บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นิธิ เอียวศรีวงศ์ : ปรองดอง บนศพเกลื่อนกลาด

ผมขอเดาว่า พ.ร.บ.ปรองดองผ่านสภาแน่ โดยร่างของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นร่างหลัก อีกทั้งไม่เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งใหญ่ในสังคม หรือยังไม่เป็นเหตุให้เกิดในตอนนี้หรอก

หากผมเดาถูก ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร ใครที่ติดตามสัญญาณทางการเมืองมา ก็คงเดาได้อย่างเดียวกัน พ.ร.บ.ปรองดองที่มุ่งจะเอาคุณทักษิณกลับประเทศ จะเกิดขึ้นโดยไม่มีการเจรจาต้าอวยกันก่อน อาศัยแต่เสียงข้างมากในสภาเพียงอย่างเดียว ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้

เขาเจรจาต่อรองกันที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่มีสัญญาณที่ใครๆ ก็เห็นว่า ได้ตกลงกันถึงระดับที่พอใจแก่ทั้งสองฝ่ายแล้ว จู่ๆ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จะไปงานเลี้ยงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดขึ้น แสดงไมตรีตอบสนองกันให้สื่อได้เห็น จนแม้แต่เปิดบ้านต้อนรับการเข้าอวยพรในวันสงกรานต์แก่นายกฯยิ่งลักษณ์ และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังพูดชมเชยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่าเป็นคนดี ย่อมจะร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ทางฝ่ายเสื้อแดงก็หยุดโจมตีพลเอกเปรม แกนนำบางคนถึงกับพูดยกย่อง บางคนไม่ยกย่อง แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าเกมส์เปลี่ยนไปแล้ว วาทกรรมอำมาตย์-ไพร่ค่อนข้างเลือนรางลง

ในข้อตกลงกันนี้จะมีรายละเอียดอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่อยากเดาว่าคงต้องมีอย่างน้อยคือ

1/ คุณทักษิณกลับประเทศได้ ภาระทางคดีที่ดินรัชดานั้น จะได้รับการนิรโทษกรรม ส่วนคดีอื่นๆ ต้องว่ากันไปในแต่ละคดี ส่วนหนึ่งคงระงับการฟ้องร้อง (เพราะการถูกฟ้องร้องเป็นการกระทำที่เนื่องกับการยึดอำนาจ ในวันที่ 19 ก.ย.49) แต่คุณทักษิณจะไม่กลับเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก ตรงกับที่คุณทักษิณได้ให้สัมภาษณ์เองก่อนหน้านี้

ข้อตกลงนี้ อย่างน้อยก็ทำความมั่นใจแก่ผู้ที่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อคุณทักษิณว่า จะไม่ถูกปลดจากตำแหน่ง อย่างน้อยก็โดยยังไม่ทันตั้งตัว ส่วนตำแหน่งที่ได้มาเพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น เอาไว้ต่อสู้กันใน ส.ส.ร.ต่อไปข้างหน้า

2/ ในส่วนข้าราชการประจำที่สำคัญๆ และเป็นกำลังหลักของฝ่ายปฏิปักษ์คุณทักษิณ น่าจะทำความเข้าใจกันแล้วว่า จะไม่โยกย้ายจนกว่าจะครบอายุเกษียณอายุ

3/ เมื่อเลิกแล้วต่อคุณทักษิณ ก็หมายความว่าต้องเลิกแล้วต่อฝ่ายตรงข้ามคุณทักษิณด้วย โดยเฉพาะทหารที่สังหารหมู่ประชาชน รวมทั้งฝ่ายพันธมิตร ที่ได้ละเมิดกฎหมายมาก่อน ข้อนี้เห็นได้ชัดในร่าง พ.ร.บ.ปรองดองอยู่แล้ว

4/ ฝ่ายคุณทักษิณคงสัญญาว่า จะไม่ทำอะไรที่กระทบต่อโครงสร้างอำนาจที่มีอยู่เดิมในประเทศไทย โดยอีกฝ่ายหนึ่งก็จะยุติการตามล้างตามผลาญฝ่ายคุณทักษิณในทางกฎหมาย (เช่น ละเมิดกฎหมายอาญา ม.112) ด้วย แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงคนอื่นซึ่งไม่ใช่คู่กรณี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังมีหน้าที่ปราบปรามผู้ที่อาจสั่นคลอนโครงสร้างอำนาจที่มีอยู่เดิมนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่น่าหวาดระแวงว่าผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์, ม.112 หรือทำหนังทำละครที่ดูจะล้ำเส้น พวกนี้ต้องกำราบเอาไว้

เป็นอันว่า "ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไป" เพราะชนชั้นนำทั้งสองกลุ่มสามารถตกลงกันได้ในกติกาของความขัดแย้ง

อันที่จริง ชนชั้นนำไทยเคยขัดแย้งกันตลอดมา แต่ในที่สุดก็ตกลงกันได้ระดับหนึ่งเสมอ (หรือเกือบเสมอ หากไม่นับกรณีท่านรัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์) ที่เกิดการนองเลือดเป็นครั้งคราว ก็เพราะมีคนหน้าใหม่ซึ่งไม่ได้อยู่วงในของชนชั้นนำเสนอหน้าเข้ามาร่วมวง จึงต้องใช้วิธีรุนแรงซึ่งทำให้เกี้ยเซี้ยกันยาก

คนหน้าใหม่เหล่านี้ ที่จริงจะว่าเข้ามาเองก็ไม่เชิงทีเดียวนัก ส่วนหนึ่งของเขาได้รับการเชื้อเชิญให้เข้ามาโดยบางกลุ่มของชนชั้นนำ ดังเช่นการลุกฮือขึ้นของประชาชนในวันที่ 14 ต.ค.2516 แต่เครื่องมือที่ใช้จนสำเร็จภารกิจแล้ว ควรกลับไปอยู่ในกล่อง ไม่ใช่มีเสียงของตัวเอง หรือไปดึงคนหน้าใหม่อื่นๆ เข้ามาในวงมากขึ้น ฉะนั้น จึงต้องเกิด 6 ตุลา ให้น่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่า 14 ตุลาเสียอีก เช่นเดียวกับพฤษฎามหาโหดใน 2535

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเกี้ยเซี้ยของชนชั้นนำเริ่มจะควบคุมความขัดแย้งได้ยากขึ้น เพราะคนหน้าใหม่ที่ถูกดึงเข้ามาร่วมวงในการต่อสู้ (หรือเข้ามาเองก็ตาม) เริ่มมีจำนวนมากขึ้น และที่สำคัญกว่านั้นคือหลากหลายขึ้นด้วย

ดังนั้น การเกี้ยเซี้ยครั้งนี้จึงต้องข้าม "ศพ" คนจำนวนมาก ทั้งที่หายใจไม่ได้แล้ว และศพที่ยังหายใจได้อยู่

92 ศพ (ข้อมูลบางแห่งว่าในปัจจุบันมีถึง 102 ศพเข้าไปแล้ว) ที่เสียชีวิตเนื่องจากการกระทำของรัฐใน 2553 ถูกข้ามไปหน้าตาเฉยอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ ยังผู้บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 ก็ถูกข้ามไปเหมือนกัน

แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งยังไม่ได้เป็นศพ ก็ถูกข้ามไปเหมือนกัน แม้พยายามดิ้นรนขัดขวางไม่ให้ข้าม เขาก็ข้ามไปจนได้

พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้โอกาสจัดตั้งรัฐบาลมา 2 ปี และโอกาสกู้หนี้อีกก้อนมหึมา ก็ยังอุตส่าห์แพ้การเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ถูกข้ามไปเหมือนกัน เพราะถูกพิจารณาว่าเป็น "ศพ" ในทางการเมืองไปเสียแล้ว ยิ่งเล่นการเมืองแบบโต้วาทีเช่นนี้ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้น (หากจะมีโอกาสฟื้น) และถึงจะเปลี่ยนการแสดงเป็นปาหี่ ก็หาทำให้สถานการณ์ดีขึ้นไม่

แม้กระนั้น ศพทั้งสองก็มิได้ถูกกระทำย่ำยีอนาจาร เพราะ พ.ร.บ.ปรองดองได้นิรโทษกรรมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

สมาชิก นปช.ที่ต่อต้านอำนาจอันมาจากการรัฐประหาร และบางคนก็อาจสนับสนุนคุณทักษิณด้วย อย่างน้อยก็เชิงสัญลักษณ์ นี่ก็เป็น "ศพ" ที่ถูกข้ามไปจาก พ.ร.บ.ปรองดองเช่นกัน พวกเขาไม่ได้เสี่ยงชีวิตสู้เพื่อช่วยคุณทักษิณ แต่สู้เพื่อให้คุณทักษิณได้รับความยุติธรรม อย่างที่พวกเขาอยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่เคารพความเป็นธรรม หากคุณทักษิณทำผิดกฎหมาย คุณทักษิณก็สมควรได้รับโทษตามกฎหมาย แต่กระบวนการทางกฎหมายที่จะเอาผิดกับคุณทักษิณ ต้องโปร่งใส, เป็นธรรม และให้โอกาสสู้คดีอย่างเต็มที่เท่าที่กฎหมายซึ่งยุติธรรม (อันเปรียบเทียบได้กับนานาอารยประเทศ) มอบให้

โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนปฏิรูปอะไรในโครงสร้างอันไม่เป็นธรรมเลย คุณทักษิณก็จะเดินข้ามศพคนจำนวนมากกลับบ้าน ดังนั้น พวกเขาจึงเป็น "ศพ" อีกชนิดหนึ่งที่คุณทักษิณต้องก้าวข้าม (แล้วลืมพวกมันไป) เหมือนกัน

คนพวกนี้จะมีสักเท่าไร ผมตอบไม่ได้ แต่รู้แน่ว่ามีจำนวนมาก (อย่างน้อยก็มากกว่าศพพันธมิตรไม่เกิน 5,000 คนที่ชนชั้นนำได้ก้าวข้ามไปแล้ว) ผมประเมินจากปัจจัยสองสามอย่าง อาจารย์ธิดา ประธาน นปช.ในปัจจุบัน ซึ่งมีสามีเป็น ส.ส.สังกัดพรรคเพื่อไทย ได้แสดงจุดยืนให้เห็นว่า ไม่อาจเห็นด้วยกับข้อเสนอนิรโทษกรรมทุกฝ่ายในร่าง พ.ร.บ.ปรองดองได้ วิทยุเสื้อแดงในจังหวัดที่ผมอยู่ระดมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.เกือบ 24 ชั่วโมง เสียงสะท้อนของคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ออกมาในสื่อออนไลน์ และในการประชุมสัมมนาตามที่ต่างๆ รวมทั้งการกลับลำของคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ถ้าคนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มาก ก็ไม่ต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้

แต่คนพวกนี้ ทั้งที่อยู่ในพันธมิตร, ใน นปช. รวมกับคนที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง เพราะคิดว่าจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง จะเป็นศพให้ข้ามไปเฉยๆ กระนั้นหรือ

ขออนุญาตใช้สำนวนของคุณ "ใบตองแห้ง" ที่ว่า คนเหล่านี้เป็นยักษ์ที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว (คงจะกลับลงขวดหรือตะเกียงอีกได้ยาก)

แต่ยักษ์ไม่ได้ตื่นเพียงเพราะเหตุการณ์ชุมนุมใน 6-7 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าพวกเขาถูกปลุกให้ตื่นจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมที่เกิดในเมืองไทยมากว่า 20 ปีแล้ว จากคนที่ไม่อินังขังขอบทางการเมือง กลายเป็นคนที่กระตือรือร้นจะมีส่วนร่วมทางการเมือง และเมื่อไม่มีพื้นที่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมได้มากกว่าหีบบัตรเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องใช้ท้องถนน

ผมไม่ได้ปฏิเสธนะครับว่า การเคลื่อนไหวของยักษ์เหลืองยักษ์แดงเหล่านี้มีชนชั้นนำบางกลุ่มสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่พอหรอกครับ ไม่ว่าจะสนับสนุนอย่างไร ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยบางอย่างที่ช่วยให้เขาเลือกจะตอบสนองต่อการสนับสนุนนั้นด้วย ชนชั้นนำที่คิดว่า เมื่อตนถอนการสนับสนุน ยักษ์ก็ต้องกลับลงขวดหรือลงตะเกียงไปเอง ออกจะคิดตื้นและสั้นไปหน่อย

ผมเห็นด้วยกับคุณ "ใบตองแห้ง" ว่า ยักษ์ไม่กลับลงไปแน่ ไม่ว่าแกนนำจะถอดสีไปอย่างไร เสื้อแดงและเหลืองจำนวนหนึ่ง ย่อมกระเสือกกระสนที่จะมีพื้นที่ทางการเมืองของตนเองต่อไปอย่างแน่นอน แม้อาจต้องเปลี่ยนสีเสื้อไปตามสถานการณ์ก็ตาม

ร่าง พ.ร.บ.นี้จึงไม่นำไปสู่อะไรสักอย่างเดียว นอกจากเอาคุณทักษิณกลับบ้าน (อย่างสง่างามไม่มากไปกว่าการหลบเข้าเมืองสักเท่าไรนัก) ความขัดแย้งยังคงมีอยู่ต่อไป แต่เมื่อขาดการสนับสนุนของชนชั้นนำ ก็อาจไม่บานปลายถึงขนาดยึดทำเนียบ-สนามบิน หรือยึดสี่แยกราชประสงค์ ที่สำคัญก็คือร่าง พ.ร.บ.ไม่ได้สร้างเงื่อนไขใหม่ และกติกาใหม่ สำหรับเปิดให้ความขัดแย้งสามารถดำเนินไปได้ โดยไม่กระทบถึงสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น

ชนชั้นนำเกี้ยเซี้ยกันได้อีกครั้งหนึ่ง บนซากศพนานาชนิดอย่างเคย แต่ครั้งนี้จะไม่สามารถผัดผ่อนความขัดแย้งระดับรากฐานในสังคมได้เสียแล้ว ในที่สุด เมื่อชนชั้นนำลงมาหาประโยชน์จากความขัดแย้ง ก็จะกลับไปสู่การนองเลือดอีกครั้งหนึ่ง


ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

From Thai D.C.Forum to U.S.Government“Deny Entry Visa to Thaksin Shinawatra”

 





As U.S.citizens from Thailand and as your constituents and supporters, we are writing you this letter to voice our very deep concerns about the position of the United State Government regarding the Thai ex-Prime Minister, Thaksin Shinawatra. 

Currently, we have strong reasons to believe that Thaksin Shinawatra is trying to gain entry to theUnited States.  He is a fugitive who has been evading a two-year prison sentence for corruption while holding public office inThailand.  Furthermore, he has also evaded prosecution of multiple cases which he was indicted on charges of corruption, bribery, tax evasion, abuse of power, and the well documented extra-judicial killings and countless violations of human rights of Thai citizens.

More than 2,500 citizens, including innocent children, were murdered because the heavy handed policies of war on drugs and anti Muslim insurgencies of his regime.  The details of all these cases are on files withThailand’s National Human Right Commission, as been reported by Shawn Crispin of Asia Times onOctober 13, 2006.

Some of the examples are the killing of the 9-year old, Nong Fluke, by the Thai police on February 23, 2003, during the war on drugs campaign; the Tak Bai incident on October 25, 2004 where 78 Thai Muslim civilians died from suffocations after being hand cuffed and stacked on top of each other for over three hours. Thaksin Shinawatra is known to have hired majorU.S.lobbying firms to represent his interests in theUnited Statesand is likely that these lobbyists have been working with officials in the U.S. State Department to secure Thaksin Shinawatra’s entry visa.

As the U.S.law bars a person with criminal records, especially a convicted fugitive, from entering theUnited States, we strongly urge the U.S. Administration to carefully examine this affair and to ensure that no visa entry is granted to Thaksin Shinawatra.

Like most U.S.citizens, we strongly believe in the rule of law of theUnited Statesand of Thail and otherwise.  We abhor the reported broad-based colossal corruption by the current regime inThailand, headed by Yingluck Shinawatra, the younger sister of Thaksin Shinawatra.  The massive corruption of her Administration, and her incompetency in running the government has resulted in widespread inflation and hardship throughoutThailand.

Most U.S.citizens of  Thai descent and very huge majority of the people of Thailand immensely revere the King of Thailand.  We are highly perturbed by the on going systematic attacks on His Majesty for most the problems of Thailand, including the fabrication of events to adversely blame the King; with well-coordinated publicity campaign targeted for foreign consumption.  One of Shinawatra’s oft-stated goals is to establish a new so-called “RedThaiState.”  Shinawatra’s paid red-shirt mobs have made it clear they want Thaksin Shinawatra to be the head of the newThaiState.  This will not be tolerated by the majority of Thai people.


Thaksin Shinawatra
The resentment felt by the mass against the current regime inThailandand Thaksin Shinawatra is growing very quickly. Thailand may be the first country in the Southeast Asia to experience an Arab Spring-style uprising against the current government in the near future and U.S. foreign policy makers may be surprised to see the weakness in quantity and quality of the paid mobs supporting Shinawatra (despite the widespread publicity in the media) versus the strength of Thai citizens from all parts of the country supporting the King.

The issue of whether theU.S.will grant an entry visa to Thaksin Shinawatra is profoundly sensitive to Thai-Americans and Thai people inThailandwho are watching the U.S. State department with keen interest.   We hereby eagerly urge the United State Administration to deny visa to Thaksin Shinawatra for following reasons:

To adhere to theU.S.law and good practice of the past.

To avoid association with a corrupt regime, and a loss of goodwill and legitimacy with the Thai people in the event of an Arab-Spring style uprising against the present government.

America needs to stand up for democracy and its ideal of respecting the rule of law and human rights.  The United State Administration must not allow Thaksin Shinawatra, who not only has been accused of countless of well publicized and documented human rights violations, but also convicted by the Thai supreme court for corruption, (not to mention many other of charges of corruption and abuse of power still pending against him) to enter the United States.

Instead of forging the future ofU.S.relations with the Thaksin Shinawatra, we strongly urge the US Administration to heed the strong request stated in this letter, and side with the people ofThailandfor a secure relationship for a longer term into the future.  TheU.S.andThailandhave a good relationship dating back over a century, we hope the U.S.policy on this matter will help to keep it that way.

Sincerely

 

 

cnn ตรวจสอบอาหารแพงในไทย




นักข่าวซีเอ็นเอ็น แอนดรูว์ สตีเว่นส์ มาทำข่าวอองซาน ซูจี ในไทยหนนี้ และได้ทำรายงานพิเศษเรื่องอาหารแพงด้วย ไปดูกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง **รายงานพิเศษรื่องอาหารแพง ของนักข่าวซีเอ็นเอ็น แอนดรูว์ สตีเว่นส์ ระบุว่า อาหารข้างทางเป็นวิถีชีวิตหนึ่งของคนเอเชีย ตอนนี้ เราอยู่ที่กรุงเทพ ทุกวันจะมีคนไทยหลายล้านคนทั่วประเทศ ออกมาหาของกินตามตลาดที่ขายอาหารข้างทางแบบนี้ บางคนอาจต้องฝากท้องไว้กับอาหารข้างทางวันละ 2 มื้อด้วยกัน แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ อาหารในไทยพุ่งสูงขึ้น แน่นอนคนไทยไม่พอใจกับเรื่องนี้ สาวคนนี้ บอกว่า ไม่ค่อยพอใจอาหารที่แพงขึ้น คิดว่า ทุกคนคงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน อาหารแพงกระทบคนจนที่สุด และคนจนนี่แหละที่เป็นฐานเสียงของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังได้รับการร้องเรียนเข้ามามากว่า ข้าวของแพง ยิ่งลักษณ์เธอก็ลงมือตรวจเยี่ยมตลาดอยู่หลายครั้ง เพื่อทำให้ชาวบ้านเห็นว่า เธอรู้ถึงความเจ็บปวดของพวกเขา แต่ก็ยังมีนโยบายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ คือ การปล่อยลอยตัวพลังงานและต้นทุนค่าขนส่ง และขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเฉลี่ยอีก 40% เป็น 300 บาทต่อวัน หรือวันละ 10 ดอลลาร์ ด้านรัฐมนตรีพาณิชย์ของไทย พยายามจะคุมราคาอาหารข้างทาง นี่คือข้าวราดแกง เป็นอาหารข้างทางแท้ๆ มีหมู ข้าว ไก่ เต้าหู้ ราคาประมาณ 30 บาท หรือ 1 ดอลลาร์ แต่จริงๆ แล้ว แนวคิดแบบนี้ก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงใช้วิธีให้ข้าว ให้เนื้อน้อยลง แม่ค้ารายนี้บอกว่า ก็ใช้วิธีใส่เนื้อให้น้อยหน่อย ข้าวของแพงมาก อาหารที่ขายก็แทบจะไม่ค่อยได้กำไรอยู่แล้ว ก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วย อาหารข้างทางในเมืองไทย มีราคาแพงขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไม่กี่เดือนก่อน ถือว่า ราคาแพงกว่าเดิมเยอะมาก เมื่อเทียบกับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 2.5%เท่านั้น รัฐบาลบอกว่า กำลังตรวจสอบเรื่องนี้


ดูคลิปที่ >>http://www.springnewstv.tv/news/foreign/15060.html ผู้สื่อข่าว : เกศินี สุวรรณชีวะศิริ ข่าวจริงสปริงนิวส์ ทันเหตุการณ์ เห็นอนาคต
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง