บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ภาระหน้าที่ขั้นใหม่ของคนเดือนตุลาฯ

โดย Tan Rasana

ภาระหน้าที่ขั้นใหม่ของคนเดือนตุลาฯและผู้รักชาติรักประชาธิปไตยคือการต่อต้าน“ทุนทรราช”เผด็จการรูปแบบใหม่

การ เกิดขึ้นของสิ่งที่ถูกเรียกขานว่า“ทุนทรราช”เป็นอุบัติการณ์ทางการเมืองแบบ ใหม่สำหรับสังคมไทย ลักษณะพิเศษหรือลักษณะจำเพาะของเศรษฐกิจและการเมือง มีรูปแบบและเนื้อหาที่กำเนิดมาจากลักษณะพิกลพิการของการพัฒนาสังคมไทย

ใน ด้านเศรษฐกิจ“ทุนทรราช” ร่ำรวยมาจากการได้รับสัมทานดาวเทียม เป็นทุนที่ใช้เทคโนโลยีในการสร้างรายได้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร เขาจึงต่างกับระบบทุนเดิมๆที่เข้ามาครอบครองอำนาจรัฐ ที่มีทุนอุตสาหกรรม   ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลแทบทุกชุดในอดีต แตกต่างจากทุนก่อสร้างที่ลงสู่สนามการเมืองเต็มตัว และสร้างสมทุนจากโครงการก่อสร้างต่างๆอันเป็นเงินภาษีโดยตรงของรัฐบาล

        “ทุนทรราช” นอกจากจะยังใช้รูปแบบการสั่งสมทุนด้วยการคอร์รัปชั่นภาษีอากรของประชาชนจาก โครงการก่อสร้างและการพัฒนาแบบเดิมๆแล้ว ยังใช้การบริหารจัดการงบประมาณที่มีลักษณะหลอกลวงได้สูงกว่า กล้าใช้กล้าจ่ายกล้าลงทุนโดยใช้งบประมาณแผ่นดินผันไปสู่มือของประชาชน ผลประโยชน์ที่ได้รับก็คือการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน และแน่นอนเป็นการเอื้อประโยชน์แ่ก่ธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม

        การแก้ไขระเบียบการบริหารจัดการทางการเงิน-การคลังของประเทศ ที่ให้ “งบกลาง” ตกอยู่ในมือของนายกรัฐมตรี ทำให้มีความคล่องตัวในการใช้งบประมาณของชาติสูงกว่ารัฐบาลในอดีต เป็นประโยชน์แก่การสร้าง “ประชานิยม” อันทำให้แตกต่างจากทุนตัวแทนอื่นๆ ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการงบประมาณโดยสามารถกระจายงบประมาณลงสู่ชนบทในรูป แบบต่างๆ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ประชานิยม” หรืออาจจะเรียกได้ว่า เป็น “ระบอบอุปถัมภ์ชนชั้นรากหญ้า” สร้างฐานคะแนนในชนบท ทำให้ได้คะแนนนิยมในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำหรือหัวคะแนนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเม็ดเงิน เหล่านี้โดยตรงในท้องชุมชนท้องถิ่น  “ล่อซื้อ” ความหวังของคนระดับรากหญ้า

        “ทุนทรราช” ใช้อำนาจรัฐ วางแผนจัดสรรงบประมาณประเทศที่มีลักษณะหลอกลวงสูง ยึดอำนาจการเบิกจ่ายงบประมาณ ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลได้โดยอิสระ แก้ไขระเบียบการเบิกจ่าย ให้ “งบกลาง” ตกอยู่ในมือของนายกรัฐมตรี

เพียงชั่วระยะเวลา 4 ปี “ทุนทรราช” ใช้งบกลางไปถึง ๑๗๓,๕๐๐ ล้านบาท
ลักษณะสำคัญของ“ทุนทรราช”

๑. เป็นทุนนายหน้า ทุนสัมปทานขายบริการ ที่ไม่สร้างหรือก่อให้เกิดการผลิตและการพัฒนาพลังการผลิตใดๆ เพื่อสังคม

ทุน นายหน้าไม่มีโรงงานและสายพานการผลิตใดๆอันเกี่ยวเนื่องกับการจ้างงานและการ พัฒนาพลังการผลิตใดๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจพื้นฐาน คือภาคเกษตรกรรมอันเป็นภาคเศรษฐกิจหลักของชาติ

ทุนนายหน้าไม่ เคยระบุถึง“วาระแห่งชาติ”ด้านเศรษฐกิจ อันเป็นการแสดงออกถึงทิศทางแห่งผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและคนในชาติ “วาระแห่งชาติ”ของทุนนายหน้าก็คือ“วาระขายชาติ”เพื่อประโยชน์ตน ไม่เคยวางแผนและดำเนินนโยบายที่จะสร้างปราการหรือมาตรการทางด้านภาษีที่แน่ นอนกับทุนข้ามชาติ นอกเสียจากอ้างนโยบายการเปิดเสรีทางการค้าและการมุ่งส่งเสริมการลงทุนให้แก่ ทุนข้ามชาติและยังชักนำต่างชาติเข้าครอบงำภาคเกษตรกรรมเข้าแย่งชิงทรัพยากร ท้องถิ่นของประชาชน

๒. เป็นทุนเผด็จการรวบอำนาจ ตระบัดสัตย์ ขาดน้ำใสใจจริงและหลอกลวงประชาชน

“ทุน ทรราช” ต้องการสัมปทานอำนาจรัฐ เพื่อสัมปทานทางธุรกิจ จึงต้องแปลงร่างของตน นำหุ้นและผลประโยชน์ทางธุรกิจไปซุกซ่ิิอนในชื่อของบริวาร เช่น ญาติ ทายาท แม้กระทั่งคนขับรถและคนรับใช้ หลอกลวงคนทั้งประเทศว่า วางมือจากผลประโยชน์ทางธุรกิจ ต้องการเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ภายหลังจากการได้อำนาจรัฐกลับทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ตน พวกพ้องและบริวาร “ทุนทรราช” เป็นทุนนายหน้า ไม่ผูกพันและขึ้นต่อการลงทุนร่วมในภาคการผลิตจริง (real sector)ใดๆ ความมั่งคั่งที่ได้มาก็คือการแสวงหากำไรจากสัมปทานรัฐ กอบโกยและเก็งกำไรจากการสร้างราคาและส่วนต่างของราคารวมถึงการปั่นหุ้น จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อคำพูดและสัญญาที่นอกเหนือจากข้อตกลงในการแบ่ง สรรปันส่วนผลกำไร นอกจากการแสวงผลประโยชน์จากส่วนต่างให้ได้มากที่สุดเป็นกรณีๆไป

“ทุน ทรราช” สันทัดใช้วิธีการทางการตลาดชั้นสูง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเขาให้เป็นที่น่าเชื่อถือใช้เงิน “ล่อซื้อ” เพื่อสร้างการนำและการขึ้นต่อการนำ ใช้เงินภาษีอากรแจกจ่ายบรรดาหัวคะแนนและกลุ่มการเมืองรับจ้างในรูปแบบที่ซับ ซ้อน สร้างความจงรักภักดีให้เกิดขึ้นในหมู่ชนที่ได้รับการอุปถัมภ์ แต่ก็พร้อมที่จะตระบัดสัตย์ได้ในทุกกรณี         ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนมิตร รวมทั้งบริวารผู้หมดประโยชน์

๓. ใช้เงินสร้างระบอบ “ภายนอกประชาธิปไตย- ใส้ในเผด็จการ” ด้วยการซื้อระบบเลือกตั้งทั้งระบบ และมีวิธีการทำงานบริหารบ้านเมืองแบบเผด็จการรวบอำนาจ

“ทุน ทรราช” ใช้อำนาจเงินทุนแย่งยึดอำนาจรัฐด้วยการทุ่มเงินซื้อกลไกของระบบเลือกตั้ง ทั้งระบบเพื่อเข้าไปสร้าง “เผด็จการทางรัฐสภา” ที่ซับซ้อน แนบเนียนกว่ารูปแบบเผด็จการใดๆในอดีตโดยอ้างอิงการเลือกตั้งตามระบอบ ประชาธิปไตย เป้าหมายสูงสุดก็คือการหวังยึดครองอำนาจทั้งสองคืออำนาจบริหารและอำนาจ นิติบัญญัติ ใช้เงินซื้อสิทธิ์ในการเลือกตั้งของประชาชนผ่านหัวคะแนนนายหน้า ซื้อพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลโดยสนับสนุนเงินทุนในการหาเสียง ซื้อส.ส.เป็นรายหัว ซื้อ ส.ว. ซื้อตำแหน่งประธานสภาฯ ซื้อ กกต.ฯลฯ สมอ้าง “ลัทธิรัฐธรรมนูญ”ขึ้นหลอกลวงสังคม ใช้การเลือกตั้งเป็นไม้่ค้ำยันความสุจริต อ้างความเป็นประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยการทุจริต


 ๔. ใช้เงินของผู้อื่น (เงินภาษีอากร)สร้างความมั่งคั่งทางธุรกิจและสร้างฐานการเมืองให้กับตนเอง สร้างเงื่อนไขความแตกแยกของคนในชาติ

“ทุน ทรราช” ใช้อำนาจแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ “งบกลาง”จำนวนมหาศาลของแผ่นดินตกอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรี เพือใช้งบประมาณที่มาจากภาษีอากร อันเป็นหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชนเพื่อผลประโยชน์ตนและพวกพ้องบริวาร(OPM- Other People Money) จับจ่ายเงินภาษีอากรประชาชนไปเพื่อสร้างภาพลักษณ์ในเชิงการตลาด สร้างนวัตกรรมในการหาเสียง-ซื้อเสียงในรูปแบบใหม่ ใช้เงินภาษีอากรของประชาชนไปทำลายความเข้มแข็งของชุมชนด้วยเงิน “ล่อซื้อ” และการใช้กลยุทธ “เอาใจมัน(ด้วย)หนี้” (spoiled money) โดยอ้างคำว่าื “ประชานิยม” ทำชุมชนให้อ่อนแอเพราะรอแบมือขอจากรัฐ สร้างผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มในท้องถิ่นอันเป็นที่มาของความแตกแยกในหมู่ ประชาชน

ผลลัพท์จากนโยบาย “ประชานิยม” ก็คือ “ประชาหนี้จม”

การ ใช้เงินภาษีของคนทั้งประเทศไปในการนี้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านผลประโยชน์ในขอบเขตทั่วประเทศ มีคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่ใกล้ชิดกับการบริหารจัดการเงิน ใกล้ชิดกับนักการเมืองเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ ความขัีดแย้งแตกแยกนี้ได้ขยายวงออกไปสู่ความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างกันจน ผู้คนในประเทศแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย สร้างความร้าวฉานในแผ่นดินที่นับวันจะทำให้ประชาชนแตกแยกกันยิ่งขึ้น
      

๕. ขาด เจตนคติทางด้านการปกครอง แทรกแซงทุกสถาบันหลัก แปรรูปประเทศให้เป็นแหล่งทำมาหากินแห่งตน มีทัศนะต่อประชาชนเป็นเพียงประหนึ่งผู้บริโภคที่สามารถทุ่มเงินซื้อได้

แปร รูปรัฐและกิจกรรมแห่งรัฐให้เป็นรูปแบบบรรษัท ใช้การรณรงค์ทางด้านการตลาด เปลี่ยนสถานะของผู้บริหารรัฐกิจเป็นผู้บริหารธุรกิจ เปลี่ยนสถานะ “ข้าราชการ”ไปเป็น “เจ้าพนักงานของรัฐ” เปลี่ยนประชาชนให้กลายเป็นผู้บริโภค เปลี่ยน “ราชอาณาจักร”ไปเป็นมหาอาณาจักรทางการค้าขนาดใหญ่ ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างพึ่งพิงทุนและสามารถซื้อได้ด้วยเงิน ลดกลไกอำนาจรัฐและทำให้อ่อนแอลง ในขณะที่พยายามใช้เงินภาษีไป  “ล่อซื้อ” กระตุ้นการบริโภคในหมู่ประชาชนให้สูงขึ้นใช้อำนาจรัฐแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเข้าแย่งยึดกิจการของรัฐ เช่นรัฐวิสาหกิจ การเงินการธนาคาร เพื่อการแปรรูปองค์กรเหล่านี้ให้ตนและพวกพ้องบริวารเข้าครอบครองหุ้น ขายหุ้นให้กับต่างชาติได้ ใช้สิทธิในอำนาจหน้าที่อย่างไม่ชอบธรรม ให้รัฐวิสาหกิจโอนหุ้นผู้มีอุปการคุณให้แก่ตนและพวกพ้อง


๖ . คอร์รัปชั่นและสร้างนวัตกรรมการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายชั้นสูงที่ยากแ่ก่การตรวจสอบ

เพื่อ การกอบโกยโกงกิน “ทุนทรราช” ได้พัฒนาและสร้างรูปแบบการคอร์รัปชั่นอย่างซับซ้อนมากขึ้น เป็นการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายที่มีขนาดใหญ่โตมากกว่าการโกงกินงบประมาณตาม กระทรวง ทบวงกรมแบบเดิม เพราะมีขนาดของวงเงินมากกว่าและตรวจสอบยากยิ่งกว่าการคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ในอดีตทุกชุด


๗ . ใช้เล่ห์เพทุบายและช่องโหว่ของกฎหมาย เพื่อหลบเลี่ยงภาษี เอารัดเอาเปรียบสังคม เอารัดเอาเปรียบประชาชนคนยากจนผู้อยู่ในระบบภาษี

เพื่อ กำไรสูงสุด “ทุนทรราช” ใช้ทุกเทคนิคของการค้า การซื้อ-ขาย หาช่องโหว่ช่องว่างทางกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงเรื่องของจริยธรรม ศีลธรรม แต่ขณะเดียวกลับสั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการออกแบบระบบการเก็บภาษี ให้สามารถขูดรีดประชาชนผู้ทำมาหากินอย่างสุจริตได้เช่น ข้าราชการ ทหาร ตำรวจชั้นผู้น้อย ผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย พ่อค้าแม้ค้า ชาวนา เกษตรกร แรงงานรับจ้างอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อกอบโกยเงินเข้ารัฐและนำไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตนทั้งทางตรงและทาง อ้อม

๘ . แทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซงและทำลายสื่อ เพื่อปกปิดมิดเม้มผลประโยชน์ทับซ้อน และปิดกั้นการเผยแพร่ข้อเท็จจริง
       
รัฐ ธรรมนูญปี ๒๕๔๐ได้บัญญัติให้มีองค์กรอิสระขึ้นเพื่อการตรวจสอบและถ่วงดุลฝ่ายบริหาร เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน องค์กรอิสระทั้งหมดได้แก่ศาลรัฐ ธรรมนูญ  ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง  ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ค.ต.ง.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการและคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสาร องค์การอิสระในการคุ้มครองผู้บริโภค “ทุนทรราช” ส่ง คนเข้าแทรกแซงโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรซึ่งทำหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อำนาจ รัฐในทางนโยบายและการบริหาร  การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในทางปกครอง  การตรวจสอบเกี่ยวกับความสุจริตในการใช้อำนาจรัฐ  การถอดถอนออกจากตำแหน่ง  การตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินของภาครัฐและการควบคุมการใช้จ่ายเงินของ ทางภาครัฐ ถึงขั้นตั้งรัฐบาลนอมินีเข้ายึดอำนาจรัฐเพื่อแก้ไขกฎหมายเพื่อลดอำนาจการ ถ่วงดุลฝ่ายบริหารขององค์กรอิสระและฟอกตนเองให้พ้นผิด.

เครือข่ายข่าวเพื่อการสืบค้นกรณีทุจริต
( Corruption Investigative News Network-CINN)


รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง