วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555
ทำไมต้องเป็น ปตท. ???
ท่าน รองนายกและรมว คลังฯ ทำไมต้องเร่งรัดให้กระทรวงการคลังขายหุ้นให้กับกองทุนวายุภักษ์ให้เสร็จสิ้น ในปีนี้ ในเมื่อ ปตท ก็มีกำไรสุทธิมากกว่า รัฐวิสาหกิจอื่น หากรวบรวมกัน 10 อันดับแล้วจะพบว่า ปตท เข้ามาอันดับแรก
รัฐวิสาหกิจที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 10 อันดับต้นๆมีอะไรบ้าง ข้อมูลของกระทรวงการคลัง อัพเดท 31ธ.ค.2553 มีดังนี้ครับ
1.บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน ) กำไรสุทธิ 83,087.72 ล้านบาท
2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กำไรสุทธิ 37,355.13 ล้านบาท
3. ธนาคารออมสิน กำไรสุทธิ 19,399.73 ล้านบาท
4. บริษัท การบินไทย จำกัด ( มหาชน ) กำไรสุทธิ 15,397.94 ล้านบาท
5. บมจ.ธนาคารกรุงไทย กำไรสุทธิ 14,913.24 ล้านบาท
6. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กำไรสุทธิ 14,762.89 ล้านบาท
7. การไฟฟ้านครหลวง กำไรสุทธิ 8,680.22 ล้านบาท
8. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กำไรสุทธิ 8,012.27 ล้านบาท
9. บริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) กำไรสุทธิ 7,765.31 ล้านบาท
10.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กำไรสุทธิ 6,354.11 ล้านบาท
ซึ่งรวม 10 ลำดับแล้วจะมีมูลค่าถึง 215,728.57 ล้านบาท หากเทียบจากรายได้ของ ปตท แล้ว มีมูลค่าถึง 38.5% เลยทีเดียว
เมื่อเราดูรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรสูงสุด 10 อันดับแรกแล้ว เราหันมาดูบ้างว่ารัฐวิสาหกิจที่ มีผลขาดทุนสูงสุด 10 อันดับแรกบ้าง
1.การรถไฟแห่งประเทศไทย ขาดทุนสุทธิ 7,584.03 ล้านบาท
2.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขาดทุนสุทธิ 4,972.58 ล้านบาท
3.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ขาดทุนสุทธิ 862.88 ล้านบาท
4.องค์การสวนสัตว์ ขาดทุนสุทธิ 167.96 ล้านบาท
5.การกีฬาแห่งประเทศไทย ขาดทุนสุทธิ 87.64 ล้านบาท
6.องค์การตลาดเพื่อการเกษตร ขาดทุนสุทธิ 74.12 ล้านบาท
7.องค์การคลังสินค้า ขาดทุนสุทธิ 68.91 ล้านบาท
8.องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ขาดทุนสุทธิ 36.85 ล้านบาท
9.องค์การสะพานปลา ขาดทุนสุทธิ 11.69 ล้านบาท
10.บริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด ขาดทุนสุทธิ 5.33 ล้านบาท
รวมทั้ง 10 ลำดับมีมูลค่าขาดทุนสุทธิ 13,871 97 ล้านบาท
ซึ่ง แต่ละรัฐวิสาหกิจล้วนแต่มีหนี้สาธารณะกันทั้งนั้น หากเรามามองหนี้สาธารณะคงค้าง อัพเดทเดือน กันยายน 2554 จำนวน 4,269,026.84 ล้านบาท คิดเป็น 40.22% ของ GDP ที่กระทรวงการคลังประกาศใว้แบ่งออกเป็น
1.หนี้สาธารณะที่รัฐบาลกู้โดยตรง 3,010,317.68 ล้านบาท ร้อยละ 28.36 ของGDP
2.หนี้สาธารณะที่เป็นของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,072,101.07 ล้านบาท ร้อยละ 10.10 ของGDP
3.หนี้สาธารณะที่เป็นของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน 155,624.44 ล้านบาท ร้อยละ 1.47 ของGDP
4.หนี้สาธารณะที่เป็นของกองทุนฟื้นฟูฯ 30,983.65 ล้านบาท ร้อยละ 0.29 ของGDP
หมายเหตุประมาณ GDP ปี 2554 เท่ากับ 10,840.50 พันล้านบาท
คำให้สัมภาษณ์ของนายวีระพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) บางส่วนดังนี้
“แนวทางดังกล่าวจะช่วยลดภาระหนี้สาธารณะให้ลง โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 4 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 41% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งการปลดหนี้ของ ปตท.และการบินไทย จะทำให้หมดภาระหนี้รวม 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10% ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม หนี้สาธารณะในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นหนี้จากรัฐวิสาหกิจค่อนข้างมาก ส่วนรัฐบาลกลางก่อหนี้เพียง 1% ของจีดีพีเท่านั้น หากปลดภาระหนี้ดังกล่าวได้ จะทำให้รัฐบาลสามารถกู้เงินเพื่อมาพัฒนาประเทศไทยได้มากขึ้น”
หากเรามองข้อมูลของกระทรวงการคลังและพบว่าหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่ 4 ล้านล้านหรือประมาณ 41% ของGDP จริง และหนี้สาธารณะของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มีอยู่ประมาณ 10% จริง แต่ที่พูดมาไม่จริง ก็คือ รัฐบาลกลางก่อหนี้เพียง 1% ของ GDP
ซึ่ง จากข้อมูลกระทรวงการคลังพบว่า หนี้สาธารณะที่รัฐบาลกู้โดยตรง 3,010,317.68 ล้านบาท ร้อยละ 28.36 ของGDP ซึ่งไม่ใช่ 1% ของ GDP แต่อย่างใด
จึงเป็นที่น่าสังเกตุว่า ในเมื่อหนี้สาธารณะของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินซึงมีอยู่มากมาย คิดเป็นร้อยละ 10.10%ของGDPของประเทศ ซึ่งในจำนวนนั้นมีทั้ง ปตท การบินไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และอื่นๆ
ทำไมกระทรวงการคลังไม่คิดจะขายหุ้นในส่วนรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนอยู่ขณะนี้ ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่จะให้เอกชนเข้ามาบริหารได้อย่างเต็มที่และเป็น การเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรีขึ้น
แต่ว่าทำไมถึงคิด เอา บริษัท ปตท.จำกัด ( มหาชน ) ซึ่งมีกำไรสุทธิ อันดับหนึ่งของรัฐวิสหกิจทั้งหมด มาขายเพื่อให้หลุดพ้นจาก รัฐวิสาหกิจด้วย อ่านแล้วน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจของทุกคน ครับ
ขอบคุณภาพอินเตอร์เน็ตและขอ้มูลจาก http://www.mof.go.th
by ณสยาม
ปัญหาการแก้ไขมาตรา 112 ของกฎหมายอาญา
Source - ไทยโพสต์
โดย มีชัย ฤชุพันธุ์
มีเสียงพูดกันถี่ขึ้นถึงประ
บ้างก็ว่าสมควรแก้ไขเพิ่มเต
ความคิดเห็นที่แตกต่างหรือก
แต่ก่อนที่จะเฮโลกันเห็นด้ว
เผื่อใครที่มีอำนาจ อยากจะยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติม จะได้ทำได้ถูกและหาเหตุผลชี
เพราะขึ้นชื่อว่า "กฎหมาย" เมื่อล้าสมัย หรือไม่เหมาะสมกับสังคม หรือขัดต่อความรู้สึกของคนส
การกระทำความผิดตามมาตรา 112 นั้น คนชอบเรียกกันว่าเป็นความผิ
ถ้ากฎหมายมันเป็นอย่างนั้นจ
แล้วกฎหมายเป็นอย่างนั้นจริ
แท้ที่จริงแล้ว การกระทำอันจะเป็นความผิดตา
การที่มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพ
อยู่ๆ ใครจะลุกขึ้นใส่ร้ายใคร หรือดูหมิ่นใคร หรืออาฆาตมาดร้ายใคร แล้วอ้างว่าเป็นการใช้เสรีภ
ตัวอย่างเช่น นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ
อาจารย์หรือนักวิชาการทั้งห
มีนักวิชาการบางคนอ้างว่า ความผิดฐานหมิ่นประมาท คุ้มครอง
มีนักวิชาการบางคนอ้างว่า ความผิดฐานหมิ่นประมาท มีอยู่แล้วในประมวลกฎหมายอา
ข้อคิดเห็นอย่างนี้แหละที่ส
เพราะตามกฎหมายอาญาของไทยนั
มาตรา 133 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมา
แปลว่า พระราชา พระราชินี คู่สมรส หรือประธานาธิบดีของประเทศไ
ใครจะเที่ยวได้ใส่ร้าย ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้าย ไม่ได้ และไม่ว่าจะไปแอบด่าเขาในเว
จะด่าโอบามา หรือภรรยาของโอบามา หรือด่ากัดดาฟี ก็อาจมีความผิดตามกฎหมายไทย
มาตรา 134 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายผู
แม้แต่บรรดาทูตทั้งหลายที่ไ
นอกจากชาวต่างชาติแล้ว คนไทยด้วยกันในฐานะต่างๆ กัน ก็ได้รับความคุ้มครองเป็นพิ
มาตรา 198 ผู้ใดหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษ
สำหรับมาตรา 136 นั้น อย่าไปนึกว่าเขียนสั้นๆ เพียงเท่า นั้นแล้วจะไม่มีความหมายอะไ
จากบทบัญญัติของประมวลกฎหมา
สำหรับพระมหากษัตริย์ของไทย
สำหรับมาตรา 8 ดังกล่าวนี้ เห็นจะต้องบอกไว้เสียก่อนว่
ถ้าไม่บอกไว้ให้ละเอียด เดี๋ยวจะมีคนหาว่าเพิ่งจะมา
เมื่อรัฐธรรมนูญรับรองฐานะข
กฎหมายอาญามาตรา 112 จึงมีขึ้นด้วยประการฉะนี้ และเป็นการบัญญัติที่สอดคล้
อันการกระทำทั้ง 3 อย่างดังกล่าวสำหรับคนไทยโด
และถ้าเรานึกถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่ผูกพันคนไท
ความสงสัยเช่นว่านี้น่าจะเข
แท้ที่จริงแล้วกฎหมายอาญาคุ
ในเรื่องชาติ ซึ่งมีธงไตรรงค์เป็นสัญลักษ
ในเรื่องชาติ ซึ่งมีธงไตรรงค์เป็นสัญลักษ
และไม่เพียงแต่คุ้มครองชาติ
ในส่วนที่เกี่ยวกับศาสนา ประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติไ
รวมความว่า ประมวลกฎหมายอาญา ได้ให้ความคุ้มครองทั้ง 3 สถาบันไว้เป็นพิเศษ และไม่เพียงแต่คุ้มครองสถาบ
บางคนอ้างว่า มาตรา 112 กำหนดให้เป็นความผิดอาญาแผ่
แต่บทบัญญัติของกฎหมายที่ให
ใจคอจะให้พระมหากษัตริย์มาเ
ถ้าทำเช่นนั้นจะไม่ขัดต่อหล
บางคนอ้างว่ากฎหมายเช่นนี้ ทำให้ขัดต่อหลักเสรีภาพในกา
คำพูดบางอย่างบางลักษณะพูดก
พอพบหน้าเพื่อนที่ไม่ได้พบก
แต่ถ้าอาจารย์เดินเข้ามาในห
สำหรับที่บางคนวิจารณ์ว่าโท
แม้โทษที่กฎหมายกำหนดไว้จะค
คนที่เรียนกฎหมายย่อมรับรู้
ผู้จัดการธนาคาร ยักยอกเงินของธนาคารไปครั้ง
นักสิทธิมนุษยชนคงร้องลั่นว
โทษตามกฎหมายอาญานั้น บางครั้งก็ถูกเพิ่มขึ้นตามค
ขอย้ำอีกครั้งว่า ความเห็นในเรื่องการแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขกฎหมายนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดแต่
ที่สำคัญต้องไม่นำเอาความรู
ที่สำคัญต้องไม่นำเอาความรู
คนไทยที่ผิวคล้ำหรือดำเป็นต
ใครไปด่าพ่อแม่ของคนอเมริกั
ความรู้สึกของสังคมหนึ่งจึง
ใครที่คิดหรือรณรงค์เพื่อให
ทำไมสถาบันอื่นๆ ยังสมควรได้รับการคุ้มครองเ
ทำไมจึงจะยกเลิกแต่เฉพาะการ
หรือตั้งใจจะยกเลิกการคุ้มค
เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจได้
ไทยเซ็งถูกจัดเสี่ยงก่อการร้าย-อันดับ12ของโลก
สถาบันจัดอันดับเมืองผู้ดี ทำไทยวุ่นอีก
‘เมเปิ้ลครอฟท์’ จัดอันดับไทยเสี่ยงก่อการร้ายอันดับ 12 ของโลก อันดับ 1
ของเอเชีย จาก 197 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ ‘โซมาเลีย-ปากีสถาน-อิรัก’
อยู่ในอันดับต้นๆ ระบุประเมินโดยรวมจากเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
‘ปณิธาน วัฒนายากร’ ชี้ ผลการจัดอันดับยังไม่สะท้อนภาพรวมทั้งประเทศ
แนะ ‘นักลงทุน’ วิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นๆ ด้วย
โดย เหมือนแพร ศรีสุวรรณ ศูนย์ข่าว TCIJ
ทันทีที่มีการประกาศแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ผ่านทางเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ให้เฝ้าระวังการก่อการร้ายในแหล่งท่องเที่ยวจุดสำคัญๆของกรุงเทพมหานคร โดยนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กอปรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายอาทริส ฮุสเซน ชาวสวีเดน พร้อมปุ๋ยเคมีที่ใช้ในการผลิตวัตถุระเบิดที่โกดัง ในจ.สมุทรสาคร โดยเจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาว่า มีส่วนพัวพันกับการก่อการร้ายของกลุ่มเฮชบอลเลาะห์ ทำให้ประเทศไทยถูกจับตาจากนานาชาติเกี่ยวกับประเด็นการก่อการร้ายทันที
อย่างไรก็ตามก่อนหน้าในช่วงเดือนสิงหาคม 2554 ทางเว็บไซต์ http://maplecroft.com ประเทศ อังกฤษได้จัดทำดัชนีความเสี่ยงจากการก่อการร้าย (Terrorist Risk Index-TRI) ในฐานะผู้ให้บริการข้อมูลกับนักลงทุนในการตัดสินใจ เกี่ยวกับความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยสำรวจจาก 197 ประเทศ โดยประมวลผลจากข้อมูลด้านความรุนแรงและความถี่ของการก่อการร้ายในแต่ละ ประเทศนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 พบว่า ไทยมีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายอยู่ในอันดับที่ 12 ของโลก เป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ในปี 2553 ไทยติดอันดับ 7 ซึ่งทีอาร์ไอ ระบุถึงสาเหตุของเหตุการณ์การก่อการร้ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ดัชนีความเสี่ยงการก่อการร้ายส่วนใหญ่จะเป็นเหตุการณ์ภาพรวมทั้งหมดของ ประเทศ ไม่ได้แบ่งพื้นที่ หรือภูมิภาคที่ชัดเจน แต่ในกรณีที่สถาบันเมเปิ้ลครอฟท์ (Maplecroft) จัดทำดัชนีความเสี่ยงจากการก่อการร้าย โดยจัดอันดับให้ไทยเป็นอับดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนับจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับถือว่ายังไม่สะท้อนภาพรวมของ ทั้งประเทศ การจัดอันดับแบบนี้ยังไม่สะท้อนภาพความเป็นจริงของประเทศเท่าไหร่นัก
นายปณิธานกล่าวว่า การจัดอันดับเป็นภาพรวมของความสูญเสียในภาคใต้เป็นหลัก ต้องยอมรับว่าสูง 3,000 กว่าคน แต่หากเทียบกับดัชนีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายกับประเทศโซมาเลียหรือ ประเทศซูดาน เรื่องการค้าการลงทุนยังไม่มีความพร้อมหากเทียบกับประเทศไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายมีการจำกัดพื้นที่ และต้องพิจารณาเรื่องอื่นๆด้วย หรือแม้แต่การพิจารณาเปรียบเทียบความเสี่ยงกับประเทศบูรุนดี ประเทศซูดาน และประเทศอิหร่าน ถือว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจไทยสูงกว่ามาก แต่ไทยถูกจัดอันดับในเรื่องของความเสี่ยง เป็นต้น ดังนั้นการใช้ดัชนีดังกล่าวต้องพิจารณาถึงวิธีการสำรวจ และวิเคราะห์ ขอให้ใช้ดัชนีอย่างถูกต้อง รวมถึงดัชนีด้านอื่นๆ ถ้าจะทำธุรกิจในภาคใต้ต้องระมัดระวังมาก ขณะเดียวกันต้องทราบว่าเหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้ไม่ได้กระทบต่อภาพรวมของ ประเทศ หรือภูมิภาคอื่นๆ
นายปณิธานกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ความเสี่ยงต่อการลงทุนหากพิจารณาแล้วจะมีประเด็นอื่นๆที่เกี่ยว ข้อง อาทิ ประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง นอกจากนี้การบริหารสถานการณ์น้ำท่วมที่ไม่มีประสิทธิภาพก็อาจจะเป็นประเด็น ที่ทำให้ถูกจัดอันดับอยู่ในความเสียงต่อการลงทุนด้วยก็ได้
เมื่อถามว่า ดัชนีความเสี่ยงที่หน่วยงานดังกล่าวจัดทำ นักลงทุนต้องพิจารณาเป็นพิเศษเชื่อถือได้หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ควรต้องรู้ว่าเป็นภาพรวมเฉลี่ยของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะในพื้นที่ ภาคใต้มากกว่าพื้นที่อื่นๆ เหมือนในสหรัฐฯ ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกจี้ ปล้นในรัฐนิวยอร์ก จะมากกว่าความเสี่ยงต่อการถูกจี้ ปล้นในรัฐไอโอวา หรือรัฐอิลินอยด์ เป็นต้น หากบอกว่าเสี่ยงมันก็ไม่ตรงกับความเป็นจริงเสมอไป
เมื่อถามว่า การออกแจ้งเตือนของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนหวาดวิตกต่อเหตุการณ์ในไทยหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า คงต้องติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์มากขึ้น
รายงานของสถาบันเมเปิ้ลครอฟท์ (Maplecroft) ปี 2554 ระบุว่า จำนวนการก่อการร้ายในรอบปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 15 % ประเทศที่เสี่ยงต่อการก่อการร้ายมากที่สุดคือ ประเทศโซมาเลีย อันดับสองคือปากีสถาน อันดับสาม ประเทศอิรัก อันดับสี่ ประเทศอัฟกานิสถาน และอันดับ 5 ประเทศซูดานใต้ ซึ่งติดอันดับเป็นปีแรกจากจำนวนกลุ่มผู้ก่อการร้าย จำนวนเหตุร้าย และจำนวนคนที่เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ประเทศในโลกตะวันตกที่ถูกระบุว่า มีความเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายมากที่สุดในปีนี้ คือ กรีซ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรในอันดับที่ 38 และสหรัฐอเมริกาในอันดับที่ 61 ขณะที่นอร์เวย์ ซึ่งมีเหตุระเบิดในกรุงออสโล และการยิงสังหารหมู่บนเกาะอูโทย่าที่มีผู้เสียชีวิตรวม 76 ศพ ถูกจัดอยู่อันดับที่ 112
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายในประเทศ 4 อันดับแรก รวมกันถึง 13,492 ราย คิดเป็นร้อยละ 75 จากผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายทั่วโลก โดยในโซมาเลียมีผู้เสียชีวิต 1,385 คน,ปากีสถาน 2,163 คน อิรัก 3,456 คน และอัฟกานิสถาน 3,423 คน อย่างไรก็ตามจำนวนการก่อการร้ายเพิ่มขึ้นเป็น 11,954 ครั้งในรอบ 1ปี แต่เมื่อเทียบกับปี 2553จำนวนผู้เสียชีวิตกลับลดลง โดยในปี 2553 มีผู้เสียชีวิต 14,478 คน ขณะที่ปี 2554มีผู้เสียชีวิต 13,492 คน
สำหรับประเทศไทยมีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายเป็น อันดับที่ 12 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ในปี 2553ไทยติดอันดับ 7 โดยเหตุร้ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทันทีที่มีการประกาศแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ผ่านทางเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ให้เฝ้าระวังการก่อการร้ายในแหล่งท่องเที่ยวจุดสำคัญๆของกรุงเทพมหานคร โดยนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กอปรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายอาทริส ฮุสเซน ชาวสวีเดน พร้อมปุ๋ยเคมีที่ใช้ในการผลิตวัตถุระเบิดที่โกดัง ในจ.สมุทรสาคร โดยเจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาว่า มีส่วนพัวพันกับการก่อการร้ายของกลุ่มเฮชบอลเลาะห์ ทำให้ประเทศไทยถูกจับตาจากนานาชาติเกี่ยวกับประเด็นการก่อการร้ายทันที
อย่างไรก็ตามก่อนหน้าในช่วงเดือนสิงหาคม 2554 ทางเว็บไซต์ http://maplecroft.com ประเทศ อังกฤษได้จัดทำดัชนีความเสี่ยงจากการก่อการร้าย (Terrorist Risk Index-TRI) ในฐานะผู้ให้บริการข้อมูลกับนักลงทุนในการตัดสินใจ เกี่ยวกับความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยสำรวจจาก 197 ประเทศ โดยประมวลผลจากข้อมูลด้านความรุนแรงและความถี่ของการก่อการร้ายในแต่ละ ประเทศนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 พบว่า ไทยมีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายอยู่ในอันดับที่ 12 ของโลก เป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ในปี 2553 ไทยติดอันดับ 7 ซึ่งทีอาร์ไอ ระบุถึงสาเหตุของเหตุการณ์การก่อการร้ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ดัชนีความเสี่ยงการก่อการร้ายส่วนใหญ่จะเป็นเหตุการณ์ภาพรวมทั้งหมดของ ประเทศ ไม่ได้แบ่งพื้นที่ หรือภูมิภาคที่ชัดเจน แต่ในกรณีที่สถาบันเมเปิ้ลครอฟท์ (Maplecroft) จัดทำดัชนีความเสี่ยงจากการก่อการร้าย โดยจัดอันดับให้ไทยเป็นอับดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนับจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับถือว่ายังไม่สะท้อนภาพรวมของ ทั้งประเทศ การจัดอันดับแบบนี้ยังไม่สะท้อนภาพความเป็นจริงของประเทศเท่าไหร่นัก
นายปณิธานกล่าวว่า การจัดอันดับเป็นภาพรวมของความสูญเสียในภาคใต้เป็นหลัก ต้องยอมรับว่าสูง 3,000 กว่าคน แต่หากเทียบกับดัชนีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายกับประเทศโซมาเลียหรือ ประเทศซูดาน เรื่องการค้าการลงทุนยังไม่มีความพร้อมหากเทียบกับประเทศไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายมีการจำกัดพื้นที่ และต้องพิจารณาเรื่องอื่นๆด้วย หรือแม้แต่การพิจารณาเปรียบเทียบความเสี่ยงกับประเทศบูรุนดี ประเทศซูดาน และประเทศอิหร่าน ถือว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจไทยสูงกว่ามาก แต่ไทยถูกจัดอันดับในเรื่องของความเสี่ยง เป็นต้น ดังนั้นการใช้ดัชนีดังกล่าวต้องพิจารณาถึงวิธีการสำรวจ และวิเคราะห์ ขอให้ใช้ดัชนีอย่างถูกต้อง รวมถึงดัชนีด้านอื่นๆ ถ้าจะทำธุรกิจในภาคใต้ต้องระมัดระวังมาก ขณะเดียวกันต้องทราบว่าเหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้ไม่ได้กระทบต่อภาพรวมของ ประเทศ หรือภูมิภาคอื่นๆ
นายปณิธานกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ความเสี่ยงต่อการลงทุนหากพิจารณาแล้วจะมีประเด็นอื่นๆที่เกี่ยว ข้อง อาทิ ประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง นอกจากนี้การบริหารสถานการณ์น้ำท่วมที่ไม่มีประสิทธิภาพก็อาจจะเป็นประเด็น ที่ทำให้ถูกจัดอันดับอยู่ในความเสียงต่อการลงทุนด้วยก็ได้
เมื่อถามว่า ดัชนีความเสี่ยงที่หน่วยงานดังกล่าวจัดทำ นักลงทุนต้องพิจารณาเป็นพิเศษเชื่อถือได้หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ควรต้องรู้ว่าเป็นภาพรวมเฉลี่ยของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะในพื้นที่ ภาคใต้มากกว่าพื้นที่อื่นๆ เหมือนในสหรัฐฯ ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกจี้ ปล้นในรัฐนิวยอร์ก จะมากกว่าความเสี่ยงต่อการถูกจี้ ปล้นในรัฐไอโอวา หรือรัฐอิลินอยด์ เป็นต้น หากบอกว่าเสี่ยงมันก็ไม่ตรงกับความเป็นจริงเสมอไป
เมื่อถามว่า การออกแจ้งเตือนของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนหวาดวิตกต่อเหตุการณ์ในไทยหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า คงต้องติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์มากขึ้น
รายงานของสถาบันเมเปิ้ลครอฟท์ (Maplecroft) ปี 2554 ระบุว่า จำนวนการก่อการร้ายในรอบปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 15 % ประเทศที่เสี่ยงต่อการก่อการร้ายมากที่สุดคือ ประเทศโซมาเลีย อันดับสองคือปากีสถาน อันดับสาม ประเทศอิรัก อันดับสี่ ประเทศอัฟกานิสถาน และอันดับ 5 ประเทศซูดานใต้ ซึ่งติดอันดับเป็นปีแรกจากจำนวนกลุ่มผู้ก่อการร้าย จำนวนเหตุร้าย และจำนวนคนที่เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ประเทศในโลกตะวันตกที่ถูกระบุว่า มีความเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายมากที่สุดในปีนี้ คือ กรีซ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรในอันดับที่ 38 และสหรัฐอเมริกาในอันดับที่ 61 ขณะที่นอร์เวย์ ซึ่งมีเหตุระเบิดในกรุงออสโล และการยิงสังหารหมู่บนเกาะอูโทย่าที่มีผู้เสียชีวิตรวม 76 ศพ ถูกจัดอยู่อันดับที่ 112
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายในประเทศ 4 อันดับแรก รวมกันถึง 13,492 ราย คิดเป็นร้อยละ 75 จากผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายทั่วโลก โดยในโซมาเลียมีผู้เสียชีวิต 1,385 คน,ปากีสถาน 2,163 คน อิรัก 3,456 คน และอัฟกานิสถาน 3,423 คน อย่างไรก็ตามจำนวนการก่อการร้ายเพิ่มขึ้นเป็น 11,954 ครั้งในรอบ 1ปี แต่เมื่อเทียบกับปี 2553จำนวนผู้เสียชีวิตกลับลดลง โดยในปี 2553 มีผู้เสียชีวิต 14,478 คน ขณะที่ปี 2554มีผู้เสียชีวิต 13,492 คน
สำหรับประเทศไทยมีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายเป็น อันดับที่ 12 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ในปี 2553ไทยติดอันดับ 7 โดยเหตุร้ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้
TCIJ
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง
แผนเหลี่ยมกินรวบประเทศไทย
โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
เสร็จสมอารมณ์หมายของในการปรับคณะรัฐมนตรีของนารีหน้าขาวน้องสาวหน้า เหลี่ยมร้าย ตามแผนยึดครองอำนาจแผ่นดินไทย ผ่องถ่ายทรัพย์สินของประเทศเป็นของเครือข่ายครอบครัว ญาติโกโหติกา ทาสน้ำเงิน ผีโม่แป้ง
นารีหน้าขาวจ้อหน้าซื่อตาใสว่าตัดสินใจเลือกผู้มาร่วมงานด้วยตัว เอง ไม่มีใครมาชี้แนะ แต่พี่เหลี่ยมร้ายประกาศศักดาในฮ่องกงว่าใครควรได้นั่งเก้าอี้ ยังกำชับว่าถ้า 6 เดือนไม่เห็นผลงาน ก็จะถูกเด้งเหมือนชุดแรก
เป็นการแหลซึ่งหน้าขาวๆ ยกระดับการไร้ราคา ความน่าเชื่อถือ!
แผนกินรวบประเทศไทยรอบใหม่อยู่บนฐานของการประสานกับหลายฝ่าย ทั้งเครือข่ายขายชาติในไทย ฝรั่งมังค่า ผมสีทอง ทนายยิวหิวเงินหน้าเลือด เผด็จการทหารพม่า เขมรต่ำฮุนเซน กะว่าจะไม่ให้พลาดซ้ำสอง!
การปรับ ครม. คือการดำเนินยุทธศาสตร์ เคลื่อนขบวนทัพเพื่อกินเมืองนั่นเอง เป็นศึกชิงอำนาจเหนือแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในไทย พม่า และกัมพูชา โดยมีเครือข่ายเหลี่ยมร้ายทุ่มทุน สรรพกำลังเพื่อกอบโกยเต็มที่
ยังมุ่งกวาดเงินในท้องคลัง จ้องหาโอกาสกู้เงินมาแบ่งสันปันส่วนผ่านโครงการต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นการป้องกันผสมเยียวยาสำหรับปัญหาน้ำท่วม
ขบวนการเหลี่ยมร้ายจึงพร้อม วางกำลังไว้ทุกจุด ทั้งตำรวจ อัยการ ข้าราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจสำคัญ มีนักเศรษฐศาสตร์ผีโม่แป้ง และนักวิชาการขายตัวขายชาติร่วมขบวนการขับเคลื่อนเขย่าโครงสร้างประเทศ
มีกองกำลังติดอาวุธ ชนเผ่าเสื้อแดงเป็นมวลชนต้านอำนาจกองทัพ โดยมีรางวัลให้แล้วเป็นตัวอย่างสำหรับสู้เพื่อเหลี่ยม บาดเจ็บล้มตายก็รวยได้!
เป้าหมายหลักคือการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ การคุมเงินโดยหวังยึดอำนาจในธนาคารแห่งประเทศไทย การจัดการพลังงานของประเทศ
ทุกวันนี้ยังเหลือสถาบันกษัตริย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งขบวนการเหลี่ยมร้ายยังครอบงำไม่ได้ ยังมีกองทัพเป็นกำแพงขวาง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องต้องเร่งจัดการ เหลี่ยมร้ายเพียงหวังคุมเชิงอำนาจกับกองทัพเท่านั้น
การส่ง พล อ.อ. กำพล สุวรรณทัต เพื่อนซี้จากเตรียมทหารรุ่น 10 มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม ส่งเสียงฮึ่มๆ ว่าจะรื้อ พ.ร.บ. กลาโหม เป็นเพียงการสับขาหลอก ให้ทหารออกอาการหวงอำนาจ จะได้ฟ้องชาวโลกให้ระวังรัฐประหาร
ทำให้ต่างฝ่ายเกร็ง ทหารก็เฝ้ามองการเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันก็ระวังว่าจะมีความพยายามแก้ พ.ร.บ. กลาโหมให้นักการเมืองยุ่มย่ามกับการโยกย้ายทหารหรือไม่ เมื่อคุมเชิงกันอยู่ ขบวนการเหลี่ยมร้ายก็เดินหน้าตีกินคำโตต่อไป
อย่างน้อยเหลี่ยมร้ายมีเวลาถึงเดือนเมษายน หรือเดือนตุลาคมโน่น! ตราบใดที่กองทัพไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าเสริมฐานอำนาจการเมือง เหลี่ยมร้ายไม่เดือดร้อน ยังรอได้ เพราะรัฐบาลมีโอกาสอยู่ครบเทอม 4 ปี
แต่ประชาชนผู้รักชาติ หวงแหนทรัพยากรแผ่นดินจะยอมทนได้หรือ?
การปรับ ครม. ครั้งนี้ทำให้รัฐไทยอยู่ในความเสี่ยงต่อการตกอยู่ภายไต้การยึดครองของขบวน การเหลี่ยมร้าย มีเครือข่ายต่างชาติหนุนหลัง เพราะไทยมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ทั้งอาหาร แหล่งน้ำมัน เป็นเดิมพันมูลค่ามหาศาล
ฝ่ายกองทัพอึดอัด เมื่อนารีหน้าขาวเป็นผู้นำรัฐบาล ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม หว่านยิ้ม แจกคำหวาน เยี่ยมเยียนหน่วยทหาร ไม่อหังการเหมือนพี่เหลี่ยมร้าย ใช้ความสวยฉาบฉวยฉาบทา ทำให้กองทัพต้องหยุดนิ่ง
ชายชาติทหาร เมื่อต้องรักษาภาพของความเป็นสุภาพบุรุษ มักเสียรู้ เสียท่าสตรีมีมารยามากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนในประวัติศาสตร์ โจโฉเสียท่านางเสียวเกี้ยวเพราะทนคำเว้าวอนให้ดื่มน้ำชาจนกระแสลมเปลี่ยน
ความงามของเฮเลน เป็นผลให้เมืองทรอยล่ม! หวังว่าแม่ทัพนายกองของไทยได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ปรับยุทธศาสตร์รับการรุกคืบหน้าหลายแนวพร้อมๆ กันโดยขบวนการเหลี่ยมร้าย เร่งประเมินสรรพกำลังโดยด่วน
และต้องไม่ลืมว่าการตั้งรับดีที่สุด คือการรุกกลับเหลี่ยม! ทหารทุกรุ่นคงเรียนตำรายุทธศาสตร์จากเล่มเดียวกัน สำคัญแต่ว่าใครจะสามารถปรับแนวคิด ยุทธศาสตร์ให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อได้ประโยชน์สูงสุด
เป้าหมายสำคัญคือผลประโยชน์สุขของบ้านเมือง ประชาชนโดยรวม ไม่ใช่เหยื่อประชานิยม 15 ล้านคนจากการซื้อเสียงโดยขบวนการเหลี่ยมเท่านั้น
ขบวนการเหลี่ยมร้ายอาจถือแต้มต่อในช่วงนี้ สับขาหลอกเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม พ.ร.บ. กลาโหม แก้กฎหมายหมิ่นสถาบัน! ประเด็นเหล่านี้ยังไม่สำเร็จ แต่ได้ตีกินด้านเศรษฐกิจไปมหาศาล ทั้งโอนถ่ายหนี้เน่าให้แบ็งค์ชาติ ได้โอกาสกู้เงิน การคุมหน่วยงานเหมือนพิมพ์ธนบัตรได้เอง
ทั้งเงินและอำนาจคืออาวุธใช้จัดการอุปสรรคและฝ่ายต่อต้าน ด้วยการหว่านเงินซื้อ หรือกำจัดโดยวิธีการต่างๆ ใช้กฎหมายและขบวนการไต้ดิน
เมื่อเหลี่ยมร้ายเร่งเดินหน้า ย่อมมีกระแสต้าน แม้ยังดูแผ่วเบา ก็พร้อมจะเป็นปัญหาใหญ่ให้ขบวนการเหลี่ยมร้าย ถ้าต้องการเสี่ยงขั้นแตกหักจนเกิดมิคสัญญี นั่นเท่ากับว่าโอกาสตีกินผลประโยชน์ต่อไปจะสะดุดด้วย
นารีหน้าขาวยังเป็นฉากหน้า ปิดบังการขับเคลื่อนเดินหน้าของการยึดกุมอำนาจและผลประโยชน์แบบเบ็ดเสร็จ เมื่อยังไม่มีอุปสรรคขวางกั้น ความยโสลำพองในอำนาจ การแก่งแย่งผลประโยชน์ย่อมนำไปสู่ความขัดแย้ง
อาชญากรรม และผลกรรมสร้างต่อแผ่นดินศักดิ์สิทธิ มักจบไม่สวย! เหลี่ยมร้ายได้รับบทเรียนเจ็บปวดซ้ำซาก ยังไม่เข็ด ขนญาติพี่น้องมาเดินซ้ำรอย คงนึกว่าจะรอดปลอดภัยพร้อมรางวัลใหญ่จากการปล้นชาติ
คนไทยอดทนได้นานก็จริง! แต่ไม่ตลอดไป งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา โอกาสทองของเหลี่ยมร้ายย่อมต้องมีวันสิ้นสุด! สำคัญเพียงแต่ว่าจะมีคนไทยผู้รักชาติต่อต้านทันการ ไม่ให้ขบวนการเหลี่ยมร้ายพาชาติล่มจมหรือไม่
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
เสร็จสมอารมณ์หมายของในการปรับคณะรัฐมนตรีของนารีหน้าขาวน้องสาวหน้า เหลี่ยมร้าย ตามแผนยึดครองอำนาจแผ่นดินไทย ผ่องถ่ายทรัพย์สินของประเทศเป็นของเครือข่ายครอบครัว ญาติโกโหติกา ทาสน้ำเงิน ผีโม่แป้ง
นารีหน้าขาวจ้อหน้าซื่อตาใสว่าตัดสินใจเลือกผู้มาร่วมงานด้วยตัว เอง ไม่มีใครมาชี้แนะ แต่พี่เหลี่ยมร้ายประกาศศักดาในฮ่องกงว่าใครควรได้นั่งเก้าอี้ ยังกำชับว่าถ้า 6 เดือนไม่เห็นผลงาน ก็จะถูกเด้งเหมือนชุดแรก
เป็นการแหลซึ่งหน้าขาวๆ ยกระดับการไร้ราคา ความน่าเชื่อถือ!
แผนกินรวบประเทศไทยรอบใหม่อยู่บนฐานของการประสานกับหลายฝ่าย ทั้งเครือข่ายขายชาติในไทย ฝรั่งมังค่า ผมสีทอง ทนายยิวหิวเงินหน้าเลือด เผด็จการทหารพม่า เขมรต่ำฮุนเซน กะว่าจะไม่ให้พลาดซ้ำสอง!
การปรับ ครม. คือการดำเนินยุทธศาสตร์ เคลื่อนขบวนทัพเพื่อกินเมืองนั่นเอง เป็นศึกชิงอำนาจเหนือแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในไทย พม่า และกัมพูชา โดยมีเครือข่ายเหลี่ยมร้ายทุ่มทุน สรรพกำลังเพื่อกอบโกยเต็มที่
ยังมุ่งกวาดเงินในท้องคลัง จ้องหาโอกาสกู้เงินมาแบ่งสันปันส่วนผ่านโครงการต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นการป้องกันผสมเยียวยาสำหรับปัญหาน้ำท่วม
ขบวนการเหลี่ยมร้ายจึงพร้อม วางกำลังไว้ทุกจุด ทั้งตำรวจ อัยการ ข้าราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจสำคัญ มีนักเศรษฐศาสตร์ผีโม่แป้ง และนักวิชาการขายตัวขายชาติร่วมขบวนการขับเคลื่อนเขย่าโครงสร้างประเทศ
มีกองกำลังติดอาวุธ ชนเผ่าเสื้อแดงเป็นมวลชนต้านอำนาจกองทัพ โดยมีรางวัลให้แล้วเป็นตัวอย่างสำหรับสู้เพื่อเหลี่ยม บาดเจ็บล้มตายก็รวยได้!
เป้าหมายหลักคือการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ การคุมเงินโดยหวังยึดอำนาจในธนาคารแห่งประเทศไทย การจัดการพลังงานของประเทศ
ทุกวันนี้ยังเหลือสถาบันกษัตริย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งขบวนการเหลี่ยมร้ายยังครอบงำไม่ได้ ยังมีกองทัพเป็นกำแพงขวาง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องต้องเร่งจัดการ เหลี่ยมร้ายเพียงหวังคุมเชิงอำนาจกับกองทัพเท่านั้น
การส่ง พล อ.อ. กำพล สุวรรณทัต เพื่อนซี้จากเตรียมทหารรุ่น 10 มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม ส่งเสียงฮึ่มๆ ว่าจะรื้อ พ.ร.บ. กลาโหม เป็นเพียงการสับขาหลอก ให้ทหารออกอาการหวงอำนาจ จะได้ฟ้องชาวโลกให้ระวังรัฐประหาร
ทำให้ต่างฝ่ายเกร็ง ทหารก็เฝ้ามองการเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันก็ระวังว่าจะมีความพยายามแก้ พ.ร.บ. กลาโหมให้นักการเมืองยุ่มย่ามกับการโยกย้ายทหารหรือไม่ เมื่อคุมเชิงกันอยู่ ขบวนการเหลี่ยมร้ายก็เดินหน้าตีกินคำโตต่อไป
อย่างน้อยเหลี่ยมร้ายมีเวลาถึงเดือนเมษายน หรือเดือนตุลาคมโน่น! ตราบใดที่กองทัพไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าเสริมฐานอำนาจการเมือง เหลี่ยมร้ายไม่เดือดร้อน ยังรอได้ เพราะรัฐบาลมีโอกาสอยู่ครบเทอม 4 ปี
แต่ประชาชนผู้รักชาติ หวงแหนทรัพยากรแผ่นดินจะยอมทนได้หรือ?
การปรับ ครม. ครั้งนี้ทำให้รัฐไทยอยู่ในความเสี่ยงต่อการตกอยู่ภายไต้การยึดครองของขบวน การเหลี่ยมร้าย มีเครือข่ายต่างชาติหนุนหลัง เพราะไทยมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ทั้งอาหาร แหล่งน้ำมัน เป็นเดิมพันมูลค่ามหาศาล
ฝ่ายกองทัพอึดอัด เมื่อนารีหน้าขาวเป็นผู้นำรัฐบาล ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม หว่านยิ้ม แจกคำหวาน เยี่ยมเยียนหน่วยทหาร ไม่อหังการเหมือนพี่เหลี่ยมร้าย ใช้ความสวยฉาบฉวยฉาบทา ทำให้กองทัพต้องหยุดนิ่ง
ชายชาติทหาร เมื่อต้องรักษาภาพของความเป็นสุภาพบุรุษ มักเสียรู้ เสียท่าสตรีมีมารยามากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนในประวัติศาสตร์ โจโฉเสียท่านางเสียวเกี้ยวเพราะทนคำเว้าวอนให้ดื่มน้ำชาจนกระแสลมเปลี่ยน
ความงามของเฮเลน เป็นผลให้เมืองทรอยล่ม! หวังว่าแม่ทัพนายกองของไทยได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ปรับยุทธศาสตร์รับการรุกคืบหน้าหลายแนวพร้อมๆ กันโดยขบวนการเหลี่ยมร้าย เร่งประเมินสรรพกำลังโดยด่วน
และต้องไม่ลืมว่าการตั้งรับดีที่สุด คือการรุกกลับเหลี่ยม! ทหารทุกรุ่นคงเรียนตำรายุทธศาสตร์จากเล่มเดียวกัน สำคัญแต่ว่าใครจะสามารถปรับแนวคิด ยุทธศาสตร์ให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อได้ประโยชน์สูงสุด
เป้าหมายสำคัญคือผลประโยชน์สุขของบ้านเมือง ประชาชนโดยรวม ไม่ใช่เหยื่อประชานิยม 15 ล้านคนจากการซื้อเสียงโดยขบวนการเหลี่ยมเท่านั้น
ขบวนการเหลี่ยมร้ายอาจถือแต้มต่อในช่วงนี้ สับขาหลอกเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม พ.ร.บ. กลาโหม แก้กฎหมายหมิ่นสถาบัน! ประเด็นเหล่านี้ยังไม่สำเร็จ แต่ได้ตีกินด้านเศรษฐกิจไปมหาศาล ทั้งโอนถ่ายหนี้เน่าให้แบ็งค์ชาติ ได้โอกาสกู้เงิน การคุมหน่วยงานเหมือนพิมพ์ธนบัตรได้เอง
ทั้งเงินและอำนาจคืออาวุธใช้จัดการอุปสรรคและฝ่ายต่อต้าน ด้วยการหว่านเงินซื้อ หรือกำจัดโดยวิธีการต่างๆ ใช้กฎหมายและขบวนการไต้ดิน
เมื่อเหลี่ยมร้ายเร่งเดินหน้า ย่อมมีกระแสต้าน แม้ยังดูแผ่วเบา ก็พร้อมจะเป็นปัญหาใหญ่ให้ขบวนการเหลี่ยมร้าย ถ้าต้องการเสี่ยงขั้นแตกหักจนเกิดมิคสัญญี นั่นเท่ากับว่าโอกาสตีกินผลประโยชน์ต่อไปจะสะดุดด้วย
นารีหน้าขาวยังเป็นฉากหน้า ปิดบังการขับเคลื่อนเดินหน้าของการยึดกุมอำนาจและผลประโยชน์แบบเบ็ดเสร็จ เมื่อยังไม่มีอุปสรรคขวางกั้น ความยโสลำพองในอำนาจ การแก่งแย่งผลประโยชน์ย่อมนำไปสู่ความขัดแย้ง
อาชญากรรม และผลกรรมสร้างต่อแผ่นดินศักดิ์สิทธิ มักจบไม่สวย! เหลี่ยมร้ายได้รับบทเรียนเจ็บปวดซ้ำซาก ยังไม่เข็ด ขนญาติพี่น้องมาเดินซ้ำรอย คงนึกว่าจะรอดปลอดภัยพร้อมรางวัลใหญ่จากการปล้นชาติ
คนไทยอดทนได้นานก็จริง! แต่ไม่ตลอดไป งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา โอกาสทองของเหลี่ยมร้ายย่อมต้องมีวันสิ้นสุด! สำคัญเพียงแต่ว่าจะมีคนไทยผู้รักชาติต่อต้านทันการ ไม่ให้ขบวนการเหลี่ยมร้ายพาชาติล่มจมหรือไม่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน