บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

1 ประเทศ 2 ระบบ ... ความขัดแย้งที่ต้องเลือก !!!

by chompoopookha


มีโอกาสได้พูดคุยนอกรอบกับแหล่งข่าวท่านหนึ่ง 
มีข้อมูลที่น่าสนใจจึงอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง
แต่กว่าจะเขียนได้ก็ต้องนั่งนึกอยู่นานว่าจะนำเสนออย่างไรดี
เพราะในสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน
การเผยแพร่ข้อมูลบางอย่างจำเป็นต้องใช้วิจารณญานและการไตร่ตรองอย่างมาก
เพราะอาจจะก่อให้เกิดความยุ่งยากตามมาในภายหลังได้
(หวังว่าจะไม่เกิด อิอิอิ)
.
นี่เป็นบทสนทนาช่วงหนึ่ง
แหล่งข่าว :
ผมต้องออกตัวก่อนนะว่า ผมไม่ใช่คนเสื้อแดง หรือเสื้อสีใดๆ ทั้งนั้น 
แต่ผมมีเพื่อนทั้ง 2 ฝ่าย บอกได้อย่างหนึ่งว่า
ทุกคนล้วนรักประเทศชาติด้วยกันหมด ไม่มีใครไม่รัก
เพียงแต่บางคนถูกหล่อหลอมมาด้วยวิธีคิดผิดๆ
จขบ. :
ปัญหาความขัดแย้งจะจบไหมคะ
แหล่งข่าว :
จบได้ แต่ชัยชนะต้องเป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเด็ดขาด 
คุณรู้ไหมว่าการต่อสู้ในวันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ของเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์
แต่เป็นการต่อสู้ทางความคิดของ 2 ขั้ว
ประเทศไทยในวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า
เรามีลักษณะเป็น 1 ประเทศ 2 ระบบ
ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ขั้วหนึ่ง ประชาชนมีความศรัทธาและยังต้องการพึ่งพิง
พระบรมโพธิสมภารของมหากษัตริย์
ขั้วสอง ประชาชนต้องการประชาธิปไตยแบบ
ที่ไม่ต้องการการพึ่งพิงพระบรมโพธิสมภารของมหากษัตริย์ 
ประเทศของเราต้องแก้ไขปัญหาในจุดนี้ เราจะเลือกทางไหน ??
เพื่อทำให้ 1 ประเทศมี 1 ระบบเท่านั้น
ความขัดแย้งก็จะลดน้อยลง
ประชาชนมีความคิดที่แตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่ใช่ความแตกแยก
ถามว่าคุณเข้าใจไหมว่า 2 ขั้วนี้ต่างกันอย่างไร
ภายใต้การปกครองระบอบเดียวกัน
ขั้วแรก ด้วยความรักและศรัทธาในสถาบัน
คนไทยมีสังคมแบบครอบครัว มีพ่อของบ้าน มีพ่อหลวงของประเทศ
เมื่อมีปัญหาอะไรก็ตามในประเทศนี้ ทุกคนจะเริ่มมองหาที่พึ่งที่เป็นคนกลาง
ที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นแกนหลักของบ้านเมือง ทุกคนจึงหวังพึ่งพ่อหลวง
ขั้วที่สอง ต้องการให้กลไกประชาธิปไตยหมุนไปตามครรลอง
โดยไม่ต้องพึ่งพาหรือการแทรกแซงใดๆ 
จขบ. :
พระองค์ท่านไม่ได้แทรกแซงทางการเมือง !
แหล่งข่าว :
คุณเห็นไหม ทุกคนยังหวังพึ่งพิงพระองค์ท่าน
มีปัญหาอะไรก็วิ่งเข้าไปหาท่าน
ทุกคนยังเอ่ยถึงท่านตลอดเวลาในวันนี้
ทั้งที่บางเรื่องเป็นเรื่องของการเมือง ควรแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการเมือง
ไม่ควรนำประเด็นทางการเมืองไปเกี่ยวกับพระองค์ท่าน
จขบ. :
ประเทศที่มีระบอบการปกครองคล้ายเรา แต่ไม่มีปัญหา
เช่น ญี่ปุ่น หรืออังกฤษ ทำไมของเราถึงมีปัญหา
แหล่งข่าว :
ประเทศไทยมีลักษณะอย่างที่บอกคือ 1 ประเทศ 2 ระบบ
ญี่ปุ่น หรือ อังกฤษ เขามีลักษณะ 1 ประเทศ 1 ระบบ
จขบ. :
พูดได้ไหมว่า ระบอบการปกครองของไทยมีอัตลักษณ์เฉพาะ
จึงไม่จำเป็นต้องไปเหมือนประเทศอื่น
แหล่งข่าว :
ศาสตร์การปกครองมันลึกซึ้งมากคุณ ผมก็ไม่ได้เข้าใจมากนัก
แต่ก็พยายามมองให้รอบด้าน ปัญหาสำคัญในวันนี้คือ
เรามีปัญหาที่ คน เราสามารถเป็น 1 ประเทศ 1 ระบบได้
แต่ต้องไปแก้ปัญหาที่ คน 
คุณต้องยอมรับอย่างนึงว่าคนของเราไม่ใช่คนแบบญี่ปุ่น หรือคนแบบอังกฤษ 
ที่เขาสามารถพึ่งพิงตัวเอง และเชื่อในกลไกการปกครอง
เชื่อในระบบ เชื่อในผู้นำประเทศ เชื่อในผู้บริหาร
ซึ่งผู้บริหารที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาของเขาก็จะมีสปิริต มีคุณธรรม
ซึ่งสำคัญสำหรับการบริหารประเทศ
แต่ผู้บริหาร หรือนักปกครองของเรามีสิ่งเหล่านี้อยู่หรือเปล่า
ตราบใดที่ยังไม่มีคุณธรรม ก็ไม่สามารถโน้มน้าวจิตใจประชาชนทั้งประเทศได้
คนญี่ปุ่น คนอังกฤษ เมื่อถึงคราวมีปัญหาเขาตัดสินกันที่อำนาจรัฐที่เป็นธรรม
ไม่มีใครไปพึ่งพิงสถาบัน สถาบันจึงอยู่เหนือการเมืองอย่างแท้จริง
พระองค์ท่านคือศูนย์รวมความรักความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ
และคือสัญลักษณ์ของชาติที่ต้องอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง
ถ้าเรายืนด้วยขาของตัวเองได้ 1 ประเทศ 1 ระบบ ก็จะเป็นจริง
โครงสร้างหรือทิศทางการบริหารประเทศต้องมีความแน่นอน
เพราะรัฐบาลมา 4 ปีแล้วก็ไป รัฐบาลใหม่เข้ามาก็ต้องบริหารต่อไป
ไม่ใช่ยึดที่ตัวบุคคลเหมือนของเรา เปลี่ยนรัฐบาลทีก็เปลี่ยนนโยบายที
แผนพัฒนาเศรษฐกิจเปลี่ยนกันทุก 2 ปี เมื่อไหร่เราจะพัฒนา
ประเทศต้องยึดหลักการปกครอง ไม่ใช่หลักตัวคน หรือหลักความชอบส่วนบุคคล
เพราะคนไม่คงที่ เปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา
ประเทศควรจะต้องยึดแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่มองไกล คิดไกล
ต้องมีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่องจริงจังจึงจะเห็นผล 
จขบ. :
ประเทศไทยจะก้าวไปถึงวันนั้นได้ไหม
แหล่งข่าว :
ได้ แต่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะอย่างเด็ดขาด
จขบ. :
ดูจากสภาพแล้ววันนั้นคงยังมาไม่ถึง
แหล่งข่าว :
ใช่ แต่คุณอย่าไปโทษใคร อย่าไปโทษฝ่ายนั้นฝ่ายนี้
บอกได้เลยว่า ทุกคนมีส่วนผิดด้วยกันทั้งนั้น
เรายอมรับให้คนไม่ดีเข้ามาบริหารประเทศ
ผมไม่ได้หมายถึงรัฐบาลชุดไหนไม่ดีนะ
แต่หมายถึงคนที่คุณเลือก คุณเลือกคนดีหรือเปล่า
คุณเปิดโอกาสให้คนไม่ดีมีที่ยืนในสังคมหรือเปล่า
คุณไม่จำกัดพื้นที่ของคนไม่ดีใช่หรือไม่
ไม่เฉพาะนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ประชาชน
ทุกคนผมใช้คำว่าทุกคนที่มีส่วนผิด
ลองคิดดูตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้าน
คุณเปิดโอกาสให้คนทำไม่ดีเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า
คุณเคยจ่ายเงินให้ตำรวจตอนทำผิดกฎจราจรบ้างไหม
คุณยอมเสียเงินเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ได้ในบางสิ่งบางอย่างมาหรือไม่
คุณเอารัดเอาเปรียบ แสดงความเห็นแก่ตัวในการใช้ชีวิตประจำวันบ้างหรือเปล่า
ทุกวันนี้คุณรับรู้ว่าอะไรดีไม่ดี แต่คุณก็ยอมรับมัน
คุณรู้ว่านักการเมืองโกงกิน
แต่คุณบอกว่าคุณไม่มีทางเลือก คุณจึงจำเป็นต้องเลือก
นั่นแหละสังคมไทย แก้ได้อยู่ แต่จะใช้เวลานาน
อยู่ที่ตัวคุณ ตัวผม และทุกๆ คน
.
เราจบบทสนทนาลงเมื่อเย็นย่ำ
ระหว่างทางกลับบ้าน คิดเพลินๆ ย้อนกลับไปในห้วงเวลา 6-7 ปีมานี้
จะว่าไปสถานการณ์ต่างๆ มันดำเนินไปตามพัฒนาการของมัน
เกิดความขัดแย้ง และทวีความรุนแรงมากขึ้นๆ จนแยกเป็น 2 ขั้วชัดเจน
มีปัจจัยอะไรต่างๆ แทรกเข้ามาตลอดเวลา อะไรก็เกิดขึ้นได้
นึกไปถึงทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พื้นๆ ทุกอย่างจะเป็นไปตามกลไกของมัน
เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันจะปรับสภาพตัวเองกลับ เช่น เวลาที่เงินฝืดถึงขีดสุด
มันจะเริ่มกลับมาสู่สภาวะเงินเฟ้อ ยามที่เกิดฟองสบู่มากๆ วันนึงมันจะแตก
จากรวยเปลี่ยนมาจน ความขัดแย้งในวันนี้ก็อาจเป็นเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันต้องมีทางออก เพียงแต่ไม่รู้จะไปออกทางไหนเท่านั้น
.
ชมพูภูคา

เสื้อแดงจะจัดงาน ทักษิณมหาราษฎร์ ฉลองวันเกิด 26 ก.ค. มากไปมั๊ยครับ

  by Canไทเมือง ,

เป็นข่าวจากเว็บเสื้อแดงทั้งหลาย

พรึบ!ไม่ต้องเกณฑ์กูจัดเอง62ปีทักษิณมหาราษฎร์


การ์ตูนลายเส้นของGag Lasvegas การ์ตูนนิสต์ไทยในอเมริกา


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
21 กรกฎาคม 2554


กลุ่ม ผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้นัดหมายกันจัดงานคล้ายวันครบรอบวันเกิด 62 ปีให้พ.ต.ท.ทักษิณ ทั่วไทยทั่วโลกต่อเนื่องเป็นปีที่สาม ภายใต้คอนเซ็ปต์เดิมคือ"ไม่ต้องมาเกณฑ์ พวกกูจัดเอง" ในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ หลังจากเริ่มจัดงานแซยิดในโอกาสครบ 60 ปีไปเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2552
สำหรับวันเกิด ครบ 62 ปีในปีนี้ หนังสือพิมพ์เสนอข่าวก่อนหน้านี้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะจัดงานที่บาหลี อินโดนีเซีย ทำให้กระทรวงต่างประเทศออกมาขัดขวาง แต่นายนพดล ปัทมะ คนใกล้ชิดได้ออกมาปฏิเสธข่าว ว่า ในวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่มีการจัดงานวันเกิด ที่หมู่เกาะบาหลี และคงไม่มีการจัดงานที่ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะจะใช้เวลาในวันดังกล่าว อยู่กับลูกๆ และไปทำบุญไว้พระ ที่ไหนสักแห่งในโลก แต่ไม่ใช่ทวีปเอเชีย หรือสถานที่ ที่อยู่ใกล้กับประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ก็จะไม่อยู่ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดังนั้น ใครที่คิดจะเดินทางไป คงจะไม่ได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
อย่าง ไรก็ตามมีการนัดหมายของคนเสื้อแดงหลายจุดในเวลานี้ว่าจะพากันจัดงานวันเกิด ให้พ.ต.ท.ทักษิณ โดยที่เชียงใหม่ บ้านเกิดอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ผู้สนับสนุนเปิดเผยว่า งานคล้่ายวันเกิดของนายกฯทักษิณท​ี่แดงเชียงใหม่จะจัดในปีนี้ มีกำหนดการ แปดโมงเช้า ทำบุญร่วมกันที่วัดดอนจั่น สี่โมงเย็นเป็นต้นไป กิจกรรมบนเวทีจะฉลองวันเกิดให้ท่านยิ่งใหญ่ที่วัดดอนจั่นเช่นกัน มีโฟนอินจากท่านด้วยเน้อ ห้ามพลาดเด็ดขาด
ส่วนที่ราชบุรี กลุ่มคนเสื้อแดงราชบุรีแจ้งว่า ขอเชิญทุกท่าน ร่วมกิจกรรม " สะพานบุญแด่นายกฯในดวงใจ" ร่วม เลี้ยงอาหารกลางวันและบริจาคเงินชวยเหลือ เด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา 380คน ณ โรงรียนธรรมจารินี อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ( โรงเรียนอยู่ประจำตามแนววิถีพุทธ)วันอาทิตย์ 24 ก.ค.นี้เวลา 11.00น.
รายละเอียดติดต่อ 084-342-3386


0000000000000000000000000
ท่าทางจะเป็นเอามากแล้วละครับ ท่านผู้ชม...
ทักษิณมหาราษฎร์ นึกว่าชื่อเหล้าซะอีก
จุดต่างๆ ที่เคยจัดงานเมื่อปีที่ผ่านๆมา
1.กรุงเทพมหานคร
2.กาญจนบุรี
3.กำแพงเพชร
4.ขอนแก่น
5.จันทบุรี
6.ชลบุรี
7.เชียงใหม่
8.เชียงราย
9.ชัยภูมิ
10.ตาก
11.ปัตตานี
12.ปทุมธานี
13.นครปฐม
14.นครนายก
15.นครพนม
16.นครราชสีมา
17.นครศรีธรรมราช
18.นนทบุรี
19.พิษณุโลก
20.เพชรบุรี
21.พะเยา
22.แพร่
23.ร้อยเอ็ด
24.ลำปาง
25.ลำพูน
26.ลพบุรี
27.สกลนคร
28.สงขลา
29.สมุทรปราการ
30.สมุทรสาคร
31.สิงห์บุรี
32.สุรินทร์
33.ยโสธร
34.หนองคาย
35.อุดรธานี
37.พระนครศรีอยุธยา
38.อุตรดิตถ์
39.อ่างทอง
40.สระบุรี
41.ประจวบคีรีขันธ์
42.สุโขทัย
43.สุพรรณบุรี
44.ชัยนาท
45.ธนบุรี
46.ราชบุรี
47.ภูเก็ต
48.อุทัยธานี
49.สมุทรสงคราม
50.น่าน
51.แม่ฮ่องสอน
52.ศรีสะเกษ
53.อุบลราชธานี
54.อำนาจเจริญ
55.สุราษฎร์ธานี
56.สหราชอาณาจักร
57.ชิคาโก้ สหรัฐอเมริกา
58.ฮิวส์ตั้น เท็กซัส สหรัฐอเมริกา
59.ลอสแอนเจลีส สหรัฐอเมริกา
60.ดูไบ สหรัฐอาหรับอามิเรตส์

นักเศรษฐศาสตร์บอกทักษิณหลอกเรื่องค่าแรง300บาท

โดย ใหม่เมืองเอก
บทความที่ผมนำเสนอนี้ นำมาจากมติชนออนไลน์ เขียนโดยไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ สถาบันวิจัยสังคมและเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต

ซึ่งผมก็ขอตัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องค่าแรง300บาท เนื้อหาตามนี้

V


V




ความขัดแย้งในสังคมประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่ผู้นำที่มีลักษณะและมีสไตล์ทางการเมืองเป็น populist ที่ผ่านมาในรอบเกือบสิบปี อย่างคุณทักษิณและพรรคของคุณทักษิณ มีแนวโน้มเพิ่มความขัดแย้งจนเกิดเป็นความรุนแรงและความเสียหายแก่ประเทศได้ง่าย โดยเฉพาะการคิดว่าการได้เสียงข้างมากจากประชาชนนั้นสามารถจะทำอะไรได้ตามใจชอบหรือมีการใช้อำนาจในทางที่มิชอบและขาดความชอบธรรม

ประชาธิปไตยเป็นเรื่องของวิธีการและกระบวนการซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า เป้าหมาย กรณีที่มาของข้อเสนอค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทของพรรคเพื่อไทยอาจจะเป็นตัวอย่างหนึ่งซึ่งมีที่มาเป็นส่วนผสมของ

(ก.) การมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับค่าจ้างของคนระดับล่างและการใช้ค่าจ้างขั้นต่ำเป็น เครื่องมือของพรรคของทักษิณและทีมเศรษฐกิจซึ่งจะถูกจะผิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และ

(ข.) การแข่งขันทางการเมืองซึ่งทำให้พรรคต้องฉวยโอกาสในการให้ข้อเสนอที่ดีกว่าคู่แข่งทั้งที่รู้ว่า ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะถ้าค่าจ้าง 300 บาทนี้ทำเหมือนกันทั่วประเทศ ซึ่งคุณทักษิณก็คงรู้ว่าพรรคกำลังหลอกประชาชน!!

ผู้เขียนไม่แปลกใจที่ว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมากแต่ความเหมาะสมของนโยบายเมื่อถูกประเมิน โดยนักเศรษฐศาสตร์กว่าเจ็ดสิบคน นโยบายของพรรคเพื่อไทยได้คะแนนน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์

ที่คุณทักษิณทำเช่นนี้ได้เพราะวัฒนธรรมทางการเมืองทั้งในช่วงการหาเสียง เลือกตั้งและก่อนหน้าไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสและเป็นผลมา จากกระบวนการไตร่ตรองผ่านการถกเถียงอย่างเข้มข้นกว้างขวางของประชาชนโดยการ ใช้ฐานความรู้ ข้อมูล เหตุและผลซึ่งเป็นแนวคิดกระบวนการประชาธิปไตยแบบไตร่ตรอง หรือ deliberative democracy ตามแนวคิดของ Habermas นักปรัชญาชาวเยอรมัน

ในเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท คุณทักษิณและพวกสามารถปกปิดไม่ให้รายละเอียด นโยบายที่เสนอขาดกระบวนการไตร่ตรองถกเถียงอย่างเข้มข้นโดยประชาชนอย่างเท่า เทียมกันเพราะวัฒนธรรมทางการเมืองสามารถเปิดโอกาสให้แม้กระทั่งว่าที่นายกฯ หัวหน้าพรรคและผู้บริหารของพรรคไม่จำเป็นต้องผูกมัดตัวเองที่จะต้องมาเข้า สู่กระบวนการอภิปรายอย่างเข้มข้นในระดับชาติเหมือนที่เราพบเห็นในประเทศอื่น

กกต.ก็ไม่สามารถออกกติกาเพื่อให้นโยบายที่เสนอมาต้องผ่านกระบวนการไตร่ตรองก่อนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองสามารถขึ้นป้ายเพียงหนึ่งบรรทัดก็โฆษณาชวนเชื่อได้แล้ว

ทักษิณและทีมเศรษฐกิจต้องการเห็นอะไรจากการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท นอกเหนือจากการดึงแรงงานระดับล่างมาเป็นฐานเสียง ถ้าคิดว่าการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 เพราะคิดว่าค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบันเป็นอุปสรรคทำให้ไทยโตได้ช้าไม่เหมือน จีน หรือเห็นว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในกับดักภาวะเงินฝืดเพราะค่าจ้างนิ่งเกินไป ถ้าเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 40% ถึงกว่า 100 แล้วจะกระชากเศรษฐกิจไทยได้

คุณทักษิณกำลังเข้าใจผิดและจะทำร้ายเศรษฐกิจไทย

PERON ในปี ค.ศ.1947 เคยหาเสียงกับสหภาพแรงงานของอาร์เจนตินา โดยเพิ่มค่าแรงที่แท้จริงปีละ 25% PERON ทำได้ 2 ปีเศรษฐกิจก็ทรุด เป็นที่ทราบกันดีว่ามรดกประชานิยมของ PERON นอกจากประเทศแตกแยกแล้วเงินเฟ้อระดับปีละเป็นร้อยเป็นพันเปอร์เซ็นต์ เศรษฐกิจก็ล่มสลายอยู่หลายทศวรรษ

ค่าจ่ายขั้นต่ำของไทยต่ำไปหรือไม่ ? ถ้าดูตามหลักเกณท์ของ ILO ค่า จ้างขั้นต่ำควรจะอยู่ระหว่างร้อยละ 40 ถึง 60 ของรายได้ต่อหัวค่าจ้างเฉลี่ย หรือ MEDIAN ซึ่งของไทยก็อยู่ในเกณท์นี้ (เช่น ระดับค่าจ้างขั้นต่ำระดับ 6,000 บาทเมื่อเทียบกับค่าจ้างเฉลี่ยที่ 9,600 บาท ในปี 2553) เมื่อเทียบกับร้อยละ 20 ถึง 30 กรณีของรัสเซียและจีนตามลำดับ

คนที่บอกว่าอยากเห็นประเทศไทยใช้นโยบายสองสูงคือค่าจ้างสูงและราคาสินค้าเกษตรสูงสับสนความเป็นเหตุและผล

ประเทศที่มีค่าจ้างสูงและเจริญมาได้เพราะประเทศนั้นมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงเพราะแรงงานการสะสมทุนเทคโนโลยีและการจัดการมีคุณภาพสูง

มูลค่าเพิ่มต่อคนงานในภาคการผลิตของเกาหลีสูงกว่าไทยอย่างน้อย 3 เท่า ค่าจ้างโดยเฉลี่ยของเราต่ำ เพราะ PRODUCTIVITY โดยรวมต่ำ

ถ้าทีมเศรษฐกิจของคุณทักษิณมีกึ๋นจริงไม่ต้องเล่นแร่แปรธาตุและสร้างวิมานใน อากาศขอให้ใช้เวลาที่จะได้เป็นรัฐบาลอยู่ได้นานๆ สามารถสร้างสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมและระบบแรงจูงใจที่เป็นเงื่อนไขสำคัญ ในการกำหนดอัตราต่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนให้ดูประเทศกลุ่ม NICS เป็นตัวอย่าง

คุณทักษิณต้องไม่ลืมว่าตั้งแต่ประเทศไทยเจอวิกฤตจากต้มยำกุ้งในสิบกว่าปีที่ ผ่านมา ที่มาของความเจริญเติบโตของเรามาจากการสะสมทุนน้อยลงและมาจากการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีก็น้อยมาก

ที่มาของ GROWTH ส่วนใหญ่มาจากแรงงานที่ไร้ฝีมือจากภาคชนบทและจากแรงงานต่างด้าวซึ่งทำให้ค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นไม่ได้มาก

จากการศึกษาของธนาคารโลกการศึกษาของไทยมีบทบาทต่อการเพิ่มคุณภาพของแรงงาน ที่มีส่วนช่วยการเจริญเติบโตของไทยเพียง 0.35% ต่อปี ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา

การไม่ดันทุรังและยอมรับความจริงและขอโทษประชาชนเรื่องความเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นค่าแรง 300 บาททันที โดยไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศน่าจะเป็นความกล้าหาญของพรรคเพื่อไทย แค่นี้ก็ถือว่าตบหน้าว่าที่นายกฯหญิงและพี่ชายพอสมควรแล้ว จาก การที่ 3 สมาคมการค้าและอุตสาหกรรมรวมทั้งนักวิชาการที่ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมรับนโยบายที่ไม่ผ่านการไตร่ตรองด้วยเหตุด้วยผล แถมยังสอนด้วยว่าอัตรานี้ควรเป็นอัตราที่ควรใช้ในสามถึงสี่ปีข้างหน้าซึ่ง เหมือนกับให้ว่าที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ไปดูข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์จะดีกว่า

อย่าลืมว่าการที่สหภาพแรงงานไทยอ่อนแอเมื่อบวกกับความมีเอกภาพของสมาคม ธุรกิจทั้งหลายรวมทั้งความสามารถในการปรับตัว ถ้าค่าแรงขั้นต่ำเริ่มเป็นภาระที่ผู้ประกอบการรับไม่ได้ผู้ประกอบการมีวิธี ปรับตัว ซึ่งหมายความว่าอำนาจของรัฐตามกฎหมายจะไม่ศักดิ์สิทธิ์จะเกิดผลที่คาดไม่ถึง ตามมามากมายทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย

อันที่จริงมีสัญญาณตั้งแต่ปีที่แล้วที่การแข่งขันทางการเมืองเริ่มให้ความ สำคัญกับแรงงานระดับล่าง คุณอภิสิทธิ์อยากเห็นค่าจ้างขั้นต่ำที่ 250 บาท จนทำให้เพื่อไทยทนไม่ได้ต้องเสนอเป็น 300 บาท ถ้าใช้สูตรของประชาธิปัตย์ที่ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นได้ 12.5% ค่าจ้างขั้นต่ำก็สามารถจะเพิ่มได้ 1 เท่าตัว ภายในเวลาไม่เกิน 6 ปี ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย

ผู้เขียนอยากเห็นค่าจ้างขั้นต่ำที่อิงกับผลิตภาพและอัตราเงินเฟ้อ โดยให้ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นสูงกว่าอัตราค่าจ้างทั่วๆ ไปเพื่อลดความแตกต่างทางด้านค่าจ้างและลดความไม่เท่าเทียมกันในรายได้ โดยทำควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับระบบสวัสดิการสังคม การศึกษา และการสาธารณสุข

อ่านบทความต้นฉบับที่นี่

------------------------------


ใหม่เมืองเอก ขอสรุปคร่าวๆง่ายๆของสาระสำคัญของบทความนี้ ก็คือ


ค่าแรงไทยจะสูงก็ได้ ถ้าไทยเราเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี คนงานไทยส่วนใหญ่ ย้ำ!! คนงานไทยส่วนใหญ่ ต้องมีต้นทุนความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสูง สามารถผลิตสินค้าไฮเทคของตัวเองได้ (สินค้าไฮเทคที่ผลิตในเมืองไทย เขาก็จ้างแรงงานมีฝีมือสูงกว่า300บาทอยู่แล้ว)


แต่ทุกวันนี้ แรงงานไทยส่วนใหญ่ยังเป็นแค่รับจ้างผลิตสินค้าให้ประเทศที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เท่านั้น


และ สินค้าที่ไม่ใช่สินค้าไฮเทค คนงานไทยก็เป็นแค่ลูกจ้างแรงงานธรรมดา ถ้าค่าแรงแพง เขาก็ไปจ้างแรงงานไม่ต้องการฝีมือที่ประเทศอื่นก็ได้

ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทำเงินเฟ้อพุ่งกระฉูดอีก 2.3%


Pic_188355

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย ประเมินนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท หากช้จริงพร้อมกันทั่วประเทศจะส่งผลห้เงินเฟ้อพื้นฐานปรับเพิ่มอีกร้อยละ 2.3 นำโดยเงินเฟ้อนหมวดอาหารที่จะเร่งตัวขึ้นเกือบเท่าตัว

เมื่อ วันที่ 22 ก.ค. ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทยหรือ TMB Analytics ออกรายงาน ระบุว่า จากการศึกษาของ TMB Analytics บนสมมุติฐานที่ค่า จ้างขั้นถูกปรับขึ้นเป็น 300 บาท พร้อมกันทุกจังหวัดนไตรมาสแรกของปีหน้า พบว่าการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะส่งผลห้ค่าแรงของภาคเอกชนนภาพรวมเฉลี่ยปรับ ขึ้นร้อยละ 26 โดยจะเริ่มส่งผลกระทบนไตรมาสที่สอง และการส่งผ่านจากต้นทุนแรงงานสู่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะมานช่วงครึ่ง ปีหลังของปีหน้า โดยอัตราเงินเฟ้อนหมวดอาหารจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 4 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 2.3 จากกรณีฐาน

จากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานล่าสุดนเดือนมิถุนายน 54 อยู่ที่ร้อยละ 2.6 และยังอยู่นช่วงขาขึ้นสู่ระดับร้อยละ 3นช่วงสิ้นปีนี้ หากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นไปตามสมมุติฐานข้างต้น เรามอง ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจทะยานขึ้นสู่ระดับร้อยละ 5นช่วงปลายปีหน้า ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงระดับอันตรายต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากนรอบสิบปีที่ผ่านมาจุดสูงสุดของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานนช่วง ที่เศรษฐกิจโลกร้อนแรงและราคาน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ไม่เคยอยู่เหนือ ระดับร้อยละ 4 ซึ่งทะลุขอบบนของกรอบนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยวางไว้ ดังนั้นผลลัพธ์โดยตรงคือดอกเบี้ยนโยบายที่จะปรับขึ้นอีกนปีหน้าอย่าง แน่นอน

ส่วนของระดับราคานกลุ่มอาหาร ซึ่งมีสัดส่วนราวหนึ่งนสามของระดับราคาทั่วไปทั้งประเทศ การปรับค่าจ้างขั้นต่ำจะส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มสินค้า อื่น โดยจะทำห้อัตรา เงินเฟ้อหมวดอาหารปรับเพิ่มอีกร้อยละ 4 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อดังกล่าว ณ เดือนมิถุนายน 54 อยู่ที่ร้อยละ 8 ซึ่งหมายความว่าถ้ามีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำดังข้างต้นแล้ว เราอาจจะได้เห็นอัตราเงินเฟ้อนหมวดอาหารวิ่งไปอยู่ที่ร้อยละ 12-15นระดับเดียวกับช่วงเศรษฐกิจร้อนแรงนปี 2551 ก่อนโลกเข้าสู่วิกฤต Subprime ซึ่งย่อมส่งผลโดยตรงต่อค่าครองชีพของประชาชนและสวนทางกับทำห้ ความตั้งจแรกเริ่มของรัฐบาลชุดหม่นการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนผ่าน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ผลของระดับสินค้าที่เพิ่มขึ้นอาจดูไม่มากหากเปรียบเทียบกับค่าแรงที่ได้ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีเมื่อมองห้รอบด้าน เราก็จะเห็นว่าไม่ช่ว่าแรงงานที่อยู่นประเทศ ไทยทุกคนจะได้รับค่าแรง ขึ้นเหมือนกันหมด เพราะ ยังมีแรงงานนอกระบบ และ แรงงานที่ไม่สามารถต่อรองค่าจ้างตามกฎหมายกับนายจ้าง แต่ต้องกลับรับภาระค่าครองชีพจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ ได้ ดังนั้น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จึงยังไม่ช่ค ำตอบเดียวของการแก้ปัญหาปากท้องและคุณภาพชีวิตของประชาชน ทุกคน แต่ยังมีแนวนโยบายอื่นที่ต้องทำควบคู่กันไป เพื่อ 1) การกระจายรายได้ มีความเหลื่อมล้ำลดลง 2) รักษาสมดุลย์นตลาดแรงงานที่เป็นปัจจัยการผลิตหลักของภาคธุรกิจ และ 3) รักษาระดับราคาสินค้าโดยรวมของประเทศมีเสถียรภาพที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจน ระยะยาว ทั้งหมดนี้ถือเป็นโดยโจทย์ที่สำคัญของรัฐบาลชุดหม่ต้องพจารณาอย่างรอบคอบ

ไทยรัฐ
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง