บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

วิวาทะเรื่องนิติราษฎร์ "สมคิด เลิศไพฑูรย์ vs ธีระ สุธีวรางกูร" "คำนูณ สิทธิสมาน vs เกษียร เตชะพีระ"

พลันที่ข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ของคณะนิติราษฎร์ได้รับการขานรับโดย ครก.112 และประชาชน ผู้มารวมตัวกันอย่างหนาแน่น ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา

ก็เกิดวิวาทะว่าด้วยข้อเสนอดังกล่าวขึ้นมา

คู่แรกเป็นการปะทะกันเล็กๆ ทางความคิด ระหว่าง "สมคิด เลิศไพฑูรย์" อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับ "ธีระ สุธีวรางกูร" อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และสมาชิก "นิติราษฎร์"

คู่ต่อมาเป็นการประลองยุทธระดับเข้มข้นระหว่างจอมยุทธผู้เคยผ่าน "เบ้าหลอมทางการเมือง" เดียวกันมาก่อน อย่าง "คำนูณ สิทธิสมาน" ส.ว.สรรหา และคอลัมนิสต์เครือผู้จัดการ กับ "เกษียร เตชะพีระ" แห่งคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์

โปรดติดตามอ่านโดยระทึกในดวงหทัยพลัน

วิวาทะ "สมคิด เลิศไพฑูรย์" vs "ธีระ สุธีวรางกูร"

เสรีภาพในการวิจารณ์ "นิติราษฎร์"

สมคิด เลิศไพฑูรย์



(ที่มา เฟซบุ๊กส่วนตัว)

อ่านการให้สัมภาษณ์นิติราษฎร์แล้วไม่สบายใจ

มธ.ให้เสรีภาพนิติราษฎร์มาล่ารายชื่อในมธ. แต่นิติราษฎร์ให้สัมภาษณ์ว่าใครคัดค้านขัดขวางนิติราษฏร์ผิดกฏหมายเข้าชื่อ

อาจถูกจำคุก

ทำไมนิติราษฎร์เรียกร้องให้มีเสรีภาพในการวิจารณ์สถาบัน

แต่ไม่เห็นด้วยกับการมีเสรีภาพในการวิจารณ์นิติราษฏร์

ธีระ สุธีวรางกูร


ธีระ (เสื้อขาว)

(ที่มา เฟซบุ๊กส่วนตัว)

ขอเรียนชี้แจงท่านอธิการบดี การขัดขวางการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย เป็นความผิดตามมาตรา 15 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมายพ.ศ. 2542 ครับ เราเพียงแต่เสนอข้อเท็จจริงเท่านั้น อีกอย่างหนึ่ง นิติราษฎร์ไม่เคยพูดที่ไหนว่าห้ามไม่ให้วิจารณ์พวกเรา ขอความกรุณาอย่านำเอาสิ่งที่ท่านพูดเอง มาบอกว่าเป็นคำพูดหรือการกระทำของนิติราษฎร์เลย ด้วยความเคารพท่านอธิการบดีครับ

วิวาทะ "คำนูณ" vs "เกษียณ"

"คณะนิติราษฎร์กำลังสานต่อการปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475"

"แล้วคุณคำนูณกับสื่อเครือ ผู้จัดการกำลังสานต่อภารกิจใดหรือครับ? กบฎบวรเดช? คณะรัฐประหาร 2490 ของผิน-เผ่า? คณะปฏิวัติ 2500 ของจอมพลสฤษดิ์? คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน 2519?"

ไม่ใช่แค่ 112 !



โดย คำนูณ สิทธิสมาน

(http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000006030)

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2555 มีการเปิดตัวคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีเป้าหมายรณรงค์ล่ารายชื่อประชาชนให้มาร่วมกันเสนอร่างพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาเพื่อยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน
      
บ้านเมือง "ร้อน" ขึ้นทันตาเห็น !       
เพราะ คณะนี้เขามีร่างฯแก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว เป็นร่างฯที่จัดทำให้คณะนิติราษฎรที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของเขามาตั้งแต่ปีที่ แล้ว และที่เห็นเป็นระบบชัดเจนที่สุดก็ในเอกสารเผยแพร่ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2554
      
โดยทั่วไปเขาจะใช้คำว่า "แก้ไข" แต่ดูรายละเอียดทั้งหมดแล้วนอกจากจะมีค่าเท่ากับ "ยกเลิก" แล้วยังเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างประมวลกฎหมายอาญาในส่วนความมั่นคงแห่ง รัฐครั้งสำคัญ
             
1. ยกเลิกมาตรา 112 ออกจากลักษณะความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
             
2. เพิ่มเติมลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
             
3. แบ่งแยกการคุ้มครองสำหรับตำแหน่งพระมหากษัตริย์ออกจากพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
             
4. แก้ไขอัตราโทษ โดยไม่บัญญัติอัตราโทษขั้นต่ำ ลดอัตราโทษขั้นสูง เพิ่มโทษปรับ โดยเปรียบเทียบกับอัตราโทษที่ใช้ในกรณีของบุคคลทั่วไป ให้การกระทำผิดต่อพระมหากษัตริย์สูงกว่าบุคคลทั่วไป 1 ปี และแยกแยะโทษของการกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นออกจากกัน
            
5. บัญญัติเหตุยกเว้นความผิดในกรณีติชมหรือแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อรักษาการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
          
6. บัญญัติเหตุยกเว้นโทษในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง แต่หากการพิสูจน์นั้นไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนห้ามไม่ให้พิสูจน์
             
7. ห้ามบุคคลทั่วไปกล่าวโทษ ให้สำนักราชเลขาธิการเป็นผู้กล่าวโทษ
       
      
เห็นแล้วก็รู้ทันทีว่าคณะนิติราษฎร์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่รู้ว่าคณะที่รณรงค์ล่ารายชื่อและคนที่ร่วมลงชื่อจะรู้ทั้งหมดหรือไม่ ?
             
คณะนิติราษฎร์กำลังสานต่อการปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 ให้สำเร็จ !             
คณะนิติราษฎร์กำลังจะเสนอให้สถาบันพระมหากษัตริย์กลับไปสู่สถานะหลังวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2475
           
พูด ง่าย ๆ ว่าคณะนิติราษฎร์ต้องการใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่ว คราว พุทธศักราช 2475 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2475 มีอายุบังคับใช้อยู่เพียง 5 เดือนเศษมาเป็นหลักในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศไทย
             
ประเด็น นี้ผมเคยบอกท่านผู้อ่านมาแล้วเมื่อเห็นแถลงการณ์คณะนิติราษฎร์เนื่องในโอกาส ครบ 5 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่าก่อนหน้านี้บรรดาคนที่คัดค้านการรัฐประหาร รวมทั้งนปช. และพรรคเพื่อไทย เสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นตัวตั้ง หรือไม่ก็ให้เอามาใช้แทนเลย แต่คณะนิติราษฎร์ไปไกลกว่า โดยให้ค่ารัฐธรรมนูญ 2540 ไว้จำกัดจำเขี่ยมาก เพราะให้ย้อนไปดึงเอารัฐธรรมนูญของคณะราษฎรมาเป็นต้นแบบกันเลยทีเดียว เริ่มต้นตั้งแต่พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ตามมาด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 นี่เป็นหลักการใหม่ที่ทั้งนปช.และพรรคเพื่อไทยยังไม่เคยพูดชัดเจนมาก่อน ย้อนไปดูความในแถลงการณ์คณะนิติราษฎร์ประเด็นที่ 4 ข้อ 2 กันทุกตัวอักษรนะ
             
"...เห็น ว่ารัฐธรรมนูญที่จะนำมาใช้เป็นต้นแบบในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่สมควรเป็นพระ ราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 และอาจนำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ในส่วนของการประกันสิทธิและเสรีภาพตลอดจนโครงสร้างสถาบันการเมืองและองค์กร ทางรัฐธรรมนูญเท่าที่สอดคล้องกับพัฒนาการในยุคร่วมสมัยมาเป็นแนวทางในการยก ร่าง"              
รัฐธรรมนูญ 2540 ถูกลดคุณค่าไปแค่ "อาจนำ" มาร่วมพิจารณาเฉพาะส่วนโครงสร้างสถาบันทางการเมืองและองค์กรทางรัฐธรรมนูญ เท่านั้น ไม่ใช่ปรัชญาและแนวทางหลัก
            
รัฐธรรมนูญ 27 มิถุนายน 2475 คืออะไร ?
             
รัฐ ธรรมนูญ 27 มิถุนายน 2475 เป็นรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้น 3 วันหลังคณะราษฎรทำรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากในหลวงรัชกาลที่ 7 โดยคณะราษฎรเป็นผู้จัดทำฝ่ายเดียวแล้วนำมาถวายพระองค์ท่าน แม้พระองค์อาจไม่ทรงเห็นด้วยในเนื้อหาบางประการ แต่ด้วยพระราชปณิธานสูงสุดที่ไม่ต้องการให้แผ่นดินนองเลือดจึงทรงยินยอม แต่ก็ลงพระอักษรกำกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ว่า "ชั่วคราว" อันเป็นผลให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่พระองค์ท่านมีส่วนร่วมพระราช ทานความเห็นด้วยออกมาประกาศใช้ในอีก 5 เดือนเศษต่อมาในวันที่ 10 ธันวาคม 2475 คือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ซึ่งมีเนื้อหาบางประการแตกต่างออกไป
             
ในรัฐธรรมนูญ 27 มิถุนายน 2475 ไม่มีคำว่า "พระมหากษัตริย์" เหมือนรัฐธรรมนูญทุกฉบับต่อ ๆ มา โดยใช้คำว่า "กษัตริย์" เฉย ๆ
            
หลัก การสำคัญอันเป็นเสมือนการแสดงเจตนารมณ์ปฏิบัติประชาธิปไตย-เปลี่ยนระบอบ บรรจุอยู่ในมาตรา 1 ด้วยข้อความที่สั้น กระชับ เมื่อพูดถึงอำนาจสูงสุดของประเทศก็มีแต่คำว่า "ราษฎร" เท่านั้น ไม่มีข้อความต่อมาที่ระบุถึง "พระมหากษัตริย์" ไว้ในมาตราเดียวกันเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับต่อ ๆ มา
              
"อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย" 
            
ไม่ ใช่แต่เพียงภาษาเท่านั้นแต่ฐานภาพของ "กษัตริย์" ตามรัฐธรรมนูญ 27 มิถุนายน 2475 ไม่เหมือน "พระมหากษัตริย์" ในรัฐธรรมนูญฉบับต่อมาทุกฉบับต่อจากนั้น
             
อ่านหมวด 1 ข้อความทั่วไป และหมวด 2 กษัตริย์ ดูก็พอจะรับรู้อารมณ์และเจตนารมณ์ได้
             
ที่ สำคัญและเชื่อมโยงไปถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่คณะนิติราษฎร์เสนอให้ยกเลิกด้วยก็คือ รัฐธรรมนูญ 27 มิถุนายน 2475 ไม่มีหลักการสำคัญที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับต่อมาบัญญัติคุ้มครองสถาบันพระมหา กษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์ไว้เด็ดขาด ดังเช่นความในมาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งก็เหมือนฉบับ 2540 และฉบับอื่น ๆ ก่อนหน้า...
              
"องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ / ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้"             
หลัก การนี้มีที่มาที่ไปที่แสดงลักษณะเฉพาะเป็นพิเศษของประเทศไทย และเพราะมีหลักการนี้บรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเหตุให้มีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
            
ถ้าหลักการนี้ไม่คงอยู่ในรัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ไม่มีฐานรองรับ
             
แน่ นอนว่ารัฐธรรมนูญ 27 มิถุนายน 2475 ก็ยังคุ้มครองฐานภาพของ "กษัตริย์" แต่ไม่ได้คุ้มครองไว้เด็ดขาดเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับต่อ ๆ มาทุกฉบับจนถึงปัจจุบัน รัฐธรรมนูญฉบับนี้บัญญัติไว้ในมาตรา 6 ว่า...
              
"กษัตริย์จะถูกฟ้องร้องคดีอาชญายังโรงศาลไม่ได้ เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรจะวินิจฉัย"              
และไม่ใช่แค่ยกเลิกมาตรา 112 หรือแก้ไขแบบปรับเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมดเท่านั้น
             
ขณะนี้คนบางกลุ่มยังต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้กลับไปสู่สถานะก่อนปี 2500 และก่อนปี 2490
             
.............................................
             
(ท่านผู้อ่านช่วยเติมบรรทัดสุดท้ายให้ข้อเขียนชิ้นนี้ด้วยหลังรับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรกันอยู่แล้ว !!)

คำถามจาก "เกษียร เตชะพีระ" ถึง "คำนูณ สิทธิสมาน"



(ที่มา เฟซบุ๊กส่วนตัวของเกษียร เตชะพีระ)

คุณคำนูณกล่าวหาว่าคณะนิติราษฎร์ต้องการกลับไปสู่สภาพการณ์ระหว่าง 24 มิ.ย. 2475 - 10 ธ.ค. 2475 ไม่ใช่แค่แก้ม. 112

แล้วคุณคำนูณกับสื่อเครือผู้จัดการกำลังสานต่อภารกิจใดหรือ ครับ? กบฎบวรเดช? คณะรัฐประหาร 2490 ของผิน-เผ่า? คณะปฏิวัติ 2500 ของจอมพลสฤษดิ์? คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน 2519?

... ไม่มีใครทำซ้ำภารกิจในอดีตขึ้นใหม่จริง ๆ ได้หรอก ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยเอาเข้าจริงจึงไม่เคยมี เพราะทุกการ "ซ้ำรอย" ย่อมทำขึ้นในเงื่อนไขใหม่ทางประวัติศาสตร์เสมอ และเงื่อนไขใหม่ที่ปฏิสัมพันธ์กับการกระทำแบบเก่า ย่อมนำไปสู่ผลที่ต่างจากเดิม

ดังนั้นมากที่สุดที่คนเราทำได้ คือได้รับแรงบันดาลใจจากการต่อสู้ในอดีต รับสืบทอดคุณค่า/อุดมคติจากขบวนการในอดีต แล้วปรับมาทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเดินหน้าต่อไปในแนวนิยมของคุณค่าที่ตนสมาทานนั้น

ถ้าคณะนิติราษฎร์สมาทานคุณค่าของคณะราษฎรและ อ.ปรีดีซึ่งก็คือระบอบราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลเป็นสภาพการณ์ระหว่าง 24 มิ.ย. 2475 - 10 ธ.ค. 2475 เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ในทางกลับกัน สมมุติ คุณคำนูณและสื่อเครือผู้จัดการต้องการสืบทอดคุณค่า/อุดมคติของคณะกู้บ้านกู้ เมือง (บวรเดช), คณะรัฐประหาร (2490), คณะปฏิวัติ (2500), คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน (2519) ก็โอเคครับ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิบัติการของคุณคำนูณกับ สื่อเครือผู้จัดการจะเสกให้เหมือนอดีตได้ เรื่องในโลกย่อมไม่เป็นไปดังใจปรารถนาของมนุษย์เรานะครับ

แทนที่จะปลุกผีอดีตมาหลอกปัจจุบัน คำถามที่ผมอยากชวนคุณคำนูณและสื่อเครือผู้จัดการมาคิดคือ อะไร คือสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในระบอบราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญที่เหมาะ สมและเป็นคุณแก่ความมั่นคงยั่งยืนของสถาบันกษัตริย์ควบคู่กับประชาธิปไตยใน สถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยบทเรียนที่เราพบเห็นใน 4 - 5 ปีที่ผ่านมา? มาช่วยกันคิดดีกว่าครับ 


มติชน

รัฐบาล พนักงานม๊อบรับจ้าง ทวงเงินมาแล้วจ้า ร้อนๆ.....

รัฐบาล พนักงานม๊อบรับจ้าง ทวงเงินมาแล้วจ้า ร้อนๆ.....
จ่ายด้วยนะจ๊ะ รัฐบาลปูจ๋า...

กระทรวงยุติธรรม - 12 ม.ค. 55

นายพิทยา จินาวัฒน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯได้ประสานข้อมูลไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อสำรวจผู้ต้องขังคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการ เมือง หรือกลุ่มคนเสื้อแดง

เพื่อให้ความช่วยเหลือวางหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวต่อศาล ภายหลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินงบประมาณ 48 ล้านบาท ใช้กองทุนยุติธรรมนำไปใช้ประกันตัวผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดี โดยผลการสำรวจพบว่ามีผู้ต้องขังเสื้อแดงต้องการขอรับความช่วยเหลือเรื่องการ ประกันตัว 57 คน กระจายถูกคุมขังในเรือนจำ 8 แห่ง ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิฯจะเร่งให้ความช่วยเหลือต่อไป

อย่างไรก็ตาม การให้ประกันตัวเป็นดุลพินิจของศาล จึงไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ต้องขังจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมาคดีความผิดตามมาตรา 112 ศาลมักไม่อนุญาตให้ประกันตัว สำหรับรายชื่อผู้ต้องขังที่ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือเรื่องหลักทรัพย์ ประกันตัว จำแนกเป็นรายเรือนจำ ดังนี้

เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำนวน 21 คน มี

นายบัณฑิต สิทธิทุม วงเงิน 6 แสนบาท
นายเพชร หรือ โชค แสงมณี วงเงิน 6 แสนบาท
นายเอกชัย มูลเกษ วงเงิน 6 แสนบาท
นายสายชล แพบัว วงเงิน 6 แสนบาท
นายอเนก สิงขุนทด วงเงิน 6 แสนบาท
นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม วงเงิน 6 แสนบาท
นายประสงค์ มณีอินทร์ วงเงิน 6 แสนบาท
นายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ วงเงิน 6 แสนบาท
นายอาทิตย์ เป้าสุวรรณ วงเงิน 6 แสนบาท
นายยุทธชัย สีน้อย วงเงิน 6 แสนบาท
นายพรชัย โลหิตดี วงเงิน 6 แสนบาท
นายพินิจ จันทร์ณรงค์ วงเงิน 6 แสนบาท
นายวิศิษฎ์ แกล้วกล้าวงเงิน 6 แสนบาท
นายเลอพงษ์ วิชัยคำมาตย์ วงเงิน 1,440,000 บาท
นายธันย์วุฒิ ทวีวโรดมกุล วงเงิน 1,440,000 บาท
นายสุรภักดิ์ ภูไขยแสง วงเงิน 1,440,000 บาท
นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ วงเงิน 1,440,000 บาท
นายอำพล ตั้งนพกุล วงเงิน 1,440,000 บาท ( อากง )
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข วงเงิน 1,440,000 บาท
นายพศิน แสนจิตต์ วงเงิน 1 ล้านบาท
นายคำหล้า ชมชื่น วงเงิน 6 แสนบาท

เรือนจำกลางเชียงใหม่ 5 คน ซึ่งคดีอยู่ระหว่างยื่นฎีกา ประกอบด้วย

นายนพรัตน์ แสงเพชร วงเงิน 6 แสนบาท
นายประยุทธ บุญวิจิตร วงเงิน 6 แสนบาท
นายพะยอม ดวงแก้ว วงเงิน 6 แสนบาท
นายบุญรัตน์ ไชยมโน วงเงิน 6 แสนบาท
นายสมศักดิ์ อ่อนไสว วงเงิน 6 แสนบาท

เรือนจำนนทบุรี 2 คน คือ

นายจรูญ บุญเรือง วงเงิน 6 แสนบาท
นายสมนึก แซ่เฮง วงเงิน 6 แสนบาท

ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา

น.ส ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล วงเงิน 1,440,000 บาท ( ดา ตอปิโด )

เรือนจำอุดรธานี 2 คน มี

นายอาทิตย์ ทองสาย วงเงิน 6 แสนบาท ( เผาศาลากลางอุดร )
นายกิตติพงษ์ ชัยกัง วงเงิน 6 แสนบาท

เรือนจำอุบลราชธานี 4 คน มี

น.ส.ปัทมา มูลมิล วงเงิน 1,440,000 บาท
นายธีรวัฒน์ สัจจสุวรรณ วงเงิน 1,440,000 บาท
นายสนอง เกตุสุวรรณ วงเงิน 1,440,000 บาท
นายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ วงเงิน 1,440,000 บาท

เรือนจำมุกดาหาร 13 คน มี

นายดวง คนยืน วงเงิน 6 แสนบาท
นายทวีศักดิ์ แข็งแรง วงเงิน 6 แสนบาท
นายณัฐวุฒิ พิกุลศรี วงเงิน 6 แสนบาท
นายไมตรี พันธ์คูณ วงเงิน 6 แสนบาท
นายนพชัย พิกุลศรี วงเงิน 6 แสนบาท
นายพนม กันนอก วงเงิน 6 แสนบาท
นายวิชัย อุลุพันธุ์ วงเงิน 6 แสนบาท
นายประคอง ทองน้อย วงเงิน 6 แสนบาท
นายวินัย ปิ่นศิลปะชัย วงเงิน 6 แสนบาท
นายสมัคร ลุนริลา วงเงิน 6 แสนบาท
นายแก่น หนองพุดสา วงเงิน 6 แสนบาท
นายทินวัฒน์ เมืองโคตร วงเงิน 6 แสนบาท
นายวิชิต อินตะ คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ วงเงิน 6 แสนบาท

เรือนจำมหาสารคาม 9 คน

นายคมกฤษ คำวิแสง วงเงิน 6 แสนบาท
นายภานุพงษ์ นวลเสน วงเงิน 6 แสนบาท
นายสมโภชน์ สีกากุล วงเงิน 6 แสนบาท
นายอุทัย คงหา วงเงิน 6 แสนบาท
นายไพรัช จอมพรรษา วงเงิน 6 แสนบาท
นายมนัส วรรณวงศ์ วงเงิน 6 แสนบาท
นายสุชล จันปัญญา วงเงิน 6 แสนบาท
นายชรัญย์ เอกสิริ วงเงิน 6 แสนบาท
นายเดชอดุลย์ เดชบุรัมย์ คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ วงเงิน 6 แสนบาท
Chor Chang Boon Wattanna Kwanjai May Sivaporn Butkanit
breakingnews.nationchannel.com
กระทรวงยุติธรรม - 12 ม.ค. 55 นายพิทยา จินาวัฒน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯได้ประสานข้อมูลไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อสำรวจผู้ต้องขังคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้ความช่วยเหลือวางหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวต่อศาล ภายห...

รวมการโกง ของ ทักษิณ ชินวัตร

 
 
 
 

รวมการโกง ของ ทักษิณ ชินวัตร

จาก...http://www.oknation.net/blog/phongnete/2012/01/11/entry-1
--ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไปที
่อยากจะร่ำรวย....
--เริ่มจากการอยากร่ำรวยทางลัด ยุคปฏิวัติ รสช สมัยสุนทร คงสมพงษ์....ทักษิณ ก็ให้เงินทหารที่ปฏิวัติ เพื่อแลก สัมปทานมือถือแบบง่ายๆ ... "ยัดเงิน ทหาร ไม่ต้องประมูลสัมปทานอย่างยุติธรรม ให้มันยุ่งยาก"
--หลังจากทักษิณได้สัมปทานรัฐฯ จากการยัดเงินใต้โต๊ะแล้ว ทักษิณก็เริ่มอยากปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง เพราะการมีอำนาจเอง ก็คงดีกว่าการคอยพึ่งบารมีผู้มีอำนาจ นักการเมือง ข้าราชการที่คอยแต่จะรีดไถ่
--ทักษิณก็เลยโดดมาเล่นการเมือง เพื่อการมีอำนาจซะเองเลย
--เริ่มที่พรรคพลังธรรม ทำหน้าที่เป็นนายทุนให้พรรค เติบโตมาพร้อมๆกับ เจ้หน่อย ซึ่งสมัยนั้น ยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ถือเป็นนักธุรกิจไฟแรง ที่ผันตัวเองมาเล่นการเมือง
--เมื่อทักษิณเล่นการเมืองมีอำนาจรัฐฯ อยู่ในมือแล้ว เป็นรองนายก แม้ไม่ถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็เห็นช่องทางแห่งความร่ำรวย
--เริ่มจากตัดลดงบประมาณต่างๆ ทำองค์กรโทรศัพท์ให้อ่อนแอ ขาดงบประมาณในการซ่อมแซมดูแล ใช้งานไม่ได้มากๆเข้า ก็เป็นการบีบประชาชน โดยทางอ้อมให้จำเป็น ต้องซื้อโทรศัพท์มือถือ เพราะยุคนั้นตู้โทรฯสาธารณะ
แทบจะใช้ไม่ได้ซักตู้
--พอทักษิณเล่นการเมืองไปนานๆเข้า ก็เห็นว่าอำนาจรัฐมีประโยชน์ สร้างความร่ำรวยให้ได้มากมาย ความคิด... ก็เข้าครอบงำ จากนั้น..... ตามมาๆ
--ยุคนายก จิ๋ว ฟองสบู่แตก + ลดค่าเงินบาท ยุคนั้น ทักษิณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสนอให้ ชวลิตลดค่าเงินบาท ซึ่งถือเป็นผู้รู้ข้อมูลภายในล่วงหน้า (insider) ....
--ทักษิณ ได้ใช้ข้อมูลนั้น ในการดำเนินการ ประกันค่าเงินของ ทรัพย์สินและบริษัท ในตระกูลของตนเองและพวกพ้องทั้งหมดไว้ แค่นั้นยังไม่พอ..
--ทักษิณและพวกพ้องกลุ่มนายทุนใหญ่ ระดับชาติ ใช้กลยุทธการ "ไซฟ่อนเงิน" เพื่อความร่ำรวย และซ้ำเติมความหายนะของชาติ ให้มากขึ้นไปอีก เพรายิ่งไทยหายนะเท่าไหร่ ค่าเงินบาทไทยก็ยิ่งลดลงไปม
ากเท่านั้น ซึ่งก็คือ...
--ทักษิณและพวกพ้อง ใช้วิธี กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ในประเทศให้ได้มากที่สุด แล้วนำไปแลกดอลล่าร์ไว้ เพราะรู้ข้อมูลล่วงหน้าว่า จะมีการประกาศลดค่าเงินบาท และเมื่อ ชวลิตลดค่าเงินบาทตามคำแนะนำของกลุ่มทักษิณ..
--ค่าเงิน จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ ก็ดิ่งลงสู่หายนะ ในเวลาอันรวดเร็ว โดยต่ำสุดอยู่ที่ 58 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์ ....... ทักษิณ และพวกพ้อง ก็เอาดอลล่าร์กลับมาแลกคือเ
ป็นเงินบาทไทย "กำไรทันทีเกิน เท่าตัว!!!!"
--ทฤษฏีของ สสาร ง่ายๆ คือ สสารไม่มีวันหายไปจากโลก เหมือนเม็ดทรายในท้องทะเล แค่ ย้ายจากที่หนึ่ง ไปสู่อีกที่หนึ่งเท่านั้นเอง ความร่ำรวย และยากจนก็ไม่ต่างกัน...
--เมื่อทักษิณ และพวกพ้องมีกำไรจากการประกันค่าเงิน และ ไซฟ่อนเงินเป็นมูลค่ามหาศาลเกิน 100% คนที่ขาดทุนก็คือประชาชนคนไทย และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจริงๆก็เหมือนมีเงินในกระเป๋าเท่าเดิม แต่ค่าของเงินหายไปเกินครึ่ง!!!
--ทักษิณและพวก ร่ำรวยขึ้นเป็นเท่าตัว บนความยากจนลงๆ ของประชาชนทั้งประเทศ จากการลดค่าเงินบาทในครั้งนี้
--คราวนี้ทักษิณก็มีทุน กระสุนดินดำ ไว้ใช้ในการเล่นการเมืองเต็มตัวแล้วสิ.....
--ทักษิณก็เริ่มใช้เงินที่ได้มา ซื้อพรรคการเมืองต่างๆ กวาด สส.พรรคต่างๆเข้าพรรคของตัวเอง เพราะเวลาทักษิณจะออกกฏหมาย
หรือเปลี่ยนแปลงกฏหมายอะไร จะได้มี สส.ลูกน้อง คอยยกมือโหวดผ่านร่างในสภา ให้กฏหมายผ่านง่ายๆ ตามแต่ใจที่ต้องการ
--หลังจากทักษิณกวาดต้อน ใช้เงินซื้อ สส.ที่ขายตัว มาเป็นลูกน้องคอยยกมือให้ในสภาแล้ว ก็เริ่มจัดการแก้กฏหมายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ เพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองก่อนเลย โดย...
--ทักษิณแก้กฏหมาย วิธีการจ่ายภาษีสัมปทานมือถือให้รัฐฯ โดยให้ บ. ตัวเองจ่ายน้อยลง ทำให้รัฐสูญเสียเงินรายได้ จากการจัดเก็บภาษีสัมปทานมือถือในทุกๆปี เป็นจำนวนเงินหลักหมื่นล้าน/ต่อปี...
--ผลจากการแก้กฏหมายดังกล่าว ......."รัฐฯจะสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไปอีก นานแสนนาน"
--เป็นไงละ...ก็ เพราะทักษิณคุมอำนาจรัฐฯไว้ในมือ แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของทักษิณ ก็ดันทำธุรกิจกับภาครัฐฯ ไปด้วย... แล้วคิดว่า ทักษิณจะอยากให้รัฐฯได้ประโยชน์มากกว่า หรือ อยากให้ครอบครัวตัวเองได้ประโยชน์ มากกว่าหละ
--แน่นอนเมื่อสัญญาถูกแก้ ให้ครอบครัวทักษิณจ่ายภาษีมือถือน้อยลง รัฐก็จะมีเงินรายได้เข้าคลังน้อยลง เงินที่จะนำไปใช้ในการบริหารประเทศ ช่วยเหลือคนจนก็จะน้อยลง ยิ่งช่วงนั้น ไทยประสบปัญหา ฟองสบู่แตก ด้วย เงินในคลังก็ยิ่งน้อยลง
--ที่นี้ ทักษิณอยากได้เงินเข้าคลังเยอะๆ เพราะทักษิณเป็นรัฐบาล จะได้เอาเงินไปใช้จ่ายโครงการต่างๆ เพื่อให้พวกพ้องโกงกิน แต่ไทยยังติดหนี้ IMF และยังมีเงินในคลังน้อยอยู่ แล้วทักษิณจะทำไงดีละ.... ตามมาๆๆ
--ก็ขายสมบัติชาติไง เพราะพอขายแล้ว ชาติจะได้มีเงินเข้าคลังเยอะๆ ทักษิณและพวกพ้อง สส.จะได้เอาไปถลุง + โกงกินทุกโครงการให้สบายใจ
--โดยเริ่มจากขาย ปตท. ซึ่งเดิมที ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือเรียกง่ายๆว่า ธุรกิจของรัฐฯ 100%
--ซึ่งหมายความว่า.."กำไร" จากการขายน้ำมัน /ปิโตรเคมี /อะโรเมติค /พาราไซรีน ฯลฯ ทุกอย่างทุกชนิด ทุกบาท ทุกสตางค์ ของ ปตท จะกลับเข้าคลัง ไปเป็นงบประมาณของรัฐฯ เพื่อนำเงินนั้น กลับมาบำรุงชาติ/ประชาชน แต่ทักษิณก็ขาย...
--ซึ่งนั้นหมายความว่า กำไรจาก ปตท ที่ รัฐฯเคยเก็บได้ทุกปี 100% เต็ม "ตลอดอายุประเทศไทย".... จะไม่ได้เท่าเดิมอีกแล้ว เพราะต้องเอากำไรของชาติ ไปแบ่งให้ผู้ถือหุ้นด้วย ประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ตลอดไป
--แถมทักษิณยังขาย ปตท. แบบโกงราคา สัดส่วนหุ้น ต่อหน่วยลงทุนด้วย!! งง มั้ย คืองี้....
--ปตท คือรัฐวิสาหกิจของประเทศ ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ เราเลือก สส + นายก มาเป็น ผู้บริหารประเทศ หรือเรียกง่ายๆว่า ตัวแทน "ผู้จัดการมรดก"
--ทีนี้ เมื่อทักษิณเป็นรัฐบาล เป็นนายก เป็นผู้จัดการมรดกของชาติ ก็มีความคิดเอาทรัพย์สินของชาติ ไปขาย เพื่อให้มีเงินเข้าคลังเยอะ
--แทนที่ทักษิณจะขายให้ได้กำไร หรือ อย่างน้อยเท่าทุน เพื่อให้ชาติได้เงินตามสมควร... แต่ทักษิณเอาสมบัติชาติไป..
"ขายขาดทุน โดยให้ พวกพ้อง ญาติเป็นคนซื้อ"
--ทักษิณให้ญาติ และ พวกพ้อง สส.ของพรรค ซื้อสมบัติชาติ จนหมด และ ในราคา ต่ำกว่าต้นทุนหลายๆเท่า ดังตัวอย่างเช่น ประชาชน"คนแรก"ที่ไปรอต่อแถ
วซื้อหุ้น ปตท ตั้งแต่ตี 4 แค่กรอกใบสมัคร 1.14 นาที หุ้นก็หมดไปแล้ว...
--แต่ผู้ที่ได้มีสิทธซื้อหุ้น เป็นจำนวนหลายล้านหุ้นต่อคน กลับเป็น คนในนามสกุล ที่เรารู้จักกันดีทั้งนั้น ทั้งๆที่ กฏหมาย ห้ามซื้อเกินคนละ 1 แสนหุ้น???
--แถม...ราคาหุ้น ที่พวกทักษิณได้มีสิทธิซื้อนั้น ต่ำกว่าราคาของความเป็นจริง หรือเรียกง่ายๆว่า ให้ญาติซื้อสมบัติชาติ ในราคาต่ำกว่าต้นทุนนั้นเอง
--ผลที่ได้คือ พวกพ้อง ญาติร่ำรวย +ประชาชนไม่รับรู้ + ประเทศชาติ(พูดไม่ได้)ขาดทุน .......และยังมีเงินจากการขาย ปตท ครั้งนี้ เข้าคลังไปถลุง ซึ่ง..."น้อยกว่าที่ควรจะเป็น" อีกต่างหาก....เฮ้อ.
--นั้นคือ สาเหตุ ที่ราคาหุ้น PTT ณ.วันเปิดเข้าตลาดหลักทรัพย์ กับ วันนี้ ราคาสูงขึ้น เป็น 10 เท่าตัว.... กำไร 1000%
--สรุป ทักษิณบริหารสมบัติชาติ -- ชาติ (ประชาชน )ขาดทุนย่อยยับ -- ญาติ พวกพ้องมัน ร่ำรวย เพราะซื้อสมบัติของชาติต่ำกว่าทุน ...
--หน้าทีอีกอย่างของ ปตท คือ คอยถ่วงดุล + กดดัน + ควบคุมระดับราคาน้ำมันภายใน
ประเทศ ไม่ให้แพงเกินจริง ซึ่ง...
--ว่าง่ายๆก็คือ ถ้า ปตท ไม่ขึ้นราคาน้ำมันซะอย่าง แล้ว บ.น้ำมันข้ามชาติ เช่น เชล เอสโซ่ คาร์เทค จะขึ้นราคาน้ำมันมากแค่ไหนก็ตามใจ เพราะไม่มีใคร อยากไปเติมของแพง
--เมื่อ เป็นเช่นนั้น ถ้า ปตท พยายามกดดันราคาน้ำมันไว้ พวก บ.น้ำมันข้ามชาติทั้งหลาย ก็ไม่กล้าจะขึ้นราคาน้ำมันใ
ห้แพงเวอร์นัก เพราะ ประชาชนก็จะมีทางเลือกเติม ปตท ที่คิดราคาน้ำมันถูกกว่า
--ทีนี้ลองคิดตามนะ......
--ถ้า พวกทักษิณ เป็นรัฐบาล ควบคุมกลไกรัฐ ควบคุม ปตท.มีหน้าที่ คอยถ่วงดุล+กดดัน+ควบคุมระดับ ราคาน้ำมันภายในประเทศ ไม่ให้แพงเกินจริง.."แต่ขณะ
เดียวกัน พวกทักษิณ ก็ดันถือหุ้น ปตท ไปด้วย" ???
--นั้นหมายความว่า..."ถ้า ปตท กำไรมาก พวกทักษิณก็จะกำไรมากๆด้วย !!!"
--แล้วทักษิณ และพวกพ้อง ซึ่งเป็นผู้ควบคุมกลไกรัฐฯ จะอยากทำให้น้ำมันแพงหรือถู
กดีหละ....???
--เพราะถ้าทักษิณ ทำตามหน้าที่ โดยกดดันให้น้ำมันถูก ประชาชนก็จะได้ประโยชน์ ..แต่พวกทักษิณ ซึ่งถือหุ้น ปตท อยู่ ....."ก็จะกำไรน้อย"
--แต่ถ้าทักษิณปล่อย ให้น้ำมันขึ้นๆแพงๆๆ ให้ประชาชนจ่ายค่าน้ำมันแพงๆเข้าไว้ โดยไม่คอยควบคุมกดดัน พวกทักษิณที่ถือหุ้น ปตท ก็จะได้กำไรเยอะตามไปด้วย!!
--จากการขาย ปตท พวกทักษิณ กำไร 3 เด้ง ...คือ
1 กำไรจากการได้ซื้อสมบัติชาติในราคาถูก
2 ปล่อยราคาน้ำมันขึ้นให้ประชาชน เติมน้ำมันแพง พวกทักษิณถือหุ้น ปตท ก็รวยไปด้วย
3 คลังมีเงินจากการขายสมบัติชาติ มาให้ถลุงเล่น
--นั้นคือเหตุผลที่ว่า น้ำมันทุกค่ายจับมือกันแพง จับมือกันขึ้นราคาไง จากยุคเชาวลิต 12-13 บาทต่อลิตร จน 45-48 บาทต่อลิตร และ... บ. ปตท กำไร ปีละเป็น แสนๆล้าน เยี่ยมมั้ย ไอ้ทักษิณ!!
--จากนั้น...รัฐบาลทักษิณ ก็ได้เงิน เข้ามาจากการขาย+โกง สมบัติชาติ เข้าคลัง... และ คลังก็มีเงินให้พวกทักษิณเอาไป ถลุงเล่นแล้ว... มาดูกันว่าทักษิณจะทำอะไรได้บ้าง ...
--ไทยมีเงินให้ถลุงแล้ว แต่ไทยก็ยังมีหนี้ IMF และเสียดอกเบี้ยอยู่ ทำไงดี ให้เอาเงินในคลังไปถลุงง่ายๆ โดยไม่โดน ฝ่ายค้านโจมตี และ ประชาชนด่า
--ทักษิณก็ปลดหนี้ IMF ไง จะได้ดูดี ไม่มีหนี้แล้ว เก่งด้วย
--กองทุน IMF เค้าให้ค่อยๆผ่อน ค่อยๆเสียดอก แต่ ทักษิณ ดันจ่ายทั้งต้น ทั้งดอก ทั้งหมดเลยทีเดียว คนจะได้ว่าข้าเก่ง และเอาเงินไปทำอย่างอื่นได้
โดยไม่โดนประชาชนด่า แล้วมันไม่ดีตรงไหนช่ายมะ ..ดูนะ
--ต้น+ดอกเบี้ย ทุกปีอะ เค้าให้เราทะยอยจ่าย โดยคำนวนไว้แล้ว เหมือนคุณผ่อนบ้านอะ สมมุติผ่อนบ้านเดือนละ 5 หมื่น ผ่อน 20 ปี .. คำถามก็คือว่า
--"ค่าของเงิน" 5หมื่นในวันนี้ กับ "ค่าของเงิน" 5หมื่นใน อีก 20 ปีข้างหน้ามีค่าเท่ากันมั้ย...คำตอบคือ...ไม่เท่าแน่ๆ
--ถ้าให้จ่ายแบบปิดเงินต้น แล้ว ดอกมาคิดกันใหม่ก็ว่าไปอย่าง เหมือนเราจะ เทบ้าน เทต้น อะไรแบบนี้ แต่ถ้าต้องรวบยอด ทั้งต้นทั้งดอก ทั้งหมดจ่ายเลยวันนี้ "ค่อยๆผ่อนไปไม่ดีกว่าเหรอ" อีก 20 ปีข้างหน้า ถึงเราจะต้องจ่ายเท่าเดิม แต่ ค่าของเงินก็เปลี่ยนไป
--ก็เหมือนเราจ่ายจำนวนเงินเท่าเดิม แต่ค่าของเงินนั้นน้อยลง แต่รู้มั้ย ทักษิณทำเพื่ออะไร???
--คำตอบก็คือ ทักษิณต้องการให้ธนาคาร เอ็กซิมแบ้งค์ของรัฐ ปล่อยกู้พม่า ค่อนหมื่นล้าน โดยทักษิณตกลงกับพม่า ให้นำเงินก้อนนี้ "กลับมาซื้อสัมปทาน เครือค่ายโทรศัพท์ของตระกลูชินวัตร ไง" ....รัฐบาลมีเงินในคลังแล้วนิ รวยแล้ว..
--วิธีการก็ง่ายๆ ก็โอน 10% ให้นายพลเผด็จการพม่าใต้โต๊ะ อีก 90% เข้าบัญชีพจมานเลย เพราะกลัวพม่าโกง..แถมปล่อยกู้พม่า โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ถูกแสนถูก ถูกกว่าที่ไทยกู้จาก IMF มากนัก
--สรุป ปลดหนี้ จ่ายรวบ ดอกเบี้ย IMF ที่แแพงกว่า มาปล่อยกู้พม่า ในดอกเบี้ยที่ถูกกว่า...เพื่อให้พม่า เอาเงินมาซื้อสัมปทาน มือถือ ของตระกูลตัวเอง
--หลังจากนั้นก็เริ่ม อภิมหาโครงการโกง ต่างๆ เช่น โคล้านตัว กล้ายาง กองทุนหมู่บ้าน สนุกสนานกันเข้าไป ยกตัวอย่างเด่นๆ ดังต่อไปนี้....

--ดาวเทียมไทยคม เคยรู้กันมั้ย??
--ประเทศแต่ละประเทศ ตามสนธิสัญญาสากล ทุกประเทศ มีสิทธิในการใช้วงจรดาวเทียม ซึ่งแต่ละประเทศได้จำนวนวงโคจร มากน้อยนั้นไม่เท่ากัน... ขึ้นกับสัดส่วนพื้นที่ของแต่ละประเทศ และปัจจัยต่างๆมากมาย
--ดาวเทียม 1 ดวง สามารถหารายได้ จำนวนมหาศาล จากมัน เพราะขีดความสามารถทางด้านก
ารสือสาร ทุกชนิด แล้วมีโครงข่ายสูง.... ทักษิณ เลยจัดการประมูลให้เอกชน เป็นผู้ได้สัมปทาน???
--เงื่อนไข ผู้มีสิทธิเข้าประมูล คุณสมบัติ แต่ละข้อนั้น ทักษิณกำหนดเอง ตั้งข้อจำกัดในเงื่อนไข จนให้ บ. ของตัวเองได้ในที่สุด และกำกับท้ายว่า ผู้ชนะการประมูล ให้ยกเว้น+ลด ค่าสัมประทานให้กับรัฐฯ ให้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นอีก
ด้วย !!!
--รัฐ สูญเสียรายได้ ที่ควรจะจัดเก็บเข้าคลังได้อีกปีละเป็น หมื่นล้าน...รายได้เข้าคลังจะน้อยลง กว่าที่ควรจะเป็นไปอีกหลายสิบปี...
--ผลจากการประมูลสัมปทานดาวเทียม ซึ่งมีได้เพียงดวงเดียวในประเทศไทย ดังกล่าว ......."รัฐฯจะสูญเสียรายได้ส่วนนี้ ไปอีกนานแสนนาน" อีกแล้ว...
FTA
--เกษตรกร ทั้งหลาย คงไม่เข้าใจ ว่าทำไมทุกวันนี้ พืชผลทางการเกษตรถึงตกต่ำ ราคาถูกแสนถูก ถ้าอยากรู้ คุณต้องเข้าใจ คำว่า FTA ก่อนนะ มาดูกัน....
--เริ่มที่....
--"ยุคอดีต" ประเทศแต่ละประเทศ ไม่ได้มีการติดต่อการค้าสัมพันธ์กัน คนในประเทศ มีการเพราะปลูก พืชผล การผลิต ก็มักจะขายกันแต่ภายในประเทศ แน่นอนมันจะเกิดภาวะที่ว่า สินค้าบางอย่างมีปริมาณมากเ
กินไป แต่สินค้าบางอย่างก็ขาดแคลน
--"ยุคอดีต" สินค้าล้น มีปริมาณมากไปราคาก็จะถูก เพราะเกินความจำเป็น ส่วนสินค้าที่ขาดแคลน ราคาก็จะแพงโดด เพราะมีปริมาณความต้องการสูง เกิดความยากลำบากในการดำรงค์ชีวิต ของประชาชน
--ต่อมา.....

--"ยุคกลาง" มีการติดต่อ การค้าระหว่างประเทศ และเริ่มมีการนำสินค้า ที่มีปริมาณมากเกินไป "เหลือใช้" จากประเทศหนึ่ง ส่งไปค้าขายอีกประเทศหนึ่ง ที่มีความต้องการ หรือขาดแคลนสินค้านั้นๆ
--"ยุคกลาง" แน่นอนว่า...ถึงจะเป็นสินค้าขาดแคลน แต่สินค้าที่ขาดแคลนชนิดนั้นๆ ก็ยังมีประชาชนในประเทศ"บางส่วน" เป็นผู้ผลิตอยู่บ้าง ซึ่งอาจเป็นคนส่วนน้อยของปร
ะเทศ
--"ยุคกลาง" ดังนั้น การนำเข้ามาสินค้าที่ขาดแคลน เข้ามาขาย ก็จะกระทบคนกลุ่มน้อยในส่วนนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ รัฐจึงต้องใช้มาตราการ การตั้งกำแพงภาษี เพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มน้อย ไม่ให้ถูกตัดราคาสินค้าจากประเทศอื่นๆ ที่ส่งสินค้าเหลือใช้เข้ามา
ขาย
--"ยุคกลาง" เพราะเมื่อภาษีสูง คนที่นำสินค้าที่มีปริมาณเกินความจำเป็น ของประเทศเค้า เข้ามาขายในประเทศเราก็จะมี ต้นทุนในการนำเข้าสูงตามไปด้วย จึงไม่สามารถขายตัดราคาสินค้า ของคนที่เพาะปลูกในประเทศได

--สุดท้าย....

--"ยุคปัจจุบัน" เจตนารมณ์ของ FTA ก็คือ ลดกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าที่มีปริมาณมาก เกินความจำเป็นของแต่ละประเทศ เพื่อชดเชยความต้องการของประเทศ ที่ขาดแคลน และต้องการสินค้านั้นๆเหมือ
นกัน เพื่อให้เกิด "ดุลลภาพทางด้านการค้า"
--"ยุคปัจจุบัน" เมื่อเปิดเสรีการค้ามากขึ้น รัฐก็จะมีรายได้จากภาษี ของผู้ที่นำเข้าสินค้านั้นๆ มาขายภายในประเทศ ในสัดส่วนที่มากขึ้นตามไปด้วย และรัฐฯก็จะนำเงินภาษีที่ได้ไปอุดหนุ่น ไปช่วย เกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจาก สินค้าที่ถูกตัดราคาจากสินค้าที่นำเข้ามา " นี่คือเจตนารมณ์ ของ FTA "
--แต่ ยุคทักษิณทำไงรู้มั้ยย ย ย ย
--คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยเรา เพาะปลูก ทำไร่ ทำสวน สินค้า พวกนี้จึงน่าเป็นสินค้าส่งออก เพราะเป็นสินค้าที่มีปริมาณมากในประเทศ แต่...
--ทักษิณตกลง FTA กับจีน โดยยอมให้จีน นำพืชผลทางการเกษตรเข้ามาตีชาวไร่ ชาวสวนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ใน
บ้านเรา เพื่อ...แลกกับการนำเข้า อะไหล่รถยนต์ ซึ่งเป็น บ.ของ พวกทักษิณ เอง ไปจีน
--ผลก็คือ บ.พวกทักษิณร่ำรวย ส่งสินค้าเข้าจีน ขายได้ถล่มทลาย แต่ เกษตรกร ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา ในประเทศ ตาย..เพราะถูก ผลไม้จีนตีตลาด ถูกจนเหลือเชื่อ เช่น มะม่วงเหลือ โลละ 10 บาท ฯลฯ
สายการบิน
--ต่อมาก็เรื่องสายการบิน ทุกๆประเทศมีสายการบินประจำชาติ ประเทศไทยชื่อ การบินไทย และ เส้นทางการบินของสายการบินนั้นๆ บ้างก็มีขาดทุน บ้างก็มีกำไร เช่น
--กรุงเทพไป นิวยอร์ก กำไรทุกปี แต่ กรุงเทพไป.. อาจขาดทุน แต่สายการบินเป็นของรัฐ ยังไงก็ต้อง รองรับระบบพื้นฐานโลจิสติกของไทย ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน ก็ต้องบิน โดยหากเกิดการขาดทุน รัฐจะเป็นผู้ให้เงินสนับสนุ
น ชดเชยให้
--เมื่อทักษิณกุมอำนาจ การบริหารประเทศ ทักษิณก็ถือหุ้นใหญ่ สายการบิน แอร์เอเชีย จากนั้น ก็ง่ายนิดเดียว ยกเลิกเส้นทางการบินของรัฐที่มีกำไร ไปให้แอร์เอเชียบิน ...ส่วนอันไหนขาดทุน ให้ การบินไทยบินต่อไป .ให้รัฐจ่าย..
--แอร์เอเชียก็กำไรมโหฬาร ส่วนการบินไทย ก็ ... ตามมีตามเกิดไป .......นั้นหละ การโกงในเชิงนโยบาย
+++เมื่อทักษิณจัดการธุรกิจทุกอย่าง จนได้สัญญาสัมปทาน ผูกขาดกับรัฐ ไปอีกหลายนานแสนนาน แถมสัญญาที่ทำกับรัฐในทุกสัญญานั้น ทั้งได้เปรียบ เอาเปรียบ ลดภาษี ลดค่าสัมปทาน "จนเหมือนแทบจะเหมือนได้เปล่า.."
+++จากนั้นทักษิณก็จัดการแก้กฏหมาย เพื่อให้สามารถขาย บริษัททั้งหมดให้กับต่างชาติ โดยบวกกำไรส่วนเพิ่ม ที่ทักษิณได้ทำสัญญาการเอาเ
ปรียบรัฐ ต่างๆไว้ นั้นก็คือ...
+++กฎหมายขยายเพดานการถือหุ้น ของชาวต่างชาติ ในบริษัทโทรคมนาคมของประเทศ
มีผลบังคับใช้วันที่ 21 มกราคม 2549
+++และ สองวันต่อมา ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ก็ขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับบริษัทเทมาเส็ก แห่งประเทศสิงคโปร์ เป็นจำนวนเงิน 73,300 ล้านบาท
+++รวยขึ้นทันตาเห็น เดิมจาก 2หมื่นกว่าล้าน ขายทีเดียวได้เกิน 3 เท่า หรือกว่า 300%
+++".......จริงๆทุกอย่างแทบจะผ่านพ้น ไปได้ด้วยดี เพราะถึงจะโกงยังไง สส.ตัวแทนประชาชนทุกคน ที่ทักษิณใช้เงินฟาดหัวซื้อไว้ ก็ยกมือโหวดกฏหมายต่างๆ ให้ผ่านร่าง พรบ. ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ใครก็เอาผิดทักษิณไม่ได้!!!!!!"
+++แต่ความโลภ และ หลงอำนาจ ของทักษิณ เลยทำให้ทักษิณชะล่าใจ ใช้อำนาจเอื้อหนุน ในการซื้อที่ดินรัชดา
+++เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนวงเงินมัดจำ การประมูลจาก 10 ล้าน เป็นเงินสด 100ล้าน ภายในวันเดียวเพื่อให้ ผู้ร่วมเข้าประมูลเตรียมเงินสดไม่ทัน
+++จากนั้นการประมูล ทางอินเตอร์เน็ต ก็ไม่พบผู้ร่วมประมูล ทั้งๆที่ บ. แลนด์แอนเฮ้า LPN ฯลฯ กว่า 7 ราย ก็เข้าร่วมประมูล แต่ทักษิณบอกเป็นการผิดพลาดทางด้านเทคนิค
+++แถมทักษิณยัง ประกาศแก้ไขวันหยุดสิ้นปีของปีนั้นๆ เป็นวันทำการ เพื่อให้สามารถซื้อขายที่ดินแปลงนั้นได้ ก่อนสิ้นปี ก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฏห
มายการใหม่ ในปีถัดไปอีกด้วย
+++สรุปราคาการซื้อขาย จากเดิมที่ กองทุนฟื้นฟูซื้อมาที่ต้นทุนราคา 4889ล้านบาท .....แต่ทักษิณ ให้พจมาน ซื้อไปได้ในราคา 772 ล้านบาท .... ก็คิดเอาเองละกานนะ
+++เฮ้อ คนไทยบางคน ยังภูมิใจกับเศษเงินที่เขาให้มา แลกกับการโกงชาติไปมากมาย สัญญาต่างๆที่เขาทำไว้ เป็นสัญญาที่ผูกพันกับรัฐไปอีกนานแสนนาน
+++รัฐจะสูญเสียเงิน ที่ควรจะเก็บภาษีต่างๆ ที่ควรได้ในทุกๆปี หายไปอีกปีละกว่าหลายหมื่นล้าน ทั้งยังเสียประโยชน์จากการดำเนินนโยบาย ที่มุ่มเน้นแต่การเอื้อประโยชน์ ให้พวกพ้อง ตลอดจนถึงการทุจริตเชิงนโยบ
าย รวมทั้งสิ้น ปีละเป็นแสนล้าน
+++เงินในคลังก็จะน้อยลง ไทยก็จะยากจน การพัฒนาก็จะน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น ไปอีกหลายสิบปี คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือคนยากจน ที่รักทักษิณ ตามต่างจังหวัด ที่ต้องพึ่งพาสวัสดิ์การ จากรัฐตั้งแต่เกิดนั้นแหละ
-+-ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทักษิณ กุมอำนาจเสร็จเด็ดขาดทุกอย่าง ตั้งแต่ สส.ในสภา การแต่งตั้ง ผบ.ทหาร /ตำรวจ ข้าราชการประจำ จนถึงแก้ไขระบบผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นแบบ ผู้ว่า CEO ก็เป็นพวกของทักษิณทั้งนั้น
-+-ถ้าทักษิณครองเมืองได้ ถึงมีผู้รู้ทันมากสักแค่ไหน ก็ขวางทักษิณไม่ได้ การที่ยุคสมัยนึงคนไทยรักเลือกทักษิณ เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจในการทุจริต ในเชิงนโยบายของเขา
--------------" แล้วใครละ จะคอยขวางทางทักษิณ "......ไม่ให้ทักษิณแต่งตั้งเอา ญาติและพวกพ้อง คนชั่วมามีอำนาจ...เพื่อยึดอำนาจ ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสมใจเขา-------------------

ระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชาชน ต้องมีความรู้ แล้วการจะมีความรู้ได้ ต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอ ในการประกอบการตัดสินใจ เลือก สส. ตัวแทนประชาชน มารักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของพวกเรา
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง