บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

ผ่าปม แม้วกลับไทย

ผ่า ปมแร๊งงง..แม้วแดงกลับไทย !!! จากปริศนา ??..ปู แม้ว ไพร่ ไปทำ...อะไรในเขมร ?? ถึง ทาง ๒ แพร่ง ฎีกาแดง ที่อาจจบแรงแบบ ..ล้างคุกไว้รอ ..หรือ ..จองเมรุไว้เผา ??!!!..
  by vincentoldbook ,



.. ขอบคุณภาพจาก โพสต์ทูเดย์ เนชั่น ผู้จัดการ Facebook และ อื่นๆอินเตอร์เน็ต ..
.......................................
ผ่า ปมแร๊งงง..แม้วแดงกลับไทย !!! จากปริศนา ??..ปู แม้ว ไพร่ ไปทำ...อะไรในเขมร ?? ถึง ทาง ๒ แพร่ง ฎีกาแดง ที่อาจจบแรงแบบ ..ล้างคุกไว้รอ ..หรือ ..จองเมรุไว้เผา ??!!!..
ชั่วโมงนี้ ..
ข่าวสัมภเวสีแม้วกลับไทย..
ดูเหมือนว่าจะเป็นกระแสข่าวหมกเม็ดอะไรสักอย่าง ?..
ที่มันเรียกแขก เรียกฝรั่ง เรียกเขมร เรียกไทย เรียกไพร่ ..ให้มาสนใจได้ตรึมจริงๆ ..
จริงๆ จะว่าไปแล้ว ข่าวคราวของ คนจัญ_อะไร? เหลี่ยมคู้ ณ ดูไบ หรือ ท่านพ่อแม้ว ประธานาธิบดีรัฐไทยใหม่ของพวกไพร่แดงเนี่ย หากไม่มีเหล่าพวกลูกกระจ๊อกไพร่ทาสบ่าวรับใช้จอมสอพลอนายทั้งหลาย ออกมาร้องแรกแหกกระเชอสร้างกระแสสร้างประเด็นแสดงความไว้อาลัยแด่นายใหญ่มหา โจรหนีคุกหนีตะรางของพวกตนจนอ้อนโอ๊ยของคนเกลียดแม้วเขาไปทั่วโลกแล้ว ..
ปมปัญหาต่างๆของคดีนี้ของพี่แม้วแดงของน้องปูแดงเนี่ย ..
มันก็แทบจะไม่มี...อะไรที่น่าสนใจเลยสักนิด ??..
ประเด็น คดีที่ดินรัชดาของเฮียเหลี่ยมแสนเลวคนนี้เนี่ย พูดกันแบบตรงๆไม่อ้อมค้อม คดีนี้มันเป็นประเด็นคดีขี้ประติ๋วของคนใจปลาซิวมาตั้งแต่ต้นแล้ว ..
ที่ มันเผ่นหนีออกนอกประเทศด้วยเหตุผลอื่นๆ ประเด็นอื่นๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการกลัวติดคุกติดตะรางด้วยคดีนี้ แต่มันกลัวความผิดอย่างอื่นที่จะยาวตามมาเป็นหางว่าวมากกว่า และ ที่สำคัญที่สุด ความผิดของทักษิณนั้น คุกมันเรื่องเล็ก ..ตายโหงน่ะมันเรื่องใหญ่ ???..
คดีที่ดินรัชดา ..หากทางจำเลย (แม้ว) มีหลักฐานใหม่ ก็สามารถมาอุทธรณ์คดี มาต่อสู้คดีใหม่ได้ หรือ แม้แต่จะกลับมารื้อฟื้นคดีเพื่อให้มีการพิจารณาใหม่ก็ได้ ..ไม่มีปัญหา ..แม้วมันก็แค่มาขึ้นศาลสู้คดีเหมือนคนอื่นทั่วไป ไม่ต้องมาให้พวกไพร่แดงทาสบริวารมาออกแอ็คชั่นบ้าบอคอแตกอะไรให้เมื่อยเลย ด้วยซ้ำ ..
ดีเสียอีกหากแม้วมาขึ้นศาล มาต่อสู้คดี คดีอื่นๆที่รอลากคอแม้วเข้าคุก ก็จะได้เดินหน้าไปตามกระบวนการยุติธรรม ได้พิพากษาให้สิ้นสุดคดีกันเสีย ไม่ต้องทิ้งค้างไว้รอจำเลยมาให้การต่อศาลแบบทุกวันนี้ ..
อีกอย่างก็ ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาหน้าที่การงานสำคัญๆของ ท่านด็อกเตอร์ เหลิม บางบอน รองนายกฯ กูรูทางด้านกฎหมายขายเป็ด ที่ต้องมาเที่ยวเอ็ดตะโร่คุยโวอวดรู้อวดฉลาดผงาดขึ้นมาขโมยซีนนายหญิงปู แดง..จนไม่รู้ว่า ใครเป็นนาย ใครเป็นขี้ข้า อย่างทุกวันนี้ ??..
คดี นี้ ไม่ต้องให้มือชั้นโม้จนลิงหลับอย่าง ท่านรองฯ เหลิม บางบอน มาช่วย ตะแบงนั่น แถโน่น เลียนี่ จนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านชาวช่องเขาไปทั่วหรอก เพราะมันมีแต่จะนำมาซึ่งความเดือดดาลอันใช่เหตุของประชาชนฝ่ายตรงข้ามที่ ติดตามฟังข่าวกันทั่วบ้านทั่วเมือง ..
อย่าลืมว่า ท่านรองฯ เหลิม บางบอน หากมีโอกาสออกมาพูดเพ้อเจ้อรายวันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นานวันเข้า ทานด็อกเตอร์ กูรูทางด้านกฎหมายขายเป็ด ก็คงจะละเมอคิดว่าตัวเองมีปัญญามากกว่าน้องปูแดงของพี่แม้วแดงแน่ๆ (ซึ่งก็คงจะมากกว่าจริงๆ..ฮา) และ ท่านกูรูทางด้านกฎหมายขายเป็ดของเรา ก็อาจจะคิดไปไกลจนเตลิดเปิดเปิงเชื่อว่าตัวเองนั้น ..เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง !!..
ที่ผ่านมา ท่านด็อกเตอร์ เหลิม บางบอน จ้อไม่หยุด โม้มันได้ทุกเรื่องจริงๆ เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองก็สู่รู้มันได้ทุกเรื่อง เสมือนว่าอยากเป็นมันทุกตำแหน่งเลยในรัฐบาลชุดนี้ ตั้งแต่โฆษกรัฐบาล ขึ้นไปจนถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันๆก็เที่ยวออกมาสัมภาษณ์จนขี้ฟันกระเด็น เพื่อกระแซะส้นเกือกฝ่ายโน้น เพื่อกระตุ้นส้นคอมแบตฝ่ายนี้ เติมเต็มอุณหภูมิดีกรีความรุนแรง เติมเต็มความเดือดดาลของสถานการณ์ความขัดแย้งให้ส่อเค้าไปในทางเลวร้ายอย่าง ต่อเนื่อง ..
จนกลายเป็นเรื่องที่สร้างความอิดหนาระอาใจ..
ของกับเหล่านายไพร่ชนชั้นกุนซือ นักรบห้องแอร์บ้านเลขที่ ๑๑๑ กันถ้วนหน้า..
ท่าน รองฯ เหลิม บางบอน บ้าโม้หนักเข้า หนักเข้า พวกนักรบห้องแอร์วอร์รูมปูแดงก็ออกอาการหมั่นไส้อยู่ไม่เป็นสุข เกิดอาการไม่พอใจกัน ต้องส่งสัญญาณฉุกเฉินออกมาสะกิดเตือนกัน ออกมาฉุดดึงอาการเมาอำนาจของ ท่านด็อกเตอร์ เหลิม บางบอน ให้ผ่อนแรงห้าวเป้งลง..
เนื่องเพราะปากเหลิมนั้นส่อชัดว่า..
อาจจะพาฉิบหายบรรลัยกัน..ไปทั้งรัฐบาล ทั้งปูแดง !!!..
ทว่า ก็อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ มีหรือ ? ปากหมาไหน ? จะมาหยุดปากเหลิมได้ ..ท่านรองฯ เหลิม บางบอน จอมเล่นลิ้นยังมั่นคงต่อการช่วยเหลือเพื่อนเหลี่ยมอย่างเหนียวแน่นสุดแรงถีบ เหมือนเดิม แม้จะไม่มีใครเอ่ยปากขอ แต่ขึ้นชื่อว่ายี่ห้อ เฉลิม ที่ฉลาดยิ่งกว่า ฉลาม แล้ว..รับประกันซ่อมฟรี .. งานนี้อาจจะไม่ได้ ตายดี ..ทั้งนายทั้งบ่าว !!!
หากงานนี้พ่อแม้วไม่จบลงด้วยความฉิบหาย พ่อแม้วก็คงจะได้ตายแบบ..ฉิบโหง..
ได้ลงโลงก่อนวันอันควร เพราะปากอวดเก่งรายวันของท่านรองฯ เฉลิม พี่ฉลาม เนี่ยแหละ ..
ดัง นั้น ทั้งประเด็นการยื่นฎีกาแดงขออภัยโทษให้ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งประเด็นการรื้อฟื้นคดีที่ดินรัชดาให้มีการพิจารณาพิพากษาคดีใหม่เพื่อ ช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร หรือ ล่าสุดการที่ฝ่ายรัฐสภาเตรียมขอออกกฎหมายอภัยโทษให้กับนักโทษต่างๆ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษาของในหลวง ที่เชื่อว่ารัฐบาลปูแดงอาจจะใส่ชื่อ ทักษิณ เข้าไปด้วยนั้น
ล้วน แล้วแต่เป็น ..การสร้างข่าว เพื่อมากลบข่าว ..การสร้างประเด็นข่าวของทักษิณ เพื่อมากลบเกลื่อนอำพรางในสิ่งที่ทักษิณกำลังจะทำอยู่ไม่กี่วันข้างหน้านี้ ทั้งนั้น ???..
ใครจะมาเดินเรื่องช่วยทักษิณ ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ เพราะมันมีแต่เสียกับเสีย..
อ่านรายละเอียดข่าวประกอบเรื่องตามนี้ครับ ..
'เฉลิม'อ้างอภัยโทษ'ทักษิณ'คน15ล้านเร่งรีบ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20110911/408870/%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B8%9915%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9A.html
ขออภัยโทษแม้ว กล้าดี..ลองดู โดย แก้วสรร อติโพธิ
http://www.komchadluek.net/detail/20110910/108792/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B5...%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B9.html
หาก ใครยังจำได้ กรณีการใช้ข่าวกลบข่าว เพื่อกลบเกลื่อน เพื่อเบี่ยงเบน ความสนใจของประชาชนคนไทย เป็นอะไรที่แม้วนั้นถนัดนัก และ มักจะใช้บ่อยๆในการอำพรางพฤติกรรมอันไม่ชอบมาพากลของตน ตั้งแต่เริ่มต้นที่เคยเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯประเทศไทย จนวันนี้ผันตัวไปเป็นโจรขายชาติ ปล่อยให้ญาติพี่น้องเข้ามากุมอำนาจรัฐแทน ในฐานะ..หุ่นเชิด !!!..
หากใครติดตามพฤติกรรมอันเลวร้ายของทักษิณมา โดยตลอด จะเข้าใจและมองออกว่า ในทุกลมหายใจเข้าออกของ คนขายชาติบ้านเมืองอย่างทักษิณแล้วจะรู้ดีว่า ..
ทุกวันนี้หากมันจะมี เรื่องสำคัญๆอะไรสักเรื่อง ทีทำให้คนเฮงซวยอย่างทักษิณนั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ย่อมไม่ใช่เพราะประเด็นเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า..ทักษิณมันคิดถึงบ้าน ทักษิณมันคิดถึงเมืองไทย จนอยากจะกลับเมืองไทยในเร็ววันนั้นอย่างแน่นอน..
คนอย่างทักษิณนี้ ไม่มีชาติ ไม่มีแผ่นดิน ไม่มีบ้านเมืองอยู่ในหัวใจใดๆทั้งสิ้น  !!!..
โปรดจำกันเอาไว้ ประเด็นที่จะทำให้ทักษิณมันกินไม่ได้ และ มันนอนไม่หลับจริงๆนั้น ..
มันมีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องผลประโยชน์ในบ่อน้ำมันอ่าวไทยเท่านั้น !!..
เรื่องอื่นใด..นอกเหนือจากนี้นั้น คือ เรื่องขี้ประติ๋ว ..
ของ พี่เหลี่ยมคู้ ณ ดูไบ ทั้งสิ้น !!!
.........................................
ข่าวฏีกาแดง..
ข่าวพาสปอร์ตแดง..
ข่าวรื้อฟื้นคดีที่รัชดาแดง..
หรือ แม้แต่ล่าสุดข่าวที่ทางรัฐบาลจะเสนอออกกฎหมายอภัยโทษให้กับนักโทษเนื่องใน วโรกาส ๘๔ พรรษา ที่จะถึงนี้ โดยที่จะมีการเอื้อประโยชน์ต่อพี่แม้วแดงของน้องปูแดงนั้น มันล้วนแล้วแต่เป็นข่าวตะแบงสร้างกระแสเพื่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม ไทยทั้งสิ้น..
เป็นการออกมาสร้างกระแสข่าว เพื่อให้คนไทยส่วนใหญ่หันหน้าไปสนใจในประเด็นปัญหาของทักษิณ ที่มีพวกลูกสมุนลูกกระจ๊อกของทักษิณทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ออกมาเดินเกมจำอวด จัดฉากเล่นปาหี่หมู่ เป็นขบวนการ คนละสเต็ป สองสเต็ป เพื่อสร้างกระแสข่าวกลบเกลื่อนข่าวความเคลื่อนไหวของนายใหญ่หน้าเหลี่ยมที่ กำลังมีคิวงานสำคัญ บินเข้าไปเจรจาผลประโยชน์บ่อน้ำมันกับขแมร์ฮุนเซนถึงเมืองเขมรในอีกไม่กี่ วันข้างหน้านี้..
ดังนั้น หากใครสังเกตดีๆ จะพบว่านับตั้งแต่ปูแดงเข้ามามีอำนาจรัฐนั้น ในหน้าสื่อสารมวลชนบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ หรือ ทีวี มีแต่ข่าวเรื่องราวของพวกไพร่แดง ข่าวของการอภัยโทษทักษิณทั้งนั้น ที่เข้ามาเป็นประเด็นข่าวสำคัญ และ เป็นประเด็นข่าวที่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ..
ทั้งข่าวปูนบำเหน็จ แดง ข่าวโยกย้ายข้าราชการที่ไม่ใช่แดง ข่าวแดงอันธพาล ข่าวแดงระรานชาวบ้าน ข่าวหมู่บ้านเสื้อแดง ข่าวกลุ่มสตรีเสื้อแดง ข่าวฎีกาแดง ล้วนแล้วแต่ถูกตะแบงขึ้นมาให้เป็นกระแสข่าว เพื่อยึดพื้นที่หน้า ๑ ของสื่อมวลชนทั่วประเทศ ..
ข่าวประเภทที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งของคน ในชาติ ถูกนำมาสร้างเรื่องมาต่อเรื่อง เดี๋ยวคนนี้ต่อประเด็นโน้น เดี๋ยวคนนั้นต่อประเด็นนี้ มันมีเข้ามาไม่ขาดสายเป็นรายวัน ..
ในขณะ ที่ข่าวสำคัญๆอย่างข่าวน้ำท่วม ข่าวสินค้าราคาแพง ข่าวน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังการแหกตาลดลงมาเพียงไม่กี่วันพร้อมๆกับการได้ผล ประโยชน์ของนายทุนบางกลุ่มกลับกลายเป็นข่าวรองๆไป ..
ข่าวสำคัญๆอย่าง เรื่องของการเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีหงุงหงิงของเรานั้นเหมือนกัน ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมปฏิบัติ หันไปเยือนแขกบรูไนก่อนเยือนลาวประเทศพี่ประเทศน้องของเราเหมือนอย่างที่เคย ปฏิบัติกันมาช้านาน ด้วยข้ออ้างเรื่องของการเรียงตามลำดับตัวอักษรนั้น มันมีเรื่องชวนให้สงสัย มากมายแต่ก็ดันมาเป็นข่าวที่ไร้คนสนใจไปเพราะหน้าข่าวรายวันมีแต่ข่าวของพวก ไพร่แดง และ ข่าวการขออภัยโทษให้กับพี่แม้วแดงของน้องปูแดงไป ..
อัน ที่จริงแล้วหากเรากลับมาพิจารณาตารางเยือนต่างประเทศของนายกฯปูแดงของพวก ไพร่แดงแล้ว เราจะพบว่า มันมีความไม่ชอบมาพากลอยู่มากๆ เพราะหากจะว่าไป การที่จู่ๆแม่ปูโหย โพยหาย ตายแน่ ของเรา จะหันมาเอาความเท่ห์ของการเรียงตามตัวอักษรประเทศที่จะไปเยือน จนลืมเลือนสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของคนไทยกับคนลาวแล้ว มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่คนมีสติปัญญาดีๆทั้งหลายพึงกระทำกัน ..
ยิ่ง มาดู สายสัมพันธ์ของ เหลี่ยมคู้ ณ ดูไบ กับ กษัตริย์บรูไน แล้วเราจะพบว่า พี่แม้วแดงของน้องปูแดง นั้น ได้รับการช่วยเหลือจากสุลต่านบรูไนมากมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการให้ที่พักพิงแก่ทักษิณ และ ให้ทักษิณใช้เป็นที่ตั้งรัฐบาลโคลนนิ่ง ฉบับ ยิ่งกว่าหุ่นเชิด อย่างรัฐบาลปูแดงนี้ด้วย..
มันยิ่งทำให้ใครต่อใครเกิดความคลางแคลงใจ เป็นอย่างมากว่า มันสมควรแล้วหรือ ? ที่ปูแดงจะลืมมิตรเก่า มิตรบ้านใกล้เรือนเคียงของเราอย่างประเทศลาว แล้วเอาแขกมาบังหน้าบินไปเยี่ยมเยือนมิตรที่ห่างไกลของไทย และ ไม่ได้มีอะไรสัมพันธ์กับประเทศไทยของเรามากมายกว่าการเป็นประเทศคู่ค้า น้ำมันกัน ..
มัน ทำให้หลายๆคนสงสัยและเห็นว่าปูแดงนั้นทำไม่ถูกต้อง แบบนี้แสดงว่าปูแดงให้ความสำคัญกับประเทศที่มีสายสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ ทางการเป็นหุ้นส่วนการค้าของพี่แม้วแดงชองน้องปูแดงมากกว่า ประเทศที่มีสายสัมพันธ์อันดี ทางเชื้อชาติวัฒนธรรมในฐานะบ้านพี่เมืองน้อง ที่เป็นเพื่อนบ้านที่ดี ที่ไม่ได้ก่อปัญหาในเรื่องร้ายแรงใดๆกับเรา ที่เขาก็อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขเป็นมิตรที่ดีกับเรามาช้านานอย่างประเทศลาว ..ใช่หรือไม่ ??..
ปาหี่การเยือนต่างประเทศเรียงตามตัวอักษรของปูแดง รักการอ่าน ที่มันมาสะท้อนให้เห็นเรื่องของการเดินทางไปเยือนเพื่อนบ้านเพื่อเดินเรื่อง ผลประโยชน์ของพี่แม้วแดงมากกว่าจะคุยเรื่องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองนั้น ก็เพราะว่า ประเทศต่อมาอีก ๒ ประเทศ ที่ปูแดง มีคิวเดินทางไปเยือนอย่าง อินโดนีเซีย และ กัมพูชา นั้น ล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญ มีสายสัมพันธ์ที่ไปเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของพี่แม้วแดงของน้องปูแดงในบ่อ น้ำมันอ่าวไทยทั้งสิ้น ..
อินโดนีเซีย คือ ประเทศต่อจากบรูไน ที่ปูแดงจะไปเยือน เป็นประเทศที่มีบริษัทน้ำมันเข้ามาขอมีเอี่ยวในผลประโยชน์ขุมทรัพย์อ่าวไทย และ เป็นประเทศที่ออกมาเดินเรื่องขอเข้ามาเป็นมือที่สาม มาเป็นฝ่ายสังเกตการณ์ในการเจรจาข้อพิพาทไทยเขมรบริเวณเขาพระวิหาร ..
ซึ่ง เป็นประเด็นร้อนประเด็นสำคัญประเด็นใหญ่ ที่อนาคตอาจจะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนตรงพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารไปให้ กับเขมร ประเด็นของอินโดนีเซียนี้สำคัญมากๆ เพราะในรัฐบาลอภิสิทธิ์ คัดค้านการเข้ามาของอินโดนีเซีย เพราะอยากให้ไทยและเขมรเจรจากันในระดับทวิภาคี แต่ฮุนเซนไมต้องการเจรจาสองต่อสอง แต่ฮุนเซนต้องการให้มีพวกมือที่สาม มือที่สี่มาร่วมวงเจรจาด้วยในระดับพหุภาคี ซึ่งจะนำมาซึ่งความได้เปรียบของรัฐบาลฮุนเซน และ หากว่ากันตามรูปการณ์นี้แล้ว..
จากท่าทีต่างๆที่ผ่านมาของรัฐบาลปูแดง มันทำให้เรามั่นใจได้ว่า รัฐบาลปูแดง..ยังไงๆก็ต้องเข้ามาทำ ตามความต้องการของ ขแมร์ฮุนเซนอย่างแน่นอน ..ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ปูแดงนั้นเข้ามาทำจริงๆ เข้ามาเตรียมยกผลประโยชน์ของแผ่นดินไทยให้ตกไปอยู่ในมือของเขมรฮุนเซนจริงๆ อย่างแน่นอน  !!!..
ไฮไลท์ของการเยือนต่างประเทศของปูแดงใน รอบเดือนนี้ หลังจากเยือน อินโดนีเซีย ก็จะมาเป็นคิวเยือน กัมพูชา หรือ คิวเยือนเมืองเขมรของขแมร์ฮุนเซน พ่อบุญธรรมของพวกไพร่แดงทั้งแผ่นดิน ที่มันเป็นหุ้นส่วนทางการเมืองของทักษิณ มันเป็นทั้งหุ้นส่วนทางการค้าของทักษิณ และ  เป็นเพื่อนรักของทักษิณ  ..
ประการสำคัญ ทริปแห่เขมรเยือนขแมร์ของนายกรัฐมนตรีปูแดงของเรานั้น ..
ปูแดงเธอไม่ได้มีคิวบินเดี่ยว หรือ เดินทางไปเยือนเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น ..
ทว่า หากยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่คนในรัฐบาลปูแดงคนอื่นๆ บังเอิญมีนัดหมาย จะเดินพาเหรดเข้าเมืองเขมรกันอย่างต่อเนื่องจนน่าแปลกใจ ..
เนื่อง เพราะโปรแกรมงานเยือนเขมรของรัฐบาลปูแดงนั้น ทำราวกับว่าประเทศไทยกำลังตกเป็นเมืองขึ้นของเขมร และ คนไทยหัวใจเขมรทั้งหลายกำลังจะเดินทางไปส่งเครื่องบรรณาการ ทั้งเขาพระวิหาร ทั้งบ่อน้ำมันให้เขมรแบบเสร็จสรรพยกเซ็ต ประเภท ซื้อบ่อน้ำมันแถมเขาพระวิหาร จบกันไปในเดือนนี้เดือนเดียวยังไงยังงั้น จริงๆ..
ที่ผ่านมา รัฐบาลปูแดง..ทำราวกับว่าเขมรเป็นประเทศมหาอำนาจ..
และ ฮุนเซนนั้นเป็นผู้นำทรงอำนาจอันน่าเกรงขามของโลก..จนคนเขางงไปหมด ?!!..
มัน จะมากไปไหม ? เฉพาะเดือนกันยายน เดือนเดียว ปูแดงรักการอ่าน มีคิวเดินทางไปเยือนเขมร และ มีคิวส่งคนไปเยือนเขมร ถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา นี่ไม่นับรวมทริปหน้าหนาของไอ้หน้าเหลี่ยม ที่จะเดินทางเข้าไปเขมรในวันที่ ๑๙ กันยายนนี่้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ รัฐประหารของ คมช. ที่พวกไพร่แดงเตรียมจัดงานใหญ่รำลึกกันที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกด้วย ..
๑๔ กันยายน ..หัวล้านได้หวี สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เดินทางนำร่องไปก่อน ..
๑๕ กันยายน ปูแดง เดินทางเยือนเขมร .. ๑๙ กันยายน นายกรัฐมนตรีในดวงใจของพวกไพร่แดง เดินทางไปเยือนเขมรโดยไม่มีกำหนดการว่าจะอยู่ถึงวันไหน ??..
๒๓-๒๔ กันยายน นี้ เป็นคิวของ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ไปเยือนเขมร คุยกับ เตีย บัญ และ คิวงานเดียวกันนี้ ..พวก ส.ส. แกนนำไพร่แดง จะจัด ฟุตบอล นัดกระชับแม้ว กับ พวกเขมรฮุนเซน ..
เป็นศึก..ฟุตบอลมหาพิสดาร ที่ถึงขนาดต้องให้ศาลสถิตยุติธรรมของชาติบ้านเมือง..
มาพิจารณาคำร้องของพวก ส.ส.แกนนำไพร่แดง พวกแก๊งค์เผาบ้านเผาเมือง..
ให้ได้สิทธิพิเศษเดินทางออกนอกประเทศ..
เพื่อไปเยือนขแมร์..อีกต่างหาก !!!..
.......................................
นี่ต่างหาก..
คือ ประเด็นหมกเม็ดของเรื่องราวแดงปาหี่ทั้งหมด..
ที่เรียงหน้ามาสร้างความขัดแย้งทางความคิดให้กับคนไทยในสังคมอย่างไม่หยุดหย่อน..
กับปริศนาที่ว่า .. ทักษิณ กำลังจะบินไปทำ...อะไรในเขมร ?? ในเดือนกันยายนนี้ ???..
ทักษิณ ฉลาดที่จะเล่นสงครามข่าวสารพวกนี้มาโดยตลอด ในสมัยที่ทักษิณเข้ามามีอำนาจรัฐใหม่ๆ วอร์รูมของทักษิณก็ใช้วิธีเดียวกันนี้นี่แหละ วางยุทธศาสตร์การทำงานของทักษิณ ..
พวกหนึ่งทำงานตามแผนที่วางกันมาตามแนวทางทางการเมือง คือ  ทำงานตามภาพลวงตาในนโยบายขายฝัน ที่มีมาขายฝันตอนตั้งพรรคไทยรักไทย ..
พวก หนึ่งทำงานให้ทักษิณโดยเฉพาะ มีเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง มีเป้าหมายของการเข้ามาผูกขาดทุนในประเทศ และ มีเป้าหมายในการครอบงำปลี่ยนแปลงแนวคิดความเชื่อของประชาชน พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งมีมาหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙  แต่มันมีมาตั้งแต่การฟอร์มทีมจัดตั้งพรรคไทยรักไทยแล้่ว..
ดังนั้น ทุกยุคทุกสมัยตลอดห่วงระยะเวลา ๑๐ ปีที่ผ่านของ ..ระบอบทักษิณกินเมือง ระบอบทักษิณป่วนเมือง ระบอบทักษิณขายชาติบ้านเมือง และ ระบอบทักษิณเผาบ้านเผาเมืองนั้น ..
มันมีการดำเนินเรื่องไปตามแนวทาง ๒ แนวทางนี้ตลอดเวลา โดยมีสื่อมวลชนกระแสหลักบ้านเราที่เป็นสื่อทาส สื่อเลือกข้าง สื่อเสี้ยม คอยช่วยอำพรางตาในความรู้เห็นของประชาชน และ คอยอำพรางปัญญาในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติของ แผ่นดินของคนไทยทั้งประเทศอย่างต่อเนื่อง..
โดยมีคนของระบอบทักษิณแยก กันทำงานไปตามเส้นทางและเป้าหมายของภาระหน้าที่ที่พวกตนนั้นได้รับมอบหมาย งานมา มีลักษณะของการทำงาน มีมูลเหตุของการทำงาน และ ผลลัพธ์จากการทำงานนั้นๆ เชื่อมโยงผลประโยชน์ของ ๒ กลุ่มเข้าด้วยกัน อย่างแยกกันไม่ออก..
นี่คือ ไฮไลท์สำคัญของพฤติกรรมระบอบทักษิณ ที่มันทำให้เราคนไทยนั้น เคยได้รับข้อตกลงอันหมกเม็ดใน MOU ๔๔ เข้ามา ทั้งๆที่ในช่วงเวลานั้นทักษิณเพิ่งทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เพียง ๒ - ๓ เดือน  !!!..
ตอนนี้ MOU ๔๔ โดนคัดค้านและโดนยกเลิกไปแล้ว แต่ว่าแม้วและฮุนเซน ก็ยังคงเดินหน้าทำตามแนวทางเดิมที่เคยตกลงกันไว้ นั่นก็คือ เข้ามาเดินเรื่องเจรจาเพื่อทำข้อตกลงและสัญญากันใหม่ เพื่อให้ไทยสูญเสียผลประโยชน์อันควรจะได้รับ และ สูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนแผ่นดินของไทยให้กับเขมร โดยแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์สัมปทานการทำธุรกิจพลังงานในเขมรให้กับ ไอ้หน้าเหลี่ยม ..
อ่านรายละเอียดข่าวประกอบเรื่องตามนี้..
กัมพูชาแถลงการณ์อัด'อภิสิทธิ์'ชม'ทักษิณ'
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20110830/407204/กัมพูชาแถลงการณ์อัดอภิสิทธิ์ชมทักษิณ.html
ยิ่งลักษณ์'สั่งตรวจสอบ'สุเทพ'เจรจาลับกัมพูชา
http://www.suthichaiyoon.com/detail/14602
“เทือก” แฉ “ซก อาน” ปูด สมัย “ทักษิณ” ยกเกาะกูดให้เขมร
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000111536
พบกัมพูชาแอบทำแผนที่เอง ลากเส้นจากหลักเขต ๗๓ ทับพื้นที่ อ.เกาะกูดไป ๑ ใน ๓
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000111844
การเจรจาปัญหาการอ้างเขตไหล่ทวีปทับซ้อนในอ่าวไทยของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย พลเรือเอก ถนอม เจริญลาภ
ดัง นั้น จากข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ กับ การที่องค์การปิโตรเลี่ยมเขมร ลูกกระจ๊อกของฮุนเซน ออกมาเชิญชวนรัฐบาลปูแดงเร่งเจรจาผลประโยชน์บ่อน้ำมันอ่าวไทยให้แล้วเสร็จ พรอ้มๆการโยนบาปรัฐบาลอภิสิทธิ์ เรื่องการประชุมนอกรอบโดยใส่ความว่าเป็นการประชุมลับ ในช่วงที่ผ่านมานั้น ..ก็เพียงเพื่อจะเบี่ยงเบนประเด็นให้คนมองว่า ที่ไทยและเขมรเจรจาผลประโยชน์กันไม่ลงตัวนั้นเพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปมีผลประโยชน์ทับซ้อน..
ทว่า จริงๆแล้วหาใช่ไม่ ..ความจริงที่ใครไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็คือ  ..
ไอ้หน้าเหลี่ยม นั่นแหละ เป็นตัวการสำคัญ และ เป็นตัวกลางสำคัญ..
ที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ และ เข้าไปสานผลประโยชน์..
ให้กับตัวของมันเอง และ พวกพ่อค้าน้ำมัน พวกมหาอำนาจบ้าน้ำมัน..
จากทั่วทุกมุมโลก !!!..
...........................................
สุดท้ายนี้..
หากเราย้อนสำรวจดูพฤติกรรมรัฐบาลปูแดง..
ตลอดช่วงของการเข้ามาสำแดงอิทธิฤทธิ์ ..กร่าง เถื่อน และ ถ่อย ..
จนสร้างความเสื่อมถอยในศรัทธาของประชาชนกลุ่มฝ่ายต่างๆขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ..
ที่ ผ่านมา เพียงไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน ของการเข้ามามีอำนาจรัฐ น้องปูแดงของพี่แม้วแดง ก็เร่งทำงานให้พี่ชายจนอาการหน้าไหว้หลังหลอก ถูกนำออกมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนชาวบ้านชาวเมืองเขาจับได้ และ รู้สึกเอือมระอากันไปทั่ว ..
ประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน ? ไม่ว่าจะฝ่ายพวกไพร่แดง ไม่ว่าจะฝ่ายพวกบ้าห่อ เบอร์ ๑ หรือ พวกไม่เอาเบอร์ ๑ ไม่เอาทักษิณ ต่างได้รู้ซึ้งถึงน้ำคำโป้ปดแบบหน้าด้านๆของรัฐบาลปูแดง ชนิดวันต่อวันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด..
นโยบายขายฝันของรัฐบาลปูแดง ที่ตะแบงคุยโม้มาตลอดช่วงหาเสียง มาถึงวันนี้ไม่มีเรื่องที่เป็นไปได้เลยสักเรื่อง และ ไม่มีเรื่องที่จะส่งผลในทางที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเลยสักเรื่อง ..
โพลล์ สำรวจของสำนักโพลล์ต่างๆที่ออกมาในช่วงระยะเวลานี้ มีแนวโน้มปั่นตัวเลขหลอกชาวบ้านกันไม่ขึ้นเป็นแถบๆ ทั้งโพลล์เทียม โพลล์ทาส โพลล์ไข่แม้วแท้ๆ ก็ยังมีผลสำรวจสะท้อนความคิดของประชาชนออกมาในแนวทางของความผิดหวังกับ รัฐบาลปูแดงเสียเป็นส่วนใหญ่..

ทำไม'ยิ่งลักษณ์'ต้องไปบรูไน?


ทำไม 'ยิ่งลักษณ์' ต้องไปบรูไน ? โดย 'เสถียร วิริยะพรรณพงศา'
      
    ในที่สุดนายกรัฐมนตรีตัดสินใจเลือกที่จะเดินทางไปเยือนบรูไน เป็นประเทศแรก แทนที่จะเป็นลาวตามธรรมเนียมที่เคยปฎิบัติมานาน มันเป็นเรื่องปกติหรือมีวาระของคุณทักษิณ ซ่อนอยู่เบื้องหลัง


          ในช่วงแรกของการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกสื่อไทยและต่างประเทศ ต่างจับจ้องมองท่าทีของเธอว่า การเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ จะมุ่งเป้าไปที่การช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่
          นักวิเคราะห์มองตรงกันว่า ถ้าปล่อยให้วาระของพ.ต.ท.ทักษิณ มีความโดดเด่น มากกว่าการแก้ปัญหาบ้านเมือง จะสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลเป็นอย่างมาก
          วันนี้ นโยบายของรัฐบาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มันซ่อนวาระการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ มากเกินไปหรือไม่ สะท้อนให้เห็นจากการเลือกประเทศ ที่นายกฯยิ่งลักษณ์จะไปเยือนเป็นประเทศแรก   
          ถือว่า เป็นการปฎิวัติธรรมเนียมปฎิบัติของกระทรวงการต่างประเทศเลย เมื่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เลือกจะเดินทางไปเยือนบรูไน เป็นประเทศแรก โดยให้เหตุผลเป็นการเรียงลำดับตามตัวอักษร 
          ทั้ง ๆ ที่ที่ผ่านมาธรรมเนียมปฎิบัติที่สืบทอดมายาวนาน ไม่เว้นแม้แต่รัฐบาลทักษิณ  ประเทศแรกที่นายกฯคนใหม่จะไปเยือนคือลาว ถือเป็นญาติสนิทที่สุด   
          สองประเทศมีความช่วยเหลือหลายด้าน การศึกษา เศรษฐกิจ ยาวนานกว่า 60 ปี หลายจังหวัดของไทยและลาวผูกสัมพันธ์เป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน  แม้แต่ในยุคที่ทักษิณ เป็นนายกฯก็ไปลาวเป็นประเทศแรก     
          การที่อยู่ ๆ กระทรวงต่างประเทศ อยากจะใช้วิธีเลือกประเทศด้วยการเรียงลำดับตามตัวอักษร น่าสงสัยว่า เป็นเหตุผลที่แท้จริงหรือไม่ หรือมีวาระที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซ่อนอยู่
          ถ้าบอกว่า จะเรียงตามตัวอักษร ทำไมเริ่มต้นด้วยบรูไน แล้วประเทศที่สองจึงเป็นอินโดนีเซีย ทำไมไม่ใช่ตัว C ซึ่งต้องเป็นกัมพูชา
          รัฐบาลบอกว่า ไปอินโดนีเซีย เพราะเป็นประธานอาเซียน
          แสดงว่า การเรียงตามตัวอักษรนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง สามารถปรับเปลี่ยนได้
          เพราะฉะนั้น ถามว่า ที่ต้องไปบรูไนเป็นประเทศแรกเพื่ออะไร มันมีปัญหาวิกฤตการณ์ความสัมพันธ์รุนแรงที่สองประเทศ ต้องรีบปรับความเข้าใจอย่างเร่งด่วน หรือเป็นเหตุผลการเมือง ต้องการยกระดับความสัมพันธ์กับบรูไน หรือขอบคุณที่เปิดประตูให้พ.ต.ท.ทักษิณ พักพิง
          เพราะในอาเซียนนั้น บรูไนคือหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เปิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าออกได้อย่างเสรี พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถใช้บรูไน พบปะกับผู้สนับสนุนที่เดินทางไปหาเขาที่นั่นได้อย่างเต็มที่
          คำถามอีกด้านหนึ่งคือ การที่ลาวถูกยกเลิกที่จะเป็นประเทศแรกที่นายกฯไทยจะไปเยือน ตามธรรมเนียมที่เคยทำมาหลายปี เป็นเพราะอะไร
          เป็นเพราะครั้งหนึ่ง ลาวเคยห้ามไม่ให้นปช.สวมเสื้อแดงเข้าไปรับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีข่าวว่า จะเข้าประเทศลาวเมื่อปีที่แล้วใช่หรือไม่
          การกำหนดคิวที่จะเยือนประเทศเพื่อนบ้าน สะท้อนให้เห็นยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศของรัฐบาลว่าถูกครอบงำมากเกินไปหรือไม่ 
          รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ชัดเจน

หมายเหตุ และเป้าหมายคนเสื้อแดง

หมายเหตุการต่อสู้......นับจากนี้คืออุดมการณ์เปลี่ยนผ่าน


โดย ชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ



คนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคเพื่อไทยและนิยมตัวคุณทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นคนรากหญ้า ชนชั้นกรรมาชีพ และพอใจในนโยบายพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย (นโยบายประชานิยม)

คนชั้นกลาง ชนชั้นกลาง ชนชั้นกลางในเมือง พนักงานปกคอขาว ทั้งหลายที่ชื่นชอบความเป็นแดงซึ่งไม่เกี่ยวว่าชอบทักษิณหรือไม่ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นตลอด

หากเทียบ คนหลากสี คนเสื้อเหลือง กลุ่ม พันธมิตรฯ อาจมีจำนวนพอๆกันด้วยซ้ำ

และการที่พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมในปัจจุบัน จึงแตกต่างในอดีต ที่มีคุณทักษิณเป็นนายกฯ คือ 1 การต่อสู้ในเชิงชูบุคคล 2 การต่อสู้ในเชิงมิติทางอุดมการณ์

การต่อสู้ในเชิงชูตัวบุคคล ยอมรับว่าเมื่อ3-4 ปีก่อน มีความจำเป็นในการต่อสู้เพื่อให้ได้รับชัยชนะและมีความชอบธรรม

แต่การพัฒนาการในทางการต่อสู้ในปัจจุบันซึ่งเป็นรอยต่อการเปลี่ยนผ่าน ในเชิงโครงสร้างและในภาวะอุดมการณ์ต่างชนิดกัน

ลำพังการชูตัวบุคคลมิใช่ความทันต่อสภาวะการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากประชาชนฝ่ายนิยมประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องการชัยชนะ การเน้นที่ความเป็นอุดมการณ์ ความคิดเชิงระบอบ โครงสร้าง โมเดล จึงเป็นสิ่งที่ควร และสำคัญในวิถีแห่งการต่อสู้ขึ้นใหม่

ระบอบเก่าในเชิงความเป็นบุคคลกำลังอ่อนเเอจวนเจียนแก่เวลาอำลา

แต่การสร้างสิ่งใหม่จะต้องปะทะกับสิ่งเก่าและสิ่งนั้นนานวันฝ่ายเขา(อำมาตย์ เผด็จการ) กำลังทำทุกวิธีการเพื่อตัดกำลังฝ่ายประชาธิปไตย

เขาใช้กฎหมาย ใช้ศาล ใช้ทหาร ใช้วัฒนธรรม สื่อสารมวลชน และงบประมาณมหาศาลเพื่อคงความอุดมการณ์อำนาจนิยม

แต่ความได้เปรียบของฝ่ายเราคือ วิถีแห่งโลก ความเป็นธรรม ความจริง สัจจะธรรม ความกล้าหาญ และความต้องการเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริง

ดังนั้น หมายเหตุแห่งการต่อสู้ครั้งนี้ คือ อุดมการณ์ประชาธิปไตยแท้จริง จงเชิดชู เผยแพร่สัจจะธรรม และประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยแท้จริงจะชนะในที่สุด

ผู้เขียนจึงทดลองนำเสนอสูตรต่างๆในการต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง มีดังนี้

สูตรที่หนึ่ง สูตรใช้อำนาจทางการเมืองเข้าประหัตประหารคู่ต่อสู้ แต่ต้องให้ฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทยเข้มแข็ง โดยเฉพาะ บุคคลากรที่มีความเป็นนักต่อสู้เสื้อแดง จะต้องชิงไหวชิงพริบในระบบรัฐสภา

แต่หลังการแถลงนโยบายและงานเปิดตัวแกนนำ(งานคอนเสิร์ตคุณจตุพร) สะท้อนว่า แกนนำเสื้อแดงที่นั่งในตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีทิศทางการต่อสู้ ไม่มีแนวทาง ทั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีที่จะชนะอำมาตย์ และไม่มีการเตรียมความพร้อมในการต่อสู้แตกหักที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ทั้งหมดนี้ไม่อยากจะกล่าวเลยว่า ฝากความหวังกับพวกท่านเหล่านี้คงยาก

สูตรที่สอง นปช คืออาวุธทำลายฝ่ายอำมาตย์ ซึ่ง นปช ต้องมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหา สาระ ในการต่อสู้ ต้องเน้นที่งานให้มวลชนนำการต่อสู้ และเน้นที่การชูอุดมการณ์หลากหลายมิติ

แต่สิ่งนี้ อ.ธิดา และคณะนอกจากไม่จับประเด็นทางรูปสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนไปแล้ว อ.ธิดายังโจมตีแนวทางอุดมการณ์แดงที่ก้าวหน้ากว่า นปช และกีดกันทุกรูปแบบ

มองเช่นนี้แล้วก็สุดจะบรรยายความปลวกต่อขบวนการ และไร้เดียงสาทางการนำการต่อสู้เมื่อสูตรหนึ่งและสูตรสอง ใช้ไม่ได้ผล

สูตรที่สาม คือ สูตรธรรมชาติ แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่มีธรรมชาติในชีวิตจริง และความพ่ายแพ้ ดูเหมือนกับว่าเกิดขึ้นได้มากกว่า ปาฏิหารย์

การกล่าวถึง สถานการณ์สร้างผู้นำ จึงเป็นเรื่อง "นิทานสอนเด็ก" มากกว่าจะเป็นเรื่องจริงจัง

ผู้นำการต่อสู้ในทางระบอบประชาธิปไตย เกิดขึ้นมาจาก ระบบการจัดตั้งทางอุดมการณ์ ทางการศึกษา(ไม่ใช่ระบบการศึกษา ป.ตรี โท เอก ) และประสบการณ์ในการต่อสู้ และความทุ่มเทชีวิตทั้งหมด ซึ่งต้องมีคนเห็นและยอมรับเป็นจำนวนมาก และผู้เสียสละขนาดนี้ อาจมีอยู่จริงในโลก แต่ ตอแหลแลนด์ ตอบยาก

สูตรสี่ ให้กาลเวลาเป็นผู้จัดการ ซึ่งสูตรนี้เป็นการนำเอาหลักการ วงล้อแห่งธรรมชาติ ตามสภาพ สภาวะธรรม หรือกฎธรรมชาติเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต รวมถึงระบอบ ระบบต่างๆของโลกนี้

โดยที่เราสามารถนึกย้อนไปถึงอาณาจักรแห่งความเสื่อมทั้งหลายที่เคยตั้งอยู่

บนโลกใบนี้ไม่ว่าจะรุ่งโรจน์สักปานใดก็ย่อมถึงวันร่วงโรยเป็นธรรมดา กาลเวลาสามารถวัดความมีประสิทธิภาพและบ่งชี้ความจริงของสิ่งต่างๆได้เยี่ยม ที่สุด

และระบอบการเมืองการปกครองของมนุษย์ ก็เป็นสิ่งที่มีการประดิษฐ์โดยมนุษย์เอง ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

แต่ระบอบประชาธิปไตยบ้านเราที่ตั้งมั่นความเป็นเผด็จการซ่อนรูป และบางครั้งเปิดเผยถึงธาตุแท้ได้ดำรงอยู่อย่างค่อนข้างมั่นคงมาถึง76 ปี เพราะความเหี้ยมโหด เด็ดขาดและชาญฉลาด(ชาญฉลาดไม่ได้แปลว่าดีงาม) ของชนชั้นปกครองไทย

แต่ใช่ว่านักเคลื่อนไหวเพื่อความเป็นธรรม ความเป็นประชาธิปไตย จะปล่อยให้เป็นไปเอง เพราะมันจะกลายสภาพให้กระแสการเคลื่อนไหว เป็นดั่งน้ำตก ย่อมไหลสู่ที่ต่ำ

ดังนั้นการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในประเด็นเชิงอุดมการณ์ที่สร้างสรรค์และ การผลักดัน กดดัน ในรูปแบบต่างๆจะช่วยให้ระบอบเผด็จการต่างๆถึงวาระแห่งความเสื่อมตามธรรมชาติพังพ่ายเร็วขึ้น

แต่ข้อเสียข้อสูตรที่สี่ คือ ความเฉื่อยเนือยของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงและความไม่เอาใจใส่ ของผู้นำมวลชน เพราะมักคิดว่า รอเวลาไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวระบอบมันพังเอง

ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ คงจะลืมกันไปว่าระบอบเผด็จการมันสามารถอยู่ได้เป็นร้อยปีพันปี หากขาดความกระตือรือร้นและความตื่นตัวของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้จริง

สูตรที่ห้า ชนชั้นกรรมาชีพแดง คือตัวแทนแห่งชั้นชนผู้สรรค์สร้างประชาธิปไตยแท้จริง ซึ่งการสร้างค่านิยมประชาธิปไตย หรือการสร้างวัฒนธรรมการเมืองสมัยใหม่

เห็นได้ชัดว่า พี่น้องเสื้อแดงส่วนใหญ่ มาจากระบบชนชั้นกรรมาชีพอันหมายถึง ลูกจ้าง ข้าราชการ นักวิชาการ (ไม่ว่าระดับไหน) ผู้ใช้แรงงาน พ่อค้า แม่ค้า และนี่เองเป็นสิ่งที่จะสามารถเติบโตไปสู่การต่อสู้ทางการเมืองซึ่งมีลักษณะ พลวัตรแห่งการเปลี่ยนผ่าน

จากที่แต่เดิมมักมองชนชั้นกรรมาชีพเป็นเพียง แนวหลัง กองหลัง หรือสีสัน หางเครื่อง แต่เวลาออกยืนสู้ในภาวะสุ่มเสี่ยงถึงชีวิตพวกเขากลับเป็นกองหน้า แถวหน้า เป็นฝ่ายประจันหน้ากับความตาย แต่พอการเมืองเข้าสู่โหมดปกติพวกเขากลับเป็น กองหลังซะงั้น

ดังนั้นการสร้างสภาวะปลดแอกทางชนชั้น น่าจะมาจากชนชั้นที่ตนสังกัด และเป็นชนชั้นที่เข้าใจกฎแห่งการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ซึ่งนับรวมถึงผลประโยชน์ทางชนชั้น โครงสร้่างพื้นฐานเศรษฐกิจ สังคม การขยายพลังการเปลี่ยนผ่าน

หากชนชั้นกรรมาชีพสามารถยึดอุดมการณ์หลัก ท่ามกลางกระแสแห่งการต่อสู้อันแหลมคมนี้ได้รับชัยชนะในอนาคตย่อมมีอนาคตแก่ สถานะและบทบาทใหม่ของกรรมาชีพทั้งระบบ มิใช่แค่ค่าจ้าง วันละ300 ที่เป็นประเด็นถกเถียงขณะนี้ แต่จะเป็นการสร้างค่านิยม มุมมอง วัฒนธรรมศิลปะ สุนทรียศาสตร์ และนิยามคำว่า "ชาติ" ก็จะมีลักษณะตรงกับแนวคิดชนชั้นกรรมาชีพสมัยใหม่

อันหมายถึงความไม่มี"ชาติ" หรือ การก้าวข้ามความเป็น"ชาติ"เพราะชาติของพวกเขา คือ การปลดปล่อยพี่น้องผู้ถูกกดขี่ทั่วโลก

สูตรที่หก ชนชั้นนายทุนสมัยใหม่เป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่าน แต่การใช้สูตรนี้ได้ การรวมตัวของนายทุนสมัยใหม่ ต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนายทุนชาติ นายทุนข้ามชาติ ซึ่งข้อดีคือ สามารถระดมการช่วยเหลือได้ทุกระบบและทุกวิถีทางในท่ามกลางเปลวเพลิงที่โชติ ช่วง สมรภูมิการรบพุ่งจะกดประสาทของศัตรู ให้ยอมเปลี่ยนข้างได้โดยง่าย เพราะการกระจายเม็ดเงินมหาศาลเป็นเครื่องมือปลดอาวุธศัตรูที่ดีได้

ซึ่งการสร้างอุดมการณ์เฉพาะขึ้นมา(มีลักษณะชั่วคราว) ไม่ว่าจะเป็น ชาติไทยใหม่ รัฐไทยใหม่ เป็นวาทกรรมการเมือง ในการรวมตัวรวมมวลชนให้มองไปที่การก่อกำเนิด อิสรภาพใหม่แห่งชุมชนในจินตกรรม

แต่เนื้อหาด้านหลัก ยังคงเป็นประชาธิปไตยในระดับการเจรจา นอกเสียจากว่า ชนชั้นนายทุนจะปลดแอกตนเองทั้งระบบ อย่างที่ เฟรเดอริค เองเกิลส์ อุทิศตนเพื่อการเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อสร้างประชาธิปไตยแท้จริงถาวรให้กับเพื่อนร่วมโลก

กล่าวสรุป

ทั้ง6 สูตรที่ผู้เขียนนำเสนอ มีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองและสูตรนี้จะเกิดขึ้นได้นั้นอยู่ที่ปัจจัยหลาย ภาวะหลายเงื่อนไข และอาจจะมีเป็นสิบๆสูตรแห่งการต่อสู้

แต่ท้ายที่สุด สภาะการณ์ชี้นำได้ดีที่สุด คือ ภาวะอุดมกาณ์หลักในการต่อสู้ในขั้นแตกหัก อุดมการณ์ด้านใดเป็นผู้กุมสภาพ อุดมการณ์นั้นจะชี้นำสังคมให้ก้าวนำพัฒนาของมันขึ้นมา แต่จะก้าวข้าม ผ่าน เปลี่ยน ไปอย่างไร?

นับจากนี้อย่ากระพริบตา เพราะการเปลี่ยนแปลงกำลังจะเริ่มขึ้น อีกครั้งและอีกครั้ง......!

ก๊าซธรรมชาติในทะเลเกี่ยวข้องกับสมุททานุภาพหรือ

ก๊าซธรรมชาติในทะเลเกี่ยวข้องกับสมุททานุภาพหรือผู้เขียน พลเรือเอก สุนทร กระเทศ


   สมุททานุภาพ (Sea Power)

  • จำนวนและคุณลักษณะของประชากร
  • คุณลักษณะของรัฐบาล
  • เครื่องมือการทำสงครามทางทะเล
  • ใช้ทะเลเป็นฐานสำหรับแผ่อำนาจสู่แผ่นดิน
  • ใช้ทะเลเป็นทางขนส่ง
  • ใช้ทะเลเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรทางธรรมชาติ
  • สรุป








  • สมุททานุภาพ (Sea Power) เป็นส่วนหนึ่งของกำลังอำนาจแห่งชาติ ดังนั้นสมุททานุภาพ ก็คือ ขีดความสามารถของรัฐที่จะสามารถดำเนินการเอาสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์จากทะเลมาใช้ให้เกิดเป็นพลังส่วนหนึ่งของกำลังอำนาจแห่งชาติ
    ปัจจัยแห่งสมุททานุภาพ (The Elements of the Sea Power) มีดังต่อไปนี้
    1. ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์
    2. ลักษณะเกื้อกูลทางธรรมชาติ
    3. ขอบเขตของดินแดน
    4. จำนวนและคุณลักษณะของประชากร
    5. คุณลักษณะของรัฐบาล
    เครื่องมือแห่งสมุทรนานภุาพมีดังต่อไปนี้
    6. เครื่องมือการทำสงครามทางทะเล (Seagoing Instruments of War)
    7. ฐานทัพต่างๆเพื่อการสนับสนุน (Supporting Bases)
    8. พาณิชย์นาวี (A Merchant Marine)
    9. ท่าเรือที่เหมาะสม (Suitable Harbours)

    จะขอยกตัวอย่างบางหัวข้อที่สำคัญบางหัวข้อให้ทราบเพียงสั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ดังนี้

    หัวข้อที 4 จำนวนและคุณลักษณะของประชากร
    จำนวนนั้นไม่ค่อยจะมีความสำคัญมากนักแต่ "วัฒนธรรมและคุณภาพของประชากร" ชาติที่เจริญแล้วเห็นว่ามีความสำคัญมากต่อการที่จะพัฒนาประเทศในอนาคต สำหรับประเทศของเรานั้น คุณภาพของนักการเมือง คุณภาพขอข้าราชการ คุณภาพของประชาชน ทั้งระดับกลางและรดับล่าง รวมทั้งความรู้พื้นฐานต่างๆ ยังงมงายลุ่มหลงในสิ่งไร้สาระ ไม่มองเห็นผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ ถูกชักจูงได้ง่าย คัดค้านและวิจารณืทุกเรื่องโยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือรู้ไม่จริง ดังนั้น ถ้าจะดูว่าประเทศใดจะก้าวหน้าเพียงใดนั้นให้ดูที่ "วัฒนธรรมและคุณภาพของประชากร" มีนักการเมืองของเราบางท่านได้กล่าวว่า ผู้แทนราษฎรไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี ผู้ที่มีความรู้ต่ำกว่าก็เป็นผู้แทนราษฎร และเห็นรัฐมนตรีได้ น่าเป็นห่วงว่าในไม่ช้า พม่า เขมร และเวียดนาม คงจะแซ้งขึ้นหน้าเราในทุกๆ ด้านอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ผู้คนเบื่อหน่ายกับลัทธิประท้วง ก่อม็อบวุ่นวาย เอากฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย อ้างสิทธิต่างๆ นาๆ มาขัดขว่างการพัฒนาเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหลายดคนกังวลว่า เรากำลังเดินตามแบบความวุ่นวายเหมือนฟิลิปินส์ หรืออินโดนีเซีย หรือเปล่า

    หัวข้อที่ 5 คุณลักษณะของรัฐบาล
    สมุททรานุภาพจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอขึ้นอยู่กับ รัฐบาลจะสนับสนุนมากน้อยเพียงใด ประเทศเราหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2475 หัวหน้ารัฐบาลมัีกจะเป็นทหารลก และได้ละเลยไม่สนใจในเรื่อสมุททานุภาพ จนกระทั่งมาถึงสมัย ฯพณฯพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงได้สนับสนุนอย่างจริงจัง ทำให้มีท่าเรือที่เหมาะสมเพิ่มขึ้น และกิจการพาณิชย์นาวี ก็เร่ิมดีขึ้นตามลำดับแต่ก้ไดแต่วิงไล่ตามชาติอื่นๆเขา ทั้งๆที่เราควรจะเจริญก้าวหน้าเท่าๆกับ เกาหลีใต้ และไต้หวัน เหตุการณืในอดีตในปี 2533 ผมได้เป็นผู้แทนกองทัพไทยร่วมเดินทางไปกับ ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ฯ นายกรัฐมนตรีไปเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากที่ ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ฯ และผมได้ปรึกษาข้อราชการกับท่านประธานาธิบดี George Bush ในทำเนียบ White House แล้ว ในระหว่างเดินทางกลับที่พัก ผมได้มีโอกาสคุยกับ ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ฯ ถึงเรื่่องพาณิชย์นาวีที่ท่านเห็นความสำคัญและสนับสนุน ท่านบอกว่าท่านได้เคยมารับราชการในต่างประเทศอยู่หลายประเทศและเป็นเวลานาน เห็นชาติต่างๆ เห็นความสำคัีญของการใช้ทะเลให้เป็นประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องพาณิชย์ นาวี ท่าเรื่อพาณิชย์และความสำคัญของนาวิกานุภาพ ดังนัี้นเมื่อท่านมีโอกาสและมีอำนาจที่จะดำเนินการได้้ท่านจึงสนับสนุนและ ให้ดำเนินการพร้อมทั้งให้จัดหากำลังรบทางเรือด้วย

    หัวข้อที่ 6 เครื่องมือการทำสงครามทางทะเล
    เครื่องมือการทำสงครามทางทะเล (Maritime Warfare) ก็คือ นาวิกานุภาพ (Naval Power) หมายถึงกำลังรบทางเรือและนาวิกโยธิน ซึ่งอนาคตของ นาวิกานุภาพของกองทัพเรือไทยในอนาคตนั้น กองทัพเรือไทยนั้จะต้องใช้ความรู้ในเรื่อสงครามทางทะเล (Maritime Warfare) สงครามทางเรือ (Naval Warfare) โดยการปฎิบัติการในเรื่อง Maritime Operations และ Naval Oerations ซึ่งทหารเรือไทนในปัจจุบันจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนกันให้มาก และจะต้องนำไปปฎิบัติทั้งทาง Offensive Operations และ Defensive Operations สำหรับการป้องกันประเทศทางทะเลนั้นจะต้องคำนึงถึง การป้องกันฐานทัพ (Bases) และท่าเรือพาณิชย์ (Ports) ด้วยการป้องกันดังกล่าวก็จะต้องระมัดระวัง และป้องกันในเรื่องการถูกโจมตีทางอากาศ  (Harbours) การโจมตีทางใต้น้ำ (Air attack) (Underwater attack) และทุ่นระเบิด (Mining)
    สมุททานุภาพ นั้นมีผลมาจากกำลังอำนาจแห่งชาติ ดังนั้นกำลังอำนาจแห่งชาติ ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้ทะเลก็คือ
    10. ใช้ทะเลเป็นฐานสำหรับแผ่อำนาจสู่แผ่นดิน
    11. ใช้ทะเลเป็นทางขนส่ง
    12. ใช้ทะเลเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรธรรมชาติ
    หัวข้อที่ 10 ใช้ทะเลเป็นฐานสำหรับแผ่อำนาจสู่แผ่นดิน
    เราจะเห็นได้จากเหตุการณืในอดีต เช่น ในสงครามดลกครั้งที่ 1 และ 2 มีทั้งด้านการค้าขายและใช้กำลังทางเรือ และต่อมาก็ดูตัวอย่างได้จากสงครามในอ่าวเปอร์เซีย และล่าสุด สงครามในอัฟกานิสถาน เป็นต้น

    หัวข้อที่ 11 ใช้ทะเลเป็นทางขนส่ง
    ที่เกี่ยวข้องกับทหารเรือก็คือ การรักษาและใช้เส้นทางคมนาคมในทะเลทั้งยามปกติและยามสงคราม และทหารเรือไทยจะต้องฝึกฝนกันมากก็คือ การคุ้มกันและป้องกันกระบวนเรือ Convoy ให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัย
    สิ่ง ที่ควรสนใจของเราขณะนี้ก็คือ มาเลเซียกำลังพัฒนาการใช้ทะเลเป็นทางขนส่ง คือ กำลังพัฒนาท่าเรือ Tanjung Pelepas ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสิงคโปร์ และตั้งใจจะพัฒนาพื้นที่ใกล้ท่าเรือแห่งนี้เป็นฐานปิโตรเคมีและศูนย์กลางการ ขนส่งถ่ายสินค้าทางอากาศด้วยซึ่งสายการเดินเรือ Maersk Sealand ประกาศเมื่อ สิงหาคม ปี 2543 ว่าจะย้ายฐานการขนถ่ายตู้สินค้าปีละ 2 ล้านตู้ต่อปี ซึ่งเดิมขนถ่ายที่สิงคโปร์มายังท่าเรือแห่งนี้และสายการเดินเรือ Ever Green ของไต้หวันก็ประกาศเมื่อ เมษายน ปี 2545 นี้ว่า เมื่อสิ้นสุดสัญยากับสิงคโปร์แล้ว ก็จะย้ายมาขนส่งที่ท่าเรือแห่งนี้ 1.2 ล้านตู้ต่อปี และมาเลเซียกำลังทาบทามบริษัทเดินเรือ ฮันจินของเกาหลีใต้ มาใช้บริการที่ท่าเรือแห่งนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นถ้ามาเลเซียดำเนินการสำเร็จ การใช้บริการที่สิงค์โปร์ก็จะลดน้อยลง ไทยก็จะลดน้อยลงไปด้วย แต่ก็จะไปเพิ่มที่ท่าเรือ Tanjung Pelepas แล้วท่าเรือของเราที่แหลงฉบัง ท่าเรือน้ำลึกที่สงขลา ซึ่งคาดว่าจะปรับปรุงให้เป็นศูนย์กลางการถ่ายสินค้าในภูมิภาคนี้ ก็อาจจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น

    มาเลเซียกำลังดำเนินการในทางรุกในเรื่อง สมุททานุภาพ พร้อมๆกับการปรับปรุงและพัฒนากำลังทางเรือ (Naval Power) แล้ว รัฐบาลไทยและกองทัพเรือไทยจะคิดแก้ไขและหาหนทางปฏิบัติกันอย่างไรในอนาคต

    หัวข้อที่ 12 ใช้ทะเลเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรทางธรรมชาติ
    ทรัพยากรทางทะเลที่น่าจะกล่าวถึงก็คือ
    1.ทรัพยากรทางทะเลประเภทมีชีวิต (Living resource) ซึ่งประเทศไทยเราได้ใช้ประโยชน์อยู่ในขณะนี้นั้นก็คือ การประมงซึ่งแบ่งได้ดังนี้
    1.1 การประมงน้ำลึก (Deep sea fishery)
    1.2 การประมงนอกน่านน้ำ (Offshore fishery)
    1.3 การประมงในทะเลอาณาเขต (Coastal fishery)
    1.4 การเพาะเลี้ยง (Agriculture)
    2. ทรัพยากรทางทะเลประเภทไม่มีชีวิต (Non - living resurce) เช่น ดีบุก เพชร ทองคำ แร่ เหล็ก ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และกำมะถัน เป็นต้น

    ตามข้อ 1 นั้น การใช้ทะเลในด้านการประมงมีความสำคัญและทำรายได้เข้าประเทศให้กับประเทศเรา เป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลก็ทราบดีอยู่แล้ว และได้พยายามสอดส่องดูแลสนับสนุนในเรื่องการประมงให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ตามลำดับและพยายามรักษาสถานภาพอันนี้ไว้โดยไม่ให้ชาติที่เป็นคู่แข่งที่ กำลังไล่ตามมาแซงขึ้นหน้าไปได้

    สำหรับทรัพยากรทางทะเลประเภทไม่มีชีวิต คือ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาตินั้น นับว่าเป็นพลังงานที่สำคัญของโลก สำหรับประเทศไทยของเรานั้น ก๊าซธรรมชาติน่าจะมีบทบาทสำคัญต่อไปในอนาคต ก๊าซธรรมชาติเป็น เชื้อเพลิงที่สะอาดและราคาถูก เมื่อ เปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ ดังนั้น จึงมีการรณณรงค์ที่จะให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคของอุตสาหกรรม ซึ่งประเทศต่างๆ ในโลกนี้หันมาสนใจและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง คือ
    - ใช้ประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติในภาคไฟฟ้า
    - ใช้ประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติในภาคอุตสาหกรรม
    - ใช้ประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่ง
    - ใช้ประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
    - ใช้ประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติในครัวเรือน
    เนื่อง จากเทคโนโลยีด้านการผลิตเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้น้ำมันได้ก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการคมนาคม การขนส่งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ การใช้น้ำมันของโลกจึงสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณสำรองของน้ำมันของโลกลดน้อยลงการสำรวจพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ กลับพบว่า พบก๊าซธรรมชาติมากกว่าการพบน้ำมัน และมีหลักฐานชี้ว่า แหล่งสำรองน้ำมันของโลก จะยังคงอยู่ในตะวันออกกลาง เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติต่างก้เป็นปิโตรเลียม จะมีสถานะต่างกัน คือ น้ำมันเป็นของเหลว ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ประโยชน์แทนกันได้ ดังนั้นในปัจจุบันนี้ จึงมีการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องจักร เครื่องยนต์ ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เป็นเชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัสเซีย และยุโรป เพราะรัสเซียมีก๊าซธรรมชาติทั้งทางบกและในทะเลมากที่สุดในโลก และยุโรปได้เพิ่มการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้น เพราะก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดและราคาถูก โดยส่งท่อก๊าซมาจากรัสเซีย ทะเลเหนือและอัลจีเรีย ซึ่งทำให้ยุโรปสามารถลดการที่พึ่งพาน้ำมันจากกลุ่มโอเปคลงได้มาก สหรัฐฯ เองก็เพิ่มการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นโดยต้องส่งท่อก๊าซมาจากอลาสก้า และซื้อก๊าซธรรมชาติเพิ่มจากแคนนาดา เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประเทศ
     - จีน ได้ซื้อก๊าซธรรมชาติจากกลุ่มประเทศในกลุ่มสหภาพโซเวียดเดิม ขณะนี้อยู่ในช่วงการต่อท่อก๊าซธรรมชาติเข้าประเทศ
    - ออสเตรเลีย ซื้อก๊าซธรรมชาติจากประเทศปาปัวนิกินี และต่อท่อก๊าซธรรมชาติระยะ 3,500 กม. มาเชื่อมกับท่อภายในประเทศ
    - มาเลเซีย ซื้อก๊าซธรรมชาติจากอินโดนีเซีย 2 แหล่ง คือ นาตูนา (NATUNA) ของอินโดนีเซีย และมีแผนต่อท่อส่งเข้าเชื่อมกับท่อภายในประเทศ
    - สิงคโปร์ ซื้อก๊าซธรรมชาติจากอินโดนีเซีย 2 แหล่ง คือ แหล่งนาตูนา และแหล่งสุมาตรา และส่งท่อเข้าประเทศรวมความยาวของท่อส่งก๊าซมากกว่า 1,000 กม. โดยเริ่มส่งเข้าประเทศตั้งแต่เดือน มกราคม 2544 ซึ่งสิงคโปร์ได้วางแผนยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันให้ประเทศของตนเป็นศูนย์กลาง การค้าก๊าซธรรมชาติเชื่อมต่อท่อก๊าซธรรมชาติเข้ามาเลเซียและต่อเข้ากรุงเทพ มหานคร โดยคาดว่ากรุงเทพฯ จะเป็นตลาดก๊าซที่สำคัญในอนาคต
    ประเทศ ไทยเคยสนใจที่จะซื้อก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง นาตูนา ของอินโดนีเซีย เช่นกันเพราะเป็นแหล่งที่เชื่อว่า มีก๊าซธรรมชาติมากที่สุดในโลก โดยคิดจะต่อเชื่อมเข้าสู่จังหวัดระยอง โดยอินโดนีเซียเชื่อว่า ประเทศไทยน่าจะเป็นศูนย์กลางของธุรกิจก๊าซธรรมชาติและการค้าของเอเซีย ถ้าประเทศไทยสนใจและดำเนินการอย่างจริงจัง ก็จะทำให้ไทยมีพลังงานสำรองมากขึ้น

    เนื่องจากได้สำรวจพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเป็นจำนวนไม่มากนักและเราได้นำเอา ขึ้นมาใช้ประโยชน์กันในปัจจุบัน โดยทำระบบส่งท่อขึ้นที่ระยอง อย่างน้อยๆ ก็จะใช้ได้ประมาณ 50 ปี นอกจากจะดำเนินการวางท่อก๊าซไปใช้ในปริมณฑล และภาคกลางบางส่วนแล้ว ไทยเรายังมีโครงการวางท่อส่งก๊าซไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีกด้วย เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนคต อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าประเทศไทยเราได้ทำการซื้อก๊าซธรรมชาติจากพม่า จากแหล่ง ยาคานา และเยคากุน เพื่อมาใช้กับโรงไฟฟ้าที่จะสร้างที่ราชบุรี แต่เราก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องหาสำรองไว้อีก ดังนั้นในการที่รัฐบาลได้ตกลงใจเดินหน้าเรื่องก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนา ร่วมไทย - มาเลเซีย (JDA) เป็นการถูกต้องแล้ว เพราะหากโครงการดำเนินตการล่าช้า หรือหยุดชะงักลงจะส่งผลกระทบต่อการร่วมลงทุนระวห่างประเทศมาเลเซีย กับประเทศไทยรวมทั้งผู้ผลิตและผุ้ลงทุนในพื้นที่ JDA โดยตรง เพราะใน phase แรก มาเลเซียจะเป็นผู้ซื้อและใช้ก๊าซจาก JDA นี้ก่อน ขณะที่ผู้ลงทุนที่รัฐบาลโดยองค์การร่วมไทย - มาเลเซีย สนับสุนนให้ไปลงทุนสำรวจผลิตก๊าซในพื้นที่ JDA ก็จะได้รับผลกะรทบกระเทือนจากแผนการลงทุนที่ล่าช้าออกไป ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทย อนึ่ง หากเลยระยะเวลาที่มาเลเซียพอจะรับได้แล้วก็อาจมีความจำเป็นต้องทบทวนเปลี่ยน แผนวางท่อก๊าซจาก JDA ไปยังประเทศของตนโดยตรง โดยไม่ผ่านประเทศไทย ก็คงจะทำให้เราหมดโอกาสที่จะนำก๊าซมาขึ้นที่ภาคใต้ตอนล่างนี้เป็นเวลานานนับ สินปี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวางท่อก๊าซขึ้นที่สงขลา อย่างรวดเร็วตามที่ได้ทำสัญญากันไว้ในระดับประเทศ

    ในการประชุมกลุ่มอาเซียน (ASEAN) ในปี 2538 ที่กรุงเทพ ฯ ได้เน้นถึงความร่วมมือของสมาชิกในการเสริมสร้างความมั่งคงในด้านพลังงาน การพัฒนาทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและต่อมาได้มีการประชุมสูงสุดอย่างไม่ เป็นทางการของผู้นำของแต่ละประเทศสมาชิกเมื่อ 15 ธันวาคม 2540 ได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ของอาเซียน (ASEAN VISION 2020) ในโครงการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าอาเซียนและ โครงการเชื่อมโยง เครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (Trans ASEAN Gas pipeline) โครงการ เชื่อมโยงเครือข่าวท่อส่งก๊าซธรรมชาติได้มีคณะกรรมการด้านปิโตรเลียม (ASEAN Council on Petrolium) หรือ ASCOPE ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ของ ประเทศอาเซียนทั้งหมดจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการและได้แต่งตั้งคณะทำ งานร่วมในการจัดทำแผนแม่บทท่อส่งก๊าซธรรมชาติ "Masterplan of the "Trans ASEAN Gas Pipeline"(TAGP)" ซึ่งคณะทำงานประกอลด้วย บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย (เปโตรนาส) ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย (ปตท.) โดยมีมาเลเซียเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ในการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 17 ในปี 2542 ที่ประชุมได้บรรจุแผนดำเนินการของโครงการ TAGP เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนดำเนินการความร่วมมือด้านพลังงานของอาเซียน ปี 2542 - 2547 จากการตรวจสอบปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติของกลุ่มประเทศสมาชิกมีปริมาณมากเพียง พอที่จะสอนงความต้องการก๊าซธรรมชาติของสมาชิก (ASCOPE) ทั้ง 7 ประเทศ นอกจากนี้โครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติดังกล่าวจะช่วยให้กลุ่มประเทศสมาชิกมี ความแข็งแกร่งในด้านความมั่นคงทางด้านพลังงานมากขึ้นและลดการพึ่งพาการนำ น้ำมันดิบจากตะวันออกกลางในอนาคตอย่างแน่นอน

    อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทยที่สหรัฐฯ และชาติต่างๆในยุโรปบางประเทศเห็นว่า ในอนาคตควรจะพัฒนาเมืองเซียงไฮ้ ของจีน เป็นเมืองที่เจริญก้าวหน้าและใหญ่ที่สุดในโลก และให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายของโลก ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เมืองเซียงไฮ้จึงจำเป็นที่จะต้องมีพลังงานมาสนับสนุน จึงจะมีผู้มาลงทุนฉะนั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นจากากรใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งขณะนี้จีนได้ติดต่อขอซื้อก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง นาตูนา (NATUNA) ของอินโดนีเซีย ได้แล้ว โดยมีหนทางที่จะวางท่อก๊าซอยู่ 4 ทางด้วยกันคือ
    - วางท่อก๊าซผ่านประเทศเวียดนาม
    - วางท่อก๊าซผ่านเขมร
    - วางท่อก๊าซผ่านประเทศไทย
    - ว่าท่อก๊าซผ่านพม่า
    ถ้า จะผ่านเวียดนาม จีนคงไม่ไว้ใจเวียดนามเพราะเคยเป็นศัตรูกัน อาจจะถูกหักหลังเมื่อใดก็ได้ ถ้าจะผ่านเขมรก็ยังต้องผ่านเวียดนาด้วย ถ้าอ้อมไปขึ้นที่พม่าก็ไกลเกินไป ดังนั้นน่าจะผ่านประเทศไทย ถ้าผ่านประเทศไทย เราก็จะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน ที่อยู่ดีๆ ก็มีผู้มาลงทุนวางท่อก๊าซที่เป็นท่อหลักมาให้ เราก็สามารถขอต่อท่อก๊าซของเราไปบรรจบแล้วขอซื้อก๊าซมาใช้โดยไม่ต้องลงทุน อะไรมากนัก (เหมือนกับการขอต่อท่อน้ำประปาเข้าบ้าน) และถ้าโครงการเชื่อมโยงเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมขาติของอาเซียน (ASCOPE) สำเร็จด้วยแล้ว การใช้ก๊าซธรรมชาติในการพัฒนาประเทศในทุกๆด้านของเราคงจะดีขึ้นและจะมีก๊าซ ใช้เป็นเวลาเกิดกว่า 100 ปี อย่างแน่นอน

    ปัจจุบันประเทศของเราใช้ก๊าซธรรมชาติจากในอ่าวไทยโดยวางท่อหลักขึ้นที่ระยอง ซื้อก๊าซ ฯ จากพม่า เพื่อมาใช้กับโรงไฟฟ้าที่ราชบุรี และร่วมกับมาเลเซียตามโครงการพัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย (JDA) เท่านั้น นับว่าเพิ่งจะเริ่มต้น ยังมีระยะอีกยาวนานที่รัฐบาลจะต้องคิดและดำเนินการต่อไปเพราะจะต้งใช้เงิน เป็นจำนวนมากที่จะนำมาลงทุนและดำเนินการต่อไป เราหันกลับมาดูมาเลเซียบ้าง มาเลเซียได้วางท่อก๊าซธรรมชาติทั้งทางด้านตะวันออกและตะวันตกของประเทศ (PETRONAS) และสามารถนำไปใช้ในรัฐต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและเมื่อมาบรรจบกับท่อก๊าซธรรมชาติที่มาจากการพัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย (JDA) ด้วยแล้ว ก็จะทำให้การพัฒนาประเศรุดหน้าเร็วกว่าปรเทศเราอย่างแน่นอน ขณะนี้มาเลเซียมีความเข้าใจในเรื่อสมุททานุภาพและการใช้ทะเลให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ซึ่งประเทศไทยจะต้องสนใจคือ
    - มาเลเซีย กำลังพัฒนาในเรื่องพาณิชย์นาวี และปรับปรุงท่าเรือขนส่งสินค้า เช่น ปรับปรุงท่าเรือ Tanjung Pelepas เป็นต้น
    - มาเลเซีย ใช้ก๊าซธรรมชาติในทะเลเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาประเศทดแทนน้ำมัน
    - มาเลเซีย กำลังพัฒนาและเสริมสร้างนาวิกานุภาพ
    สรุป ก๊าซธรรมชาติในทะเลนั้นเป็นปัจจัยตัวหนึ่งในสมุททานุภาพอย่างแน่นอนและส่งผล ขึันไปถึง กำลังอำนาจแห่งชาติ ความมั่นคงของชาติและยุทธศาสตร์ของชาติด้วย ฉะนั้นเราควรให้ความสำคัญกับก๊าซธรรมชาติในอนาคตและเพื่อเป็นฐานในการที่จะ ศึกษาเรื่องสมุททานุภาพ ที่นับว่าจะมีความสำคัญมาขึ้นในอนาคตเช่นกัน

    จากเอกสาร การสัมนาบทบาทของทะเลไทยในการฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไทย เมื่อ 12 พฤษภาคม 2542 ซึ่งรวบรวมโดย โครงการกฎหมายทะเลแห่งเอเซียอาคเนย์ (SEAPOL) ได้มีการให้ข้อคิดเห็นว่า สมุททานุภาพ นั้นทหารเรือน่าจะรู้เรื่องดีที่สุด เพราะมีการสอนและศึกษากันอยู่ตลอดเวลาที่สถาบันวิชการทหารเรือชั้นสูง เมือ่เป็นเช่นนี้หทารเรือเราก็ต้องสนใจและศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังทุกๆ ประเด็น ตาม 12 หัวข้อในตอนต้น

    ประการสำคัญปัจจุบันนี้ ได้มีนายทหารเรือทั้งนอกราชการและประจำการได้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาแก่ นักการเมือง และพรรคการเมืองแทบทุกพรรค คงจะให้คำปรึกษาและเสนอแนะในเรื่องเกี่ยวกับ สมุททานุภาพ และนาวิกานุภาพ อย่างแนอน ดังนั้นเรามีความรู้ในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด พรรคไหนได้เข้ามาเป็นรัฐบาลเราก็ต้องเสนอแนะและขอให้เห็นความสำคัญของสมุททา นุภาพอย่าปล่อยปละละเลยเหมือนอดีต และต้องระวังอย่าให้ พม่า เขมร เวียดนาม และมาเลเซีย แซงหน้าเรา

                   








         โครงการจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์เเห่งชาติทางทะเล

           c/o  สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ห้อง 906 ชั้น 9 อาคารสถาบัน 3 ถนนพญาไท ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
               โทรศัพท์ 0 2218 8164   โทรสาร  0 2652 5066 กด 0

    ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร: มนต์เสน่ห์ที่หายไป


    http://www.siamintelligence.com/


    คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554

    นับถึงวันนี้ก็หนึ่งเดือนเต็มพอดี

    การทำงานของรัฐบาลเพื่อไทยในหนึ่งเดือนแรก คงหาวลีไหนมาบรรยายได้ไม่ดีเท่ากับ “กลับสู่ความเป็นจริง”

    มหัศจรรย์ “49 วันทำได้จริง” ในช่วงหาเสียง ที่สามารถพลิกโฉมคุณยิ่งลักษณ์จาก Nobody มาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ได้ผ่านพ้นไปหมดแล้ว

    สิ่งที่เราเห็นในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมาสู่ “การเมืองที่แท้จริง” (realpolitik) ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง หรือการแก้ปัญหายากๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างวิกฤตน้ำท่วมรอบใหม่

    และการหายไปอย่างสิ้นเชิงของ “มนต์เสน่ห์” ของคุณยิ่งลักษณ์ที่สร้างขึ้นในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง



    นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ภาพจาก Thaigov.go.th)
    สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นการ “เดี่ยวไมโครโฟน” ของคุณเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และการให้สัมภาษณ์สื่อแบบหลบฉากซ้ำๆ ซากๆ ของคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น “ต้องดูภาพรวม” “ขอเวลาทำงาน” “ว่ากันไปตามผลงาน” “ให้โอกาสทุกคนเท่ากัน”

    สภาพการณ์เหล่านี้กำลังจะกลายเป็นหอกที่กลับมาทิ่มแทงคุณยิ่งลักษณ์และรัฐบาลเพื่อไทยโดยตรง เพราะสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ “ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย” ต้องการจะเห็น

    ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง วาทะเด็ดอันหนึ่งของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ลอยข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนไกล ก็คือ “คุณยิ่งลักษณ์เป็นโคลนนิ่งของผม”

    ประโยคนี้เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทยรุมถล่มปูพรมตามหน้าสื่ออย่างหนัก ด้วยวาทกรรมว่า “เลือกยิ่งลักษณ์ได้ทักษิณ”

    ในทางกลับกัน มันก็ช่วยให้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย กลุ่มที่ยังนิยมคุณทักษิณอยู่ ก็เลือกคุณยิ่งลักษณ์แบบไม่ลังเล ด้วยเหตุผลว่า “เลือกยิ่งลักษณ์ได้ (สไตล์การทำงานแบบ) ทักษิณ” นั่นเอง

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ 1 เดือนแรกกลับไม่เป็นเช่นนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์แสดงจุดอ่อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีความเป็นเอกภาพ และคุณยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่ได้แสดง “ภาวะความเป็นผู้นำ” (leadership) แบบทักษิณให้เห็น

    ในด้านหนึ่งเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณยิ่งลักษณ์ เพราะ “เก้าอี้นายกรัฐมนตรี” ไม่ใช่ของที่จะไขว่คว้ามาได้ง่ายๆ บางคนบ่มเพาะตัวเองมาชั่วชีวิตก็ไม่อาจได้มาครอบครอง แต่คุณยิ่งลักษณ์ที่ไม่มีพื้นเพทางการเมืองเลย กลับต้องมารับภาระนี้แบบไม่คาดฝัน การเตรียมพร้อมคงไม่มากเท่ากับ “นักการเมืองอาชีพ” ที่เตรียมตัวเป็นนายกมาตั้งแต่เด็ก

    พรรคเพื่อไทยใช้กลยุทธ์ด้านการสร้างภาพลักษณ์และการประชาสัมพันธ์ตามที่ถนัด เสริมจุดแข็งปิดจุดอ่อน ช่วยดันคุณยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกหญิงคนแรกของประเทศได้อย่างมหัศจรรย์ในช่วงการเลือกตั้ง ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้เพราะคนที่กาเลือกพรรคเพื่อไทย “คาดหวัง” ในตัวคุณยิ่งลักษณ์เป็นอย่างมาก

    แต่เมื่อเข้าสู่อำนาจ เกมของอำนาจในโลกความเป็นจริงอันโหดร้าย เปลี่ยนไปจากเกมหาเสียงที่พรรคเพื่อไทยเอาชนะมาได้อย่างสิ้นเชิง

    คุณยิ่งลักษณ์ต้องเผชิญกับความท้าทายโหดๆ ในการกำหนดนโยบายสาธารณะ และการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยุทธศาสตร์สร้างภาพ-ประชาสัมพันธ์ที่พรรคเพื่อไทยถนัด ก็ใช้ไม่ได้เลยในเกมใหม่เกมนี้

    หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า คุณยิ่งลักษณ์ล้มเหลวในการบริหารจัดการ “ความคาดหวัง” ของคนไทย และถ้าปล่อยทิ้งไว้ ย่อมมีแต่ผลเสีย

    สิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยต้องปรับกลยุทธ์โดยด่วน ก็คือ “ภาพลักษณ์และการบริหารจัดการข่าวสาร” ของรัฐบาล

    ตัวคุณยิ่งลักษณ์เองต้องออกมาแสดงภาวะความเป็นผู้นำให้มากขึ้น กล้าที่จะฟันธง เป็นผู้นำให้สังคมเห็นว่า การตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐบาล มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมจึงต้องตัดสินใจเช่นนี้ มีเหตุผลอะไรสนับสนุน ทำแบบนี้แล้วประเทศจะได้อะไร

    การออกมาแสดงภาวะผู้นำ ไม่ได้แปลว่าต้องออกมาพูดกับสื่อทุกวัน หรือกล่าวปาฐกถาต่อที่สาธารณะบ่อยๆ แต่แปลว่าการออกมาแต่ละครั้งควรมีความหมาย จับต้องได้ และแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ

    ส่วนคณะรัฐมนตรีเองก็ต้องปรับยุทธศาสตร์การออกสื่อให้ชัดเจน มีทีมงานกลางคอยแจกงาน ควบคุมภาพลักษณ์ให้ไปในโทนเดียวกัน มอบหมายภาระงานให้ทีมโฆษกของรัฐบาลมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐมนตรีบางคนมีบทเด่นแต่เพียงคนเดียว หรือรัฐมนตรีแต่ละคนต่างให้สัมภาษณ์ไปคนละทาง

    คุณยิ่งลักษณ์ไม่ควรกลัวเสียงวิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม ในการออกมาแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ก็มีเหตุให้วิจารณ์ได้อยู่แล้ว

    แต่ถ้าเสียความเชื่อมั่น ทำลายความคาดหวังของฐานเสียงตัวเองที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เมื่อนั้น รัฐบาลเพื่อไทยก็คงจะอยู่ต่อไปลำบาก
    รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

    คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

    บทความย้อนหลัง