้ 3 คนใกล้ชิดปริศนา! 
นายทุนคนสำคัญอีกคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยที่ใช้วิธีผ่องถ่ายทรัพย์สินให้ คนใกล้ชิดก่อนเป็นรัฐมนตรีคือ นายพิชัย นริพทะพันธุ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน    
หากแต่การผ่องของนายพิชัย ประการหนึ่งเกิดขึ้นก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ คลัง รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช  อีกประการหนึ่งเป็นการผ่องถ่ายให้บุคคล 3 คน     
ทั้งนี้ นายพิชัยเป็นเจ้าของธุรกิจ (นอกจากอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ภูเก็ต) ให้คำปรึกษาด้านพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ขายและติดตั้งงานระบบโทรคมนาคม  ชื่อ บริษัท อินท์คอม จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท ซุปเปอร์เครนโพรโมชั่นอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) จดทะเบียนวันที่  19 กรกฎาคม 2539 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท (แบ่งเป็น 5,000,000 หุ้นหุ้นละ 10 บาท) ที่ตั้งเลขที่ 588/9 ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ       
ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2550 นายพิชัย นริพทะพันธุ์  ถือหุ้น 2,350,000  หุ้น มูลค่า 23,500,000 บาท (มูลค่าตามทุนจดทะเบียน)  นางสุวรรณี นริพทะพันธุ์ (แม่นายพิชัยปัจจุบันอายุ 73 ปี) 1,845,000 หุ้น   มูลค่า 18,450,000 บาท  นายพชร นริพทะพันธุ์ 500,000 หุ้น มูลค่า 5,000,000 บาท นายเฉิน ฮี ชู 300,000  หุ้น มูลค่า 3,000,000 บาท (ดูตาราง)
วันที่ 7 มกราคม 2551  นายพิชัยกระจายหุ้นให้บุคคล 3 คน                         
1.นายพชร นริพทะพันธุ์  500,000 หุ้น                      
 2.นางบัวจินต์ เทพวงศ์ 1,350,000 หุ้น                     
3.นางสุวรรณี นริพทะพันธุ์ 500,000 หุ้น       
ทำให้บริษัท อินท์คอม จำกัด มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นางสุวรรณี นริพทะพันธุ์  นางบัวจินต์ เทพวงศ์  และนายพชร นริพทะพันธุ์  บุตรชายคนโต      
วันที่ 25 กันยายน 2551    ตอนพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุ เงินฝาก  33,872,069  บาท เงินลงทุน 400,119  บาท (ไม่มีเงินลงทุน บริษัท อินท์คอม จำกัด)  ที่ดิน 84,000,000 บาท ยานพาหนะ 16,500,000 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 9,350,000 บาท    
รวมทรัพย์สิน 144,122,188  บาท รวมหนี้สิน 12,116,292 บาท 
แจ้งทรัพย์สินภรรยา (นางธัญยธรณ์ ทันตแพทย์ ร.พ.ไทยครินทร์) เงินฝาก 2,201,906 บาท เงินลงทุน 85,704 บาท ที่ดิน 40,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลุกสร้าง 25,103,000 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 19,272,000 บาท   
รวมทรัพย์สิน 88,462,611 บาท รวมหนี้สิน 3,789,361 บาท   
รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น 232,584,799  บาท รวมหนี้สินทั้งสิ้น 15,905,654  บาท
วันที่  10 สิงหาคม 2554  รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัยแจ้งบัญชีฯต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ระบุว่า มีทรัพย์สิน 118,541,565.04 บาท แบ่งเป็น เงินฝาก 13,657,192.57 บาท เงินลงทุน 2 รายการ (กองทุนเปิดบัวหลวง)  534,372.47 บาท ที่ดิน  12 แปลง มูลค่า  84,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง  ยานพาหนะ (รถยนต์ 2 คัน) 11,000,000 บาท ทรัพย์สินอื่น  9,350,000 บาท หนี้สิน 11,248,936.70  บาท      
นางธัญยธรณ์ มีทรัพย์สิน 90,139,902.37 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 2,077,737.75 บาท เงินลงทุน(3 รายการ กองทุน ตั๋วแลกเงิน พันธบัตร)  469,164.62 บาท ที่ดิน 40,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง (บ้าน 3 หลัง) 25,103,000 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์ 2 คัน) 2,700,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 19,790,000 บาท  หนี้สิน 4,155,530.36 บาท    
รวมทรัพย์สิน 2  คน 208,681,467.41  บาท    
น่าสังเกตว่าการกระจายหุ้นบริษัทอินท์คอม จำกัด เกิดขึ้นก่อนมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 แม้นายพิชัยมิได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในช่วงแรก แต่ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังวันที่ 5 สิงหาคม 2551   
การได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสมัยรัฐบาลนาย สมัครแทน ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี พรรคเพื่อแผ่นดินในครั้งนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการสับเปลี่ยนนายทุนคนใกล้ชิด   
เนื่องเพราะข้อมูลตามรายชื่อผู้บริจาคเงินที่เปิดเผยโดยสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพิชัยเป็นผู้บริจาคเงินรายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย
 ก่อนหน้านี้ ปี 2548  นายพชร นริพทะพันธุ์  หรือ “ปาล์ม” อายุ 22 ปี บุตรชายของนายพิชัยได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายสุวิทย์ คุณกิตติ ขณะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  โดยได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลประสานงานระหว่างประเทศ ต่อมาปี 2549 ถูกผลักดันให้เข้ามาทำงาน “กองทุนหมู่บ้าน” ในโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ    
และได้รับแต่งตั้งเป็นรองโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดินในช่วงที่นายสุวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรค
รายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท อินท์คอม จำกัด 
ที่มา:กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ,สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)  รวบรวม
ตารางเปรียบเทียบทรัพย์สินของนายพิชัยและภรรยา 2 ครั้ง




สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)

ตรรกะของสมศักดิ์เจียม กรณีกลอนขู่ปธน.!!


จากกรณีที่พวกล้มเจ้าอยากจะแก้มาตรา112 นั้น แล้วก็มีฑูตอเมริกาออกมาสะเออะแส่เรื่องกฏหมายไทยนั้น ก็มีฝ่ายจงรักภักดีออกมาอ้างว่า ทีแค่นายจอห์นนี่ สเปนเซอร์แต่งกลอนเหยียดผิวและจินตนาการเห็นประธานาธิบดีถูกยิงตายเพียงแค่นี้ ศาลอเมริกาถึงกับจับเข้าคุกขังเกือบ3ปี?



พอมีคนอ้างในเรื่องนี้ ไอ้สมศักดิ์ เจียม นักวิชาการลูกเอเลี่ยน ก็ออกมาตอบโต้คืน ผมเลยขอเอาตรรกะของไอ้สมศักดิ์ เจียมมาดูสักหน่อยว่า เป็นยังไง แต่ก่อนอื่นไปดูกลอนของนายจอห์นนี่ ก่อนครับ




นี่คือนายจอห์นนี่ สเปนเซอร์ ที่ถูกศาลอเมริกาตัดสินจำคุกเกือบ3ปี ข้อหาข่มขู่คุกคามปธน.สหรัฐอเมริกา





ขอยกบทความจากมติชน มาประกอบก่อนนะครับ ตามนี้





ย้อนไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2553 ศาลเมืองหลุยส์วิลล์ มลรัฐเคนตักกี สหรัฐอเมริกา ได้พิพากษาลงโทษจำคุก "จอห์นนี่ โลแกน สเปนเซอร์" หนุ่มวัย 28 ปี เป็นเวลา 33 เดือน และต้องถูกคุมประพฤติหลังพ้นโทษจำคุกอีกเป็นเวลา 3 ปี ด้วยข้อหาแต่งบทกวี 16 บรรทัด ข่มขู่เอาชีวิต "บารัก โอบามา" โดยมีเนื้อหาบรรยายถึงเหตุการณ์การใช้ปืนสไนเปอร์ปลิดชีวิตประธานาธิบดีสหรัฐ



บทกวีของสเปนเซอร์มีชื่อว่า "สไนเปอร์" เขาเคยนำมันไปโพสต์ในเว็บไซต์ NewSaxon.org ของกลุ่ม white supremacist ซึ่งเป็นกลุ่มนาซีใหม่เมื่อปี 2550 และถูกโพสต์ซ้ำอีกครั้งในปี 2552 หลังจากนายโอบามาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว




ก่อนที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ จะสามารถจับกุมตัวสเปนเซอร์ได้เมื่อต้นปี 2553 ที่ผ่านมา



อย่างไรก็ตาม ผลคำพิพากษาของคดีนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกหรือไม่?



โดยฝ่ายที่ปกป้องสเปนเซอร์ให้เหตุผลว่า ข้อความในบทกวีของหนุ่มคนนี้เป็นเพียงแค่การแสดงความไม่พอใจเท่านั้น 







ขณะที่ฝ่ายอัยการระบุว่าข้อความที่ว่า "คนผิวดำต้องตาย" (DIE negro DIE) นั้น เพียงพอแล้วที่จะยกเลิกการให้เสรีภาพในการแสดงความเห็นแก่สเปนเซอร์




บทกวี "THE SNIPER" โดย Johnny Spencer (ถอดความโดย มติชนออนไลน์)



"As the tyrant enters his cross hairs the breath he takes is deep

เมื่อทรราชย์เดินเข้ามาในเป้า เขาสูดลมหายใจลึกๆ ลงปอด




His focus is square on the target as he begins to release

ขณะกำลังเริ่มต้นภารกิจปลดปล่อย จุดโฟกัสของเขาคือพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสบนร่างเป้าหมาย



A patriot for his people he knows this shot will cost his life

ในฐานะผู้รักปิตุภูมิที่ทำเพื่อประชาชน เขารู้ว่ากระสุนนัดนี้อาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของตนเอง



But for his race and their existence it is a small sacrifice

แต่เพื่อเผ่าพันธุ์ของเขาและการดำรงอยู่ของสิ่งสูงส่งนั้น นี่เป็นเพียงการเสียสละอันเล็กน้อย




The bullet that he has chambered is one of the purest pride

ลูกกระสุนที่เขาบรรจุไว้ในกระบอกปืนคือหนึ่งในเกียรติยศความภาคภูมิใจอันบริสุทธิ์



And the inspiration on the casing reads DIE negro DIE

และแรงบันดาลใจจากปลอกกระสุนก็อ่านออกมาเป็นถ้อยคำได้ว่า "ตาย นิโกรต้องตาย"



He breathes out as he pulls the trigger releasing all his hate

เขาปล่อยลมหายใจออกจากร่าง แล้วเหนี่ยวไกปืนเพื่อปลอดปล่อยความเกลียดชังทั้งหมดของตัวเอง




And a smile appears upon his face as he seals that monkey′s fate.

และรอยยิ้มก็บังเกิดบนใบหน้าเขา เมื่อตนเองเป็นผู้ปลิดชีวิตของลิงตัวนั้น



The bullet screams toward its mark bringing with it death

ลูกกระสุนพุ่งกรีดเป้าหมาย นำไปสู่ความตายของมัน



And where there was once a face there is nothing left

ส่วนที่เคยเป็นใบหน้า กลับไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่




Two blood covered agents stare in horror and dismay

สองเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งร่างเต็มไปด้วยเลือด จ้องมองภาพสยองขวัญอย่างตกตะลึง



Looking down toward the ground where their president now lay

มองไปยังพื้นด้านล่าง ร่างของประธานาธิบดีกำลังนอนทอดกายอยู่



Now the screams of one old negro broad pierces thru the air

เสียงกรีดร้องของนิโกรแก่ๆ กำลังดังแทรกผ่านอากาศธาตุ




Setting off panic from every eyewitness that was there

พยานผู้เห็นเหตุการณ์ทุกคน ณ ที่แห่งนั้น เริ่มตื่นตกใจ



And among all the confusion the hero calmly slips away

และท่ามกลางความสับสนต่างๆ นานา วีรบุรุษก็จากมาอย่างเงียบๆ



Laughing for he knows there will be another negro holiday”


เขาหัวเราะเมื่อได้รู้ว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งวันนักขัตฤกษ์ของพวกนิโกร




---------------------



มุมมองakecity กับคดีกลอนฆ่าประธานาธิบดี



จากข้อมูลที่มติชนนำเสนอ จะเห็นได้ว่า กลอนบทนี้เคยถูกโพสต์ครั้งแรกเมื่อปี2550มาแล้ว ซึ่งไม่เป็นคดีความแต่อย่างใด แต่เมื่อเอามีมาโพสต์อีกครั้งในปี2552 หลังจากที่โอบามาเป็นปธน.ผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาแล้ว



กลอนของนายจอห์นนี่ สเปนเซอร์ กลับเป็นคดีร้ายแรง ถึงขั้นตีความว่า ขู่ฆ่า หรือมีการอยากฆ่าประธานาธิบดี ไปซะนั่น!!



แบบนี้ อเมริกา 2มาตรฐานหรือไม่? ทำไมกลอนบทนี้ไม่เป็นคดีความตั้งแต่ปี2550 เล่า แค่เอากลอนเก่ามาโพสต์ใหม่ คนแต่งเลยซวยเพราะอเมริกามีประธานาธิบดีเป็นคนผิวสีอย่างนั้นหรือ?




ส่วนอัยการ ก็แสดงความเห็นส่วนตัวแบบเว่อร์มากๆ บอกออกมาได้ว่า แค่ข้อความที่ว่า "คนผิวสีต้องตาย" แค่นี้ก็สมควรติดคุกแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้กฎหมายอเมริกาก็อ่อนไหวเปราะบางยิ่งกว่าบ้านเราเสียอีก



แค่เขียนกลอน ซึ่งอาจรุนแรงในความคิดเรื่องเหยียดผิว แต่ไม่ได้ฆ่าใครจริงๆ และบทความนี้ก็ไม่ได้บอกว่าหมายถึงโอบาม่า เพราะมันเขียนมาก่อนที่โอบาม่าเป็นปธน.เสียอีก เป็นแค่บทกลอนของคนหัวรุนแรงเพี้ยนๆ ซึ่งอาจถึงขั้นโรคจิต ศาลอเมริกายังเอาถึงติดคุกเลยนะครับ แถมติดเต็มที่ ไม่มีมาขอพระราชทานอภัยโทษได้แบบบ้านเราเสียด้วย




ผมว่า ทางการอเมริกาน่าจะพาคนเขียนกลอนไปหาจิตแพทย์เพื่อรักษา น่าจะดีกว่า ส่งเขาเข้าคุกนะ ว่าไง?



แต่เอาล่ะ กฏหมายบ้านเขาเราก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องของเขา เราก็ต้องให้ความเคารพกฏหมายบ้านเขา



แต่ที่ผมชี้ให้ดู เพื่อจะเห็นได้ว่า กฏหมายอเมริกาน่ะเขาแรงกว่าของไทยเสียอีก เช่นถ้ามีคนไทยเขียนกลอนอยากฆ่าพวกเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมือง หรือประกาศแบบอาเจ๊ห้างเซ็นเตอร์วัน ที่ตะโกนว่า



"ฆ่าล้างบางตระกูลชินวัตร"




ถ้าเป็นแบบนี้ ประเทศไทยไม่เอามาติดคุกหรอกครับ เพราะที่เจ๊แกพูดมันคือเรื่องสมควรด้วยเหตุด้วยผล จริงมะ? ^^







---------------------



ดูตรรกะของไอ้สมศักดิ์ เจียม กับกรณีกลอนเหยียดผิวนี้ 



กรณีจำคุก 3 ปี เรื่องขู่เอาชีวิตโอบาม่านั้น มันมีกฎหมายอันหนึ่ง เรียกว่า มาตรา 871 ใน US Code Title 18, Part I, Chapter 41 ตัวบทของกฎหมายที่ว่า มีดังนี้

http://www.law.cornell.edu/uscode/usc_sec_18_00000871----000-.html




สรุปคือ ใครขู่ฆ่า หรือ ขู่จะลักพาตัว ปธน. หรือ รอง ปธน. หรือ ปธน.ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้ง (President-elect) มีโทษปรับ (ไม่ได้ระบุอัตรา) หรือ จำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ



ทีนี้ นี่คือ ความผิด ฐาน ขู่ฆ่า (หรือลักพาตัว หรือทำร้ายร่างกาย) นะครับ ไม่ใช่ ความผิด หมิ่นประมาท แบบกรณี 112 บ้านเรา



(แล้วจริงๆ ความผิดนี้ เขาถือเป็น class D felony คือ ความผิดชั้นต่ำสุด ไม่ใช่ความผิดระดับความมั่นคง เหมือน 112 ของบ้านเรา)



อันที่จริง กรณีที่พูดถึงนี้ มีหลายคน ก็ไม่พอใจคำตัดสินนะ (คนทำผิด เขียนกลอนชื่อ "สไนเปอร์" พิมพ์ครั้งแรกปี 2007 และพิมพ์ซ้ำ 2009 ขู่จะยิง ปธน.) โดยเห็นว่า การเขียนกลอนแบบนี้ ไม่น่าจะจัดอยู่ในความผิดเรื่อง ขู่ฆ่า แต่ควรถือเป็น free speech ซึ่งไม่มีความผิด บางคนก็ยกตัวอย่างงานเขียนประเภทเดียวกัน ที่คนทำกัน ซึ่งมีจริง หรือ กระทั่ง เร็วๆ นี้ มีคนเปิด fb ให้คนมาออกเสียงว่า โอบาม่า ควรถูกลอบสังหารหรือไม่ ให้เลือกตอบ yes, no, maybe ก็มีคนไปลงกันเป็นร้อยๆ แต่ตอนหลัง fb ปิดไป และมีการสอบสวนกันเหมือนกัน (เพราะมันมีความผิดมาตราที่ว่าอยู่) แต่ก็ไม่เห็นมีข่าวดำเนินคดีอะไร .. พูดง่ายๆ คือ แม้แต่มาตราที่ว่านี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อ หรือบ่อย



รายละเอียดตรรกะสมศักดิ์ ไปอ่านได้ที่ http://prachatai.com/journal/2011/12/38372




-----------------------



akecity วิเคราะห์ตรรกะไอ้สมศักดิ์ เจียม



ที่สมศักดิ์ เจียมว่าไว้มันก็ถูกของมัน เพราะคดีกลอนของนายจอห์นนี่ ศาลมองว่า เป็นการขู่ปธน. และศาลก็เอาผิดนายจอห์นนี่จากเรื่องฐานขู่ ฆ่า ลักพาตัว ไม่ใช่ความผิดต่อความมั่นคงประเทศ



และมุมมองสมศักดิ์ ยังบอกเองว่า ความจริงคดีกลอนนี้ก็ไม่น่าจะเป็นคดีด้วยซ้ำ แต่ดันเป็นคดีเอาผิดถึงติดคุก!!



สมศักดิ์เอ๋ย การที่สมศักดิ์ไปโต้ยะใส ว่าเอาคดีนี้มาเทียบกับมาตรา112ไม่ได้ เพราะคดีนายจอห์นนี่เป็นแค่คดีข่มขู่ฆ่า ไม่ใช่คดีกระทบความมั่นคงเหมือนของไทยนั้น




แต่ความจริงตรรกะสมศักดิ์เองก็เพี้ยน ก็สมศักดิ์ยังบอกเองเลยว่า คนทำfb เรื่องเกี่ยวกับควรสังหารโอบามาหรือไม่ แต่กลับไม่เป็นคดี



แล้วทำไมแค่กลอนของนายจอห์นี่ ที่เขียนมาก่อนโอบาม่าเป็นปธน.เสียอีก ศาลอเมริกาจึงเอาถึงติดคุกเลยล่ะ แบบนี้ไม่เรียกว่า อเมริกาเอาผิดเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือไม?



สมศักดิ์เขียนว่า "พูดถึงนี้ มีหลายคน ก็ไม่พอใจคำตัดสินนะ (คนทำผิด เขียนกลอนชื่อ "สไนเปอร์" พิมพ์ครั้งแรกปี 2007 และพิมพ์ซ้ำ 2009 ขู่จะยิง ปธน.) โดยเป็นว่า การเขียนกลอนแบบนี้ ไม่น่าจะจัดอยู่ในความผิดเรื่อง ขู่ฆ่า แต่ควรถือเป็น free speech ซึ่งไม่มีความผิด บางคนก็ยกตัวอย่างงานเขียนประเภท เดียวกัน ที่คนทำกัน ซึ่งมีจริง หรือ กระทัง เร็วๆ นี้ มีคนเปิด fb ให้คนมาออกเสียงว่า โอบาม่า ควรถูกลอบสังหารหรือไม่ ให้เลือกตอบ yes, no, maybe ก็มีคนไปลงกันเป็นร้อยๆ แต่ตอนหลัง fb ปิดไป และมีการสอบสวนกันเหมือนกัน (เพราะมันมีความผิดมาตราทีว่าอยู่) แต่ก็ไม่เห็นมีข่าวดำเนินคดีอะไร .. พูดง่ายๆ คือ แม้แต่ไอ้มาตราทีว่านี้ ก็ไมใช่่ว่า จะใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อ หรือบ่อย"



ฉะนั้นถ้าเป็นแบบที่สมศักดิ๋บอก ก็แปลว่า อเมริกาไร้มาตรฐานน่ะสิ นึกอยากจะเล่นงานใครก็เล่น แล้วแต่อารมณ์ซะงั้น บางคดีก็เล่นงาน บางคดีก็ปล่อยผ่านไปเฉยๆ




แล้วที่สมศักดิ์บอกว่า "ยะใส ยกกรณี ดา ตอร์ปิโด นั้น ก็คนละเรื่องเลยครับ ดา ตอร์ปิโด เคย "ขู่ฆ่า" หรือขู่ ลักพาตัว ใครเหรอ?"



สมศักดิ์เอ๋ย ที่นังดามันหยาบคายต่อสถาบัน แม้ยังไม่ได้ขู่ฆ่า คนไทยก็รับไม่ได้แล้วโว้ย



ถ้านังดามันถึงขั้นขู่ฆ่าล่ะก็ มันมีหวังโดนกระทืบตายในคุกแน่นอน แค่ตอนนี้ที่มันติดคุก มันก็ปากเจ่อแทบทุกวันอยู่แล้ว เพราะนักโทษด้วยกันเขากระตื้บมันเรื่อยๆ นั่นแหล่ะ ถ้าไม่เชื่อสมศักดิ์ก็ลองไปติดดูจะเข้าใจ



แล้วที่สมศักดิ์บอกว่า คนอเมริกาด่าประธานาธิบดีแรงๆได้ไม่ผิด ก็ถูกของสมศักดิ์ แต่สมศักดิ์จะเอาตำแหน่งประธานาธิบดีมาเทียบกับพระมหากษัตริย์ไม่ได้ คนละเรื่องกันเลย




กฏหมายและวัฒนธรรมบ้านใครก็มีความแตกต่างกัน บ้านใครก็บ้านมัน แม้แต่คนอังกฤษเองยังมองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเทียบเท่าแค่ระดับนายกรัฐมนตรีอังกฤษเท่านั้น (ซึ่งผมจะเขียนเรื่องนี้ต่อไป)



มาตรา112 ของไทย เรามีไว้ปกป้องสถาบันฯ ซึ่งหมายถึงสำคัญยิ่งกว่าตัวบุคคล อเมริกาเขาให้ด่าประธานาธิบดีได้มันก็เรื่องของเขา เหมือนที่บ้านเราก็ด่านายกรัฐมนตรีได้เหมือนกัน



แต่ประเทศไทยเราห้ามใครหมิ่นสถาบันฯ มันก็เรื่องของเรา เข้าใจมั้ยไอ้สมศักดิ์!?



ถ้าสมศักดิ์ ไม่เข้าใจ และรับไม่ได้การมีมาตรา112 สมศักดิ์ควรไปเกิดใหม่ในที่ที่เหมาะสมกับสมศักดิ์นะ เช่นอเมริกาไง ทำไมสมศักดื์ไม่ไปเกิดนะ? มาอยู่ให้หนักแผ่นดินไทยอยู่ได้



--------------------




เรื่องเด็กอังกฤษส่งอีเมล์ด่าโอบามา ถูกสั่งห้ามเข้าประเทศ



ซึ่งเรื่องนี้ ตรรกะของสมศักดิ์ ก็ยกมาแก้ต่างแค่ประเด็นที่ว่า เด็กไม่ได้โดนสั่งห้ามเข้าตลอดชีวิตมาหักล้างเท่านั้น และสมศักดิ์ก็บอกเองว่า อเมริกามันก็แบนคนเป็นระยะๆเป็นเรื่องธรรมดา เอามาเทียบกับมาตรา112ไม่ได้ (ว่าแต่ไอ้ทักษิณพ่อคนที่2ของสมศักดิ์ เข้าอเมริกาได้รึยัง?)



โถๆ สมศักดิ์เอ๋ย ทำไมมันจะเทียบไม่ได้กับมาตรา112ไม่ได้  แค่เด็กอังกฤษส่งอีเมล์ด่าปธน.อเมริกาเท่านั้น อเมริกายังถึงขั้นสั่งเด็กอังกฤษห้ามเข้าประเทศเลย 



แล้วมาตรา112 ถ้าใครหมิ่นสถาบันกษัตริย์  ไทยเราก็แค่ห้ามมันออกมาดูโลกภายนอกสักพักบ้างไม่ได้หรือ? สมศักดิ์!!




กฏหมายบ้านใครบ้านมันโว้ย สุดท้ายถ้าใครมันสำนึกผิด ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ก็ไม่มีใครติดคุกนานเท่าที่ศาลสั่งลงโทษสักรายเดียว จริงมั้ยสมศักดิ์? บ้านเราดีกว่าอเมริกาตั้งเยอะ!!



ส่วนที่สมศักดิ์บอกว่า เด็กอังกฤษแค่ถูกขึ้นบัญชีดำ แต่ไม่ได้โดนห้ามเข้าตลอดชีวิตตามที่ยะใสอ้างนั้น



แต่ถ้าตามลิงค์นี้  http://bit.ly/udZmrA



เขาเขียนไว้ว่า A British boy has been banned from America for life after he sent an email to the White House calling Barack Obama "a prick".




ผมเองก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า คำว่า for life แปลว่าตลอดชีวิตหรือเปล่า?



-----------------------



ทีนี้มาดูวิธีปกป้องความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา



คุณผู้อ่านครับ หลังจากอเมริกาโดนถล่มตึกเวิร์ลเทรดไป อเมริกาก็อ้างว่า บินลาเดนเป็นคนสั่งการ




และเพื่อความมั่นคงของอเมริกาเอง แต่อ้างเพื่อปกป้องสันติภาพโลกบังหน้า อเมริกาจึงตามล่าบดขยี้บินลาเดนไปทุกที่ จนสังหารบินลาเดนได้ การฆ่าบินลาเดนได้ ต้องแลกกับที่กองทัพอเมริกาบุกถล่มอัฟกานิสถาน มีคนเสียชีวิตซึ่งรวมทั้งผู้บริสุทธิ์ไปด้วย ต้องตายไปมากมายกว่าจะสังหารบินลาเดนสำเร็จ



ทหารอเมริกันบุกเข้าไปในปากีสถานเพื่อสังหารบินลาเดน โดยไม่ได้ขออนุญาตทางการปากีสถานก่อน เพราะอเมริกากลัวว่าข่าวจะรั่ว แล้วบินลาเดนจะหลบหนีได้อีก



นี่ก็คือสันดานของอเมริกา ที่ละเมิดอธิปไตยชาติอื่นได้ แต่ชาติอื่นละเมิดอธิปไตยอเมริกาไม่ได้



คุณผู้อ่านครับ จอร์ช บุช ผู้พ่อ ปราบซัดดัม ฮุสเซ็นไม่เด็ดขาด เลยส่งไม้ต่อให้จอร์ช w บุช ผู้ลูกสานต่อ โดยที่จอร์ช w บุช ปรักปรำว่า ซัดดัมมีอาวุธนิวเคลียร์ มีอาวุธเคมี อาวุธชีวะภาพ สะสมอยู่ปริมาณมหาศาล




แล้วจอร์ช w บุช ก็สั่งกองทัพสหรัฐยกทัพถล่มอิรักแบบให้ราบเป็นหน้ากลอง ทำลายประเทศอิรักย่อยยับ ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าอิรักมีอาวุธร้ายแรงขัดต่อสันติภาพโลก และตามฆ่าซัดดัมได้ในที่สุด



แต่แล้วในที่สุด กองทัพสหรัฐก็กลับหาแหล่งเก็บอาวุธร้ายแรงทั้งหลายของอิรักไม่เจอ



บ้านเมืองอิรักก่อนโดนกองทัพสหรัฐถล่ม ที่เคยสวยงาม ต้องกลายเป็นซากปรักหักพัง



ในหนังสือ Decision Points ซึ่งมีจำนวน 500 หน้า บุชได้เขียนยอมรับความผิดพลาดในการทำสงครามอิรัก และความล้มเหลวในการหาอาวุธทำลายล้างสูงตามรายงานของหน่วยข่าวกรองที่ยืนยัน หนักแน่นว่าอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนของอิรักนั้นครอบครองอยู่



"ไม่มีใครที่รู้สึกตกใจ หรือไม่พอใจมากไปกว่าผม เมื่อเราไม่พบอาวุธใดๆ ผมมีความรู้สึกแย่ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ และผมยังเป็นอยู่" บุชเขียนไว้ในหนังสือ ซึ่งข้อความนี้ถูกตัดทอนมาโดยสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ที่ได้สัมภาษณ์อดีตผู้นำสหรัฐฯ เป็นรายแรก




เมื่อเอ็นบีซีถามว่าเขาคิดจะขอโทษในความผิดพลาดเหล่านั้นหรือไม่ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ยืนยันว่า "ไม่"



"การขอโทษจะเท่ากับการยอมรับว่าการตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจที่ ผิด ผมไม่เชื่อว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิด ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการปัญหานี้คือค้นหาความจริงว่าทำไม และอะไรที่ผิดพลาด แล้วจึงแก้ไขสิ่งนั้น" บุชกล่าว



ทั้งๆที่รู้ว่าตัดสินใจผิดพลาด แต่อดีตปธน.สหรัฐ ก็ไม่ขอโทษ และไม่ยอมรับผิด ทำให้เมื่อบุชไปอิรัก จึงโดนนักข่าวอิรักขว้างรองเท้าใส่หน้า แต่โชคดีบุชหลบทัน



แต่นักข่าวอิรักคนนี้ก็โดนสั่งจำคุกไป ซึ่งเมื่อเขาออกจากคุก เขาก็กลายเป็นฮีโร่ของชาวมุสลิมในหลายประเทศทั่วโลกเลยครับ








----------------------



เป็นไงครับ วิธีปกป้องความมั่งคงของสหรัฐ ด้วยการให้กองทัพสหรัฐบุกถล่มอิรัก ทั้งๆที่ไม่มีข้อมูลความจริงเลยว่า อิรักมีอาวุธทำลายล้างสูงจริง แต่สหรัฐก็ถล่มอิรักจนมีทหาร พลเรือน และทรัพย์สินของชาวอิรักสูญเสียมากมาย



ทหารอเมริกันเองก็ไปตายในสงครามอิรักนับพันนับหมื่นคน



แต่ก็ไม่มีใครคิดเอา จอร์ช w บุช ขึ้นศาลโลก ด้วยข้อหาสั่งฆ่าประชาชนอิรักเลย สักคน




ทำไมเสื้อแดงไม่ลองยื่นฟ้องอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ สั่งฆ่าประชาชนอิรักพ่วงไปด้วยอีกสักคดีล่ะครับ รับรองดังกว่าฟ้องรัฐบาลอภิสิทธิ์เสียอีก



จริงมะ?




'แม้ว'อนุมัติคลอดโผ16ผู้ว่าฯชงครม.

'ทักษิณ' อนุมัติ หลังยื้อหลายรอบ 'ยงยุทธ' รับบัญชา ชง ครม. เคาะทิ้งท้ายปีเก่า เห็นชอบโผ 16 ผู้ว่าฯ ดันเด็ก 'เหลิม' นั่งผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ปราบ 'เนวิน' สายแดงผงาด เด้ง 3 พ่อเมืองเข้ากรุตบยุง บำเหน็จ 'ฉัตรป้อง' ถุงยังชีพได้ดี ขึ้นผู้ว่าฯมหาสารคาม 

 

 

          นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการแต่งตั้งข้าราชการระดับ10 ในตำแหน่งผู้ว่าราชการหรือนักบริหารสูง 16 ตำแหน่งที่ว่างลงว่า ที่ผ่านมามีการสอบคัดสรรผู้มีคุณสมบัติ เพื่อเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 9 (รองผวจ.และรองอธิบดี) จำนวน 73 ราย  เพื่อดำเนินการคัดเลือกเข้ามารับการแต่งตั้งให้ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้ว่า ราชการจังหวัดเรียบร้อยแล้ว
          ทั้งนี้ จะนำโผบัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด และจะมีการเสนอรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด เข้ามาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยอีก 3 ตำแหน่ง เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
          อย่างไรก็ตาม สำหรับรายชื่อนั้น คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะถือว่า ยังเป็นชั้นของความลับอยู่
          ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า สำหรับรายชื่อผู้ที่มีแนวโน้ม จะได้รับการแต่งตั้ง ลงตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีดังนี้ 1.นายนิมิต จันทน์วิมล รองผวจ.นครปฐม ได้ขึ้นเป็นผวจ.นครปฐม ด้วยแรงหนุนจากนายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตรมช.มหาดไทย ในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ
          2. นายธานินทร์ สุภาแสน รองผวจ.แม่ฮ่องสอน ได้ขึ้นเป็น ผวจ.เชียงราย เนื่องจากสนิทสนมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย
          3. นายพิศาล ทองเลิศ รองผวจ.สงขลา ได้รับการแต่งตั้งเป็นผวจ.สตูล ได้รับการสนับสนุนจากนายอารี ไกรนรา เลขานุการ รมว.มหาดไทย
          4.นาย วิเชียร จันทรโณทัย รองผวจ.สุรินทร์ ขึ้นเป็นผวจ.อำนาจเจริญ จากแรงหนุนของนายอารี ไกรนรา เลขานุการรมว.มหาดไทย หลังจากช่วยงาน และมีความสนิทสนมกับนายอารี มาเป็นเวลานาน
          5.นายประวัติ ถีถะแก้ว รองผวจ.ยโสธร ได้รับการแต่งเป็นผวจ.ยโสธร โดยได้รับการผลักดันจาก ส.ส.เพื่อไทยในพื้นที่ อย่างนายพีรพันธุ์ พาลุสุข นายบุญแก้ว สมวงศ์ และนายปิยวัฒน์ พันธ์สายเชื้อ สนับสนุนให้เข้ารับตำแหน่ง
          6.นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ขึ้นเป็นผวจ.นราธิวาส ด้วยการทำงานแก้ปัญญาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้มาตลอด และมีความคุ้นเคยกับนายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในสมัยที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
          7.นาย ณัฐพงษ์ ศิริชนะ รองผวจ.ยะลา ขึ้นเป็นผวจ.ยะลา โดยได้รับแรงหนุนจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรมว.มหาดไทย แกนนำกลุ่มวาดะห์
          8.นายประทีป กีรติเราขา รองอธบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผวจ.ศรีสะเกษ
          9.นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ได้รับการแต่งตั้งเป็นผวจ.นครพนมตามที่ส.ส.นครพนมสายนายไพจิตร ศรีวรขาน ผลักดัน
          10.นายอุกริช พึ่งโสภา รองผวจ.สระบุรี ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผวจ.ชัยภูมิ โดยได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.เพื่อไทย ลงชื่อหนุนยกจังหวัด ให้เข้ามาทำหน้าที่
          11.นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ รองผวจ.สมุทรสาคร ได้รับการแต่งตั้งเป็นผวจ.แพร่ โดยได้รับการผลักดันจากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย
          12.นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผวจ.มหาสารคาม หลังเป็นตัวหลักในการรับหน้าเสื่อให้กับรัฐบาล ในการจัดซื้อถุงยังชีพ ที่ถูกฝ่ายค้านยื่นเปิดอภิปราย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ
          13.นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรธนะ รองผวจ.กาญจนบุรี เป็นผวจ. กาญจนบุรี
          14. นายบุญเชิด คิดเห็น รองอธิบดีกรมที่ดิน  เป็นผวจ.บุรีรัมย์ ซึ่งถือเป็นสายตรง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
          15. นายมงคล สันฐิติวิฑูร รองผวจ.ตาก เป็นผวจ.เพชรบูรณ์
          16.นายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผวจ.ลำปางเป็นผวจ.ลำปาง
          สำหรับ บัญชีรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะได้รับการเสนอเข้ามานั่งเป็นผู้ตวจราชการกระทรวงมหาดไทยที่ว่างลงจำนวน 3 ตำแหน่ง ในพื้นที่ผู้ตรวจฯเขต 6 , 9 , และเขต 12 นั้น มีดังนี้  1.นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผวจ.ปราจีนบุรี 2.นายสามารถ ลอยฟ้า ผวจ.ตาก 3.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.นครนายก
          อย่างไรก็ตาม รายชื่อทั้งหมด เป็นการจัดทำโผตามความต้องการของ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ในแต่ละจังหวัด ที่พยายามล็อบบี้ผ่านฝ่ายการเมืองในกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการตามที่ต้องการเพื่อผลทางการเมืองในพื้นที่
          ทั้งนี้ มีกระแสข่าวระบุด้วยว่า มีการขออนุมัติในขั้นสุดท้าย จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ฝ่ายการเมืองในกระทรวงมหาดไทย ติดต่อแจ้งรายชื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเห็นชอบ


คมชัดลึก
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง