บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การเมืองปี 56 แก้รัฐธรรมนูญและปราสาทเขาพระวิหาร เป็นประเด็นร้อน


ปลอดประสพ.วิเคราะห์การเมืองปี 56 แก้รัฐธรรมนูญและปราสาทเขาพระวิหาร เป็นประเด็นร้อน

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และรองหัวพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2556 ว่า เริ่มตั้งแต่ต้นปีก็มีประเด็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นประเด็นใหญ่ที่สุด และเรื่องนี้รัฐบาลคงต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการ โดยเป้าหมายคือหาทางออกให้ดีที่สุดด้วยการสร้างอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงตามที่พรรคได้หาเสียงไว้ว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญและทำประชามติ ซึ่งรัฐสภาได้ผ่าน 2 วาระไปแล้วว่าให้แก้ไข ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และรัฐสภา ต้องการคืนอาจประชาธิปไตยให้คนไทยที่ถูกขโมยอำนาจอธิปไตยไปด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร เปลี่ยนคัมภีร์ที่ถูกสร้างไว้เพื่อข่มเหงรังแกลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้เกิดความถูกต้อง ส่วนจะแก้ไขมาตราใดและหน้าตาของรัฐธรรมนูญออกมาเป็นแบบใดสุดท้ายจะจบลงที่ประชาชนต้องเป็นเจ้าของประเทศมีสิทธิในการปกครองประเทศเต็มที่

นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า ตอนนี้การดำเนินการมาติดกับ เพราะคนที่ไม่ควรยุ่งแต่เข้ามายุ่ง ดังนั้นแนวทางทั้ง 3 ทาง คือ 1.ทำประชามติ 2.สองเดินหน้าโหวตวาระ 3 และ3.แก้ไขเป็นรายมาตรา เท่าที่ทราบมีรายละเอียดประเมิน 9-15 เรื่องที่สำคัญ และบางส่วนพรรคประชาธิปัตย์แก้ไขไปแล้ว แต่สุดท้ายจะเลือกทางใดต้องใช้เวลาให้พรรคสรุปเป็นเอกฉันท์ โดยเจ้าของโจทย์ที่เสนอแต่ละแนวทางต้องนำเสนอให้พรรคทราบที่มาและผลดีผลเสีย จากนั้นจะมีการแบ่งโจทย์ให้ไปศึกษาแล้วนำกลับมาคุยกันว่าวิธีถอดโจทย์หรือแนวทางปฏิบัติของทั้ง 3 ทางจะทำอย่างไร เมื่อชัดแล้วมาตัดให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว โดยมีคำอธิบายข้อดีข้อเสียออกมาก่อนและทำความเข้าใจ ซึ่งตนก็มีโจทย์ของตัวเอง

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าทั้ง 3 โจทย์ จะผูกมัดและเกิดผลเสียกับรัฐบาลหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าว สิ่งที่รัฐบาลทำทุกวันนี้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงไม่เห็นว่าจะมีผลเสียอะไร จะให้อธิบายผลเสียของรัฐธรรมนูญ2550 มีผลเสียอย่างไร จนต้องแก้ไขก็สามารถอธิบายเหตุผลได้ 108 อย่าง เมื่อถามว่าประเมินว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนที่จะแก้ไขแล้วเสร็จ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ และคิดว่าไม่มีใครกำหนดกรอบเวลา เพราะทั้ง 3 โจทย์ ก็มีคนที่เห็นด้วยแตกต่างกัน เป็นเรื่องที่พูดยาก ต่อข้อถามว่าเกรงว่าจะเกิดกระแสต่อต้านกับโจทย์ที่รัฐบาลสรุปหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแย้งเราได้เลยว่ารัฐธรรมนูญ 2550 มีข้อดีอย่างไร เพราะทุกคนก็เคยพูดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ดี รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยพูดเมื่อตอนหาเสียง แต่ตอนนี้มาเบี่ยงเบนว่าแก้เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อชวนให้เกิดการชุมนุมขึ้นอีก

นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า จากนั้นปลายปีจะมีประเด็นข้อพิพาทในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร เนื่องจากศาลโลกจะพิจารณาเรื่องนี้ และมองว่าจะบานปลายเพราะเราก็ไปถอนตัวของคณะกรรมการมรดกโลกแล้วทำให้เรื่องยิ่งบานปลายหนัก และมองว่าเรื่องนี้เราน่าจะเสียเปรียบทางกัมพูชา ซึ่งทั้งหมดเป็นผลจากที่พรรคประชาธิปัตย์ไปสร้างเรื่องเอาไว้ ไปยั่วยุ และเมื่อเราเสียเปรียบกลุ่มพันธมิตรฯก็จะออกมาโหมกระแสว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งๆที่เราไม่เกี่ยวข้องเลย

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

'สามารถ'สวนแนวคิดแก้รธน.'นพดล'

'นพดล' หนุนแนวคิดคนไทยให้อภัยกันวอนผู้ใหญ่ร่วมผลักดัน 'สามารถ' ซัดแนวคิดทำประชามติคู่แก้รธน.รายมาตราเพิ่มปัญหา ชี้วาระ 3 คาอยู่ยื่นรายมาตราไม่ได้

                    28 ธ.ค.55 นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาให้ความเห็นว่าความเห็นต่างไม่ใช่อุปสรรคในการสร้างความสามัคคีและคนไทยควรให้อภัยกัน ส่วนตัวเห็นว่าความเห็นนี้ดี เพราะบ้านเมืองแตกแยกมานานตั้งแต่มีการยึดอำนาจในปี 2549 คิดว่าทุกคนอยากเห็นเมืองไทยเดินหน้าและสามัคคี ตนมีความคิดว่าการให้อภัยกันเป็นสิ่งที่ดี โดยบ้านเมืองจะเดินหน้าเต็มกำลังได้ ต้องเปลี่ยนแปลงแนวคิดในสองระดับ คือระดับผิวนอก และระดับแก่นใน ในระดับผิวนอกได้เวลาที่ทุกสีแห่งความขัดแย้งจะยิ้มให้กันได้ มองกันเป็นคู่แข่งแต่ไม่ใช่ศัตรู ชอบสีใดก็สังกัดสีนั้นต่อไป แต่เคารพสิทธิ์สีอื่น และยิ้มให้กันได้เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน ตนขอเรียกว่า "การเมืองสีทนได้"

                    นายนพดล กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นต้องแก้ในระดับแก่นในด้วย คือต้องสร้างให้ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมเกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้ เราต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ และปฏิเสธการรัฐประหาร และมีการชี้ขาดข้อพิพาททางกฎหมายตามเนื้อผ้า ไม่ใช่ตามสีเสื้อผ้า เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจทุกคนที่จะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในระดับแก่นในให้ได้ ยิ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองร่วมผลักดัน ยิ่งมีทางสำเร็จ และประโยชน์จะตกแก่คนไทยทุกคน

 

เผย'นายใหญ่'อยู่ปักกิ่ง-ปัด'ปู'บินพบ'แม้ว'

 

                    นายนพดล กล่าวถึงกรณีที่มีกระเเสข่าวว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาราชการ 1 วัน เเละมีกระเเสข่าวว่านายกฯไปฮ่องกง 3 วัน ว่าทราบว่าตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เเละเชื่อว่ากระเเสข่าวที่ว่านายกฯไปต่างประเทศนั้น นายกฯคงไม่ได้พบอดีตนายกฯ

 

'สามารถ'ซัดแนวคิดประชามติคู่แก้รธน.รายมาตรา
                    

                    นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 กล่าวถึงข้อเสนอของนายนพดลว่า เข้าใจในความหวังดีของนายนพดลที่ต้องการช่วยแก้ปัญหา แต่ดูแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะประตูที่นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีอยู่ช่องทางเดียวคือ มาตรา 291 ไม่ว่าจะแก้ไขเป็นรายมาตรา หรือทั้งฉบับ แต่ขณะนี้มาตรา 291 ยังมีการลงมติคาอยู่ในวาระ 3 จึงไม่สามารถยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเข้ามาอีกได้ หากไปเสนอให้ทำควบคู่กัน ก็อาจถูกยื่นร้องให้มีการตีความได้

                     "ยิ่งเป็นการสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่อีก จึงต้องคิดให้รอบคอบ การจะแก้ไขเป็นรายมาตราได้ ต้องไปโหวตวาระ 3 ก่อนแล้วโหวตไม่ผ่าน หรือไปทำประชามติแล้วไม่ผ่าน จึงเสนอแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราเข้ามาใหม่ได้ แต่ไม่สามารถทำควบคู่กันได้ ความคิดของนายนพดลดูเหมือนแก้ปัญหา แต่จริงๆ เป็นการสร้างปัญหาและเพิ่มปัญหาขึ้นมาใหม่" นายสามารถ ระบุ

 

 

 



วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เจาะลึก “นครสวรรค์ ทีเอส ดี” บ.รับฝากข้าวรัฐบาล ที่ปล่อยสินค้าให้ GSSG IMP & EXPCORP จากจีน ตามสัญญา จีทูจี พบ กรรมการ-ผู้หุ้น นามสกุลเดียวกับอดีตที่ปรึกษารมต.บ้านเลขที่ 111 พรรคไทยรักไทย 


 


     จากกรณีปรากฏข้อมูลว่า บุคคลที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท GSSG IMP & EXPCORP ของจีน ให้มาทำสัญญาซื้อข้ายข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ล้วนแล้วแต่มีความเชื่อมโยงกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เบื้องต้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2555 ให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปแล้วนั้น 

     ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบเอกสารประกอบการระบายข้าวจีทูจี ให้กับ บริษัท GSSG IMP & EXPCORP ของจีน ตามข้อมูลที่พรรคประชาธิปัตย์ นำมาเปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ผ่านมา พบว่า ในหนังสือมอบอำนาจของ บริษัท GSSG IMP & EXPCORP ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ที่ระบุว่ามอบอำนาจให้ นายรัฐนิธ โสจิระกุล (ผู้ช่วย ส.ส.ในลำดับที่ 3 ของนางรพิพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยานายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง) ผู้ดำเนินการแทน บริษัท GSSG IMP & EXPCORP

     ก่อนที่ นายรัฐนิธ จะมอบอำนาจให้ นายนิมล รักดี (เสี่ยโจว มือขวา“เสี่ยเปี๋ยง”เจ้าของบริษัทเพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า) ดำเนินการรับมอบปลายข้าวขาว นาปี 2554/55 จากคลังสินค้า บจก. นครสวรรค์ ทีเอส ดี แวร์เฮ้าส์ (หลัง3) จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 5,000,000 กิโลกรัม

     จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท นครสวรรค์ ทีเอส ดี แวร์เฮ้าส์ จำกัด พบว่า จดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2546 ทุน 40,000,000 บาท ตั้งอยู่ที่เลขที่ 9 หมู่ที่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ แจ้งประกอบธุรกิจ บริการรับฝากสินค้า ปรากฏชื่อนางอาภรณ์ สุเมธโชติเมธา น.ส. ณฤมณ สุเมธโชติเมธา และ นาย ชาญยุทธ สุเมธโชติเมธา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ 

      ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า เดิมที่บริษัท นครสวรรค์ ทีเอส ดี แวร์เฮ้าส์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ก่อนจะปรับเพิ่มเป็น 40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 

      ช่วงเริ่มจัดตั้งแจ้งประกอบธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง 

      กรรมการผู้มีอำนาจ มี 3 ราย คือ นางอาภรณ์ สุเมธโชติเมธา นางสาวนฤมล สุเมธโชติเมธา และ นางนุชนาฏ สิตปรีชา 

      ผู้ถือหุ้นมี 7 ราย (ทุน 5 ล้านบาท ) ประกอบไปด้วย นางอาภรณ์ สุเมธโชติเมธา 11,000 หุ้น นายชาญยุทธ สุเมธโชติเมธา 6,500 หุ้น นางวราภรณ์ สุเมธโชติเมธา 6,500 หุ้น นางสาวนฤมล สุเมธโชติเมธา 6,500 หุ้น นางนุชนาฏ สิตปรีชา 6,500หุ้น นางสาวนาตยา สุเมธโชติเมธา 6,500 นายชาญชัย สุเมธโชติเมธา 6,500หุ้น 

      ก่อนที่ นายชาญยุทธ สุเมธโชติเมธา จะแจ้งเข้ามาเป็นกรรมการเพิ่ม เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 ขณะที่ นางนุชนาฏ สิตปรีชา แจ้งลาออกจากกรรมการ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554 

      ส่วน “นางสาวนฤมล” แจ้งเปลี่ยนชื่อเป็น “นางณฤมณ สุเมธโชติเมธา” เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 

      ทั้งนี้ รายชื่อ ผู้ถือหุ้น ล่าสุด ณ วันที่ 27 กันยายน 2555 หลังเพิ่มทุนเป็น 40 ล้านบาท ยังคงเหมือนเดิม แต่มีการปรับสัดส่วนหุ้นเพิ่มขึ้น โดยนางอาภรณ์ สุเมธโชติเมธา ถืออยู่จำนวน 88,000 หุ้น ส่วนนายชาญยุทธ สุเมธโชติเมธา นางวราภรณ์ สุเมธโชติเมธา นางสาวณฤมล สุเมธโชติเมธา นางนุชนาฏ สิตปรีชา นางสาวนาตยา สุเมธโชติเมธา นายชาญชัย สุเมธโชติเมธา ถืออยู่คนละ 52,000 หุ้น 

      จากการตรวจสอบพบว่า กรรมการและผู้ถือหุ้น บริษัท นครสวรรค์ ทีเอส ดี แวร์เฮ้าส์ จำกัด มีนามสุกลเดียวกับ นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา อดีตที่ปรึกษานายวีระกร คำประกอบ ในช่วงดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2540 

      ทั้งนี้ นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด กรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นเรื่องให้วินิจฉัย เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2543 

      ส่วน นายวีระกร คำประกอบ เป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้าน 111 ที่ถูก วินิจฉัยเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง เป็นเวลา 5 ปี ด้วย 

สำนักข่าวอิศรา

 

 

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง