เฉลิมจุดพลุออกกม.ความจงรักภักดี

"เฉลิม"เสนอออกกฎหมาย ความจงรักภักดี ใครอ้างเพื่อใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นมีความผิด ด้าน “ศิริโชค” แฉพบเฟซบุ๊กแดงหมิ่นสถาบัน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอ ข้อมูลที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เรื่องการปราบเว็ปหมิ่นสถาบันว่า หลังได้รับมอบหมายจากนายกฯเป็นประธานปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ได้ปรับปรุงขั้นตอนการออกหมายศาล และการปิดเว็ปหมิ่นสถาบันให้มีความรวดเร็วขึ้น โดยยึดหลักรัฐศาสตร์นำนิติศาสตร์ ขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ และ 6 กลุ่มผู้ให้บริการการเว็ปไซด์

ร.ต.อ.เฉลิม   ยืนยันว่า หากใครหมิ่นสถาบัน รัฐบาลยอมไม่ได้ ต้องถูกดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็ตาม แต่ตั้งข้อสังเกตว่า คนทำผิด มักไม่เปิดเผยตัวตนจริงๆ เพราะหากคนที่ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยก็อาจดำเนินการเปิดเว็บนี้ เพื่อกลั่นแกล้งกัน ไม่ใช่ว่าพอเอ่ยชื่อเสื้อแดง แล้วจะมาอ้างว่า เป็นพวกตนทั้งหมด ยืนยันว่า เรื่องการปราบเว็บหมินสถาบัน นายกฯได้สอบถามความคืบหน้าทุกสัปดาห์
"ที่ผ่านมาตอนหาเสียง  ผมและพรรคพวกเคยถูกกล่าวหาเรื่องความไม่จงรักภักดี  ดังนั้นจึงมีแนวคิดอยากให้แก้ไขหรือเพิ่มกฎหมายขึ้นมาใหม่เรื่องความจงรัก ภักดี  โดยห้ามกล่าวหาบุคคลใดบุคคลหนึ่งว่า ไม่จงรักภักดี หรือบอกว่า ตัวเองจงรักภักดี แต่คนอื่นไม่จงรักภักดี หากใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5 ปี แนวคิดนี้ในอนาคตผมต้องพูดในพรรค รวมทั้งหากจะทำจริงก็ต้องหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนตัวคิดว่า เป็นเรื่องยากที่ทำได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน"
ด้าน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา  ที่ปรึกษา (สบ.10) ชี้แจงว่า  การทำงานของคณะกรรมการปราบเว็บหมิ่นสถาบัน มุ่งเน้นปิดกั้นการเผยแพร่เว็ปหมิ่นสถาบันอย่างรวดเร็ว มีศูนย์เฝ้าระวังที่บูรณาการจากส่วนราชการทุกกระทรวง โดยปัจจุบันขั้นตอนตั้งแต่การแจ้งเรื่อง  การออกคำสั่งศาล จนถึงการปิดเว็ปไซต์ใช้เวลา 1-4 วัน จากเดิมใช้เวลาเกือบ 20 วัน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.54  มีคำสั่งบล็อกเว็ปไซต์ไม่เหมาะสม 757 ยูอาร์แอล และมีคดีอยู่ระหว่างสอบสวน 1,453 คดี แต่เมื่อปิดไปแล้วก็มีการเลี่ยงไปเปิดใหม่ ซึ่งหากเป็นพวกมืออาชีพจะไม่ทิ้งร่องรอยให้ติดตามได้
ขณะที่ นาย ศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการฯ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหามากคือเรื่องเฟซบุ๊ก จากการติดตามพบว่ามีบุคคลใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “หน่วยงานลับ แดงใต้ดิน” เป็นการรวมพลคนหมิ่นสถาบัน มีกลุ่มเพื่อนถึง 4,944 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย  บุคคลผู้นี้มีความสามารถพิเศษรู้ล่วงหน้าทุกครั้งเวลาจะถูกตำรวจออกหมายจับ มักจะมาเขียนข้อความลงในเฟสบุ๊คล่วงหน้า  และยังมีการท้าทายว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวจะเสียฐานเสียงคนเสื้อแดง  จึงอยากให้ตำรวจเร่งปราบเว็บนี้ เพราะเปิดมานาน 1 เดือนแล้ว นอกจากนี้อยากทราบความคืบหน้าการดำเนินคดีนาย สุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย  และนาย จักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำนปช. ข้อหาหมิ่นสถาบัน

ไทยโพสต์

แย้มเกณฑ์จ่ายม็อบ7.75ล.ลั่นเงินถึงมือใน2เดือน

ยงยุทธเผยเกณฑ์จ่ายเยียวยาม็อบตาย 7.75 ล้านบาท ให้เป็นเงินสด 3.25 ล้าน ที่เหลือจ่ายเป็นสลากออมสิน ลั่นอย่างช้า 2 เดือนเงินถึงมือแน่
วันที่ 12 ม.ค. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมกับญาติกลุ่มเสื้อแดงได้เข้าพบ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย (มท.)  ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินตามข้อเสนอของคณะกรรมการ อิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เพื่อหารือถึงเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยากลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ที่บาดเจ็บและเสีย ชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือ

นายยงยุทธกล่าวว่า เกณฑ์การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตที่จะได้เงินรวม 7.75 ล้านบาท จะแบ่งการจ่ายออกเป็น 2 ส่วนคือ โดยส่วนแรกค่าเยียวยาจิตใจ 3 ล้านบาท และอีก2.5 แสนบาทเป็นค่าทำศพ รวมเป็น 3.25 ล้านบาทที่จะมีการจ่ายได้ทันที ส่วนที่เหลือ อีก4.5 ล้านรัฐบาลจะนำไปซื้อสลากออมสิน หรือกองทุนรวมที่มีดอกเบี้ยเงินฝากในระยะเวลา 5 ปี เพื่อเป็นเงินออมให้ครอบครัวต่อไป โดยเงินเยียวยาจะสามารถพิจารณาจ่ายได้ อย่างเร็วภายใน 1 เดือนครึ่ง หรืออย่างช้าที่สุด ภายใน 2 เดือน
ทั้งนี้ได้มีการแต่งตั้งให้นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการพิจารณาหลักเกณฑ์ ว่าจะมอบหมายให้กระทรวงใดเป็นผู้จ่าย ซึ่งจะประชุมอนุกรรมการครั้งแรกในสัปดาห์หน้า และจะมีการประชุมครั้งเดียว โดยจะหารือครอบคลุมไปเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาถึงร้านค้าที่โดนเผา ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่งในส่วนของผู้บาดเจ็บอาจมีจำนวนมาก และต้องทยอย ๆ จ่ายตามฐานข้อมูลที่มีมา ซึ่งเมื่อได้ผลการประชุมแล้วจะรีบแจ้งหลักการให้ทราบทันที
"ขอยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการซื้อชีวิต เพราะ วันที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ขึ้นเป็นรัฐบาลนั้น ผมได้ขอให้สมาชิกพรรคทุกคนยืนขึ้นไว้อาลัยผู้เสียชีวิตทุกคนในฐานะวีรบุรุษ ประชาธิปไตย และกลุ่มนปช.ทุกคน ถือเป็นคนที่ต้องการความยุติธรรม ความเสมอภาค แม้ชีวิตของผู้ตายทั้งหมดจะไม่ค่อยอยู่ในความสนใจของคนทั่วไป แต่อยู่ในใจของคนที่รักประชาธิปไตยทุกคน"นายยงยุทธกล่าว
ด้าน นางธิดาได้ถามนายยงยุทธว่า หลักฐานที่จะต้องใช้เพื่อรับเงินเยียวยานั้นจำเป็นต้องใช้ในส่วนใดบ้าง โดยนายยงยุทธได้ตอบว่า ในเบื้องต้น จะต้องเตรียมใบมรณบัตร ภาพถ่ายให้พร้อม อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยเองมีข้อมูลอยู่แล้ว เช่นเดียวกับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ที่มีตรงกัน
นอกจากนี้ นายยงยุทธยังได้ขอให้ญาติผู้เสียชีวิตถอนฟ้องแพ่งต่อหน่วยงานรัฐ หรือกองทัพบกที่ทำให้เกิดความเสียหาย เพราะหากคดียังไม่สิ้นสุด รัฐก็ยังไม่สามารถจ่ายเงินเยียวยาได้ ส่วนคดีอาญานั้น ยังคงสามารถดำเนินขั้นตอนการฟ้องได้ต่อไป

ไทยโพสต์