บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทักษิณพยายามเดินตามร็อธสไชล์ดโมเดล


โดย แทน ราศนา

ทักษิณพยายามเดินตามร็อธสไชล์ดโมเดล คือยึดธนาคารกลางของรัฐเพื่ออำนาจในการควบคุมการออกเงินตรา

“ห้วงเวลา 1 ปีบวกลบจากนี้ไปจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศไทย แนวรบด้านการเมือง เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ เพิ่มอำนาจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ลดอำนาจองค์กรอิสระ สร้างกลไกถ่วงดุลอำนาจตุลาการ ส่วนแนวรบด้านเศรษฐกิจ ครอบงำธนาคารกลาง ดึงทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้ลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน 2.27 ล้านล้านบาท และ ฯลฯ เพื่อสร้างคะแนนนิยมและวางเดิมพันก้อนโตกับอนาคตว่่าจะหาเงินคืนได้มากกว่า เพราะวิธีการนี้โดยสารัตถะก็คือการพิมพ์ธนบัตรเงินบาทออกมาใช้นั่นเอง !!..” - คำนูณ สิทธิสมาน


ความลับที่คนทั้งโลกไม่รู้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)เป็นธนาคารของเอกชน


ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินไป จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ประเทศไทยอาจจะมีนักเศรษฐศาสตร์ไม่กี่คนที่รู้ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาความจริงแล้วเป็นธนาคารของเอกชนที่เรียกว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(Federal Reserve Bank) ความจริงแล้วทั้งไม่ใช่Federal และยิ่งไม่มีการ Reserve และไม่สมควรนับว่าเป็นธนาคาร


เจ้าหน้าที่พนักงานรัฐบาลทั่วโลกส่วนมากอาจคิดว่าแน่นอนต้องเป็นรัฐบาลอเมริกาที่ออกเงินดอลลาร์ แต่สภาพความเป็นจริงก็คือรัฐบาลอเมริกาไม่มีอำนาจในการออกเงินเลย หลังจากประธานาธิบดีเคเนดีถูกลอบสังหารในปี ๑๙๖๓ รัฐบาลอเมริกาก็สูญเสียอำนาจในการออกเงิน หลังอสัญกรรมของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคเนดี รัฐบาลอเมริกาเหลือไว้อำนาจในการออกเงินเหรียญเท่านั้น รัฐบาลอเมริกาคิดจะได้เงินดอลลาร์จะต้องนำเอาภาษีในอนาคตของประชาชนอเมริกา(พันธบัตรรัฐบาลไปค้ำกับธนาคารกลางสหรัฐฯของเอกชนแล้วธนาคารกลางสหรัฐฯก็จะออกเงินดอลลาร์ให้ซึ่งดูแล้วก็เหมือนกับตั๋วเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯนั่นเอง)


ในปี๑๙๑๓ ธนาคารกลางของสหรัฐฯได้ก่อตั้งขึ้น ถึงแม้ว่าบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา(Founding Fathers of the United State) หมายถึงผู้นำทางการเมืองที่ได้ลงนามในคำประกาศอิสรภาพในช่วงปี ๑๗๗๖ หรือได้มีส่วนในสงครามปฏิวัติอเมริกา ในฐานะผู้นำผู้รักชาติผู้ได้มีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ ๑๑ ปีให้หลังเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ จะต่อต้านแนวคิดของการมีธนาคารแห่งชาติ ซึ่งมีอำนาจควบคุมปริมาณเงินเป็นอย่างมาก การที่ไม่ได้รับการศึกษาด้านการเงินอย่างเพียงพอ ทำให้น้อยคนจะทราบว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่มีเงินทุนสำรอง และก็ไม่ใช่ธนาคารแต่อย่างใด เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯได้เกิดขึ้น มันได้มีกติกาขึ้นมาสองกลุ่มในเรื่องที่เกี่ยวกับการเงิน กฎกลุ่มแรก-ใช้กับผู้ที่ทำงานเพื่อเงิน กฎกลุ่มที่สอง -จะใช้สำหรับคนรวยผู้ที่พิมพ์เงินขึ้นมา

กลุ่มอภิมหาเศรษฐีโลก
ธนาคารกลางสหรัฐฯ----------------------------กระทรวงการคลังของสหรัฐ

ธนาคารกลางของสหรัฐฯไม่ใช่ธนาคารของสหรัฐฯและก็ไม่ได้เป็นอเมริกันชนด้วย ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกลุ่มครอบครัวคนรวยที่สุดในโลก เป็นการรวมกลุ่มของทุนผูกขาด(Cartel)ทางการเงินเช่นเดียวกับที่โอเปกเป็นการรวมกลุ่มการผูกขาดของผู้ทรงอิทธิพลด้านน้ำมัน มีแต่คนจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ทราบว่ามันไม่มีการสำรอง(Reserved)จริง เพราะว่ามันไม่มีเงิน และไม่มีห้องขนาดใหญ่สำหรับเอาไว้เก็บเงินเช่นเดียวกันธนาคารทั่วไป


เจ็ดยักษ์ใหญ่แห่งถนนวอลลสตรีทเท่านั้นที่เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา


“บุคคลทั้งเจ็ดบนถนนวอลล์สตรีทปัจจุบันได้ควบคุมอุตสาหกรรมและทรัพยากรธรรมชาติพื้นฐานส่วนใหญ่ของอเมริกา ในเจ็ดยักษ์ใหญ่นี้มี เจพี.มอร์แกน จอร์จ เบเกอร์ (George Fisher Baker -March 27, 1840 – May 2, 1931)และประธานของเฟิรสท์เนชั่นแนลแบงก์ออฟนิวยอร์ค ทั้งสามคนนี้สังกัดอยู่ในทุนมอร์แกนที่เหลืออีกสี่คนมีจอห์น ร็อคกี้เฟลเลอร์,วิลเลียม ร็อคกี้เฟลเลอร์, ทีม เสตียแมน ประธานของเนชั่นแนลซิตี้แบงก์ออฟนิวยอร์ค,จาคอบ สคิป จากคูนโรแบนคอมพะนี ทั้งสี่คนนี้สังกัดอยู่ในกลุ่มแสตนดาร์ดออย ซิตี้แบงก์ พวกเขาประกอบขึ้นเป็นศูนย์กลางของเงินทุนที่ควบคุมอเมริกาอยู่”
จอห์น มูดดี้(ผู้ก่อตั้งมูดดี้อินเวสต์เมนต์ เดคอเรชั่นซิสเต็ม) ๑๙๑๑

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดคนบนถนนวอลสตรีทก็คือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังตัวจริงของการก่อตั้งธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา พวกเขาประสานกันอย่างลับๆ กับครอบครัวร็อธสไชล์ดในยุโรปสามารถสร้างแบบอย่างของธนาคารกลางอังกฤษ(Bank of England)ในอเมริกา


ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นและผู้บริหารคนสำคัญที่มาจากยุโรปทั้งสิ้น ลักษณะดังกล่าวมิได้มีการเปลี่ยนแปลงมาจนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มิได้มีรัฐบาลอเมริกาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ๘ อันดับต้น ประกอบด้วย
๑. Rothschild Bank [ London and Paris ]
๒. Lazard Brothers Bank [ Paris ]
๓. Israel Moses Seif Bank [ Italy ]
๔. Warburg Bank [ Hamburg and Amsterdam ]
๕. Lehman Brothers Bank [ New York ]
๖. Loeb Bank [ New York ]
๗. Chase Manhattan Bank [ New York ]
๘. Goldman Sachs Bank [ New York ]
(ดูเพิ่มเติมที่-http://www.lawfulpath.com/ref/federal_reserve.shtml)

เมเยอร์ อัมสเชล ร็อธสไชล์ด Mayer Amschel Rothschild เคยกล่าวเอาไว้ว่า“ถ้าข้าพเจ้ามีอำนาจควบคุมการออกเงินตราของประเทศ ข้าพเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครคือผู้ออกกฎหมาย”

สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยก็คือ หากทักษิณทำตามแผนการของเขาที่จะยึดธนาคารแห่งประเทศไทยที่ยังมีโครงสร้างเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองและเข้าควบคุมการพิมพ์ธนบัตรได้เอง สถานการณ์ในประเทศไทยจะยิ่งเลวร้ายกว่าสหรัฐอเมริกา เพราะนั่นหมายความว่า คนที่ควบคุมการออกเงินตราของประเทศ กับคนที่ออกกฎหมายเป็นคนเดียวกัน และโอกาสต่อไปของเขาก็คือการแปรธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็นธนาคารที่ควบคุมโดยเอกชนเช่นเดียวกับธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หายนะกำลังมาเยือนประเทศไทยอย่างเงียบเชียบ. (ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือวิกฤติไม่บอกกล่าว THE UNTOLD CRISIS)
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง