บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Fear on the Street: Inside the Stock Sell-Off

ความกลัวได้เข้าปกคลุมตลาด เป็นเหตุให้มีการเทขายหุ้นอย่างหนัก เศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงและยาวนานกำลังจะมา แล้วนักลงทุนธรรมดาอย่างเราจะทำอย่างไร? Fear on the Street: Inside the Stock Sell-Off

By  Jeff  Macke

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกพร้อมใจกันตกหัวทิ่มอย่างรุนแรงกันทั่วหน้า โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลงถึงร้อยละ 4.3 และดัชนีแนสแด๊กซ์หัวทิ่มหัวตำลงมากว่าร้อยละ 5

ในที่สุดก็ไม่มีที่ให้หลบภัยได้แล้ว ตลาดทองคำ เงิน น้ำมันดิบ และผลตอบแทนในหุ้นกู้ ต่างก็ตกลงมาอย่างรุนแรง เมื่อนักซื้อขายต่างมองหาสิ่งที่ปลอดภัย แต่ก็ไม่มีที่ใดอยู่ในสายตา ด้วยราคาของทุกสิ่งแข่งกันดิ่งลง ในช่วง 10 วันทำการซื้อขาย ราคาหุ้นได้หดหายไปมากกว่าร้อยละ 10 แล้ว แม้จะเรียกกันโก้ๆในทางเทคนิคว่าเป็นการปรับตัวของตลาดก็ตาม

การซื้อขายวันนี้เริ่มจากทางด้านตลาดยุโรป ซึ่งนักลงทุนอเมริกันมีความห่วงกังวลกับเรื่องนโยบายขยายเพดานหนี้ แล้วต่างก็เลือกที่จะหันมาถือเงินสดกันถ้วนหน้า … การเทขายเริ่มในตลาดต่างประเทศ แต่ในอเมริกาเองก็มีปัญหารุมเร้าอยู่มากมาย

เริ่มมีการตระหนักแม้ในหมู่นักลงทุนที่มองโลกในแง่ดีที่สุดก็ตามว่า ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเริ่มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว – อาจจะเป็นตัวเลขสองหลักที่น่ากังวลอย่างยิ่ง นอกจากนั้นสิ่งที่เพิ่มความเจ็บปวดก็คือ การที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีอะไรในการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ บริษัทต่างๆของอเมริกามีเงินสดในมือมากเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ปฏิเสธที่จะลงทุนใหม่ๆที่ความต้องการสินค้ามีน้อย ทั้งบริษัทและผู้คนต่างถือเงินสด และระบบเศรษฐกิจดูเหมือนจะชะงักงัน การอภิปรายเรื่องเพดานหนี้นั้นแย่มากๆ ทำให้ความมั่นใจที่คนค้าขายยังพอที่จะหวังความช่วยเหลือจากวอชิงตัน ดีซี นั้นย่ำแย่ลงไปอีก

ที่สุดแล้วก็คือ มีความเชื่อว่าเรากำลังจะเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนาน และไม่มีรัฐบาลไหนๆในโลกที่จะสามารถหยุดยั้งมันได้ ฉะนั้นการขายหุ้นออกไป หรือ “การลดความเสี่ยง” อย่างที่คนในวอลสตรีทพูดกัน จึงมีเหตุผลมากทีเดียว

แล้วคนธรรมดา อย่างเราๆท่านๆจะทำอย่างไรกันดี? คงต้องเริ่มต้นกันที่หลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก การปรับตัวของตลาดครั้งนี้เป็นสิ่งไม่ปกติ หากแต่การลดลงร้อยละ 10 ของตลาดนั้นธรรมดามาก แค่หน้าร้อนที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ลดลงมาร้อยละ 17 ด้วยความห่วงใยในบางเรื่องที่แตกต่างกับสิ่งที่เรากำลังเผชิญในวันนี้ หากเราเป็นนักลงทุนที่นอนไม่หลับในคืนนี้ คุณก็คงจะรัดรึงอยู่กับหุ้นมากจนเกินไป หากเป็นเช่นนั้นก็จงขายหุ้นออกไปซะจนกว่าคุณจะสามารถหลับตาลงได้ ไม่มีใครที่ตัดสินใจได้ดีเลิศในเรื่องการเงินเกิดความขลาดกลัวหรือเบื่อหน่ายหรอกค่ะ

วันนี้มีสัญญาณความกลัวเกิดขึ้นในเรื่องของการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เราเห็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา หากจะเลียนแบบคำกล่าวของเชอร์ชิล ก็คงต้องพูดว่า นี่อาจจะไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการหยุดเทขาย หากแต่เป็นจุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นต่างหาก เราคงจะไม่ได้ยินข่าวดีทางด้านเศรษฐกิจในช่วงเวลาใกล้ๆนี้แน่นอน จำนวนของตำแหน่งงานในอนาคตก็ถูกจ้างไปในวันนี้หมดแล้ว และหากจะมีก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือเป็นการหลอกลวงซะมากกว่า

สิ่งที่เราทำได้ คือหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในเร็ววัน และถามตัวเองว่า : หากคุณตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้แล้วพบว่าตลาดหุ้นและดัชนีดาวน์โจนส์ลดลงอีก 1,000 จุด คุณจะเข้าซื้อหรือขายหุ้นดี? ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร ขอให้คุณทำอย่างนั้นทีละเล็กละน้อยก็แล้วกันค่ะ

การที่จะพยายามบอกว่า “ตลาดมันลงถึงที่สุดแล้ว” แล้วพรวดพราดเข้าไปทำธุระกรรมนั้นเป็นเรื่องโง่มากๆ จงอดทนเอาไว้ ทำใจให้สงบ และอย่าตื่นตระหนก ในตลาดที่มีความผันผวนมากมายเช่นในเวลานี้ ความรอบคอบเป็นกลยุทธ์อย่างเดียวที่สมเหตุสมผลที่สุดค่ะ

..Stocks posted a severe drop today, with the Dow Jones Industrial Average falling 4.3% and the Nasdaq crumbling over 5%.

By the end of the day there were few places left to hide. Gold, silver, crude and yields on Treasuries all fell sharply as traders looked for safety and were met by nothing but falling prices. Over the last 10 trading days stocks have lost more than 10%, the traditional definition of a market correction.

Today's selling started in Europe and picked up steam as American investors, already twitchy in the wake of the debt ceiling debacle, suddenly preferred cash over all other assets. The selling began overseas, but we have more than our share of problems in the U.S. as well.

There's a growing realization among even the most optimistic investors that the United States is entering a new recession -- a dreaded "double-dip." Adding to the pain is the sense that the government and Federal Reserve are out of both ideas and ways to stimulate the economy. Corporate America is sitting on record amounts of cash but is refusing to make new investments with so little end demand for its products. Consumers and corporations are hoarding cash, and the economy appears to be seizing. The debt ceiling debate was a fiasco, snuffing any remaining confidence traders had for help from Washington, D.C.

The bottom line is traders are becoming convinced that we're facing a prolonged and severe recession, and there's nothing any government on Earth can do to stop it. In that context, selling stocks or "reducing exposure" as they say on Wall Street, is quite rational.


So what should people at home do? Avoid panic, for starters. The swiftness of this correction is unusual, but a 10% drop is not. Just last summer stocks fell 17% on concerns not unlike those we face today. If you're an investor who can't sleep tonight, you're probably too exposed to stocks. Sell until you can sleep. Nobody ever made good financial decisions scared or tired.


Today was the first sign of fear stocks have seen in a year. To paraphrase Churchill, that may not be the beginning of the end of the selling, but it's the end of the beginning. It's extremely unlikely we're going to see good economic news anytime soon. A terrible jobs number tomorrow is now assumed, and a good one will be considered either incorrect or flat-out fraudulent.

Take hope for a quick economic recovery out of the equation and ask yourself this: If you woke up tomorrow and stocks were set to open down another 1,000 points on the Dow, would you buy or sell? Whatever your answer is, you'd be well served to consider doing it a little bit at a time now.

Trying to "call the bottom" by going all in at once is a fool's game. Be patient, be calm and tune out the panic. In a market this volatile, prudence is the only rational strategy available.


Source : http://finance.yahoo.com/blogs/breakout/fear-street-inside-stock-sell-off-204130841.html

 by supawan

 

 

แผน PDCA


โดย Prida Kunchol เมื่อ 30 กรกฎาคม 2011 เวลา 17:01 น.
                                                  
                            

                                                    แผน PDCA
                                   ตามแนวทางปฏิรูปการเมืองของนอร์เวย์

  • การบริหารที่ทันสมัย คือ หัวใจในการเป็นรัฐบาล
  • การบริหารที่ทันสมัย คือ TQM (Total Quality Management)
  • การบริหารที่ทันสมัย TQM คือ ทิศทางปฏิรูปประเทศของทั่วโลก
  • การบริหารที่ทันสมัย TQM มีวัตถุประสงค์ปรับปรุงคุณภาพให้ลูกค้าพอใจ
  • การบริหารที่ทันสมัย TQM ต้องมี’ระบบงาน’ และ ‘กระบวนการทำงาน’
  • PDCA รัฐบาลยุคใหม่ใช้บริหารประเทศที่สร้างความปรองดองได้


สาเหตุความแตกแยกของชาติ: ต้น เหตุความแตกแยกในประเทศไทยเกิดจากความบกพร่องของระบอบประชาธิปไตยที่อาศัย การเลือกตั้ง โดยมีช่องโหว่ให้นายทุนใช้เงินซื้อเสียงและซื้อ ส.ส. เข้าไปยึดอำนาจนิติบัญญัติและยึดอำนาจบริหารตั้งรัฐบาลปกครองประเทศและ ทุจริตประพฤติมิชอบตามความพอใจของพรรคพวกนายทุน... โดยประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยไม่มีเสียงเพียงพอเพื่อคัดค้านใน สภา... จึงออกมาชุมนุมคัดค้านรัฐบาลโดยสันตินอกสภา หรือคัดค้านโดยใช้วิธีรุนแรงจนเกิดการนองเลือด ...PDCA แก้ปัญหานี้ได้

ปฏิรูปการเมืองเพื่อสร้างความปรองดอง: ทำ ได้โดยการแก้ไขความบกพร่องของระบอบประชาธิปไตยที่ใช้การเลือกตั้งแบบเก่า โดยให้เลือกด้วยวิธีใหม่เช่นใช้ไอซีทีเลือกตัวแทนของประชาชนแต่ละกลุ่มที่มี ประโยชน์และอุดมการณ์แตกต่างกันเข้าไปในสภาเพื่อร่างแผน PDCA สร้างโครงการที่ตรงตามความต้องการของประชาชนในชาติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง...

                   สำหรับวิธีการของสภาเพื่อตั้งรัฐบาลให้บริหารแผน PDCA ดังกล่าว โดยให้กลุ่มต่างๆที่อาสาเป็นรัฐบาลได้อภิปรายแสดงความสามารถโดยมีเอกสารสนับ สนุนในรูป   “ระบบงาน” (Work Systems) และ “กระบวนการทำงาน” (Work Processes) ที่แสดงขั้นตอนวิธีปฏิบัติให้เกิดความสำเร็จตามแผน โดยแจกเอกสารระบบดังกล่าวให้สมาชิกสภาได้ศึกษาก่อนลงมติรับรองให้เป็น รัฐบาล….ในวันลงมติรับรองตั้งรัฐบาล...สมาชิกสภาจะฟังคำอภิปรายของกลุ่ม ต่างๆที่แสดงวิธีบริหารและในที่สุด  สภาลงมติให้กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นรัฐบาล สำหรับกลุ่มที่ได้คะแนนนรองลงมาให้เป็นรัฐบาลเงาทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงาน ของรัฐบาลในนามของสภาปีละ 1 ครั้ง โดยทบทวนการทำงานทั้ง 4 ไตรมาสของรัฐบาลใน 2 ประเด็น คือ 1. การพัฒนายุทธศาสตร์(Strategy Development) ว่ามีการพัฒนาให้มีการปรับปรุงให้งานสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ และ 2. การแปลงยุทธศาสตร์(Strategy Deployment): ไปสู่ภาคปฏิบัติ.

แผน PDCA, Plan-Do-Check-Act : เป็น แผนระยะสั้น 1 ปี (Annual Plan) แต่เชื่อมโยงกับแผนระยะยาว 5 ปีหรือ 10 ปี โดยเน้นที่แผน 1 ปีเพื่อให้ทันเหตุการณ์ ...การดำเนินแผน PDCA แบ่งเป็น 4 ช่วง โดยฝ่ายนิติบัญญัติรับผิดชอบด้านทฤษฎี Plan…Act-Plan…Act-Plan  สำหรับฝ่ายบริหารรับผิดชอบด้านปฏิบัติ Do-Check…Do-Check…Do-Check เป็นการแยกอำนาจโดยเด็จขาด(Separation of Power) แต่ร่วมกันปรับปรุงประเทศให้มีความสามารถแข่งขันโดยไม่มีฝ่ายค้าน

1.  ช่วง PLAN: ใน ช่วงนี้มีการเตรียมการค่อนข้างมากโดยสภาเพื่อให้เป็นแผนที่มีประสิทธิภาพใน การบริหารของฝ่ายรัฐบาล โดยการรวบรวมข้อมูลจากหลายฝ่ายเพื่อนำมาประกอบการวางแผน เช่น 1.ข้อมูลวิสัยทัศน์ของประเทศโดยมีตัวอย่างประเทศมาเลเซียวางวิสัยทัศน์ถึง 20 ปีตั้งแต่ปี 2000  โดยตั้งวิสัยทัศน์ Vision 2000 ให้ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศพัฒนาแล้วเหมือนประเทศในยุโรป เป็นต้น 2. ข้อมูลแผนระยะยาวของประเทศ เช่น แผน 5 ปีของสภาพัฒน์ฯ 3. ข้อมูลความต้องการของประชาชน(Customer) 4. ข้อมูลสภาวะเศรษฐกิจ และ 6. ข้อมูลจากการดำเนินงานของรัฐบาลปีที่ผ่านมา
                   ข้อมูล ข้างต้นเป็นสาระแผนของบุคคลสำคัญระดับต่างๆ แผนของนายกรัฐมนตรี...แผนของรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ...แผนของกรม/กอง...แผนของ หน่วยงานที่ปฏิบัติ  โดยนำแผนทั้งหมดของบุคคลข้างต้นมารวมกันเพื่อจัดทำเป็นแผน PDCA ซึ่งเป็นแผน 1 ปี Annual Plan อันเป็นแผนที่แท้จริง(Plan)ที่สภาเป็นผู้จัดทำเพื่อใช้เป็นแผนชี้นำให้ฝ่าย รัฐบาลนำไปปฏิบัติ(Do)...สิ่งสำคัญยิ่งของแผนที่สภาจัดทำนี้จำเป็นต้องมี ระบบแสดงวิธีปฏิบัติให้ครบทุกเรื่องในรูป ระบบงาน และ กระบวนการทำงาน  โดยสภาจะละเว้นการจัดทำระบบดังกล่าวมิได้

2.   ช่วง DO: รัฐบาล มีแผนที่ได้จากสภาพร้อมระบบงานที่แสดงวิธีปฏิบัติให้รัฐบาลแล้ว  ดังนั้น การทำงานของรัฐบาลจึงสะดวกไม่ต้องไปคิดหาวิธีปฏิบัติงาน การทำงานของรัฐบาลจึงหนักไปที่การประชุมชี้แจงเพื่อให้ปฏิบัติตามแผน และวางกลยุทธ์ในการปฏิบัติงานเป็นทีม โดยมี Process Owner คุมระบบ ฝ่ายรัฐบาลอาจมีวิธีการเพิ่มเติมที่ออกเป็นรูป SOP (Standard Operating Procedure) หรือ คำสั่ง ระเบียบต่างๆ(Instructions)

3.   ช่วง CHECK: มี การตรวจสอบหรือทบทวนการปฏิบัติตามแผนโดยผู้บริหารสูงสุดขององค์กร เช่น นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทน ปกติ การทบทวนจะทำกันทุกรายไตรมาสหรือ 3 เดือนโดยวิธีการประชุมที่เรียกว่า Formal Review ได้แก่การประชุมที่หัวหน้าผู้ปฏิบัติตามแผนเป็นผู้ชี้แจง(Presenter) โดยมีผู้แทนผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้ฟังและซักถาม(Reviewers)  การทบทวนตรวจสอบโดยดูว่ามีการปฏิบัติตามระบบงานหรือไม่ และมีวิธีการปรับปรุงโดยชี้วัดที่กระบวนการทำงาน หรือไม่

4.   ช่วง ACT: ฝ่ายสภาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ โดย ทบทวนปีละครั้งว่าปฏิบัติตามระบบงานและกระบวนการทำงานที่จัดให้ฝ่ายบริหาร  ทบทวนการตรวจสอบรายไตรมาสของฝ่ายรัฐบาลและเสนอแนะวิธีการปรับปรุง (Improvement) เพื่อจัดทำเป็นแผนฉบับใหม่ให้ฝ่ายบริหารรับไปปฏิบัติต่อในปีหน้า...อันเป็น การปรับปรุงประเทศอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement).

                   ข้อเขียนข้างต้นมีรากฐานมาจากหนังสือของ Sarv Singh Soin เรื่อง Total Quality Control Essentials เกี่ยว กับการวางแผน PDCA ที่เรียกว่า Hoshin Planning ที่มาตรฐานสากล ISO 9000:2008 แนะนำให้ทั่วโลกใช้แผนนี้  โดยประเทศนอร์เวย์นำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิรูปการเมืองจากคำบอกเล่าของ อาจารย์บุญส่ง ชเรทร และ คุณหมอสำเริง (Sumroeng Tritilanunt) โดยคุณหมอให้ความเห็นจับประเด็นได้ดังนี้

1.    การ ออกเสียงเลือกตั้งและการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญให้ใช้บริการของศูนย์ เรียนรู้ไอซีทีชุมชน เมื่อลงคะแนนในคอมพิวเตอร์  แล้วพิมพ์สำเนาถือเก็บเป็นหลักฐาน

2.    ประชาชน รวมตัวแก้รัฐธรรมนูญเพื่อปิดประตูนักธุรกิจการเมืองที่ซื้อเสียง ซื้อ สส. ยึดอำนาจนิติบัญญัติ ยึดอำนาจบริหาร...โดยให้ สส. มาจากทุกกลุ่มสายอาชีพที่เป็นตัวแทนประชาชนทั่วประเทศที่แท้จริง โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้นำกลุ่มหรือนายกสมาคมได้รับเลือกจากสมาชิกและ ปฏิบัติตามความต้องการของสมาชิก

3.    ใช้ วงจร PDCA บริหารทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารโดยไม่มีการแบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลและ ฝ่ายค้าน เพราะเมื่อฝ่ายค้านสู้เสียงในสภาไม่ได้เพราะถูกฝ่ายนายทุนยึดสภา จึงชักชวนประชาชนออกมาต่อสู้นอกสภารุนแรงจนนองเลือด
สรุป:  1. แผน PDCA จัดทำโดยสภานิติบัญญัติ ซึ่งจำเป็นต้องมี"ระบบงาน" และ "กระบวนการทำงาน" รองรับ หากขาดระบบดังกล่าว การบริหาร PDCA และ การตรวจสอบจะทำได้ยากยิ่งและไม่ได้มาตรฐาน เพราะระบบเป็นมาตรฐาน การออกแบบระบบยากมาก อย่างไรก็ตาม...กลุ่มปฏิรูปประเทศไทย:TQM ช่วยได้
2. การปฏิบัติ Do ของรัฐบาลฝ่ายบริหาร: ให้ปฏิบัติไปตาม"ระบบงาน" และ "กระบวนการทำงาน" ที่ฝ่ายนิติบัญญัติทำให้ตามข้อ 1. หากฝ่ายบริหารมีการปฏิบัติเพิ่มเติม ให้ทำเป็น"ระบบ"เสริม เช่น SOP (Standard Operating Procedures) หรือ Work Instructions.
3. การตรวจสอบ Check:ของฝ่ายบริหารให้ทำทุกไตรมาสในรูปการประชุมซักถาม(Formal Review) โดยใช้ระบบงาน และ กระบวนการทำงาน เป็นรากฐานสำคัญในการตรวจสอบ
4. การปรับปรุง Act: ให้ศึกษารายงานทบทวนรายไตรมาสของฝ่ายบริหาร(Formal Review)ทั้ง 4 ไตรมาส เพื่อหาจุดอ่อนในการปรับปรุงบนพื้ฐานของ"กระบวนการทำงาน"

แผนชั่วช้าคนเหลี่ยมจัด เดินสายทำลายประเทศ! ว่าจ้างทนายฝรั่งเล่นแรง กระทำเรื่องไม่เหมาะสม

ทัศนะจากฟอร์เวิร์ดเมล
     แผนชั่วช้าคนเหลี่ยมจัด เดินสายทำลายประเทศ! ว่าจ้างทนายฝรั่งเล่นแรง กระทำเรื่องไม่เหมาะสม

ไม่แปลกใจกันบ้างหรือ...ทำไมจู่ๆ ปรากฏข่าว “อายัดเครื่องบิน”ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน ทั้งๆ ที่กระแสการเมืองในไทยกำลังเชี่ยวกราก

คำวิจารณ์ถาโถมเข้าใส่ “บาร์บี้โคลนนิ่ง” ที่ “ดีแต่แหล-ทำไม่ได้ตามที่โม้” ถือเป็นยุทธวิธีที่ “ซีกนักโทษเหลี่ยมจัด” ถนัดในการเปลี่ยนกระแส-เปลี่ยนข่าว ให้ผู้คนไปวิจารณ์เรื่องอื่น แทนที่จะมาวิจารณ์เรื่องของ “พวกเขา”

อย่าลืมว่า...การจงใจเลือกเล่นเกมนี้ ในการ “เลือกอายัดเฉพาะเครื่องบินลำนี้” ...ต้องมี “คนใน” รับรู้...ว่ามีการเดินทางไปที่โน้น และเกิดข้อสงสัยว่า...ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มีการอายัด หรือแม้แต่เครื่องบินการบินไทยที่ต้องบินเป็นประจำ ก็ถือเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลไทย...ทำไมถึงไม่โดนอายัด การจงใจครั้งนี้ก็เพื่อต้องการ “ท้าทาย” เล่นกันแรง...แบบไม่ให้เกียรติและรักษาหน้าตาของประเทศกันเลย

     เมื่อ “ไต่กอ” สอบถามกับ “พี่ใหญ่-อ.ย.” ที่มีเส้นสายในทีมทนายต่างประเทศ และเป็นถิ่นที่เคยไปอยู่มานาน ถึงได้ “บางอ้อ” เพราะงานนี้เป็นฝีมือการ “ล็อบบี้” จาก “ทนายฝรั่ง” ของนักโทษเหลี่ยมจัด ที่เดินเกม-เดินสายในต่างประเทศ เพื่อป่วน “คนมีอำนาจของไทย” อยู่เป็นประจำ ก็คนที่มีชื่อเดียวกับเมืองหลวงของประเทศที่มีฉายา “กังหันสีส้ม” ที่แฟนบอลชาวไทยรู้จักกันดีนั่นแหล่ะ “มือป่วนรายนี้” เป็นผู้สืบเสาะค้นหา...ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ที่รัฐบาลไทยมีคดีค้างคาในต่างแดน...จากนั้นก็ไป “กระตุกต่อม” คู่กรณีให้เดินหน้ารุกฆาต โดยเลือกจังหวะ-เวลาที่พอเหมาะพอเจาะ

เอา กันให้แรง...งงง แบบจัดเต็ม-จัดหนัก รู้ดีว่า...เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดเหตุในต่างแดน...ฝรั่งถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้ามาเกิดในเมืองไทย ถือเป็นเรื่องที่ “ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”

ยิ่งมาเห็นคำให้สัมภาษณ์ของ “ผู้บริหาร” ที่เป็นคู่กรณีกับไทยแล้วก็ชัดเจนว่า “งานนี้มีเบื้องหลัง” โดยมีคนยุแยง-คอยบงการอยู่ แบบเลือกสถานที่-เวลาได้พอเหมาะพอเจาะ เพราะขณะที่ “คนถืออำนาจ” ที่กำลังไร้อำนาจ...ก็มัวแต่เล่นเกมการเมืองในประเทศ จนลืมเกมการเมืองระหว่างประเทศที่ “นักโทษเหลี่ยมจัด” ไปเดินสายให้ร้าย-เดินสายดูถูกประเทศบ้านเกิดของตัวเอง ทำให้หลายประเทศไม่ให้ค่า-ไม่ให้เกียรติประเทศไทย แถมยังดูถูกดูแคลน จะเห็นชัดเจนว่า ทูตหลายประเทศ...หลายคน-หลายประเทศเปิดหน้าวิจารณ์การเมืองไทย-ตำหนิกฎหมาย บ้านเรา อย่างไม่มีเหนียมอาย ทั้งๆที่ตามธรรมเนียมทางการทูตแล้ว “เค้าจะไม่ทำกัน...แบบนี้”

ล่าสุด...สดๆ ร้อนๆ “ทูตโรตี” ยังกล้าตำหนิ “คนคุมเลือกตั้งไทย” ทั้ง 5 ชีวิตว่ามีอำนาจล้นฟ้า แบบไม่มีเหนียมอาย

การ ที่ต่างชาติไม่ให้เกียรติประเทศไทย ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า การทูตระหว่างประเทศในยุคที่รัฐบาลหล่อหลักลอย...เรืองอำนาจเดินเกมผิดทางมา ตลอด

วิธีการมุ่งไล่ล่านักโทษเหลี่ยมจัด ของ “เสนาบดีกุ๊ย” ด้วยการบีบให้ประเทศต่างๆ ต้องทำตามนั้น เป็นวิธีการที่ผิดมาตลอด และความจริงถ้าต้องการไล่ล่าเอาตัวกลับมาลงโทษจริงๆ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอย่างที่ทำมาหลายปีนี้ เพราะคดีเมียซื้อที่-ผัวเซ็นรับรอง...ไปบอกใครเค้า...ก็หัวเราะกันทั้งโลก ถ้าคิดจะเอาผิดจริงๆ ต้องเล่นคดีที่ทั่วโลกเค้าร่วมมือกันนั่นคือ “การฟอกเงิน”

ทำไม “ผู้มีอำนาจ” ไม่มีใครสงสัยกันเลยหรือว่า...เงินในต่างแดนที่นักโทษเหลี่ยมจัดมีซุกซ่อน ไว้มหาศาล...เอามาจากไหน-ผ่องถ่ายไปอย่างไร แต่ละคนที่เสนอหน้ามาพูด “ก็รู้ไม่จริง”...พูดในสิ่งที่เลื่อนลอย

ภาย หลังเกิดเหตุที่มิวนิคนั้น...คนมีอำนาจก็ไม่ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันบรรดา มือปราบหน้าคอมพ์ทั้งหลาย ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ปล่อยให้พวกเถื่อน-ถ่อย โพสต์ข้อความกันสนุกปากกล่าวหา-จาบจ้วง-ล่วงละเมิด...แบบสะใจ “ซีกเหลี่ยมจัด” งานนี้ “ไต่กอ” บอกได้คำเดียวว่าสงสาร “ฟ้า” เป็น อย่างยิ่ง...เพราะจะลงมาตอบโต้หรือลงมาจัดการเอง...ก็ทำไม่ได้ อย่าลืมว่า...การปล่อยให้พูดในสิ่งที่ไม่จริง จนไม่มีใครจัดการ-ปราบปราม....ก็จะทำให้ “สิ่งที่ไม่จริง” กลายเป็น “สิ่งที่จริง” ในสายตาของพวกที่มีอคติและคิดชั่วช้า

     ประเทศ ไทยตอนนี้...อยากบอกว่าไม่มีหน่วยความมั่นคงที่มีประสิทธิภาพอีกแล้ว..คงมี แต่หน่วยความมั่งคั่งของบุคคล..เพราะสถาบันหลักของประเทศคือ “ชาติ-ศาสนา-เบื้องสูง” ถูกฝ่ายที่ต้องการยึดครองประเทศ​ถล่มย่อยยับ จนเหลือเกียรติภูมิน้อยนิด...แต่ก็​ยังไม่ได้รับการปกป้องและฟื้นฟู...อย่างที่ควรจะเป็น

แผนบันได 3 ขั้นที่ “นักโทษเหลี่ยมจัด”วางไว้นั่นคือ

1.ทำทุกทางให้ชนะเลือกตั้ง-ได้เสียงข้างมากตั้งรัฐบาลโคลนนิ่ง ที่ตัวเองสั่งการได้หมด

2.ทำให้ฝ่ายค้านเป็นเป็ดง่อยทำงานในสภาได้ไม่เต็มที่

3.เพื่อปูทางไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ-นิรโทษกรรมเปิดทางให้ “นักโทษเหลี่ยมจัด” กลับมาโดยไม่ต้องรับผิด

ซึ่ง ณ เวลานี้ บันไดขั้นที่ 1 ผ่านพ้นไปแล้ว บันไดขั้นที่ 2 กำลังจะเดินหน้าทำ...เพื่อเป้าหมายให้ไปสู่บันไดขั้นที่ 3 โดยเร็วที่สุด

ดังนั้นการทำลายสถาบันหลักทั้ง “ชาติ-ศาสนา-เบื้องสูง” จึงยังอยู่ในแผนเพื่อการล้มล้าง รอคอยวัน-เวลาที่คิดว่า “ใช่” อยู่ เพราะ “เขาเหล่านั้น” รู้ดีว่าการอาศัยความไม่รู้ของประชาชนโดยเฉพาะรากหญ้าด้วยการลด-แลก-แจก-แถม...ที่พวกเค้าคิดเป็น “นโยบายประชานิยม” นั้นเป็นสิ่งที่ “พวกเขา” จับต้องได้ และทำได้ผลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยไม่สนใจเลยว่า “คนมีความรู้-คนเสียภาษี” ที่เป็นผู้หล่อเลี้ยงคนทั้งประเทศจะคิดอย่างไร...???

เพราะ “คนเสียภาษี” ไม่ใช่เป้าหมายหลักในการต้องเอาอกเอาใจ...ทำให้ “แผนของเขา” สำเร็จในอนาคต

     เวลานี้เดินทางไปไหน-มาไหน...มีแต่คนถามว่า “ทางเดินข้างหน้า...จะจบอย่างไร” ทั้งๆที่เพิ่งผ่านพ้นการเลือกตั้งไปหมาดๆ แต่ “หลายคน” ก็รู้ดีว่ายังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย...ที่แท้จริง แล้วคุณๆ ทั้งหลายล่ะมีคำตอบสุดท้ายในใจกันแล้วหรือยัง...ถ้ายัง...ก็รีบๆคิดและเขียน คำตอบเก็บไว้ เพื่อรอวันเฉลยคำตอบ...ก็ละกัน

Credit : ฟอร์เวิร์ดเมล

สภากาแฟ จาก เว็บ สนามหลวง

สมศักดิ์ – ทำไมเรื่องไม่จบที่บอกว่า เปรมอยู่เบื้องหลังปฏิวัติ ทักษิณพลาดคำเดียว ที่ตอนนั้นมาขอให้พลเอกสนธิ เป็น ผบทบ.ทักษิณก็กำลังจะพิจารณาอยู่ เค้าส่งคนมาบอกทักษิณ ทักษิณบอกว่า “เมืองไทยมีนายกฯคนเดียว” จุดนี้แหละ

กรณ์ – ไอ่คำว่า “มือที่มองไม่เห็น” มันก็เลยเกิดขึ้น ทักษิณเนี่ย เสียที่ปาก ปากไว สร้างศัตรูรอบตัวไปหมด ปัญหาภาคใต้ก็เป็นเพราะปากแก แต่แกก็ไม่ค่อยยอมรับ

สมศักดิ์ – คนมันมาจุดนี้แล้ว มันจะเมาอำนาจ พี่กรณ์ดูสิ.ตอนนั้นเป็นนายกฯ บอกปล่อยหมาให้มากัดชาวนา เค้าเคยขอโทษซักคำมั๊ย?...ก็ไม่มีเลย บอกว่า “เรื่องอะไรผมจะขอโทษ”

กรณ์ – ไอ่คำว่า “ขอโทษ” มันไม่ต้องมารับผิด มาอะไร มันเป็นมารยาท เป็นความรู้สึก

สมศักดิ์ – ถามว่า ทักษิณเลวมั๊ย? ผมบอก “เลว” แต่ถามว่า “แล้วคนอื่นหละ?” มันไม่ได้ผิดกันเท่าไหร่หรอก

กรณ์ – ต้องถามว่า “ใครดีมั่ง?” หายากเหลือเกิน

สมศักดิ์ – อย่างที่อาจารย์มาเสนอ 30-70 หนะ แล้วจะมั่นใจได้ยังงัย อย่างอ.สุขุม นวลสกุล บอก.จะแน่ใจได้งัย 70 เนี่ย ยิ่งซื้อง่ายใหญ่เข้าไปในสภาหนะ 70 ก็คือว่า พวกนี้มันจะไปสร้างอิทธิพล มันจะ nominate พี่คิดหรอว่า เกษตรกรแท้ๆ จะมีโอกาสขึ้นมาเป็นตัวแทนของเกษตรกร ไม่มีทางหรอก

กรณ์ – อย่างน้อยมันก็ดีกว่า ดีกว่าการโดยตรง การที่ตัวแทนเลือกตัวแทนขึ้นมา

สมศักดิ์ – อันนั้นคือระบบคอมมิวนิสต์ ผมคุยกับดอกเตอร์ต่างประเทศคนนึง เค้าบอกว่า บ้านเราไม่ได้เป็นประชาธิปไตยหรอก

กรณ์ – จะเอาคอมมิวนิสต์เป็นตัววัดก็ไม่ถูก มันก็ดีคนละอย่าง บางอย่างประชาธิปไตยก็ไม่ดีเหมือนกัน

สมศักดิ์ – แต่ว่าหัวใจของประชาธิปไตย หัวใจเลยนะ ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งนะ ทุกวันนี้บิดเบือนว่าเป็นส่วนหนึ่ง หัวใจก็คือ การเลือกตั้ง ผมจะยกตัวอย่างใกล้ๆนี้ เร็วๆนี้ โรงถลุงเหล็กที่บางสะพาน อีกกลุ่มหนึ่งก็อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกกลุ่มหนึ่ง ก็จะให้สร้างโรงงาน จะได้เจริญ ก็ตีกันทุกวันนี้

นรินทร์ – อยากได้ข้อมูลจริงๆมั๊ย?? ต้องชวนพี่ต้อยมา เพราะแกเป็นคนทำคดีนี้ แกมีข้อมูลลึกมากเลย พี่ต้อย ภาณุพันธ์ ศาลปกครองหนะ

กรณ์ – เค้ายังอยู่ปกครองกลางหรอ?

นรินทร์ – ไม่หรอก แกเป็นคนทำคดีนี้เองเลย เป็นผู้พิพากษาฝ่ายแถลงคดี

สมศักดิ์ – คือมันจะต้องมีเส้นมาขีดหนะ ว่าห้ามล้ำเส้น ถ้าล้ำมาก็ผิด ถ้ายังอยู่ในเส้น ไม่ผิด แต่ในความรู้สึกจิตใจหนะ ทุกวันนี้กลายเป็นว่า กูล้ำเส้นก็ไม่ผิด ไอ่ฝั่งนั้น กูก็ไม่ผิด สังคมมันเป็นอย่างนี้ ทำไมกูใช้สิทธิ์ของกู แล้วคนอื่นอีกหละ?

นรินทร์ – ผลประโยชน์มันเยอะงัยพี่ เพราะว่าอิทธิพลของสหวิริยามันมาก ตอนนี้เหล็กทำกำไรมหาศาลเลย จาก 10 เปอร์เซนต์เป็น 1000 เปอร์เซนต์หนะ

สมศักดิ์ - ตอนนี้จีนติดต่อผ่านผม มีแร่เหล็กมั๊ย ซื้อหมด

กรณ์ – อ้าว..แล้วเมืองจีนไม่มีหรอ?

สมศักดิ์ – มันมี แต่มันไม่พอ

นรินทร์ – เพราะมันขยายอุตสาหกรรมมากเลย

สมศักดิ์ – จีนฮ๊อตๆตอนนี้ ก็น้ำมัน ปุ๋ย นี่ผมก็ติดต่อขายปุ๋ยให้จีนอยู่

กรณ์ – ปุ๋ยเคมีเนี่ยหรอ?

สมศักดิ์ – ยูเรีย ตอนผมกลับขึ้นมาเนี่ย ผมมีโอกาสได้คุยกับคนใกล้ชิดเค้า (ฟังไม่ถนัดเหมือนรัฐมนตรีสมศักดิ์) เค้าบอก จะไปซื้อปุ๋ยที่ยูเครน แล้วก็บินไป ตั้งแต่ก่อนบินไป ผมบอกก่อนเลยนะว่ ปุ๋ยไม่ใช่ซื้อง่ายๆ เพราะมันเป็นธุรกิจของมาเฟีย แต่ก็ไม่เป็นไร คุณเป็นรัฐมนตรี เสียเงิน เสียค่าเครื่องบินได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เสียชื่อสิ ทุกวันนี้ไม่มีทางได้เลย ขนาดพม่านั่งต่อ LC 4-5 ครั้งนะ ยังไมได้ปุ๋ยเลย ตังถ่วย (เขียนไม่ถูก) บินไปพบปูติน ปูตินรับปากว่าจะให้ จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้เลย

กรณ์ – ซื้อปุ๋ยเนี่ยนะ..ซื้อปุ๋ยไม่ได้หรอ? ทำไมหยั่งงั้น?

นรินทร์ – มันไม่พอ

สมศักดิ์ – ไม่ใช่ไม่พอ มันพอ แต่มันอยู่ในมือของมาเฟีย โดยเฉพาะมาเฟียไอ้กันเนี่ยแหละ

กรณ์ – ไอ่กันเข้าไปเทคโอเวอร์หมดทุกเรื่อง

สมศักดิ์ – ผมบอกผมมีปุ๋ยอยู่เท่านี้ คนฟังตาลุกเลย แต่ผมบอก เดี๋ยว คุณฟังก่อน ผมว่าศักยภาพของคนไทย ไม่มีปัญญาที่จะซื้อปุ๋ย

กรณ์ – เอ๊ะ..ทำไมการจะไปซื้อมันถึงยากเย็นนัก?

สมศักดิ์ – ก่อนที่คุณจะซื้อเนี่ยนะ คุณต้องเป็นคนส่ง Letter of Intend แล้วก็ส่งใบจากธนาคารเพื่อเป็นการยืนยันว่าลูกค้ารายนี้มีปัญญาที่จะจ่าย เงินได้ นี่คือขั้นแรกเท่านั้น แล้วก็แบงค์ที่ยืนยันต้องเป็น 1 ใน 50 ของโลก ถามว่า คนไทยที่ไปเปิดบัญชี 1 ใน 50 ของโลกมีมั๊ย? ไม่มีหรอก อย่างดี กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กสิกร พวกนี้ตกร้อย 200 กว่าทั้งนั้น ขั้นแรกยังไมได้แล้ว จะไปซื้อกับเค้าได้ยังงัย

กรณ์ – เอ..แปลกนะ

นรินทร์ – มันผูกขาดนี่งัย พวกปั่นราคาน้ำมัน ปั่นราคาข้าว

กรณ์ – นับวันมันจะยิ่งตึงเรื่อยๆ ภาวะเศรษฐกิจโลกเรา

สมศักดิ์ – ปุ๋ยเนี่ย ตอนนี้ 300 เหรียญรวมค่าขนส่งแล้ว ตอนที่เค้าบอกว่า รัฐบาลไทยจะไปขอซื้อน้ำมันถูกจากรัสเซีย เพื่อนผมชื่อสุทธิชัย บอกว่า ไมได้หรอก ปตท.พูดออกมาแล้วว่าเพราะค่าขนส่งมาแล้วไม่คุ้ม เราก็เลยชี้ให้เห็นเลยว่า พวกปตท.หนะ มันมีผลประโยชน์อยู่กับสิ่งที่มันซื้ออยู่ทุกวันนี้ พวกผู้ใหญ่สบายกันน่าดู พวกกองสลาก หน่วยงานราชการสบายกันมาก

กรณ์ – พวกนี้เค้ารู้พวกกลไกเศรษฐกิจโลก ตลาดโลกกันเยอะ อย่างระดับเราไม่ค่อยรู้หรอก

สมศักดิ์ – ก็ใช่งัย มันถึงปั่นกันได้งัย บิดเบือนทั้งนั้นแหละ ข้อมูลพวกนั้น

นรินทร์ – แล้วตอนนี้เค้ามีมหาบัวเป็นแบ็คให้เค้าอยู่งัย

กรณ์ – นี่น่ามาเขียนลงใน “สนามหลวง” นะเนี่ย จะลงเป็นตอนๆไป

สมศักดิ์ – ข้อมูลแบบนี้บางทีพอเราไปพูด เค้าจะหาว่าเราบ้า อย่างที่ผมเล่าเรื่อง world program หนะ เง็กเซียนฮ่องเต้ยังทำไม่ได้เลย แต่พอพ้นจากนั้นซัก 2-3 เดือน เค้าพูดเลยว่า ที่คุณพูดมันจริง

กรณ์ – คือต้องเขียนเหมือนกับเป็นการสนทนาหนะ แบบสมมุติตัวละครมา

สมศักดิ์ – พี่กรณ์รู้มั๊ยว่า ภาวะโลกร้อนเนี่ย ทุกวันนี้เราถูกโลกมันหลอกเรา ประเทศที่เจริญแล้วหลอก มันหลอกไปทั้งโลกแหละ ก็คือว่ามันต้องมีผลประโยชน์ เอาอย่างหยาบๆเลย ก็คือเปลี่ยนเทคโนโลยี จะได้ประหยัดพลังงานขึ้น แต่ได้ค่าเทคโนโลยีไปเท่าไหร่ ประเทศผู้ผลิตหนะ อันนี้คือเห็นชัดๆเลย อย่างที่ 2 พยายามพูดถึง คาร์บอนเครดิต ผมเคยเจาะเข้าไปถึง vice president ของมันเลย บอกว่า ผมจะขอสปอนเซอร์เรื่อง คาร์บอนเครดิต แต่ก่อนที่ผมจะ present เนี่ย ผมจะถามก่อนว่า ผมจะปลูกป่าในพม่า 2 แสนเอเคอร์ เค้าก็บอกไม่ได้ เพราะถูกเอ็มบาโก้ (อันนี้เอ๋ไม่ทราบ) ผมก็ทิ้งช่วงไว้ซัก 2-3 เดือน ผมก็กลับไปใหม่ ผมบอกว่า ผมเปลี่ยนแล้ว ผมจะไปปลูกป่าในเขมร 2 แสนเอเคอร์ มันไม่ตอบ เพราะองค์การสหประชาชาติก็คือ มาเฟีย เงินคาร์บอนเครดิตเข้ามานะ เค้าให้มา แต่บ้านเราไม่มี เงินไปตกอยู่ 2 ประเทศในเอเชีย คือ อินเดีย กับออสเตรเลีย ทั้งๆที่อินเดีย ไม่ได้เป็นอะไรเลย แม้กระทั่ง G8 แต่เงินไปตกอยู่กับอินเดีย อินเดียหนะ present เก่ง เราถูกกลไกของโลกชักใยเราอยู่

กรณ์ – หลายเรื่องนะ หลายเรื่อง เรื่องอิทธิพล มาเฟียเนี่ย

นรินทร์ – ข้อมูลทุกอย่างจะรวมอยู่ใน “สนามหลวง”

กรณ์ – เราพยายามทำให้เหมือนกับการสนทนา

สมศักดิ์ – พี่กรณ์เคยได้ยินเรื่อง “นายทุนฮ่องกง” มั๊ย? ที่เป็นคนรวยมากในฮ่องกง สร้างมหาวิทยาลัยในซัวเถา คนเดียวที่ให้เงินสมัยที่เปิดประเทศใหม่ๆ “ลีคาชิง” (ไม่แน่ใจ) คนนี้รวยมาก เค้าทำกิจการมาประมาณ 50 ปี พอลูกเค้าเริ่มรับกิจการ ในวงการธุรกิจเค้าบอกว่า ลูกเค้าหนะเก่งกว่าพ่ออีก ใน 4 ปี หาเงินมากกว่าหลายเท่าของพ่อ

นรินทร์ – แล้วมันได้มาจากไหนหละ?

กรณ์ – ได้มาจากพ่อ ก็มาจากมรดกของพ่อ

สมศักดิ์ – ไม่ใช่ ได้มาจาก world program

กรณ์ – มันเป็นอะไรที่เราไม่รู้เลยนะ มันแฝงอยู่ทั่วโลก

สมศักดิ์ – ผมคุยกับนักธุรกิจทั่วไป เค้าลือกันไปหมด

กรณ์ – แล้วใครเป็นเจ้าของ world program หละ?

สมศักดิ์ – มันมีอยู่ 8 บริษัท JP Morgan เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

นรินทร์ – ใครเป็นคนติดต่อกับอ.ธเนศ หละ?

กรณ์ – ติดต่อไม่ได้เลย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นต้อย

นรินทร์ – เมื่อก่อนนี้ จะเป็นพี่ต้อย ผมติดต่อแก 3 ปีแล้ว ไม่ได้เลย

กรณ์ – แกไปอยู่ต่างประเทศรึป่าว?

นรินทร์ – ไม่ใช่ แกอยู่จุฬาเนี่ยแหละ แกจะมีข้อมูลพวกนี้เยอะ

กรณ์ – ชวนแกมานั่งคุยด้วยกันสิ

นรินทร์ – บอกพี่ต้อยให้ติดต่อแกหน่อย เพราะว่าผมโทรไป แกไม่เคยเข้าคณะเลยนะ ฝากอะไรก็ไม่ได้ ขอเบอร์มือถือ เค้าก็ไม่ให้ ถ้าแกมานั่งคุยนะ ข้อมูลพวกนี้แกจะมีเพียบเลย

กรณ์ – เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ และเป็นข้อมูลเชิงลึก ทำให้รู้ทันโลก

นรินทร์ – พยายามให้พี่ต้อยนัดแกให้ได้ จะได้คุยกัน พอพี่ธงชัยจัดไปอยุธยา จะได้ชวนแกไปด้วย ไปคุยไปอะไรกัน

กรณ์ – ก็ต้องติดต่อให้ได้ก่อน

นรินทร์ – ต้องได้คุยเป็นการส่วนตัวกับแกก่อน

สมศักดิ์ – เรื่องแบบนี้นะ อย่าได้เข้ามาประเทศไทยเลย ตอบคำถามไม่ทันเลย

กรณ์ – มันต้องโอนเงินแบงค์ต่อแบงค์อยู่แล้วใช่มั๊ย?

สมศักดิ์ – ผมเปิดบัญชีฮ่องกง สิงคโปร์ แล้วบินไปเอา

กรณ์ – อืม ก็อย่างนี้อ่ะนะ พวกนี้ต้องการเงินเข้าประเทศอยู่แล้ว มาเฟียอะไรไม่สนใจหรอก

สมศักดิ์ – ผมถึงบอกงัย ถ้าทักษิณเค้า declare เค้าตาย เงิน 7 หมื่นกว่าล้านเค้ายังมีอยู่อีก 2 ก้อน

นรินทร์ – แต่ผมไม่เชื่อ เพราะตอนนี้จะซื้อนักฟุตบอลก็ยังไม่กล้าซิ้อ ดูอย่างรัสเซียเจ้าของสโมสรเชลซี มีเงินก็ซื้อเอาซื้อเอา

สมศักดิ์ – บางครั้งวัตถุประสงค์มันไม่เหมือนกัน ทักษิณไม่ได้ซื้อทีมฟุตบอล เพราะบ้าฟุตบอล แต่ทักษิณบ้าทีมฟุตบอล เพื่อเป็น PR แค่นั้นเอง ให้มันพอสมควรก็พอ

กรณ์ – มันก็ต้องการแค่นั้นแหละ

สมศักดิ์ – จุดประสงค์มันไม่เหมือนกัน

กรณ์ – ประเทศไทยยุคนี้ มันมีอะไรเกิดขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดในประเทศไทยมาก่อน

สมศักดิ์ – ก่อนผมมานี้ ก็มีคนมา approach ผม ประเภทเป็น junk mail เข้ามา ประเภทที่บอกว่า เค้ามีพ่อ หรือบรรพบุรุษ แล้วก็มีเงิน อยากจะโอนมาให้เราช่วย ถ้าเราเชื้อนะ พวกนี้มันพิสูจน์ให้เราเห็นเลยว่า เรื่องที่มันพูดหนะเรื่องจริง มันเก่งขนาดนั้น มันจะพาเราไปแบงค์ที่มันอ้างเลย เข้าไปคุยกับผู้จัดการแบงค์เลย ถ้าเรายอมควัก deposit จ่ายไป เป็นเปอเซนต์ก็พอ แล้วพอเราเข้าไปอีกที ไอ่ผู้จัดการคนนั้น มันไปไหนแล้วก็ไม่รู้

กรณ์ – แสดงว่าเปิดเมลประจำหละสิ แต่ web site ไม่ค่อยเปิด?

สมศักดิ์ – เวปผมก็เปิด

นรินทร์ – อย่าลืม “สนามหลวง”

สมศักดิ์ – มีคนเข้ามา approach ผม บอกว่ามันมีดอลลาร์ (เงินดำ)

กรณ์ – แบงค์ปลอมใช่มั๊ย?

สมศักดิ์ – ไม่ใช่พี่ ของแท้แต่เป็นสีดำ เค้าบอกว่าเงินพวกนี้จะเป็นเงินที่เค้าส่งไปให้พวก terrorist (ผู้ก่อการร้าย) คือไปล้มรัฐบาลของอีกฝ่าย พอไปถึงแล้ว เค้ามีวิธีทำเงินดำให้กลับมาสภาพเดิมได้ เค้าก็ถามผมว่า ผมทำได้มั๊ย? ผมบอก เอามาดู 10 ใบ เดี๋ยวผมจะไปหาดอกเตอร์ เค้าบอกทำได้เอาไปครึ่งหนึ่ง เค้าบอกเค้ามีอยู่ 3 กระเป๋า

กรณ์ – รู้สึกว่าเกมนี้มันจะเล่นอยู่แถวซอยนานานะ โดนไปหลายรายนะ แต่ก็ยังมีคนโดนหลอกอยู่เรื่อย

สมศักดิ์ – อาฟริกามันหลอกขายน้ำยาที่กัดสีออก

นรินทร์ – มันมีปรัชญาอยู่ 2 ตัว เท่าที่ผมฟังดูนะ อันแรก โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี อีกอันนึงนะ คือ เราฟังข้อมูลข่าวสาร ฟังทุกวัน อ่านนสพ.ทีวี วิทยุ แกงค์ตกทอง มันเกิดมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิดหนะ แล้ววิธีการตกทองแบบเดียวกันหมด แต่ก็ยังโดนหลอกกันได้ พวกที่ส่งเมลมาว่าเราได้รางวัลอะไรพวกนี้ ก็เป็นประเภทของแกงค์ตกทองเหมือนกัน มันมาจากกิเลสของมนุษย์หนะ แล้วไอ้คนที่ไม่เคยอ่าน ไม่เคยฟังวิทยุ มันต้องมี

กรณ์ – เหนือฟ้ายังมีฟ้า บางทีคิดว่าหลอก อาจจะเป็นของจริงก็ได้

นรินทร์ – ความโลภมันเกิดขึ้นได้ ถ้ายึดปรัชญาอันแรก “โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี” ก็ตัดไปได้เลย อย่าไปสน มีแต่จะมาหลอกเรา ไม่มีใครจะมาให้เราหรอก

ธงชัย – คนที่ได้ผลประโยชน์เยอะ พวกนั้นก็คนมีเงินทั้งนั้นแหละ

กรณ์ – มันก็มีคนหลอกมาเรื่อยๆ ผมยังสงสัยนะ ไอ่ที่ว่ามีแกงค์เนี่ย ไปถามเรื่องโน้นเรื่องนี้เสร็จ เอามือไปแตะ พอแตะ ไอ่นั่นก็เบลอ งง สร้อยก็ถอดให้เค้าไปเลย มันเป็นเรื่องน่าศึกษานะมันอะไร? ใช้เวทมนตร์รึป่าว?

สมศักดิ์ – ผมยังเคยโดนเลยนะ ทำมาทัก จำเราได้ พอคุยไปเยอะแยะ มาบอก วันนี้วันเกิดหนู เฮียเลี้ยงข้าวหน่อย

กรณ์ – ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันมากเลย ถ้าอยากกินข้าว ก็บอกให้พาไปกินข้าวซะเลย ไม่ต้องพูดเรื่องโน้น เรื่องนี้

นรินทร์ – เรื่องขอทานนี่ผมจำได้สมัยเรียน ร้านตรงท่าเรือที่เรากินข้าวกัน “จั๊ว” หนะ ไปกินข้าว เมื่อก่อนจะมีขอทานมาขอเงิน บอกไม่ได้กินข้าวมาหลายวันมั่ง จะเอาเงินไปซื้อข้าวให้ลูกกินมั่ง ก็มีคนให้เยอะ บอกเลย ถ้าหิว อยากกินอะไรสั่งมา นั่งกินด้วยกันเลย

สมศักดิ์ – เหมือนกันแหละ ที่ศุลกากรก็มีแบบนี้ เราก็จูงมือมันไปกินข้าวเลย

นรินทร์ – 10 รายมันจะกินจริงซักราย แล้วก็กินแบบซังกะตาย ไมได้หิวจริง

สมศักดิ์ – นี่ยังไม่เท่าไหร่ ธรรมศาสตร์ทึ่ตึกจะมีหญิงแก่ๆอยู่คนหนึ่ง อายุซัก 50-60 แล้วตอนนั้น เค้าจะเอาผ้าก๊อซพันขา มีเลือดอะไรออกมา แล้วก็บอกว่า ป้าจะกลับตจว.ยังไม่มีค่ารถเลย เราก็นึกว่าจริง วันนั้นก็ให้ไป 20 บาท วันหลังมาเจออีก กำลังขอคนอื่นอยู่ ผมเดินเข้าไปเลย บอก “อย่าไปให้ เค้าโกหก”

นรินทร์ – ตอนนี้ปุ๋ยก็ไปเรียนโรงเรียนนายอำเภอแล้วนะ เดี๋ยวก็ได้เป็นนายอำเภอไวๆนี้แหละ

ธงชัย – พอดีเป็นก็เกษียณพอดี

นรินทร์ – เค้าปั่นจักรยานไปทำงานวันละ20 กิโลนะ ที่โคราช ตอนนี้เจ๊น้อย ชุลีวรรณ ปีหน้าก็เป็นรองผู้ว่าฯ แล้ว ตอนนี้เป็นหัวหน้าสำนักงาน ที่อยู่ลำปาง เค้าไปรอบ 2 แล้ว รอบแรกเป็นซี 8 ตอนนี้ซี 9 ปีหน้าก็เป็นรองผู้ว่าฯแล้ว

สมศักดิ์ – เรื่องปุ๋ยเนี่ย 300 เหรียญเท่ากับ 9พันกว่าบาท แต่ตลาดขายอยู่ หมื่นเจ็ด หมื่นแปด ผมก็บอกเลยว่า เนื่องจากเราไม่มีศักยภาพ จำเป็นต้องไปซื้อจากมาเล ระบบ banking ของเราก็ไม่ดี ไม่พัฒนาสู่อินเตอร์ อย่างดอกเตอร์เนี่ย เค้าทำพวกแก็สโซฮอล์ลได้ ผมบอกว่า ถ้าจะทำจริงๆ อย่ามาทำเมืองไทย ให้ไปทำที่ปอยเปต วัตถุดิบก็ถูก ระเบียบบ้าบอก็ไม่มี ลองเปิดโรงงานเมืองไทย กว่าจะขอใบอนุญาตเป็น 10 ใบไมได้ เดินเข้าเดินออกกันทุกวัน เดี๋ยวหน่วยโน้นมาดู เดี๋ยวหน่วยนี้มาเยี่ยม ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เนี่ยแหละ ระบบราชการไทย

นรินทร์ – ตอนนี้ผมมีปุ๋ยขี้ค้างคาวอยู่นะ

สมศักดิ์ – ผมก็มี พวกนี้มีเยอะ ผมไปขออ.ย.นะ เอาน้ำยาของดอกเตอร์นะ น้ำยานี้เหมือนครอบจักรวาลเลยนะ ฆ่าเชื้อโรค ฆ่าแบคทีเรีย แต่ตอนที่ผมเอาเข้ามา ผมต้องการเอามาฆ่า H5N1 แต่ขนาดไปถึงสุดารัตน์แล้วนะ สุดารัตน์ก็เรียกนักวิชาการเกษตรมา เค้าก็บอกว่า ตัวนี้ดี อีก 3 วันจะให้คำตอบ สุดารัตน์ก็ไม่รู้เรื่อง พวกนี้ก็รายงาน

นรินทร์ – สุดารัตน์หนะตัวแสบเลย

สมศักดิ์ – รู้ แต่บางทีก็ยังมีอะไรที่เค้ามองไม่เห็น ผมไปขอ อ.ย.นะ ของผมนี่คุณภาพเพียบเลยนะ แต่ก็ไม่ได้ เขียนฉลากก็ไม่ได้ เขียนได้ตามกฎกระทรวงเท่านั้น ออกมาเป็นน้ำยาถูพื้นเลย แต่ก็ไม่ยอมให้ผม ผมต้องไปขอว่าได้เคยทดลองกับหนู และมี material standard data sheet หาให้หมด จนผ่าน ใบอนุญาตออก แต่มันไม่ยอมให้ผม มันบอกว่า คุณยังไม่มีโรงงานเลย คุณต้องตั้งโรงงานก่อน

กรณ์ – เงื่อนไขเยอะเหลือเกิน

สมศักดิ์ – ผมบอกว่า ในกฎหมายไม่ได้บอกนะว่า ผมต้องตั้งโรงงานก่อน สมัยก่อนเป็นอย่างนั้น แต่ตอนหลังเค้าแก้ว่า ไม่จำเป็นต้องมีโรงงานก่อน ใบอนุญาตออกให้ได้ มาถามผมว่า แล้วคุณจะเอาไปทำไม ผมก็บอกว่า ในเมื่อได้แล้ว ผมจะเอาไปแขวนกำแพง ซุกใต้ที่นอนมันก็เรื่องของผมนะ ไม่จำเป็นต้องถามว่าได้แล้วจะเอาไปทำอะไร

กรณ์ – ใครถาม?

สมศักดิ์ – เจ้าหน้าที่ถาม ตัว raw material ตัวนี้มันไม่รู้จักนะ มีคนนี้ที่รู้จัก ใน list ของกระทรวงสาธารณสุขไม่มี แต่ไอ่คนนี้มันรู้ มันก็คิดว่ามันได้ ดึงโน่น ดึงนี่ พอขั้นตอนสุดท้าย ก็อ้าง ผอ.ไปนอกมั่งอะไรมั่ง ผมโทรไปหาผอ.เลย ผอ.บอก..คุณมาเลย มาเอาเลย ผมไปถึง มันต้องเอาให้ผม ไอ่เจ้าหน้าที่คนนั้น ร้องไห้จมูกบวมเลย

กรณ์ – เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ แย่มาก สังคมเรามันถึงได้ล้าหลังในหลายๆเรื่อง

สมศักดิ์ – แต่ถ้าเป็น drug list ทะเบียนยาของอเมริกันนะ เข้ามาถึง มันขึ้นทะเบียนให้ทันทีเลย

กรณ์ – มันมีสมาคมทดลองอะไรหนะสิ

สมศักดิ์ – ถูกต้อง แต่ถ้าของประเทศอื่น ไม่ได้ จะมีแต่พวกประเทศมหาอำนาจหนะ ของผมมาจากรัสเซียหนะ ผมรู้จักดอกเตอร์เนี่ย คนนี้เก่ง แล้วน้ำยาตัวนี้ สารพัดเลยนะ ใน EU เนี่ย มันไม่ให้ใช้คลอรีนในน้ำประปา ให้ใช้ตัวนี้แทน

กรณ์ – ใช้ผสมในน้ำประปาได้? ใช้กินได้?

สมศักดิ์ – ใช่ และต้นทุนถูกกว่าด้วย แต่เพื่อนบอก อย่าไปยุ่งกับพวกการประปา มันบอกว่า เค้ากินข้าวกันอยู่ มันไปแย่งจานข้าวได้ยังงัย เค้าก็รู้ว่าตื้นลึกหนาบางมันเป็นยังงัย พี่ชายไปหาหมอ หมอให้ยามา แต่ผมบอกพี่ชายให้เอาน้ำยานี้เช็ดแผล ตัวนี้อ่ะนะ อาบน้ำหมาไม่มีกลิ่น
พรรคพวกเราอายุก็มากขึ้นแล้วนะ ถ้าใครเป็นโรคหัวใจ ผมมีหมอดี อยู่แถวลาดปลาเค้า หมอเค้าจะไล่เลือด เอาค้อนยางเคาะๆ

กรณ์ – แล้วรู้ได้อย่างไรว่าไล่ได้หละ?

สมศักดิ์ – ผมให้ลองไป 3 คนแล้ว หาย ไม่ต้องผ่า คนแรกไม่ต้องเล่า เค้าบอกเลยว่า เค้ากล้าประกาศว่า เค้าหายจากโรคหัวใจ 100 % พอวันอาทิตย์ไปที่สวน ขึ้นต้นไม้ ปักกิ่งไม้เอง

กรณ์ – แล้วทำไมไม่เผยแพร่?

เอ๋ – เป็นหมอจีนหรอคะ?

สมศักดิ์ – หมอไทย ผมเขียนแล้วเซฟไว้ใน thumbdrive แล้ว

กรณ์ – เอามาสิ จะได้เป็นข่าวเผยแพร่

สมศักดิ์ – แล้วเค้าออกช่อง 5 แล้ว รายการ “สยามวันนี้” แล้วคนที่ 2 คือ ไอ้เล็ก เพื่อนผมหนะ ขับรถไปหาหมอ ไปถึงโรงพยาบาล ลงจากรถไม่ได้ จอดอยู่นั่นแหละ ต้องเอารถมาเข็น นอน ICU 3 คืน พอออกจากห้อง ICU มันรีบโทรหาผม บอกว่า แย่แล้ว หมอบอกพรุ่งนี้ฉีดสีเลย ผมบอกเลยว่า มึงเช็คเอาท์เลย แต่หมอไม่ยอม แต่ไม่ใช่หมออยากได้ตังค์นะ แต่หมอว่ามันอันตราย หมอมั่นใจว่าต้องทำ หมอทำมา 3พันกว่ารายแล้ว แต่จริงๆเพื่อนมันก็ไม่เชื่อนะ แต่มันก็เช็คเอาท์ เพราะมันไม่อยากผ่า ผมถามว่า คนที่ผ่าตัดโรคหัวใจหนะ มีกี่คนที่กลับมาปกติมั่ง ซึ่งไม่มี ทุกคนกลับมา ก็เดินกระเสาะกระแสะ จากที่เราเห็นมา เคาะครั้งแรกนะ วันแรกเลย

กรณ์ – เคาะอย่างเดียวเนี่ยนะ?

สมศักดิ์ – ใช่ เคาะเช้า บ่ายเดินปร๋อเลย ค่าใช้จ่ายก็ถูกมาก เราแค่โทรไปหาเค้าก่อน ไม่ต้องรอนานมาก เนี่ย วันนี้เจ๊ทีไปเมืองจีนกับผมหนะ เค้าจะไปเวียดนาม ผมก็ถามว่าแล้วเจ๊ไปได้หรอ? เพราะขาเค้าเดินไม่ได้ พลิกยังงัยไม่รู้ ไปหาหมอ กินยาก็ยังไม่หาย พรุ่งนี้ก็คงหายไม่ทัน ผมเลยบอก ให้โทรไปถามก่อนว่า บวมๆเคาะได้มั๊ย? เค้าบอก ให้มาเลยบ่ายโมง ตะกี้ตอนเย็นโทรไป เจ๊บอก เดินได้แล้วหวะ เขียวไปหมดแล้ว ใช้ค้อนยางเคาะ
ไม เกรนนะ เป็นมา 20 กว่าปี เคาะปุ๊บ หายเลย เส้นเลือดขอด หมอฝรั่งรักษาไม่ได้ นี่เค้ารักษาได้ จนขาสวยเลย เบาหวาน ความดันนะ เคาะเดี๋ยวนั้น หายเดี๋ยวนั้นเลยนะ

นรินทร์ – พรุ่งนี้ผมไปเลย เป็นหลายโรค

สมศักดิ์ – คนที่ 3 ที่ผมแนะนำ วันนั้นไปเช็คที่โรงพยาบาลกรมชล ไม่มีเครื่องมือ ก็ไปที่โรงพยาบาลโรคปอด เค้าบอกลิ้นหัวใจตีบ ไม่ผ่าอยู่ได้ 2 ปี แต่ถ้าผ่า อยู่ได้ปีครึ่ง ผมบอกตี๋ เชื่อผมซักครั้งเถอะ ผมบอกเค้ามา 3-4 ปีแล้ว เค้าไม่เคยเชื่อ ผมก็บอก เชื่อผมซักครั้ง เค้าคอยผมที่คาฟูร์ เค้าไม่ยอมไปต่อ เค้าไม่ค่อยเชื่อ แต่เค้าเดินแบบไม่ไหวแล้ว 70 กว่าแล้วหละ เดิน 5 ก้าวแล้วก็หอบที ผมบอกเลยว่า ภายใน 2 ชม.หายใจสะดวก หูเค้าตึงด้วย พอเคาะเสร็จ เค้าเอาเครื่องช่วยฟังออก และบอกได้ยินดีกว่าเครื่องช่วยฟังอีก เพราะเลือดมันมาเลี้ยงประสาทส่วนที่เสียไป พอเคาะเสร็จ ก็บอกให้ลองเดินดู ตอนไปต้องเหมือนหิ้วปีกไป แต่เคาะเสร็จ ยกขาเดินเองได้เลย

เอ๋ – แล้วต้องทำนานแค่ไหนคะ?

สมศักดิ์ – ไม่นานหรอก โรคหัวใจนี่ก็สุดยอดแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ความดัน เคาะเดี๋ยวนั้น หายเดี๋ยวนั้น ทำไมรู้มั๊ย? ไปถึงเค้าจะวัดความดันให้คุณก่อนเลย หมอโรงพยาบาลวัดข้างเดียว แต่เค้าวัด 2 ข้าง เพราะบอกว่า มันไม่แน่นอน มันจะไม่เท่ากัน แต่เค้าสามารถทำให้เท่ากันได้ เหมือนกับรินน้ำ 2 แก้วให้มันเท่ากัน

นรินทร์ – แต่โรคผมไม่หาย โรคดันทุรัง ไม่หาย

สมศักดิ์ – เบาหวานหนะ ไม่ต้องไปอดน้ำตาล หมอบอกน้ำตาลเป็นโทษ ถึงห้ามกิน แต่เวลาคนไข้น็อค ก็ต้องให้น้ำตาล (อินซูลิน) จริงๆแล้ว น้ำตาลไม่ได้เป็นตัวให้โทษ จริงๆมันมาจากร่างกายเราเอง

นรินทร์ – ไม่ใช่พี่เฮง คนที่พูดก็พูดไม่ถูกทั้งหมด มาบอกว่า น้ำตาลไม่เป็นโทษ เอาเป็นว่าอะไรที่มากไป น้อยไป เป็นโทษทั้งหมด เราต้องกินให้พอดี ให้เหมาะสมกับร่างกาย

สมศักดิ์ – แต่วิธีของหมอฝรั่งก็คือ กินให้น้อยที่สุด

นรินทร์ – แทนที่จะอธิบายว่า คุณต้องกินปริมาณอย่าให้เกินนี้ๆนะ

สมศักดิ์ – ต้นเหตุมันไม่ได้อยู่ที่กินน้ำตาล ต้นเหตุมันอยู่ที่ตับอ่อน เพราะตับอ่อนมันเสื่อม คุณต้องหาวิธีที่จะทำให้ตับอ่อนมันปกติ

ธงชัย – แต่ปัจจุบัน อาหารการกินมันมีส่วนผสมของสารเคมีเยอะ ถ้าน้ำตาล ผลไม้ ไม่มีปัญหาเท่าไหร่

สมศักดิ์ – เป็นเบาหวาน พอเป็นที กินลูกอมเม็ดนึง สดชื่นเลย แต่ถ้าไม่มี น็อคเลย

กรณ์ – ทีนี้ตับอ่อนรักษายังงัยหละ?

สมศักดิ์ – ก็เค้าไล่เลือดไปเลี้ยงที่ตับอ่อน

กรณ์ – นี่มันเป็นศาสตร์ลี้ลับนะ มีกรรมวิธีที่ไม่มีใครเข้าใจ

สมศักดิ์ – คนไข้มักถามว่า ไปเรียนมาจากไหน? หมอแกจะตอบว่า ผมค้นพบด้วยตัวเอง

กรณ์ – แปลกนะ น่าเอาประวัติ เอาเรื่องราวมาลง

สมศักดิ์ – ผมเขียนเป็นภาษาอังกฤษไว้แล้ว

กรณ์ – แล้วมีรูปมั๊ย?

สมศักดิ์ – ไม่ได้เอามา แต่ผมแนะนำให้หาใครไปทดลองกับตัวเองก่อนได้เลย

กรณ์ – เรื่องแบบนี้น่าเผยแพร่ เรื่องลี้ลับ

สมศักดิ์ – คนเรามักถูกโรคสมัยใหม่สั่งให้คิดเอาไว้ เป็นกรอบ อย่างพอถามว่า หมอคนนี้จบจากไหน? คนพวกนั้น จะเปรียบเทียบทันทีเลยว่า หมอจากโรงพยาบาลเค้าจบตั้งสูง หมอคนนี้เก่งมาจากไหน? เพราะอย่างนี้ทำให้เราไม่ไปลองดู

กรณ์ – ขาดความเชื่อ ความศรัทธางัย คนเราไปศรัทธาตรงที่มีประกาศนียบัตร

สมศักดิ์ – เค้าไปที่ท่ามะกา เฮียจิวแกอัมพฤตหนะ ถือไม้เท้า เคาะจนหาย ต่อมาเจ้าของโรงงานวุ้นเส้นตราสิงโตเหยียบลูกโลก ไปเคาะมั่งแล้วหาย เค้าเปิดห้องให้เลย บอกท่ามะกา มีใครป่วย มาให้รักษาได้เลย

กรณ์ – แต่วิธีการแบบนี้ วงการแพทย์ไม่รับรอง

สมศักดิ์ – เค้าไปที่กระทรวงสาธารณสุข ท้าเลย ให้ดูคนไข้เป็น 2 กลุ่ม ดูว่าใครหายเร็วกว่ากัน? แต่พวกกระทรวงก็ไม่กล้าหรอก

มัน มีสิทธิ์กลับมาเป็นอีก เราก็ต้องดูแลตัวเอง คุมอาหาร เพราะว่าร่างกายเรามันก็ต้องมีเสื่อมมีอะไร แต่ว่าคิดดู ถ้าหัวใจ แล้วเราไม่ต้องผ่าหนะ มันดีแล้ว ทั้งเรื่องเซฟเงินก็อีกเรื่อง ครั้งนึงก็ 5 แสนกว่าบาท แต่สำคัญคือ คุณไม่กลายเป็นคนไม่สมประกอบ อีกคนแกเป็นรองประธานออมสิน ผมก็แนะนำไป เคาะแล้วหาย แล้วก็ไปเข้าโรงพยาบาลวิชัยยุทธ แกก็ให้ผมเรียกหมอไปเคาะที่โรงพยาบาล ก็ดีขึ้น แต่คนเรามันฉลาด แล้วก็โลภ น้องเมียคนนี้เค้าเป็นหมอ เค้าบอกว่า ตอนนี้ร่างกายยังแข็งแรง จะให้เปลี่ยนลี้นหัวใจ เพราะถ้าพี่ไม่ทำ ไปไหนคนเดียวลำบาก คนนี้ก็ตัดสินใจทำ อีกอย่างมีประกันด้วย ผมก็พยายามบอกเค้าไม่ให้ทำ แต่เค้าก็ตัดสินใจแล้ว ปัจจุบันนี้ 8-9 เดือนแล้ว เดี๋ยวนี้ไปไหนคนเดียวไม่ได้

กรณ์ – แล้วเค้าไม่ต้องกินยา เคาะอย่างเดียวหรอ?

สมศักดิ์ – ไม่กินยา ไม่ฉีดยาเลย เค้าจะนัดอาทิตย์นึงมาที ค่าใช้จ่าย 500-1000 บาท ถูกกว่านวดอีก ถ้าหัวใจ เค้าจะคิดพันนึง แต่ถ้าเจ็บโน่น เจ็บนี่ เรื่องเล็ก เก๊าท์ เค้าก็บอกเรื่องเล็ก เค้าบอกไม่เป็นเก๊าท์ทำให้เป็นได้ ถ้าเป็น ทำให้หายได้
ถ้าไม่เชื่อ ก็น่าจะไปลองดูก็ดี คุณมีแต่เท่าทุนกับกำไร มันไม่เสียอะไร อย่างเจ๊เนี่ย เค้าไปนวด นวดมาไม่เคยหายเลย

กรณ์ – แต่ส่วนใหญ่หายหมดใช่มั๊ย?

สมศักดิ์ – หายหมด อย่างแฟนผม ไอ่อ้อหนะ มันนั่งส้วมไม่ได้เลยนะ เป็นเหมือนเส้นยึด

ธงชัย – พอแก่ตัวแล้ว ประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ ของเส้นมันลดไปเยอะ

สมศักดิ์ – อ้อไปเจออีกคนนึง เค้าไปขายของที่แบงค์ คนนี้ก็ไปเคาะเหมือนกัน เค้าก็ปวดหลังเหมือนกัน เลยลองไปเคาะดู เคาะไป 3 ครั้ง หายเลย

กรณ์ – แปลกนะ วิธีการรักษาโรค

สมศักดิ์ – เลือดมันไม่เดิน

กรณ์ – เราเคาะเองได้มั๊ย?

สมศักดิ์ – แต่เราไม่รู้หลักหนะ เคาะบางทีเลือดไปอั้นนะ บวมเลย

กรณ์ – แล้วเค้าสอนหรอ?

สมศักดิ์ – เค้าบอกสอนลำบาก จริงๆเค้าจะสอนให้ผม ทุกวันนี้เค้าพยายามสอนให้ลูกเค้า แต่ลูกเค้าไม่มีเวลา จริงๆเค้าก็รับปากจะสอนให้ผมตั้งนานแล้ว

นรินทร์ – ถ้าลูกเค้าไม่รับ วิชาก็หมดไปสิ

สมศักดิ์ – ที่เค้าไม่อยากสอนทั่วไป เพราะกลัวว่า คนอื่นเอาไปทำแล้วไม่ได้ดี จะเสียชื้อ

กรณ์ – มันต้องฝึกจิตรึป่าว?

สมศักดิ์ – ไม่เกี่ยวเลย วิทยาศาสตร์ล้วนๆ สูงสุดคืนสู่สามัญ

กรณ์ – แล้วเบาหวานไปเกี่ยวยังงัย? หรือเพราะตับอ่อนไม่แข็งแรง ก็เลยเคาะเพื่อให้เลือดมาเลี้ยงที่ตับอ่อน และให้แข็งแรงขึ้นอ่ะเนอะ

สมศักดิ์ – อันนี้ผมมองไม่เห็น แต่ที่มองเห็น คนเป็นเบาหวาน ขานะดำเลย พอเคาะซักประเดี๋ยว เนื้อกลายเป็นเนื้อแดงเลย เรียกเลือดมาเลี้ยงงัย มีลูกหลานเป็นหมอ แต่รักษาไม่หาย มาหายจากเค้า มีคนนึงผมแนะนำไป เวลากินน้ำแข็งกินอะไร มันจะจี๊ดที่สมองเลย ครอบครัวเค้ามีหมอ 14 คน ลูกชายเค้าเป็นผอ.อยู่ศิริราช น้องชายเค้าเป็นหมอฟัน จะบอกให้ถอนฟันให้ บอกไม่ใช่เป็นที่ฟัน มันเป็นที่เส้นประสาท เจ็บก็กินยา กินจนลูกชายที่เป็นผอ.ศิริราชห้ามกิน เค้าบอก ไม่ให้กูกิน กูก็ตายสิ ผมแนะนำไปเคาะ หาย

กรณ์ – แล้วลูกที่เป็นหมอไม่เชื่อหรอ? ในเมื่อมันทำให้พ่อเค้าหาย

สมศักดิ์ – ไม่เชื่อหรอก ไม่สนใจ

กรณ์ – แปลกนะ คือหายแล้วก็แล้วกันไป แต่ไม่เชื่อ โลกาภิวัฒน์..โลกาพินาศ มันจะมีอยู่บทนึงนะ บทสายธารแห่งจิตนิยม

สมศักดิ์ – ใครเข่าเสื่อม ที่ต้องไปเปลี่ยนเข่านะ เรียกมาเลย พอเคาะเสร็จก็เดินได้ปกติ

กรณ์ – มันน่าจะเป็นคอร์สพิเศษมากกว่า อย่างนี้ต้องเอาเรื่องราวมาลงแล้ว

สมศักดิ์ – ไปเอาวีซีดีมาลงก็ได้

กรณ์ – เอามาลงใน “โลกาภิวัฒน์ โลกาพินาศ”

สมศักดิ์ – วันที่ไปถ่าย เค้าก็กลัวว่าหมอจะมีหน้าม้ามา เค้าก็ส่งน้องชายเค้าไปก่อน ปรากฏว่าน้องชายเค้าหาย

ธงชัย – ประเภทความชุ่ยของหมอ ศิริราชเนี่ยแหละ ไปตรวจร่างกาย พอตรวจอุจจาระเห็นมีค่าสูงกว่าเกณฑ์หน่อย หมอก็เลย ตรวจวันอังคาร วันพุธเย็น ไข้ขึ้นหนาวสุดขั้วหัวใจเลย ทนไม่ได้ ก็กลับไปศิริราช เค้าบอกติดเชื้อแล้ว ติดเชื้อในกระแสเลือด อยู่ที่นั่น 7 วัน ปรากฎว่า เชื้อตัวนั้นเป็นเชื้อที่แรงมาก ดื้อยาสุดๆ แล้วเป็นเชื้อที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล เป็นเชื้อโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลธรรมดายังไม่มีเลยนะ หมอมันประมาท ตอนตรวจร่างกายไม่เตรียมความพร้อมให้ดีพอ และสำคัญ คือไม่ให้เราเตรียมร่างกายให้เพียงพอด้วย หมอคนอื่น เค้าไม่บอกว่าคนนี้ชุ่ยนะ แต่เค้าบอกว่า ถ้าเป็นเค้า เค้าจะให้เตรียมร่างกาย 5-7 วัน กินยาฆ่าเชื้อ ก่อนที่จะมาตรวจ ตอนที่ตรวจ เค้าต้องเอาท่อใส่ไปในทวารหนัก เตรียมทุกอย่างแล้ว กำลังจะสอดท่อ มีโทรศัพท์เข้ามา เค้ารับโทรศัพท์ก่อน คุยเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย คุยตั้งเกือบ 15 นาที

สมศักดิ์ – ไอ่อ้อเค้าไปผ่าซีสต์ที่โรงพยาบาลวิภาวดี หมอบอกให้มาเลย อาจจะเป็นเนื้อร้าย ถ้าให้ดี ตัดทิ้งทั้งนมเลย หมอบอก จองห้องเรียบร้อยแล้ว แต่อ้อเค้าก็ไม่แน่ใจ เค้าก็เลยไปรพ.จุฬา ไปเจออาจารย์หมอ หมอบอกมันมีอะไรที่ไหน ผู้หญิงพอเวลามีประจำเดือน มันก็แข็งอยู่แล้ว เกือบจะโดนตัดไปแล้ว หมอปัจจุบันเราไม่ได้ดูถูกเค้าหรอกนะ แต่เราต้องไปหลายๆที่ ให้เค้าวินิจฉัย อย่างน้อย 3 ที่ หมอเดี๋ยวนี้ก็เหมือนช่างหนะ และสิ่งที่หมอเรียนคือ operate เครื่อง อ่านเครื่องว่าค่าออกมาแบบนี้ คืออะไร เป็น machine operator เค้าไปเชื่อเครื่อง ถามว่า เครื่องมีผิดพลาดมั๊ย? เอาความรู้ทั้งหมดมาพึ่งกับเครื่อง เพราะเค้าถูกครอบงำโดยวัตถุนิยม อย่างหมอที่ไปเรียนอเมริกา ลองเอาเครื่องเยอรมันมา ก็ operate ไม่เป็น พอทำไม่เป็น บอกเครื่องไม่ดี เพราะตอนนี้มันเป็นธุรกิจไปหมด

ธงชัย – ที่ผมเป็นนี้ เหมือนเป็นคนไข้หนักเลยนะ สายระโยงระยางเต็มไปหมด 7 วันไม่หาย ผมต้องออกไปรักษาตัวที่นนทเวชอีก 2 เดือน แล้วเค้าไม่มาเยี่ยมเลยนะ หมอทุกคนรู้หมด หมอนนทเวชเห็นเชื้อนี้ตกใจเลยนะ ต้องเรียกหมอศิริราชที่เก่งเรื่องนี้ไปโดยเฉพาะ เค้าเป็นระดับอาจารย์ เก่งสุดแล้ว แต่เค้าไม่ได้ออกเวร รักษาคนไข้ทั่วไป พอเค้ามาตรวจดู เค้าก็บอกรู้แล้ว แต่เดี๋ยวจะกลับไปดูประวัติของเราที่ศิริราชที่รักษา 7 วันด้วย หมอคนนี้ดีมาก แล้วเค้าก็บอกว่าคุณต้องรักษาด้วยยาตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้น ยาสั่งจากนอก ต้องฉีด 7 เข็มๆละ 2300 บาท

สมศักดิ์ – เชื่อพวกนี้มันมีอยู่แล้ว แต่มันยังรักษาไม่ได้

กรณ์ - จริงๆแล้ว มันหลุดมาจากหมอเลยเนอะ

ธงชัย – จากหมอเลย จากความชุ่ย และเราโชคไม่ดีมาเจอเข้า

สมศักดิ์ – อ้อเค้าจะปลูกผัก อย่างตะไคร้ เก็บตำลึงข้างบ้านมาแกงให้เรากิน

กรณ์ – ดีเลย ประหยัดไปเยอะ

สมศักดิ์ – โรคความดันที่ว่ากินยาลดความดัน หมอเค้าจะบอกไม่ให้กิน เพราะยาลดความดันมันจะไปกดประสาทให้งง แล้วก็นอนลูกเดียว ถ้าสูงๆเค้าสามารถเคาะให้เหมือนปกติ ถ้าไปหานะ หยุดกินยาแล้วไปหาเลย จะได้เห็นดำเห็นแดง

กรณ์ – แล้วหมอเค้าบันทึกและเขียนเป็นตำรารึป่าว?

สมศักดิ์ – เค้าพยายามจะเขียน แต่มันไม่ใช่เรื่องของวิชาการหนะ คือเค้าไม่สามารถพูดออกมาเป็นวิชาการได้

กรณ์ – ก็คำพูดของเค้าหนะแหละ ว่าเค้าทำอะไร มาจากสมมติฐานอะไร ให้พูดแบบชาวบ้านเนี่ยแหละ

สมศักดิ์ – ผมยังบอกเลยผมจะแปลเป็นภาษาอังกฤษให้

กรณ์ – เอาสิ แล้วเอามาลงใน “สนามหลวง” มันอยู่ในหมวด “ภูมิปัญญาตะวันออก” ไอ่ “ภูมิปัญญาตะวันตก” เนี่ยมันเป็นวิทยาศาสตร์ มันต้องวิเคราะห์วิจัย มีเครื่องไม้ เครื่องมือ นี่ไม่ต้อง ธรรมชาติล้วนๆเลย

นรินทร์ – แล้วหมออายุเยอะรึยัง? ปกติเค้าทำงานอะไร?

สมศักดิ์ – 68 แต่ยังแข็งแรงนะ สมัยก่อนเค้าเป็นเกษตรกร ตอนนี้เค้าทำแบบนี้อย่างเดียว

นรินทร์ – ที่เราจะไปเที่ยวกันนี่ ชวนเค้าไปได้มั๊ย?

สมศักดิ์ – เค้าไม่ไปหรอก

นรินทร์ – เราอาจจะขอความรู้จากเค้า

สมศักดิ์ – คนที่รู้สึกได้ คือหัวจะโล่งเลย

กรณ์ – แล้วพวกต้อหิน เคาะหายมั๊ย?

สมศักดิ์ – ต้อไม่หาย แต่เค้าบอกว่า พวกไปทำเลสิกหนะ พอมัน expire ประมาณ 10 ปี ก็มีมาหาเค้าเยอะแล้ว อย่าไปทำเลยเลสิก เพราะว่าทำแล้วมันยิงเส้นเลือดฝอยไปตั้งเท่าไหร่ เค้าบอกมันจะตาบอดเอา แต่เค้าจะเคาะให้ คือเอาเลือดมาเลี้ยงตา มีผู้หญิงคนนึงไปหา เค้าก็วิเคราะห์ดู คือใส่เสื้อชั้นในที่เป็นแบบมีโครงเหล็กดันทรง ทำให้เลือดลมเดินไม่สะดวก เพื่อนอีกคนไปโรงพยาบาล หมอทุกคนก็บอกว่าเป็นโรคกระเพาะ บอกมีก้อนเนื้อมั่ง พอมาหาเค้า เค้าก็เคาะไล่ให้ ซึ่งเค้าก็เชื่อว่าคงจะเกี่ยวกับกระเพราะแหละ เพราะว่าลมมันดัน ซักพักนึง เค้าบอกว่าเจอแล้วๆ มันอยู่ตรงนี้ หมอถาม เคยไปทำอะไรมา? เค้าก็บอกไม่มี แต่พอมานึกๆ คิดได้ว่า 20 กว่าปีแล้ว เค้าตกกราบเรือ ไปครูดกับเรือ พอเค้าเคาะตรงนั้น 2-3 ครั้ง พอตรงนั้นหาย ตรงท้องหายเลย มันเป็นต้นเหตุ

อย่างผมประสบกับตัวเอง แต่ไม่เกี่ยวกับหมอนะ ผมเป็นโรคคัน หมอบอกรักษาไม่ได้ ต้องกินยาแก้แพ้ไปตลอดชีวิต เวลามันคันขึ้นมา เกาตัวแดงไปหมด มันอึดอัด ผมเลยต้มน้ำขิงกิน ด้วยความบังเอิญกินแล้ว มันรักษาสะเก็ดเงินได้ น้ำขิงเนี่ยแหละ มันมีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรียด้วย คือสะเก็ดเงินไม่ได้เกิดจากภายนอกนะ เกิดจากภายใน คือตับของเรามันไม่สามารถกรองเชื้อตัวนี้ได้ เป็นภูมิแพ้อย่างหนึ่ง พอคันที ก็กินยาแก้แพ้ที ยิ่งกินเบียร์ กินเหล้าไปนะ ขี้นเห่อเลย แต่ผมหายแล้ว ขิงเนี่ยแหละ ผมแนะนำไปหลายคนแล้ว

นรินทร์ – ไมได้หายเพราะกินมังสวิรัติหรอ?

สมศักดิ์ – ไม้ๆๆ คนที่ไม่กินมังสวิรัติหนะแหละที่ผมแนะนำ ตัวที่หนักที่สุดที่ทำให้เป็นคือเบียร์ ไวน์ แล้วก็เหล้า พวกของหมักดองอะไรพวกนี้ ไม่ได้หมายความว่า กินไม่ได้ กินได้ แต่พวกนี้จะทำให้เป็น ถ้ากิน ก็กินให้มันน้อยหน่อย คนที่ผมแนะนำบอก กินยามา 20 กว่าปีไม่หาย พอกินที่ผมแนะนำ หายคันเลย แล้วให้กืนอีกประมาณ 2 เดือน

กรณ์ – สะเก็ดเงินนี่ ผิวมันจะมันเลยใช่มั๊ย?

สมศักดิ์ – ไม่ใช่ ผิวมันจะมัน และแข็งเหมือนผิวตาย แต่มันไม่ลอก หรือลอกแต่ก็ขึ้นมาใหม่ตรงนั้นอีก ผิวตรงนั้นจะแข็งเหมือนเป็นไตๆ

กรณ์ – พอกินขิงปั๊บ มันก็ระบายลม

สมศักดิ์ – มันไปฆ่าแบคทีเรียมั๊ง ผิวที่แห้งนั้นก็หายเลย แต่หมอที่เกษตรที่ผมไปเจอ เค้าเขียนหนังสือเลยนะ เค้าให้ผมไปอ่าน เค้าบอกไม่หาย แต่ผมหาย ผมเป็นอยู่เกือบ 10 ปีมั๊ง ซื้อยาหลอดนิดเดียว ร้อยกว่าบาทๆ

กรณ์ – คิดแล้วทุกวันนี้ โลกทั้งโลกสูญเสียเงินทองไปกับยาฝรั่ง ซึ่งบางทีมันไมได้แก้ที่เหตุของโรคเลยนะ

สมศักดิ์ – แล้วไอ่ยาสารพัดประโยชน์ของผมหนะ เวลาพออายุมาก เล็บเท้ามันจะเป็นเชื้อรา มันจะกินไปจนกุดเลย ใช้แล้วหาย เป็นยาฆ่าเชื้อจากรัสเซีย

นรินทร์ – มันเป็นสเปรย์หรอพี่?

สมศักดิ์ – มันเป็นน้ำ เราก็ใส่ foggy ฉีดเอาสิ

นรินทร์ – เดี๋ยวงวดหน้าเอาทดลองหน่อย

สมศํกดิ์ – ไม่ต้องทดลองหรอก ถ้าจะเอาก็จ่ายเงินผม
เพื่อนบอก เอาไป กูขายให้มึง แต่การที่จะสั่ง raw material ตัวนี้เข้ามา สั่งทีเป็นตู้นึงเลย เกือบ 10 ล้านบาท

กรณ์ – ตู้เดียวเนี่ยอ่ะนะ?

สมศักดิ์ – ตู้เดียวเนี่ยแหละ แล้วเราจะไปสั่งได้งัย ตู้นึง 40กว่าล้านบาท เออ.ถ้ามันขายแค่ 40-50 โลก็ว่าไปอย่าง

นรินทร์ – แล้วพี่เอามาทอลองได้ยังงัย?

สมศักดิ์ – ผมก็ต้องมีวิธีสิ

นรินทร์ – ไว้เรามาลงโฆษณา

สมศักดิ์ – ไม่ต้องโฆษณาเลย ใช้ดีจริงๆ ช่องทางขายเยอะไปหมดเลย

กรณ์ – มันดี แต่ไม่สามารถขายได้ถูกต้องตามกฏหมาย

สมศักดิ์ – ที่สำคัญคือ อย.วิธีการของผมต่อไปก็คือ ผมจะขายในวงการที่ไม่เกี่ยวกับมนุษย์ ไม่ต้องมี อย. ผมจะขายในวงการไม้ ไม้ถ้าตัดเอามาทิ้งเอาไว้ มันจะขึ้นราเลย ผมใช้ตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้น สระว่ายน้ำด้วย ตอนนีมีตัวเดียวคือคลอรีน ซึ่งคนได้รับความเสียหายจากคลอรีนเนี่ยแหละ ผมแข็ง ตาแดง ผิวคล้ำง่าย แต่ตัวนี้ไม่เป็น และตัวนี้ใช้ในเครื่องมือแพทย์ ใช้คลอรีนในการล้างเครื่องมือแพทย์ในทุกวันนี้ แต่ตัวนี้ไม่กัด ไม่กัด ไม้ ยาง ปูน เซรามิค

กรณ์ – ส่วนผสมอะไรหละ?

สมศักดิ์ – มันเป็นด่างแบบเข้มข้นชนิดหนึ่ง

กรณ์ – เป็นสารที่สกัดจากธรรมชาติใช่มั๊ย? พวกสังเคราะห์หนะ

สมศักดิ์ – เค้าเรียกว่า “ไบโอเคมีคอล” ตรงไหนมีเชื้อรา ผมกำจัดหมดแหละ

กรณ์ – อย่างนี้น่าจะเผยแพร่นะ ต้องอาศัย direct sale

สมศักดิ์ – เชื้อราตรงขอบตู้เย็นที่ดำๆหนะ ผมไปหยอดไว้ เดี๋ยวก็หาย ตามห้องน้ำ ตามซอกประตู

กรณ์ – ไปขัดแล้วมันก็หายไปเลยใช่มั๊ย? แล้วมันจะไม่เป็นอีก?

สมศักดิ์ – เป็นสิ แต่มันฆ่าตรงนั้นก่อน

ธงชัย – พี่กรณ์มีรูปของ “แก่งกึ๊ด”มั๊ย? ที่เป็นน้ำพุ่งออกมาจากใต้ดินนะ

กรณ์ – มี ก็ที่ลงนั่นงัย ในหน้ารวมประวัติความเป็นมาของเมืองกึ๊ด มีแก่งกี๋ด แท่นดอกไม้ เวปนั้นเค้าทำวิจัยรวมเรื่องพวกนี้ไว้

ธงชัย – ตอนนี้อยู่ใต้น้ำแล้วใช่มั๊ย?

กรณ์ – ตอนนี้หรอ..ยังหนิ

ธงชัย – ที่เค้าสร้างเขื่อนใต้น้ำ

นรินทร์ – ตกลงสร้างแล้วหรอ?

กรณ์ – ยังไม่สร้างหนิ นั่นมันเขื่อนแม่งัด

ธงชัย – ถ้าสร้างแม่ตะมานก็ต้องอยู่ใต้น้ำด้วย

กรณ์ – เออ...แต่ตอนนี้ยัง โครงการนี้หลายสิบปี

สมศักดิ์ – พวกแม่กวง แม่งัดใช่มั๊ย?

นรินทร์ – แล้วเค้าไม่ทำแก่งกึ๊ดเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรอ?

กรณ์ – เป็นแล้วงัย ลองไปเปิดเหอะ ในเวปไซต์มี

ธงชัย – ตอนสมัยผมไป สวยมาก แต่ตอนนั้นโอกาสเข้าไปน้อย เพราะมันต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไป เดี๋ยวนี้จะเปลี่ยนไปมากรึป่าว?

เอ๋ – พี่ไปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ?

ธงชัย – ไม่ได้ไปเลย

นรินทร์ – ประมาณปี 23-24

สมศักดิ์ – ไอ่มลหายไปเลยนะ?

กรณ์ – ยังอยู่ ติดต่อไม่ได้

สมศักดิ์ – วิมลนามสกุลอะไรนะ?

กรณ์ – ศกมณี ที่จำแม่น เพราะไปถามบุญเลิศมา เวป “สนามหลวง” ก็อยากทำเพื่อต่อยอดสิ่งที่เราทำตอนนั้น

พลังงานไทย พลังงานใคร

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง