จุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด -อัยการสูงสุด และกระทรวงการคลัง ได้จัดเตรียมหลักทรัพย์ไว้แล้วหากแพ้คดี
จุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เผย ศาลนัดสืบพยาน คดียึดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ในเดือน สิงหาคมนี้
สำนักข่าวINN ร ายงานว่า นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 ที่ผ่านมานี้ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเครื่องบินบอิ้ง 737 ถูกอายัดที่ประเทศเยอรมนี ว่า ศาลแลนด์ชุท (Landshut) ประเทศเยอรมนี จะมีการนับสืบพยานในช่วงเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งอัยการสูงสุด ย้ำว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เสร็จสิ้น ในการนำเครื่องบินลำดังกล่าวกลับ
ส่วนข่าวการอายัดเตรียมเครื่องบินลำที่ 2 หากเกิดขึ้นจริง จะต้องดำเนินการตอบโต้ เนื่องจากเครื่องบินลำที่ 2 ไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพอากาศแต่อย่างใด
ส่วนกรณีคดีที่บริษัท วอลเตอร์ บาว ยื่นฟ้องรัฐบาลไทย และขอให้ศาลบังคับคดีนั้น ทางไทยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลนิวยอร์กไปแล้วเมื่อวานนี้ และจะมีการนัดสืบพยานในช่วงปลายปี ทั้งนี้ ทางอัยการสูงสุด และกระทรวงการคลัง ได้จัดเตรียมหลักทรัพย์ไว้แล้วหากแพ้คดี และจะมีการฟ้องกลับบริษัท วอลเตอร์ บาว อย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด
นอกจากนี้ กรณีที่ทางการเยอรมัน ได้มีการถอนคำสั่งห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าประเทศนั้น เชื่อว่าจะไม่กระทบกับคดี เนื่องจากเป็นสิทธิของแต่ละประเทศในการให้บุคคลใดเข้าออกก็ได้
น้ำพระทัยสมเด็จพระบรมฯทรงห่วงความรู้สึกคนไทย
ก่อนหน้านี้เมื่อ 22 กรกฎาคม นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการถอนอายัดเครื่องบินพระราชพาหนะ โบอิ้ง 737 ว่า "สมเด็จพระบรมฯทรงห่วงความรู้สึกของคนไทย อยากให้คนไทยเข้าใจว่าพระองค์ท่าน ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎการบิน ทรงทำถูกต้องทุกอย่าง พระองค์ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับคดี รัฐบาลไทยพร้อมที่จะเอาเงินวางเพื่อจะนำเครื่องบินออกมาเพื่อถวายพระองค์ ท่านทรงใช้งาน แต่พระองค์ท่านมีพระราชวินิจฉัยว่าไม่ต้องวางเงินประกัน พระองค์ท่านไม่ประสงค์ให้นำเงินของรัฐบาลไทยไปวาง ทั้งนี้จากการรายงานข่าวของASTVผู้จัดการ
สถานทูตเยอรมันแถลงคดีสิ้นสุดแล้วไทยควรจ่ายหนี้
ในวันที่ 22 กรกฎาคม สถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์กรณีโบอิง 737 บอกคำตัดสินของศาลเป็นอันสิ้นสุด และจะไม่มีการสืบพยานใด ๆ อีกที่จะเปลี่ยนแปลงคำตัดสินดังกล่าว วอนไทยชำระเงินที่ค้าง เพื่อคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจากรายงานข่าวของINN
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา สถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ยืนยันคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่สั่งให้ประเทศไทยจ่ายค่าชด เชยจำนวน 36 ล้านยูโร และแสดงความคาดหวังให้ประเทศไทยชำระเงินดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเยอรมัน และจากประเทศอื่น ๆ ในประเทศไทยอีกครั้ง และจะส่งสัญญาณทางบวกสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมัน-ไทยต่อไปด้วย
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า กระบวนการตัดสินของอนุญาโตตุลาการที่นิวยอร์ก เป็นไปเพื่อร้องขอคำตัดสินว่า การบังคับคดีในเรื่องนี้ สามารถกระทำในสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่เท่านั้น ซึ่งจะไม่มีการสืบพยานใดเพิ่มเติมอีก ที่จะทำให้ประเทศไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามคำตัดสินได้ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลเมืองลานด์ชูต ใกล้เมืองมิวนิค ได้มีคำตัดสินให้ถอนอายัดเครื่องบินโบอิง 737 โดยมีเงื่อนไขคือ ทางการไทยต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกันธนาคารมูลค่า 20 ล้านยูโร แต่รัฐบาลไทยได้ประกาศว่าจะไม่นำเงินประกันไปแลกกับการนำเครื่องบินออกมาจาก สภาพการถูกอายัด การสืบพยานที่ศาลประจำรัฐเมืองลานด์ชูต จะมีขึ้นอีกครั้งประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม และยังคาดการณ์ไม่ได้ว่ากระบวนการพิจารณาทั้งหลายจะสิ้นสุดเมื่อไร
โบอิง 737 ถูกอายัด หลังจากคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้ตัดสินเมื่อกลางปี 2552 ว่า รัฐบาลไทยต้องจ่ายค่าเสียหายชดเชยให้กับบริษัท วอลเตอร์ บาว ซึ่งคำตัดสินถือเป็นสิ้นสุด
ไทยโต้คดียังไม่สิ้นสุด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันคดีความระหว่างบริษัทวอลเตอร์ บาว กับรัฐบาลไทย ยังไม่สิ้นสุดตามที่สถานทูตเยอรมนีออกแถลงการณ์ และรัฐบาลเยอรมนีไม่ได้ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเรื่องของคดีหลัก ไม่ใช่การอายัดเครื่องบิน และในส่วนของรัฐบาลไทยยังอยู่ในการต่อสู้ทางคดีที่จะมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง อนุญาโตตุลาการ ที่นครนิวยอร์ก วันที่ 29 กรกฎาคมนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงไปที่รัฐบาลเยอรมนีแล้ว และยืนยันเมื่อคดีสิ้นสุด รัฐบาลไทยพร้อมรับผิดชอบ แต่จะมีการบีบรัฐบาลไทย ในช่วงนี้ไม่ได้
ทั้งนี้ เห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลเยอรมนีมาจากการติดตามข้อมูลจากเอกชน ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ไปใช้จ่ายเงิน โดยมีการติดต่อปลายทาง และต่อรองให้ประนีประนอม ชดใช้เงิน ก่อนมีคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการที่มีการเสนอลดดอกเบี้ยให้เป็นการแลก เปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะดำเนินการฟ้องร้องกับเอกชนรายนี้ โดยจะเปิดเผยรายละเอียดหลังอัยการสูงสุดเข้าพบในวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น ถึงเหตุผลที่เยอรมนีจะดำเนินการกับไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และไม่ทราบกระแสข่าวเยอรมนีอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศได้ รวมถึงที่จะเดินทางมาที่ลาวในช่วงปลายปีนี้ด้วย
บัวแก้วออกแถลงการณ์ ซัดกลับรัฐบาลเยอรมันอย่าพาดพิง 'ราชพาหนะ'
กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์ ต่อเอกสารแถลงข่าวของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย โดยมีเนื้อหาใจความว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยได้ออกเอกสารแถลงข่าวเมื่อวัน ที่ 22 ก.ค. 2554 เรียกร้องให้รัฐบาลไทย รีบดำเนินการชำระค่าเสียหายให้แก่บริษัทวอลเตอร์ บาว โดยมีข้อความพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นั้น กระทรวงการต่างประเทศ ขอแถลงเป็นการย้ำอีกครั้งว่า กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวอลเตอร์ บาวเป็นกรณีพิพาทระหว่างรัฐกับผู้ลงทุนเอกชน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในนามของรัฐบาลไทย โดยกรณีพิพาทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่ประการใดกับสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทรัพย์สินส่วนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่คู่พิพาทในกรณีดังกล่าว และเช่นเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนีก็ไม่ใช่คู่กรณี
กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงด้วยว่า ฝ่ายไทยได้แจ้งข้อเท็จจริงข้างต้นให้แก่รัฐบาลเยอรมนีแล้วในทุกระดับตั้งแต่ ต้น ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีก็น่าจะตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงนี้ และด้วยเหตุนี้รัฐบาลไทยจึงรู้สึกผิดหวังต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาล เยอรมนี ดังเอกสารแถลงข่าวล่าสุดของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ซึ่งยังคงพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิ ราชฯ สยามมกุฎ ราชกุมาร โดยใช่เหตุ และโดยมิบังควร กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาและดำรงไว้ซึ่งพระ เกียรติยศของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม มกุฎราชกุมาร รวมทั้งกำลังดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ เรื่องเกี่ยวกับการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ยุติลงอย่างรวดเร็วและเป็น ธรรม
พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ปลุกกระแสรักชาติให้ไทยยึดทรัพย์สินเยอรมันโต้ตอบ
นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ผู้ดำเนินรายการวิทยุและโทรทัศน์ ได้กล่าวทางรายการวิทยุFM92.25เมื่อวันศุกร์ว่า การที่สถานทูตเยอรมันออกมาเร่งให้ไทยใช้หนี้บริษัทเอกชนเยอรมันเป็นการกระทำ ที่ผิด เพราะเป็นเรื่องคดีระหว่างเอกชนกับเอกชน ทางการเยอรมันทำผิดมารยาท หากตนเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีจะเรียกทูตมาตำหนิแล้วเนรเทศ
"ผมขอถามกลับไปว่า หากเป็นแบบนี้เยอรมันทำถูกหรือ เครื่องบินเป็นของสมเด็จพระบรมฯเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทยซักหน่อย แล้วเยอรมันมายึดไว้เพื่อขัดหนี้ หากทางการไทยจะเอาคืนบ้างด้วยการยึดทรัพย์สินของเอกชนเยอรมันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเบ๊นซ์ รถบีเอ็มดับบลิว หรือเคมีภัณฑ์ของบริษัทไบเออร์ที่ส่งมาขายในเมืองไทย เราก็ยึดมั่ง โดยเราบอกว่าขอยึดบ้างจะได้ไหมหละ เพราะเยอมันทำไม่ถูกกับเราก่อน เอาไหมแบบนี้"นายพิเชียรกล่าว