ตกอกตกใจกันไปทั้งพรรคที่จู่ ๆ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งไว้ว่า นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นเบอร์ 1 ปาร์ตี้ลิสต์
ดู ๆ ไปก็เป็นการพูดใน ’หลักการ" เพราะนายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. เท่านั้น จะ ส.ส.เขตหรือ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ได้ทั้งนั้นไม่มีข้อห้าม
แต่การพูดเช่นนี้ย่อมกระทบและถูกตั้งคำถามตามมาว่า แล้วตกลงจะชูนายกรัฐมนตรีหญิงที่ชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น ’ชูจริง" หรือ ’แกล้งชู" ไปงั้น ๆ
อัน ’คำพูด" ถึงตอนนี้ก็ยังเชื่ออะไรไม่ได้เพราะยังมีเวลาตั้งถมเถไปที่จะให้ ’กลับไปกลับมา"
ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบพูดว่า ’ผู้กำหนดเกมคือผู้ชนะ"
แต่ที่ผู้คน ’เริ่มอยากรู้" แถมสื่อยังเริ่มตั้งคำถามคือ ข้อเสนอนิรโทษกรรม จะนำมาซึ่งความสงบหลังการเลือกตั้งหรือไม่ เป็น "ข้อเสนอ" ที่พรรคเพื่อไทยโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 3 ภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง
ล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม แง้มให้ฟังถึงรูปแบบการสร้างความปรองดองแบบพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องความปรองดองต้องคำนึงภาพ 3 ส่วน คือ ภาพรวม ภาพของผู้ที่ได้รับผลกระทบและสุดท้ายคือรายละเอียดต่าง ๆ
"อย่าไปมองว่าพรรคเพื่อไทยจะคิดแก้ปัญหาให้เป็นรายบุคคลโดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณแต่ขอให้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเราก็ต้องดูว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับผลกระทบนั้นมีช่องกฎหมายให้แก้ไขหรือนิรโทษหรือตลอดจน อภัยโทษได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักนิติรัฐหรือนิติธรรม"
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า การนิรโทษกรรมครั้งนี้จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุไว้ว่า ’ค่อยว่ากันอีกทีให้พรรคเพื่อไทยชนะก่อนซึ่งหากพรรคเพื่อไทยชนะแปลว่าประชา พิจารณ์ไปในตัวแล้ว"
พูดอย่างนี้ก็แสดงว่า การเลือกพรรคเพื่อไทยก็หมายถึงการเอาด้วยกับการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ
ยังไม่ชัดเจนว่า ’นิรโทษกรรม" นั้นทำอย่างไร ทำเมื่อไร ใครทำ ทำแล้วจบมั้ย ทำแล้วใครได้ประโยชน์
ต้องถือว่า ’ตรงนี้" ยังไม่มีการอธิบายที่ชัดเจนออกมาไม่เหมือนนโยบายก่อนหน้านี้ของพรรคเพื่อไทย
ทำไมไม่บอกชัด ๆ เหมือนที่บอกว่า มาเป็นรัฐบาลเมื่อไร เรื่องที่จะทำทันทีคือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาท
กรณี ’นิรโทษกรรม" จะให้ชัดความจริงต้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาออกทีวี ’ดีเบต" กันให้คนทั้งชาติฟังว่า จะทำหรือไม่ ทำแล้วได้หรือเสียอย่างไร แต่วันนี้ก็ยัง ’บิดมาบิดไป" อ้างว่าไม่ใช่วัฒนธรรมไทย อ้างว่าพูดไม่เก่ง แล้วที่ไปขึ้นเวทีปราศรัยพูดได้นานสองนานนั้นหมายความว่าอย่างไร
ประเด็นนี้ ในฐานะ ’ต้นคิด" อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ยังกลิ้งไปกลิ้งมา ขนาดพรรคประชาธิปัตย์ ’รับนัด" ส่งไม้ให้นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับ 10 มา เจรจาว่าความ
แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การเลือกตั้งก็คือการเลือกตั้ง การทำประชาพิจารณ์ก็คือการทำประชาพิจารณ์ อย่าเอามาปนหรือเอามา ’ซุก" ใส่กันเป็นอันขาด.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ |