บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รวมพล คนดูดเกือก !!! จาก ๑๐ เบื๊อก

มา แว้ววว ..รวมพล คนดูดเกือก !!! จาก ๑๐ เบื๊อก ทำทันทีของ หม่อมปลื้ม สามกระจุก ถึง ปลายฝันนิรโทษกรรมของท่านผู้ทรงเกียรติ.. เต้น เหวง ตู่ ..ไพร่ ทาส ..ขี้คุก อัพเกรด !!!..
  by vincentoldbook ,

.. ขอบคุณภาพจาก ผู้จัดการ โพสต์ทูเดย์ Facebook และ อื่นๆในอินเตอร์เน็ต ..

มา แว้ววว ..รวมพล คนดูดเกือก !!! จาก ๑๐ เบื๊อก ทำทันทีของ หม่อมปลื้ม สามกระจุก ถึง ปลายฝันนิรโทษกรรมของท่านผู้ทรงเกียรติ.. เต้น เหวง ตู่  ..ไพร่ ทาส ..ขี้คุก อัพเกรด !!!..
โบราณว่าไว้..ไร้วาสนาอย่าขอพร ..ใครอยากได้เงินดอลล์..ให้หิ้วกระเป๋าไปขอพ่อแม้วเอาที่ต่างประเทศ..
เมืองไทยยามเรตติ้งเหตุอาเพศพุ่งกระฉูดแบบนี้ เอาอูฐ ช้าง ม้า ลา ควาย ที่ไหนมาฉุดก็ฉุดไม่อยู่..
บทจะเกิดอาเพศก็เกิดเหตุแบบซ้ำๆซ้อนๆติดๆกันซะสนั่นหวั่นไหว โดยเฉพาะ..ภายหลังวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ..
พวกฮัดเช้ย_ห่าสารพัดสัตว์ ออกมาเดินกันให้เกลื่อนถนน..
จนคนสับสนว่า..พวกไหนหว่าจะได้เข้าสภา ??..
พวกไหนหนาจะได้ไป..เขาดิน ??..
ใคร จะอยู่ ? ..ใครจะไป ?..เดี๋ยวก็รู้ว่า..หมู่ หรือ จ่า ?..ว่าแท้จริงแล้วเสียงดังกระโชกโฮกฮากข่มขู่ชาวบ้านชาวเมืองเขามาแต่ไกล นั่นน่ะ ..ใช่เสียงของ..หมา หรือ เสือ ..หรือ ..แมว ??..
ไอ้ที่มา วางกร่างวางท่าว่าเป็น เสือ สิงห์ กระทิง แรด และ นายแบบโหวตโนอยู่เต็มสภาในตอนนี้นั้น มันจะกร่างวางมาดสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติไปได้สักกี่น้ำ ?? ห้าวเป้ง.แบบนี้ส่วนใหญ่มักจะมีบั้นปลายกลายเป็นสมาชิกผู้ทรงเกือก และ สมาชิกผู้โดนเกือกคอมแบตถีบส่ง..แทบทั้งสิ้น !!..
รัฐบาลปูแดง..จะว่า ไปแล้วมีของแสลงรออยู่เต็มร่ายทางอนาคตไปหมด ไม่รู้จะไปจบเห่เอาท่าไหนดี ? ..เหตุเพราะแต่ละท่า ..ที่ปูแดงรอจบเห่นั้น ..ดูท่าจะเละเป็นโจ๊ก ตามแบบฉบับ..ยิ่งลักษณ์ ยิ่งเละ ..ต้องเละตุ้มเป๊ะมันไปหมดทุกท่าแน่นอน ..
การ มีพวกขี้ข้าหมาเห่าคอยส่งเสียงขู่ชาวบ้านเขาเพื่อเอาใจนายนั้น บ่อยครั้งที่มันนำอันตรายมาสู่นายข้าวนายกระดูกโดยใช่เรื่อง ..เรียกว่าเลี้ยงกันไปก็เปลืองข้าวสุกกันเปล่าๆ ..
ถ้าจะอยากสนุกปากแบบนี้ ถ้าอยากจะคิดอะไรพิเรนทร์ๆแบบนี้ ..
เพื่อให้นายใหญ่นายหญิงฉิบหายวอดวายไวกว่าที่คิด..แบบนี้ .. 
สู้ให้นายใหญ่นายหญิงหนีไปผูกคอตายซะดีๆ..
ไม่ดีกว่า..เหร๊อ ??..
.......................................
ภายหลัง..
ประกาศผลการเลือกตั้ง..
ของ กกต.หนังหยาบ เจ้าปัญหา
ไพร่แดงก็ได้เหลิงใจเริงร่ากันมาต่อเนื่องแบบยกเซ็ต..
ชาว บ้านชาวเมืองที่เขาเห็นต่างก็ได้แต่ด่าเช็ดเม็ด กกต. ว่าถ้าขืนทำงานหวงตัวกลัวตาย กลัวแดงข่มขู่อยู่แบบนี้ จะอยู่ทำงานกันต่อไปไปทำไมให้มันหนักสำนักงาน จะอยู่ต่อไปให้มันเปลืองงบประมาณเปลืองภาษีประชาชนอยู่ทำไม ??..
ลา ออกไปทั้งคณะไปเลยสิ้นเรื่อง อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ต่อแผ่นดินเพราะตัดสินใจอะไรไม่ได้ โดนพวกไพร่แดงข่มขู่กี่รอบต่อกี่รอบ ..ก็ออกอาการขี้หดตดหายกันไปหมดอีหรอบเดิม ..
แบบนี้เราจะมี กกต.เอาไว้ทำไม ? ..มิแซ่บบบ..
มันไร้ประโยชน์..นะคร๊าบบ !!!..
ใน คูหาเลือกตั้งก็มีพวกแดงแจ๋แดงเถือกไปนั่งสังเกตการณ์ (ข่มขู่) ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอยู่เต็มแทบทุกคูหา คนมาใช้สิทธิ์หลายคนก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์เพราะความผิดพลาดในการทำงานของ กกต.ตั้งมากมายก่ายกอง การประชาสัมพันธ์ให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็สุดแสนจะโหลยโท่ยคนยังนอน หลับทับสิทธิ์เต็มบ้านเต็มเมือง..
ช่วง ที่มีการเลือกตั้งก็ปล่อยให้ไพร่แดง และ พวกม็อบกู้ส้วมโหวตโน ..ทำการข่มขู่คุกคาม และ ตามราวีพรรคประชาธิปัตย์ตลอด .. กกต.มันดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย..ได้ตรงไหนหรือ ??..
ทำ งานได้แค่นี้บอกตามตรง ..เอาหมาไหน ? มาเป็น กกต. ก็ได้..สบายมาก เพราะที่ผ่านมา กกต. มีข้อแม้ตลอด มีเงื่อนไขปัญหาตลอด และ ปล่อยข่าวสัมภาษณ์สื่อแบบชี้นำส่งเดชมาโดยตลอด สร้างความสับสนให้กับผู้คนในสังคมไทยตลอด..โดยที่งานด้านการตรวจสอบการ ทุจริตการเลือกตั้งนั้นไม่เสร็จสักเรื่องที่เป็นเรื่องสำคัญๆ  !!!..
ที่ ผ่านมาไพร่แดงมันอ้างว่ากลัวจะโดนคนอื่นเขาโกงที่แท้ กกต. ก็ปล่อยมันไปคอยนั่งโกงนอนโกงคนอื่นเขาอยู่เต็มทั่วประเทศ พอเขาจับได้มีหลักฐานฟ้องร้องเอาผิดกันเข้ามา ก็อ้างว่าเอกสารมันเยอะคนฟ้องร้องเยอะทำไม่ทัน แทนที่เร่งทำงานกลับมาตะแบงเสนอหน้าออกสื่ออยู่ทุกวี่ทุกวัน สุดท้ายก็ปล่อยพวกเผาบ้านเผาเมืองมันเข้ามาเต็มสภากลายเป็นงานยากของชาติ บ้านเมืองไปเลย..
อย่ามาโม้ว่าจะตามสอยทีหลัง น้ำหน้าอย่าง กกต.ชุดนี้ผลงานมันมีให้เห็นอยู่แล้ว โดนไพร่แดงขู่มาตลอดและก็สมยอมยอมทำตามคำขู่นั้นทุกครั้ง ใครทักท้วงก็ไม่ฟังนั่งเปลืองภาษีประชาชนเป็นรายวันอยู่ได้..
อย่าได้ แปลกใจหากขั้นตอนต่อไปนี้คนที่เขาคัดค้านคนที่เขาทักท้วงเขาจะทวงคืนความ ยุติธรรมให้กับชาติบ้านเมือง ด้วยการฟ้องร้องเอาผิดกับ กกต. ชุดเห็ดไม่สดนี้ ..แบบยกแผง !!..
อ่านรายละเอียดข่าวประกอบเรื่องตามนี้ครับ..
ทีมกฎหมาย ปชป. รับ ผิดหวัง กกต. รับรอง "จตุพร" รอดูรายละเอียดการพิจารณาอย่างชัดเจน ก่อนดำเนินการต่อไป
http://www.innnews.co.th/ปชป-รอดูรายละเอียดจตุพร-ก่อนดำเนินการต่อ--300017_01.html
ชะตากรรมชีวิตของ กกต. ชุดนี้..ก็คงจะจบลงคล้ายๆกับ คณะลิเกสามหนาห้าห่วง นั่นแหละ..
ฝ่ายกฎหมายของ ปชป. แม่นข้อมูลเพียงพอที่จะเอาผิดกับความไม่โปร่งใสของ กกต. ชุดนี้ได้..
ใครทำอะไรไว้มันก็ต้องได้รับผลกรรม..
ที่มันก่อมันทำกันไว้นั่นแหละ !!!..
....................................
อนาคตต่อไปข้างหน้า..
อะไรๆก็ดูจะดีเข้าท่าเข้าทางโจรเผาเมืองหมด..
ล่าสุด ลูกกระจ๊อกชั้นปลายแถวส่งเสียงเจื้อยแจ้วออกมาเร่งความแรงกันถี่ยิบ..
โดย เฉพาะ ..หม่อมสามกระจุก จาก แม้ว ทีวี  ที่ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวห้าวเป้งมาแต่ไกลเพื่อเอาใจพวกไพร่แดงแฟนคลับและนาย เงิน ฟังไปๆก็คล้ายๆเสียงของพวกเด็กทารกอมมือที่ร้องงอแงเอาแต่ใจตัวเอง แบบว่า หนูจะเอา หนูจะเอา ..อะไรประมาณนั้นนั่นแหละ..
แหม ..ทำอวดเก่งอวดดีสะเออะเสนอแนะภารกิจใหม่เร่งด่วนแก่นายหญิง..
เสนออะไรไม่เสนอดันไปเสนอหนทางสู่นรกอเวจี ..ให้กับปูแดงซะงั้น !!! ..
ทัศนะ ของ หม่อมสามกระจุกเนี่ยจะว่าไปแล้วมันเป็นแนวคิดพวกฝักใฝ่เผด็จการทุนนิยมสุด โต่ง มองโลกในแง่งมโข่งและงมงายในอำนาจวาสนาเกินไป พูดอวยอำนาจเผด็จการของฝ่ายรัฐบาลปูแดงจนเกินไป จนเลยเถิดไปไกลถึงขั้นจะเอานรกมาใส่หัวกบาลนายหญิงวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วย ซ้ำ โดยเฉพาะประเด็นโยกย้ายข้าราชการเนี่ยแหละ ..
หม่อมสามกระจุก พูดแบบเย้ยฟ้าท้าดินเกินไป..ท้าชนส้นคอมแบตทหารกันแบบโต้งๆไปเลยแบบนี้ มันช่างสวนทางกันเหลือเกินกับคำสัญญาหน้าหนา..ของใครก็ไม่รู้ ? ที่โดนพี่ชายหน้าเหลี่ยมเชิดออกมายืนจีบปากจีบคอหลอกชาวบ้านชาวเมืองเขา ว่า..พรรคเผาไทยนั้น..ไม่คิดแก้แค้น แต่จะแก้ไข !!!..
ทว่า เท่าที่ฟัง  หม่อมสามกระจุก ร่ายลมปากเหม็นๆมาทั้งหมด ๑๐ ข้อนั้น ..
มี ๗ - ๘ ข้อที่มันไม่คิดจะแก้ไข แต่มันคิดจะแก้แค้นท่าเดียว..ชัดๆ !!..
ภารกิจ ใหม่ ๑๐ ข้อ ทำทันที ..ของ หม่อมสามกระจุก เนี่ยทหารได้ยินแล้วขำก๊าก ขัดลำกล้องปืน เช็ดส้นคอมแบตไว้รอเลย ถ้าส้นคอมแบตจะฟาดหน้าฟาดปากใครก่อนเพื่อนในรอบต่อไปนั้น ..
ทหารเขาคงจะกาหัวกบาล หม่อมสามกระจุกปากดี..ไว้เป็นรายชื่อลำดับต้นๆแน่ๆ !!!..
โทษฐานอวดดี..มาแหย่..เสือหลับ !!!..
อ่านรายละเอียดข่าวประกอบเรื่องตามนี้ครับ ..
ภารกิจรัฐบาลใหม่


ภารกิจรัฐบาลใหม่มีดังต่อไปนี้
๑. ย้ายผบ.ทบ./ตั้งเตรียม ๑๐ รมว.กลาโหม/รื้อโผทหาร
๒. ตั้งผบ.ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์
๓. ย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
๔. ตั้งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์/ผอ.ช่อง ๑๑ คนใหม่
๕. รื้อผังรายการช่อง ๑๑
๖. เปลี่ยนบอร์ดอสมท./การท่าฯ
๗. กลับเข้า UNESCO/เจรจา OCA กับกัมพูชา
๘. เเก้รัฐธรรมนูญ/มาตรา ๑๑๒ กฏหมายอาญา
๙. กำหนดเงินเดือนข้าราชการที่ ๑๕,๐๐๐ บาทขึ้นต่ำสำหรับ ซี ๔
๑๐. ขึ้นค่าเเรงขั้นต่ำทันที ๓๐๐ บาท/วัน
..............................
หากพิจารณา..
กันตามอารมณ์แนวคิดเบื๊อกๆ ๑๐ ข้อ ของหม่อมสามกระจุก..
ที่สาระแน..แคะขี้หมูในรูสมองมาผสมขี้ตัวเองเพื่อลองของทหารแบบนี้ ..
เรา ในฐานะท่านผู้ชมคนดูก็พอจะรู้และฟันธงได้ทันทีว่า..หม่อมสามกระจุกไม่ได้คิด เองคนเดียวหรอก ??..แนวคิดที่ว่านี้ ..มันชัดเจนแน่นอนว่า ..มันเป็นความคิด และ แผนการณ์ลึกๆในใจของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ !!!..
ตอนนี้เรารอ แค่ว่า..ทักษิณ ชินวัตร มันจะสั่งรัฐบาลโคลนนิ่งของมัน ดีเดย์เริ่มทำกันวันไหนแค่นั้นเอง ??..หม่อมสามกระจุก มันก็แค่พวกลูกจ้างเป่าแตร ที่รับจ้างเป่าเสียงสูงเสียงต่ำเพี้ยนๆป่วนรูหูคู่ต่อสู้ไปวันๆ..แค่นั้นเอง !!!..
แนวคิดพวกนี้ไม่ใช่ไม่มีใครในฝ่ายตรงข้ามทักษิณที่เขาไม่รู้ ? หรือ ไม่มีใครที่เขาจะมองเกมพี่แม้วแดงของน้องปูแดงไม่ออก ??..ตรงกันข้ามฝ่ายตรงข้ามทักษิณนั้น เขากลับไปตั้งหลักรอสวนกลับแรงๆ ตั้งแต่หลังทราบผลการเลือกตั้งกันแล้วด้วยซ้ำ ?? ..
มีอำนาจรัฐถือไว้ ในมือ แต่ไม่ถือไว้เพื่อใช้ประโยชน์ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ดันตั้งท่ามาหาเรื่องชาวบ้านชาวเมืองเขาตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงานมีผลงานห่า อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ..
เอาแต่กร่างอ้างว่าชนะเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามา วันๆก็เอาแต่คุยโวอวดดีอวดเก่งอย่างเดียวไม่เหลียวดูสารรูปตัวเอง ไม่เหลียวดูสารรูปรัฐบาลตัวเองว่ามันจะไปรอดไม่รอด ??..
ใน ขณะที่หม่อมสามกระจุกของเรากำลังคลำหาส้นคอมแบตทหารอยู่นั้น ประชาชนแดงเถือกที่หม่อมสามกระจุกอ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ต่างก็กำลังประสบกับปัญหาชีวิตอย่างหนัก ..โดนพายุฝนกระหน่ำซัดจนโงหัวไม่ขึ้นกันมาแรมเดือนแล้ว..
ปัญหาข้าว ของราคาแพง ปัญหาคนยากคนจน ปัญหาภัยธรรมชาติที่กำลังล่อชาวนาจนโงหัวไม่ขึ้น มันไม่เคยหลุดมาจากปากรัฐบาลใหม่ปูแดงเลยว่าจะแก้ไขอย่างไร ? จะทำอย่างไรเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ?..อย่างน้อยๆก็บอกให้พวกเขามีความหวังมีความฝันลมๆแล้งๆเหมือนตอนหาเสียง เลือกตั้งบ้างก็ยังดี !!..นี่มันเอาแต่..เงียบฉี่ !!!..
วันๆฝ่าย รัฐบาลปูแดง ไม่ว่าจะแกนนำไพร่แดง ไม่ว่าจะเป็นสื่อเสี้ยมสีแดง เอาแต่มานั่งคิดจะจัดการใครก่อนดี ? จะตามราวีใครบ้าง ?? จะไปกร่างใส่ใครต่อ ?? ..
แล้วมันจะไม่ก่อเกิดสงครามกลางเมืองกันในเร็ววันเลยหรือแบบนี้ ???..
อย่างนี้มันจะไปรอด..ไหวเหร๊อ ?? รัฐบาลปูแดงเนี่ย ๖ เดือนนานเกินไปมั้ง ??..
หากว่าตามเรตติ้ง..แรงดูดเกือกของพวกลูกกระจ๊อกปลายแถวพวกนี้ !!..
เดือนสองเดือนข้างหน้าเนี่ย ..ก็น่าจะอยู่ในภาวะโคม่า!!!..
สุ่มเสี่ยง..ที่จะโดนทหารออกมาถีบตกเก้าอี้กันไปอีกรอบแหงๆ !!!..
........................................
 
เวรกรรมนายแม้วจริงๆ..
ที่มีแต่พวกลูกกระจ๊อกที่ขยันโชว์โง่กันจนออกนอกหน้า..
วันก่อน..เสียงแนะนำเส้นทางไปนรกดังมาจากหม่อมสามกระจุก..
วานนี้ ตู่ จตุพร ที่เพิ่งออกมาจากคุก..ก็มาคอนเฟิร์มตั่วไปทัวร์นรกกันต่อ..
รอบ นี้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว ตู่ จตุพร ให้ได้มาเป็น ส.ส. ลำดับที่ ๕๐๐ พอดิบพอดี ไม่รู้ว่าผีผลักหรือนรกถีบให้มาลงเอยกับเลขนี้ แต่ว่าเลขที่นี้ก็เหมาะสมกับ ตู่ จตุพร ดีแล้วล่ะ ..
เพราะพอออกจากคุกมาก็มาวาดลวดลายท้าตีท้าต่อยกับชาวบ้านเขา..
ชนิดสวนทางสคริปต์ เผาไทยไม่คิดแก้แค้นแต่จะแก้ไข ของนายกฯหญิงหมด ..
เฉกเช่นเดียวกันกับ..หม่อมสามกระจุกไม่มีผิดเพี้ยน !!!..
อ่านรายละเอียดข่าวประกอบเรื่องตามนี้ครับ..
“ไอ้ตู่” ออกคุก กัด “สุเทพ” ขุดรูอยู่หรือยัง “เต้น” ขอบคุณ กกต. ให้ความยุติธรรม
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000095690
ตู่ จตุพร ..
พูดออกมาอย่างนี้แล้ว..
นายหญิงปูแดงจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ?..
ไหนล่ะ ..คำว่า ปรองดองของน้องปูแดงน่ะ..อยู่ไหนหรือ ??..
นาย หญิงปูแดงตอนนี้มองไปทางไหน ? ก็มีแต่เรื่องหายนะที่ให้เฝ้าคิดเฝ้าระวังตลอด รายชื่อ ครม.ยังไม่ออกมา ก็โดนชาวบ้านเขาด่าทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว กับเรื่องของการออกตัวแต่ไก่โห่เกี่ยวกับนโยบายต่างๆที่สัญญาไว้กับประชาชน แล้วว่าจะทำแต่ตอนนี้ทำท่าว่าจะทำไม่ได้ หรือ ถ้าทำก็คงจะทำแบบล้างผลาญภาษีประชาชนเอาไปอุ้มนายทุนเพื่อให้นายทุนยืนได้ แต่ชาวบ้านตายห่านั่นแหละ ..
บางนโยบายตอนนี้พรรคเผาไทยเพื่อแม้วของ น้องปูแดงก็ออกมาปฏิเสธพับโครงการกันไปดื้อๆแล้วหลายโครงการด้วยซ้ำไป..โทษ ฐานคิดเพื่อโม้ แต่ไม่ได้คิดเพื่อทำ เพราะมันไม่มีปัญญาจะทำ เป็นเพียงแค่..เทคนิคในการหาเสียง !!!..
วันนี้ ชาวนากำลังเดือดร้อน และ กำลังสับสนอย่างหนักต่อทิศทางไปของอนาคตชาวนาในภาคการเกษตร หากระบบจำนำถูกนำมาใช้แทนระบบประกันรายได้ในรัฐบาลปูแดงนี้ ทุ่งนาที่เละตุ้มเป๊ะไปกับพายุฝนอยู่ในขณะนี้ก็อาจจะต้องเน่าฟรี เพราะไม่มีค่าตอบแทนอะไรมาชดเชยจากทางรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว ..
อ่านรายละเอียดข่าวประกอบเรื่องตามนี้ครับ..
ปภ. สรุปพิษพายุ 'นกเตน' เสียหาย 14 จว.
http://www.innnews.co.th/ปภ-สรุปพิษพายุ-นกเตน-เสียหาย-14-จว--299963_03.html
พวก โรงสีที่มันตุนข้าวไว้ พวกข้าวถุงที่มันกำลังโก่งราคา หรือ พวกชาวนาที่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วม และ กำลังฝันหวานถึงราคาข้าวเปลือกตันละ ๑๕,๐๐๐ ก็คงจะออกมาอาละวาดกันแน่ๆหากไม่มีระบบรับจำนำมาใช้ในปีนี้ โดยเฉพาะเครือข่ายชาวนาทั้งหลายแหล่ที่มีพลังมวลชนเอาไว้กดดันรัฐบาลนั่นแหละ ..
ส่วน พวกชาวนาที่ไม่มีพลังกดดันอะไรมีแต่พลังกดเอทีเอ็มจ่ายหนี้ก็ก้มหน้าก้มตาหา เงินมาใช้หนี้ที่ลงทุนไป ..กว่าบัตรรูดปื๊ด รูดปรื๊ดด บัตรเครดิตชาวนาของรัฐบาลปูแดงจะมีออกมาให้ใช้ได้..ปูแดงเองก็อาจจะเกิดอุ บัตเหตุได้อำลาชีวิตทางการเมืองของตัวเองไปก่อนเวลาอันควรก็ได้..ใครจะไปรู้ ??!!...
ก็อยู่แบบไม่คิดแก้ไขแต่จะมาแก้แค้นแบบนี้..มันก็มีแต่ลาง หายนะ ลางสงครามกลางเมือง ลางจลาจลนองเลือดรออยู่ข้างหน้าทั้งนั้น ..มันจะเอาเวลาไหน ? ปัญญาไหนไปคิดไปทำไปบริหารประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ ??..
พวกชาวนา เบอร์ ๑ ..พวกแรงงาน เบอร์ ๑ ..พวกปริญญาตรี เบอร์ ๑ ..
ก็คงจะกลายเป็นเพียงกลุ่มคนช่างฝัน..ผู้น่าเวทนาไปในบัดดล..
เพราะผลของการเลือก..ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีๆนี่แหละ !!!..
.....................................
สุดท้ายนี้..
ก็อยากจะฝากถึงนายกฯหญิงปูแดงของเราเสียหน่อย..
หากคิดจะปล่อยให้พวกแกนนำไพร่แดง หรือ สื่อเสี้ยมแดง แหกปากกร่างอย่างนี้ไปเรื่อยๆ..
ก็ นับอายุงานการทำงานทางการเมืองของตัวเองแบบเป็นรายวันไปได้เลยครับ อย่าไปนับมันเป็นเดือนเป็นปี เพราะตราบใดที่พวกไพร่ทาสบริวารทั้งหลายของตัวเองนั้นไม่หัดสงบปากสงบคำ ไม่หัดที่จะหยุดอันธพาลข่มขู่ และ ที่รู้ๆกันในหมู่ชาวบ้านร้านรวงตลาดทั่วไปอีกอย่างก็คือ..หากมันไม่หยุดที่ จะออกไปปลุกระดมมวลชนไพร่แดงให้เตรียมพร้อมออกอาละวาด เตรียมพร้อมเอาพลังกฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมายเพื่อการอาฆาตมาดร้ายต่อฝ่าย อื่นๆ ..
รับประกันซ่อมฟรี ปูแดง..ไม่มีอนาคตที่ดีแน่ !! ..
ปัญหา ของรัฐบาลชุดนี้ ..พี่แม้วแดงของน้องปูแดงมันรู้ดีว่าหากขืนปล่อยพวกไพร่แดงกร่างต่อไปเช่น นี้ แผนการร้ายๆที่มันวางเอาไว้มีหวังแผนพังไม่เป็นท่า ? อุตส่าห์มาไกลถึงขั้นนี้ได้จะให้มาจอดป้ายเพราะปากของพวกเหล่าวายร้ายบ่าว รับใช้มันก็ดูจะเป็นการทรมานนายใหญ่ และ ปล่อยให้นายใหญ่ได้อายหมาบ่อยครั้งจนเกินไปแล้ว..
ดัง นั้น การเบรคสกัดความห้าวเป้งของพวกแกนนำไพร่แดง หลังจากมีการแต่งตั้ง ครม.เสร็จจึงน่าจะเป็นภารกิจแรกๆที่ปูแดงสมควรที่จะเข้าไปทำ และ สมควรที่จะทำให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป ..
หากอยาก มีเกียรติประวัติการทำงานที่ดี ไม่อยากปล่อยหน้าอกเสื้อสูทขาวของตนนั้น ขาวโพลนจนไม่มีเกียรติคุณอะไรห้อยต่องแต่งเลยสักชิ้น และ ไม่มีสายสะพายอะไรกับชาวบ้านเขาเลยแบบนั้น ปูแดงก็ควรที่จะหันไปปรามพวกลูกน้องที่มันเห่าเก่งๆ ..
อย่าปล่อยให้มันเห่าเสียจนผู้คนฝ่ายตรงข้ามเขาทนไม่ไหว..
จนต้องออกจากบ้านไปห่ำหั่นให้มันพังกันไปข้าง !!!...
ที่ สำคัญ..ข้างที่มันจะพังในตอนนี้นั้น มันน่าจะเป็นข้างน้องปูแดงเสียมากกว่า เพราะยังไม่ทันได้เริ่มทำงานทำการอะไรก็เอาแต่จะหาเรื่องใส่ฝ่ายตรงข้าม เดินหน้าสู่สงครามกลางเมืองไม่เลิก สร้างศัตรูไม่หยุด !!! ..
ปูแดง ต้องจำเอาไว้อย่างหนึ่งว่าในฐานะผู้นำประเทศ คนเรามันจะงามงามที่จิตใจไม่ใช่แป้งโปะ ..ทำอะไรก็ให้มันสมกับเป็นผู้นำประเทศหน่อย อย่าปล่อยให้พวกแกนนำไพร่แดงมันข้ามหัวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศแทน ใครเขาเห็นก็ให้รู้สึกสมเพชเวทนาน้องปูแดงจนบอกไม่ถูก ..
เป็นผู้นำ คนก็ต้องทำตนให้เป็นประโยชน์ จะมาอุปโลกน์ปล่อยสื่อเชลียร์ ปล่อยโพลล์เชลียร์ ปล่อยลิ่วล้อนอมินี่ออกมาเดินป่วนถนนเดินตะโกนเชลียร์เหยงๆ ว่าปูแดงนั้นเก่งว่าปูแดงนั้นเลิศว่าปูแดงนั้นดีอย่างไรนั้น มันไม่เกิดประโยชน์หรอก ..
ผลงานไม่มีมันก็เห็นกันอยู่ตำตา ประสบการณ์การทำงานทางการเมือง เครื่องราชอิสริยาภรณ์การทำคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองนั้น ..ปูแดงไม่เคยได้มา มันก็เห็นๆกันอยู่ !!!..
ลอง เปรียบเทียบ..คุณค่าจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และ สายสะพายบนหน้าอกเสื้อของตัวเองดูซิว่า มีเหมือนชาวบ้านชาวเมืองรอบข้างเขาหรือเปล่า ??..เอาเวลาไปทำอะไรมา อยู่ในแวดวงธุรกิจมา ๒๐ กว่าปี ไม่มีอะไรที่ทำคุณงามความดีต่อชาติบ้านเมืองเลยเหรอ ?..
ปู แดง ควรจะพิจารณาตัวเอง พิจารณาคนรอบข้างตัวเองให้มากๆ ถ้าอยากจะเดินต่อไปบนเส้นทางการเมือง อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องขำๆ เป็นงานประจำของพริตตี้ ที่จะออกไปโชว์ตัวงานโน่นงานนี่ โดยไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ หรือ ภาพลักษณ์ผู้นำอะไรมากมาย ..
เป็นผู้นำประเทศที่ต้องนำคน ๖๕ ล้านคนเดินไปข้างหน้านั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ..
แต่หากปูแดงอยากจะเป็นเพียงผู้นำโคลนนิ่งหุ่นเชิดธรรมดาๆ..
ที่พาตัวเองมาพบกับบั้นปลายแห่งความฉิบหายนั้น !!!..
มันง่ายนิดเดียว !!!..




......................................
วินเซนต์
ริมโขง  บึงกาฬ

300 บาท ได้จริงหรือไม่? ไม่รู้ รู้แต่ ค่าครองชีพขึ้นมารอแล้ว !!

ฉีกหน้า “พาณิชย์” หมูพุ่งโลละ 160 ไข่ไก่ขย่มซ้ำขึ้นฟองละ 20 สตางค์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

       ราคาหมูฉีกหน้า “พาณิชย์” พุ่งปรี๊ดโลละ 160 แล้ว ทั้งๆ ที่ประกาศราคาแนะนำไม่เกิน 150 บาท เขียงหมูแฉเป็นเพราะต้นทุนซื้อหมูเป็นมาชำแหละสูงขึ้นเป็นโลละ 82 บาทจากราคาแนะนำ 79 บาท “วัชรี” โชว์จับผู้เลี้ยงหมู หลังปฏิบัติการขายและขายเกินราคาควบคุม ส่วนไข่ไก่ขยับราคาขึ้นฟองละ 20 สตางค์ จ่อมีปัญหาซ้ำรอยหมู เหตุผู้ผลิตเพิ่มปริมาณส่งออก ทำในประเทศขาดแคลน
      
       รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า จากการสำรวจราคาขายปลีกสินค้าหมวดอาหารสด โดยเฉพาะหมูเนื้อแดง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ของกรมการค้าภายใน พบว่า ราคาขายปลีกหมูเนื้อแดง (สะโพก) เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ราคาอยู่ที่ กก.ละ 150-160 บาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 29 ก.ค.ที่ราคา กก.ละ 145-150 บาท หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย กก.7.50 บาท เนื้อแดง (ไหล่) กก.ละ 145-160 บาท เพิ่มขึ้นจาก 140-145 บาท หรือเพิ่มขึ้น กก.ละ 10 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาแนะนำที่กรมการค้าภายในกำหนดล่าสุดที่กำหนดให้ราคาขายปลีก พื้นที่กรุงเทพฯ และภาคกลาง อยู่ที่กก.ละ 140-150 บาทเท่านั้น
      
       แหล่งข่าวจากวงการค้าปลีกเนื้อหมู กล่าวว่า ผู้ประกอบการเขียงหมูไม่สามารถซื้อหมูเป็นได้ในราคาแนะนำตามที่กรมการค้าภาย ในกำหนด โดยพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคกลาง กำหนดราคาแนะนำ กก.ละ 79 บาท แต่ซื้อจริงได้ในราคา กก.ละ 82 บาท แต่ปลายทางกลับถูกบังคับให้ต้องขายในราคาควบคุมที่ กก.ละ 140-150 บาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และส่วนใหญ่ได้ปรับราคาขายปลีกขึ้นเพื่อให้คุ้มกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
      
       ขณะเดียวกัน เขียงหมูยังได้รับผลกระทบจากการที่ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ที่ได้มีการขายหมูเนื้อแดงในราคา กก.ละ 112 บาท ซึ่งการขายต่ำกว่าทุนนี้ ทำให้ลูกค้าหันเข้าไปซื้อในห้างค้าปลีกหมด เขียงหมูรายย่อยบางรายที่แบกรับภาระไม่ไหวก็ต้องปิดกิจการไป ส่วนรายที่ยังอยู่ก็ต้องทนต่อไป
      
       สำหรับหมูเนื้อแดงที่ขายในห้างค้าปลีกในราคาดังกล่าวได้ จากการตรวจสอบ พบว่า เป็นเนื้อหมูที่บริษัทผู้เลี้ยงหมูขนาดใหญ่จัดส่งให้ และห้างค้าปลีกได้จัดทำเป็นโปรโมชันของห้างที่จำกัดปริมาณการซื้อเพื่อดึง ลูกค้าเข้าห้าง โดยซื้อได้จำกัด แต่ห้างค้าปลีกหวังที่จะขายหมูส่วนอื่นๆ เช่น ซี่โครง หมูสามชั้น ซึ่งราคาปรับขึ้นไปเป็น กก.ละ 150 กว่าบาทแล้ว
      
       ส่วนการใช้มาตรการห้ามส่งออกที่กรมการค้าภายในมีแนวคิดนั้น เชื่อว่า ไม่สามารถควบคุมปริมาณการส่งออกหมูที่ผิดปกติได้ เพราะขณะนี้มีการลักลอบส่งออกหมูเป็น โดยการฉีดยาสลบ นำใส่รถบรรทุกขนผ่านเส้นทางชายแดนไทยใน จ.เชียงราย-เชียงของ เพื่อผ่านไปยังประเทศจีน เพราะราคาหมูเป็นจีน กก.ละ 100 บาท สูงกว่าราคาแนะนำหมูเป็นของไทยมาก เป็นโอกาสให้พ่อค้าทำกำไร และเป็นสาเหตุให้หมูเป็นในประเทศขาดแคลน
      
       นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ร่วมกับกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ตรวจสอบผู้เลี้ยงสุกรรายใหญ่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้เลี้ยงสุกรรายดังกล่าวมีสุกรมีชีวิตในครอบครองหลายพันตัว แต่ได้ปฏิเสธการจำหน่ายแก่ลูกค้าที่จะซื้อนำไปชำแหละ อีกทั้งยังจำหน่ายเกินราคาที่กรมการค้าภายในกำหนดที่ราคากิโลกรัมละ 79 บาท โดยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 83 บาท จึงได้ดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ ปฏิเสธการจำหน่ายและกักตุนสินค้า และจงใจจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้ควบคุมผู้เลี้ยงสุกรดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภอ.แปลงยาว อ.แปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อทำการสอบสวนต่อไป
      
       นอกจากนี้ ยังได้ประสานกรมสรรพากรและกรมปศุสัตว์ เพื่อตรวจสอบการหลีกเลี่ยงภาษี เนื่องจากพบว่ามีการออกเอกสารรับเงินต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายจริง และให้กรมปศุสัตว์สุ่มเก็บตัวอย่างปัสสาวะสุกรไปตรวจสอบเพื่อหาสารเร่งเนื้อ แดงอีกด้วย
      
       รายงานข่าวจากวงการค้าไข่ไก่ แจ้งว่า ราคาไข่ไก่ได้ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาเนื้อหมู โดยรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มปรับขึ้นเฉลี่ยฟองละ 20 สตางค์ เมื่อสอบถามจากผู้เลี้ยงไก่ไข่แจ้งว่า ขณะนี้ปริมาณไข่ไก่ออกสู่ตลาดลดลง โดยเฉพาะไข่ขนาดใหญ่ แม่ไก่ส่วนใหญ่จะฟักออกมา แต่ฟองเล็ก ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น และต้องขยับราคาขายตามให้สะท้อนกับต้นทุน อีกทั้งที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงรายใหญ่ยังมีการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาส่งออกไปต่างประเทศขายได้สูงกว่าในประเทศทำให้ปริมาณไข่ลดลง เป็นปัญหาลักษณะคล้ายกับเนื้อหมูที่ปริมาณในประเทศลด และมีการส่งออกเพิ่ม จนทำให้ราคาในประเทศต้องขยับเพิ่มขึ้น

ความรู้เรื่องวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล

by ป.ป.ช.ภาคประชาชน ,



ความรู้เรื่องวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล*

วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ (UN) มีมติเห็นชอบ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption-UNCAC, 2003) อย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ จากนั้นประเทศภาคีสมาชิก UN ๑๙๑ ประเทศรวมทั้งประเทศไทย ได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญาฯ ระหว่างวันที่ ๙-๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ ณ เมืองเมอริด้า ประเทศเม็กซิโก ดังนั้น UN จึงประกาศให้วันที่ ๙ ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti-Corruption Day)

ทั้งนี้ ทุกประเทศที่ลงนามแล้วจะต้องดำเนินการให้สัตยาบันเป็นรัฐภาคีนับแต่อนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๘ โดย เบื้องต้นมีรัฐภาคีให้สัตยาบันแล้ว ๑๐๔ ประเทศ (ธันวาคม ๒๕๕๐) สำหรับประเทศไทยอยู่ในส่วนที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน เนื่องจากมีปัญหาในทางปฏิบัติ กล่าวคือ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ แต่มีเงื่อนไขคือจะต้องมีการยกร่างกฎหมายฉบับใหม่และแก้ไขกฎหมายเดิมที่ เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับ ดังนี้

๑. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ในบทคำนิยามและมาตราที่เกี่ยวเนื่อง)
๒. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา พ.ศ.๒๕๓๕ (เพิ่มเติมการเรียกคืนทรัพย์สินจากการทุจริต)
๓. ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ….(สาระสำคัญคือมาตรการติดตามสินทรัพย์คืน)

สำหรับ การปรับปรุงกลไกทางกฎหมายตามเงื่อนไขดังกล่าว เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและและฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ในส่วนการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยก่อนการเข้าเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาฯ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ เพื่อกำกับดูแล "ศูนย์ปฏิบัติการตามพันธกรณีของ UNCAC" นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินการศึกษาวิจัยพันธกรณีและความพร้อมของประเทศไทยในการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ

หลาย ฝ่ายเชื่อว่าการเข้าเป็นรัฐภาคีจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากหัวใจสำคัญของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.๒๐๐๓ ได้กำหนดประเด็นความร่วมมือที่สำคัญของรัฐภาคี ๓ ประการ ดังนี้

๑. ด้านมาตรการเชิงป้องกัน : ทุกประเทศต้องมุ่งป้องกันปัญหาคอร์รัปชันเป็นอันดับแรก
๒. ด้านการบัญญัติความผิดทางอาญา : ทุกประเทศต้องถือว่าการคอร์รัปชันทุกรูปแบบคืออาชญากรรม
๓. ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ : ทุกประเทศต้องให้ความร่วมมือในการทำให้อนุสัญญามีผลในทางปฏิบัติได้จริง

ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ ให้แล้วเสร็จ เพื่อประเทศไทยจะได้เป็น “รัฐภาคี UNCAC” โดยไม่ชักช้า เนื่องจากทุกฝ่ายต่างทราบดีว่า ต้นตอวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ก็คือ “วิกฤตคอร์รัปชัน” อันเนื่องมาจากความไม่รู้จักพอของอดีตผู้นำหนีโทษในคดี “ใช้อำนาจโดยทุจริต”
                       
*แถลงการณ์ ป.ป.ช.ภาคประชาชน เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล, ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒.

เจ๋ง ดอกจิก สารภาพสิ้นไส้กล่าวว่าร้าย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เจ๋ง ดอกจิก แนวร่วม นปช. สารภาพปราศรัยพาดพิงเบื้องสูง

เนชั่นทันข่าว 3 สค. 2554 17:22 น.

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 3 ส.ค.54 ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีหมายเลขดำ อ.2740/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สืบเนื่องจาก กรณีเมื่อวันที่ 29 มี.ค.53 นายยศวริศ ได้กล่าวถึงสถาบันเบื้องสูงด้วยถ้อยไม่เหมาะสม บนเวทีชุมนุมของ นปช. ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนิน โดยวันนี้ศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องและชี้แจงให้จำเลยฟังแล้วสอบถามจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือไม่ ซึ่งนายยศวริศ ยืนยันให้การรับสารภาพ ศาลจึงให้จำเลยกลับไปจัดทำคำรับสารภาพเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน โดยนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 ส.ค.นี้

0000000000
ยัง...ยังมีอีกหลายคดี หลายคนที่เป็นแกนนำเสื้อแดงแสดงความอาฆาตมาดร้าย

ศึกยังไม่จบ ศพยังไม่ต้องนับ...

ถึงวันนี้คงรู้กันแล้วว่า ทำไมจึงมีคนบางจำพวก เดือดเนื้อร้อนใจ อยากให้แก้ไข มาตรา 112

รอดูว่าหลังจากจำเลยสารภาพแล้ว ศาลจะพิพากษาลงโทษอย่างไร

ในแผ่นดินไทยนี้ ใครมีจิตใจหมิ่นเบื้องสูงไม่เคยได้รับความเจริญแน่นอน

ถือเป็นตราบาปที่ตลอดชีวิตนี้ล้างยังไงก็ไม่ออก เดินไปไหนก็ต้องระวังตัวกลัวคนทำร้าย

เหมือนหลายๆ คนในสังคมไทยเวลานี้

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่...ขอบอก



แคน ไทเมือง

ข่าวดี-ข่าวร้าย ของคนไทย?!?


เซียนแซวการเมือง



ณ.โรงงานแห่งหนึ่ง

นางสาวลำยอง "เย้ รัฐบาลปูแดงประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำ300บาทแล้วโว้ย พวกเราเฮกันหน่อย!!"

อีก3เดือนต่อมา นางสาวลำยองเดินหน้าหงอยมาบอกเพื่อนๆ

"เจ้านายเพิ่งประกาศว่าจะปิดโรงงานสิ้นเดือนนี้แหล่ะ เพราะสินค้าโรงงานเราขายไม่ออก โดนสินค้าจีนมันถูกกว่าขายตัดหน้าหมดแล้ว "


--------------------------

ณ.ซอยหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ

นางสาวลำไย "เย้ พี่จ๋าพี่ รัฐบาลปูแดงประกาศใช้ค่าแรง300บาทแล้วพี่ พวกเราคงได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นเหมือนกันนะ พี่ไปซื้อไก่ย่างส้มตำหน้าปากซอยมาฉลองดีกว่าพี่"

นายลำแข้ง "แต่ตอนนี้ส้มตำปูปลาร้าขึ้นเป็นครกละ45แล้วนะ แม่ค้าเขาขอร่วมยินดีกับผู้ใช้แรงงานเลยฉลองขอขึ้นราคาตามน่ะ แถมค่ามอไซค์วินก็เที่ยวละ15บาทแล้วนะ ไปกลับ30บาทนะเธอ"

นางสาวลำไย "..."

-----------------------

ณ.บ้านหลังหนึ่ง

ลูกชายเพิ่งจบปริญญาตรี "แม่ๆ รัฐบาลปูแดง เขาประกาศให้ปริญญาตรีรับขั้นต่ำหมื่นห้าแล้วนะแม่"

3เดือนผ่านไป ลูกชายที่เพิ่งจบปริญญาตรี ยังเดินเตะฝุ่นอยู่

แม่ "ทำไมลูกยังหางานทำไม่ได้ล่ะลูก?"

ลูกชาย "ก็งานมันหายาก ขึ้นน่ะแม่ บริษัทส่วนใหญ่เขารับแค่วุฒิปวช.ปวส.เท่านั้น เขาบอกว่า ถ้าจบปริญญาตรีมา เขาของดูเกรดก่อน ถ้าได้เกียรตินิยมมา ถึงจะรับไว้พิจารณา"

แม่ "อ้าว..เหรอ"

--------------------------

หน้าโรงสีแห่งหนึ่ง

ชาวนาคนแรก "แหม! ตั้งแต่ได้ตันละหมื่นห้าเนี่ย ค่อยพอเหลือเงินใช้หนี้หน่อย"

ชาวนาคนสอง "งั้นขายข้าวเสร็จแล้ว แวะกินข้าวกลางวันแถวนี้ก่อนค่อยกลับบ้านแล้วกัน"

หลังจากชาวนา2คน กินข้าวกระเพราหมูคนละจานเสร็จแล้ว เรียกแม่ค้ามาเก็บเงิน

ชาวนาคนแรก "เท่าไหร่?"

แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง "ข้าวกระเพราหมู2จาน ก็90บาท น้ำแข็งเปล่า2แก้ว ก็6บาท"

ชาวนาคนสอง "อะไรกัน เมื่อเดือนที่แล้วแวะมากิน ยังจานละ30อยู่เลย เดี๋ยวนี้จานละ45บาทเลยเหรอ?"

แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง "ก็ ข้าวสารแพงขึ้นมาตั้ง50% หมูก็แพงขึ้นมาตั้ง50%แล้ว ขาย30บาทเท่าเดิมไม่ได้หรอก ขนาดพม่าที่จ้างมาล้างจาน มันยังขอค่าแรงเพิ่มเลย จากเคยจ้างมันวันละ160 เดี๋ยวนี้มันขอ220ขาดตัวแล้ว นี่ถ้าพี่สั่งไข่ดาวเพิ่ม ชั้นก็คิดพี่อีกฟองละ13บาทนะพี่"

ชาวนาทั้งสองคนนึกในใจ "โชคดีนะนี่ ที่กูไม่ได้สั่งไข่ดาวเพิ่ม"


------------------------


หน้าร้านขายวัสดุอุปกรณ์การเกษตร

ชาวนาทั้งสองคนหลังจากกินข้าวเสร็จ ก็เลยแวะไปจ่ายค่าปุ๋ยและยาฆ่าแมลงที่เชื่อร้านค้าไว้

เถ้าแก่ "ขอบใจนะที่ รีบมาจ่ายอั๊ว แต่เดือนหน้าปุ๋ยกับยาจะขายราคาเก่าไม่ได้แล้วนะ ถ้าพวกลื้อจะซื้อราคาเก่าก็รีบๆซื้อเลย เพราะของเก่าอั๊วใกล้หมดแล้ว"

ชาวนาคนแรก "อะไรเถ้าแก่ ปุ๋ยก็จะขึ้นราคาแล้วเหรอ?"

เถ้าแก่ "ก็ช่ายน่ะสิ ก็ค่าแรงมันขึ้นตั้งเยอะ ค่าขนส่งมันก็เลยแพงขึ้นตามน่ะสิ ห้างเจี่ยต๋ายที่ผลิตปุ๋ยเขาส่งจดหมายเวียนมาว่าจะขอปรับราคาปุ๋ยเดือนหน้า อีกไม่ต่ำกว่า50%แล้ว"

ชาวนาทั้งสองคน "???"


--------------


1ปีผ่านไป พณ.ท่านนายกหญิงปูเละ ออกแถลงการณ์

"วันนี้ดิชั้น ต้องขอเปลี่ยนแปลงนโยบายจำนำข้าวเปลือกหมื่นห้าแล้วนะคะ จะขอราคาจำนำอิงราคาตลาดตาม เดิม เพราะปีที่แล้วข้าวสารในสต๊อกของไทยเหลือบานเบอะเลยค่ะ เพราะโดนข้าวเวียตนามที่ราคาถูกกว่าข้าวของเรามาตีตลาดโลกแย่งลูกค้าเราไป หมดเลยค่ะ ถ้าเรายังจำนำราคาเดิมต่อไป ก็ไม่รู้จะเอาข้าวไปขายใครแล้วค่ะ ถ้าเราจะขายก็ต้องยอมขายขาดทุนค่ะ แต่มันอาจไม่ยุติธรรมกับพี่น้องเกษตรกรประเภทอื่นๆ ที่รัฐเอางบประมาณชาติมาอุ้มแต่ชาวนา ดิชั้นจึงต้องขอโทษพี่น้องชาวนาทุกท่านด้วยนะคะ "

ชาวนาทั้งประเทศต่างงง??

เจาะกฟผ.งบฯประชาสัมพันธ์อื้อ 284 ล้าน ปั้นภาพลักษณ์-จ้างมวลชนเคลียร์"โรงไฟฟ้าถ่านหิน"

เจาะลึก เม็ดเงินประชาสัมพันธ์ กฟผ. รัฐวิสาหกิจชั้นนำเมืองไทย กระเป๋าหนัก 3 ปีครึ่ง 51 รายการ 280 ล้าน สร้างภาพลักษณ์ ปลูกป่า โฆษณาหลอดผอม ยันจ้างมวลชนสัมพันธ์เคลียร์โรงไฟฟ้าถ่านหิน ยักษ์เอเจนซีรับทรัพย์อื้อ
        มิใช่ บริษัท ปตท.จำกัด  (มหาชน) แห่งเดียวที่ใช้เงินเพื่อการประชาสัมพันธ์เป็นจำนวนมากในแต่ละปี หากแต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำที่ใช้เงินเพื่อการดังกล่าวจำนวนมากเช่นกัน
        ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนฯ(TCIJ) ตรวจ สอบพบว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 – เมษายน  2554  กฟผ. ใช้งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างเพื่อประชาสัมพันธ์ทั้งสิ้นประมาณ  51 รายการ วงเงิน 280,223,890บาท (ดูตาราง)
 
  การใช้เงินประชาสัมพันธ์ของ กฟผ.ในปี 2551-2553

ปีงบประมาณ วงเงินรวม (บาท)
ปี 2553 134,435,550
ปี 2552 38,417,890
ปี 2551 30,223,450
ที่มา:ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนฯ(TCIJ) รวบรวม

        เฉพาะ 6 เดือนของปีงบประมาณ 2554 มีการใช้เงินประชาสัมพันธ์ รวม 18 รายการ วงเงิน  77,147,000 บาท    อาทิ
        จ้างผลิตและเผยแพร่สารคดีสั้น เพื่อพัฒนาพลังงานไฟฟ้าและการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ของ กฟผ. ความยาว 1 นาที   โดย บริษัท เอ็น ไอ.คอม จำกัด 1,480,000 บาท
         จ้างเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โฆษณา กฟผ. ใน “โครงการหนังสือภาพ น้อมเกล้า ดิน น้ำ ลม ไฟ สายธารแห่งน้ำพระทัย 84 พรรษา”  วงเงิน  5,000,000 บาท
         จ้างที่ปรึกษาวิจัยสำรวจการยอมรับจากสังคมที่มีต่อผลการดำเนินงานของ กฟผ.   โดย บริษัท ซี.เอส.เอ็น.แอนด์ แอส โซซิเอท จำกัด  วงเงิน 1,140,000 บาท  (20 ต.ค. 2553)
        จ้างเผยแพร่โฆษณาเชิงสารคดี  โดย บริษัท ฟาสต์ ฟอรเวิร์ด คอมมิวนิเคชั่น จำกัด  15,600,000 บาท  (3 พ.ย. 2553)
        จ้างผลิตสารคดีสั้นความยาว 1.30 นาที  ผลิตและออกอากาศรายการ “โลก 360 องศา” ผลิตต้นฉบับและตีพิมพ์เผยแพร่บทความทางหนังสือพิมพ์  โดย บริษัท แพตตินั่ม ครีเอชั่น จำกัด  10,800,000 บาท (6 พ.ย. 2553)
        จ้างเผยแพร่โฆษณา กฟผ. ในมหกรรมแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2010  วงเงิน 7,000,000 บาท
        จ้างผลิตสื่อรณรงค์โฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมการใช้หลอดผอมเบอร์5  บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด  4,680,000 บาท  12 พ.ย. 2553
        จ้างวานสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ กฟผ.ทางสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี 3 ช่อง  โดย บริษัท สตาร์ รีชเชอร์ส กรุ๊ป จำกัด 9,850,000 บาท
        จ้างวางสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขาย หลอดตะเกียบ เบอร์ 5  โดยบริษัท  วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด  2,482,000 บาท
        จ้างผลิตสื่อรณรงค์โครงการหลอดตะเกียบประหยัดไฟเบอร์5 ชนิดหลอดเกียว  บริษัท เอ็มโฟร์ จำกัด  2,590,000 บาท
        จ้างผลิตและเผยแพร่ข่าวสาร กฟผ.ทางสถานทีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5  บริษัท พลัสทรี มีเดีย จำกัด(นายต่อศักดิ์ ดิษฐ์คล้ายถือหุ้นใหญ่ )1,640,000 บาท   (10 ม.ค.2554)

        งบฯที่ดำเนินการในปี 2553 อาทิ
        จ้างจัดกิจกรรมการแข่งขันออกแบบโลโก้และตั้งชื่อโครงการ Standby Power 1 Watt รักษ์โลก ผลิตและเผยแพรแข่งขันในรายการ คิดข้ามเมฆ โดยบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด  2,000,000 บาท
        จ้างวางสื่อโฆษณา กฟผ. ประจำปี 2552   บริษัท เซนิธออพติมีเดีย จำกัด19,980,000 บาท
        จ้างวางสื่อภาพยนตร์โฆษณา กฟผ. “ปลูกต้นไม้รอบบ้านพ่อโดย บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด  วงเงิน  20,000,000 บาท  (กลุ่ม บมจ.ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จำกัด ถือหุ้นใหญ่)
        จ้างดำเนินงานโครงการงานเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อรองรับการศึกษาการพัฒนาเหมืองลิกไนต์สะบ้าย้อย โดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  48,875,000 บาท  (14 ก.ค. 2553)
       จ้างจัดทำมวลชนสัมพันธ์ บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าพลังถ่านหินฯอ.ละแม จ.ชุมพร  สถาบันเทคโนโลยีแห่งอโยธยา  1,500,000 บาท (30 ก.ค. 2553)
       จ้างวานสื่อโฆษณา กฟผ. ทางโทรทัศน์ชุด “ต้นไม้ของปู่” โดย บริษัท แอล แอนด์ อาร์ มีเดีย จำกัด วงเงิน 19,900,000 บาท
       จ้างเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ กฟผ.ชุด “ต้นไม้ของปู่”  โดยบริษัท พลัสทรี มีเดีย จำกัด 1,350,330 บาท
       เป็นต้น

      ปี 2552  จำนวน 8 รายการ  ได้แก่
      จ้างผลิตและเผยแพร่ภาพยนตร์การ์ตูน(กฟผ.นนทบุรี)บริษัท ซีเลคท์ มาร์เก็ตติ้ง เอเจนซี่  จำกัด 1,400,000 บาท
      จ้างผลิตและเผยแพร่สื่อโฆษณา กฟผ. ทางสถานีวิทยุกองทัพบก ทุกวันจันทร์-วันอาทิตย์ ความยาว 15 วินาทีออกอากาศ   จำนวน 4 ครั้ง/วันในรายการข่าวต้น ชม.  บริษัท คีย์ ทู ซัดเซส จำกัด 2,318,000 บาท
      จ้างผลิตและเผยแพร่สื่อโฆษณา กฟผ. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนท์ทีวี และสถานีวิทยุ อสมท. รวม 8 รายการ(กฟผ.นนทบุรี)2,696,000 บาท
      จ้างผลิตรายการ EGAT TVหน่วยงาน กองจัดหาสายงานกลางบริษัท ฟ้าเพียงดิน จำกัด 1,200,000 บาท  (นางสาว กาญจนา กรัณยประเสริฐ  นางสาววาสนา น้ำทิพย์  ถือหุ้นใหญ่)
      จ้างวางสื่อภาพยนตร์โฆษณาในรายการต่างๆทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ 3 ช่อง  เรื่อง ปฏิบัติการกู้ระบบไฟฟ้า  บริษัท สตาร์ รีชเชอร์สกรุ๊ป จำกัด19,999,000 บาท
      จ้างเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ กฟผ.ผ่านสถานีวิทยุของ อสมท.1,294,000 บาท
      จ้างวางสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์การประหยัดพลังงานกฟผ. บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด  1,810,890 บาท
      จ้างจัดกิจกรรมรณรงค์ ส่งเสริมการขายหลอดตะเกียบที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์5ออกอากาศทางสถานี โทรทัศน์ช่อง5 ช่อง7 ช่องโมเดิร์นไนน์ทีวีและผลิตสื่อโฆษณา  โดย บริษัท เวิร์คพอยท์เอ็นเทอร์เทนเม้นส์ จำกัด(มหาชน)
7,700,000 บาท

       ปี 2551 จำนวน  14 รายการได้แก่
       จ้างโฆษณา  ผ่าน บริษัท ครีเอทีฟ เอ็กซ์โพลชั่น  จำกัด  4,913,550 บาท
       เผยแพร่สื่อโฆษณาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระเจริญพระชนมพรรษา80 พรรษา ทางทีวี ผ่าน บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์จำกัด1,979,500 บาท
       จ้างเผยแพร่สื่อโฆษณาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาในรายการ “จมูกมด”    1,000,000 บาท
       จ้างเผยแพร่สื่อโฆษณาเฉลิมพรเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระเจริญพระชนพรรษา 80 พรรษาออกอากาศทางสถานีโมเดิร์นไนท์ทีวี 1,000,000 บาท
       จ้างผลิตรายการโทรทัศน์ EGAT TV  โดย บริษัท ฟ้าเพียงดิน   จำกัด1,300,000 บาท
       จ้างผลิตและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ กฟผ. ทางสถานีโทรทัศน์สีช่อง5ผ่านบริษัท ทรัพย์ภูมินทร์  จำกัด2,340,000 บาท
       จ้างโฆษณาเผยแพร่ข่าวสาร ลงในหนังสือพิมพ์  จำนวน 12 ครั้ง  1,713,600 บาท
       จ้างผลิตและเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ กฟผ.ทางช่อง11   โดยกรมประชาสัมพันธ์  2,110,000 บาท
       จ้างผลิตและเผยแพร่ภารกิจ กฟผ. ออกอากาศในรายการข่าวต้นชั่วโมง สถานีวิทยุกองทัพบก ทางสถานีวิทยุในเครือข่ายกองทัพบก 126 สถานี ทั่วประเทศออกอากาศทุกวันจันทร์-วันอาทิตย์   โดย บริษัท  คีย์ ทู ซัคเซส  จำกัด  1,000,000 บาท
       จ้างเผยแพร่ภารกิจ กฟผ. โครงการมิวสิควีดิโอชุด “คนไทยรักสายส่ง โดย  บริษัท ลีเวอเรจ  จำกัด 2,082,000 บาท
       จัดกิจกรรมโครงการสื่อสารและส่งเสริมภาพลักษณ์และแรนตด์ กฟผ. ให้กับผู้ปฏิบัติงาน กฟผ.  บริษัท แอบ-โซลลูท คลับ  จำกัด   2,199,200 บาท
        จัดทำโครงการนำร่องการจัดการความรู้ด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ใช้ไฟฟ้าระดับท้องถิ่นและผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมภาคใต้คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  3,500,000 บาท
       จ้างผลิตและเผยแพร่สารคดีสั้นในรายการ “ความรู้คู่ฟ้า” ความยาว 2 นาที ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7(กฟผ.นนทบุรี)  บริษัท ฟิล์มเมเนียพลัส   จำกัด 2,808,000 บาท
       จ้างโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อป้ายโฆษณากลางแจ้ง  บริษัท พี.บี.แอนด์ เค. แอนด์เวอร์ไทซิ่งจำกัด  2,277,600 บาท
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า     บริษัท แอล แอนด์ อาร์ มีเดีย จำกัด  ได้รับว่าจ้างทำสื่อโฆษณา ทางโทรทัศน์ชุด “ต้นไม้ของปู่” นั้นมี นางสาวเล็ก รัมณียานนท์ถือหุ้นใหญ่
        ส่วนบริษัท สตาร์ รีชเชอร์ส กรุ๊ป จำกัด(ชื่อเดิม บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด) มีบริษัท ซาทชิแอนด์ซาทชิ จำกัด  (กลุ่มนายภานุ อิงคะวัติ)  ถือหุ้นใหญ่  เป็นกลุ่มเดียวกับบริษัท เซนิธออพติมีเดีย จำกัด
         ...
                                     โครงการประชาสัมพันธ์-การมีส่วนร่วมที่ใช้เงินจำนวนมากในปี 2553   

รายละเอียดโครงการ บริษัทผู้รับจ้าง วงเงิน (บาท)
ดำเนินงานโครงการงานเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อรองรับการศึกษาการพัฒนาเหมืองลิกไนต์สะบ้าย้อย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 48,875,000
จ้างวางสื่อภาพยนต์โฆษณา กฟผ. “ปลูกต้นไม้รอบบ้านพ่อ” บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด 20,000,000
จ้างวางสื่อโฆษณา กฟผ. ประจำปี 2552 บริษัท เซนิธออพติมีเดีย จำกัด 19,980,000
จ้างวานสื่อโฆษณา กฟผ. ทางโทรทัศน์ชุด “ต้นไม้ของปู่” บริษัท แอล แอนด์ อาร์ มีเดีย จก. 19,900,000
จ้างวางสื่อโฆษณา กฟผ. บมจ.อสมท. 7,000,000
ที่มา:ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนฯ(TCIJ) รวบรวม

เปิดราชกิจจานุเบกษาค้นหาตุลาการพ้นตำแหน่ง-เรียกคืนเครื่องราชย์ ปี2552-2554 มากสุด


เปิดราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามมาตรา 32 (6) (7) พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพุ่งพรวด เป็นประวัติการณ์ คาด ก.ต. ต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ เข้มงวดเอาจริง ฟันไม่เลี้ยง หากไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
     ช่วงนี้ กำลังมีการสอบคัดเลือกเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา  (สนามใหญ่) มีเนติบัณฑิตเข้าชิงชัยกว่า 7,000คน
     แต่จะมี คนเก่ง ที่สอบผ่านเข้าไปเป็น ผู้ช่วยผู้พิพากษา เพียงหลักสิบ หลักร้อย เท่านั้น
     ค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์ ของ ตุลาการ  โดยเฉลี่ย  1.21แสนบาท/เดือน ถือว่า สูงกว่าวิชาชีพ อื่นๆ
     ทั้งนี้ก็เพื่อให้บรรพตุลาการ ดำรงความบริสุทธิ์ยุติธรรม   ไม่ต้องข้องแวะกับอามิสสินจ้างใด ๆ
      ทั้งนี้ เหตุที่ทำให้ ตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส่วนใหญ่แล้ว เป็นไปตาม  พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543   ส่วนที่ 3   ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่ง 
      มาตรา 32  (7)     บัญญัติไว้ชัดเจนว่า  ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่ง   เนื่องจาก  ถูกสั่งลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก
       และมาตรา 32  (6 ) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา  15  มาตรา 34  หรือมาตรา  35

       ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมามีตุลาการถูกไล่ออก ไม่ใช่น้อย
       ทั้งนี้ เป็นเพราะคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม มีความเข้มงวดเอาจริงกับตุลาการผู้ไม่ยึดมั่นในจริยธรรม
       อย่างไรก็ตาม ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการลงโทษตุลาการ มากกว่า ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
      จากการตรวจสอบจากราชกิจจานุเบกษาพบ เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในช่วงปี 2552-2554ดังนี้
      ราชกิจจานุเบกษา วันที่  25   กุมภาพันธ์  2554  เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายสมศักดิ์ จันทกุล พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ประจำสำนักงานศาลยุติธรรม เนื่องจากถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ  ตามมาตรา  32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ  เพราะเหตุกระทำผิดวินัย อย่างร้ายแรง ตั้งแต่วันที่ 3  สิงหาคม  2553  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรม ราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และเหรียญจักรพรรดิมาลา ทั้งนี้ ตามข้อ  7 (4 ) ของ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์
     พ.ศ. 2548   ประกาศ ณ วันที่  26  มกราคม พ.ศ.  2554   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี

     ราชกิจจานุเบกษา วันที่  27  ธันวาคม  2553   เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายอาคเนย์ เปาอินทร์ พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษา  หัวหน้าคณะในศาลอาญา เนื่องจากถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตามมาตรา  32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ เพราะเหตุกระทำผิดวินัย อย่างร้ายแรง ตั้งแต่วันที่  21  มกราคม  2552  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย  ประกาศ ณ วันที่  29  พฤศจิกายน พ.ศ.  2553   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

     ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 17  ธันวาคม  2553เผยแพร่  ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากกระทำ  ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา  32 (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ ศาลยุติธรรม ฯ ตั้งแต่วันที่ 8  ตุลาคม  2551  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามข้อ 7 (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     พ.ศ. 2548  จำนวน  2  ราย ดังนี้
     1. นายธนา วิริยะวินิจเจริญ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพระโขนง และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
 2 . นายอภิชาติ รอดจากทุกข์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดสมุทรปราการ  และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
    ประกาศ ณ วันที่  11  พฤศจิกายน พ.ศ.  2553  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี
    ราชกิจจานุเบกษา วันที่  14ตุลาคม  2553เผยแพร่  ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายประยุทธ นีระพล พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษา ศาลอาญาธนบุรี เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (6 ) แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ  ตั้งแต่วันที่  23  กรกฎาคม 2553  เพราะเหตุประพฤติตนไม่สมควรที่จะให้คงเป็นข้าราชการตุลาการต่อไป และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ มงกุฎไทย
ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญ จักรพรรดิมาลา
     ประกาศ ณ วันที่  14  กันยายน พ.ศ. 2553   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี


     ราชกิจจานุเบกษา วันที่  23  กันยายน  2552เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
      ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายมานะ ภูสอดเงิน พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่ง เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (7 ) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ ตั้งแต่วันที่  13  กรกฎาคม  2552  เพราะเหตุกระทำผิดวินัย อย่างร้ายแรง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย และชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย
         ประกาศ ณ วันที่  11  สิงหาคม พ.ศ.  2552    ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี

      ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 13  กรกฎาคม2552เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
      ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการตุลาการ พ้นจากตำแหน่งเนื่องจาก ถูกลงโทษปลดออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ ตั้งแต่วันที่  12  มีนาคม  2552  เพราะเหตุกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา จำนวน 2  ราย ดังนี้
     1. นายทพพงศ์ ทำเนียบ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย และชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
   2. นายชัยฤกษ์ หิมพานต์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
    ประกาศ ณ วันที่ 15  มิถุนายน พ.ศ.  2552  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี

      ราชกิจจานุเบกษา วันที่  24เมษายน 2552เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
      ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายหัสนัย น้อมสุวรรณศรี พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ ตั้งแต่วันที่ 21มกราคม 2552เพราะเหตุกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต  ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
     ประกาศ ณ วันที่  23กุมภาพันธ์ พ.ศ.  2552    ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

     ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 28  มกราคม  2552เผยแพร่  ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการตุลาการ พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกลงโทษ ให้ออกจากราชการ ตามมาตรา  32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ ตั้งแต่วันที่  25  สิงหาคม 2551  เพราะเหตุกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และทรง พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ พระราชทานทุกชั้นตรา จำนวน 2  ราย ดังนี้
    1 .นายเนติวิทย์ ศิริลักษณ์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก และชั้นมหาวชิรมงกุฏ
  2 . นางฐิติรัตน์ บุตรดี พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่ง และเรียกคืนครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
     ประกาศ ณ วันที่  12  ธันวาคม พ.ศ.  2551  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  ชวรัตน์ ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรี

     ทั้งนี้ จากการค้นหาในราชกิจจานุเบกษา ไม่เพียง ข้าราชการตุลาการ เท่านั้นที่ต้องพ้นตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชย์ แต่พนักงานอัยการ  สำนักงานอัยการสูงสุดก็ต้องพ้นตำแหน่งไม่ใช่น้อย
      แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนหลังกลับไปดู ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการ พบว่า ในช่วงปี 2552-2554 หรือในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีจำนวนครั้งและจำนวนรายมากที่สุด

ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง

เจาะปมต่างด้าวค้าที่ดินเชิด“นอมินี”แปลงร่าง“ไทยเทียม” ตะลึง!กว้านซื้อ100 ล้านไร่ทั่วไทย

 

เปิดข้อมูลลึกทุน“ต่างด้าว”หลีกเลี่ยงกฎหมาย เชิด “นอมินี”คนไทย แปลงร่างเป็นบริษัทไทยเทียมถือครองที่ดินแทน สารพัดวิธีทั้ง ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะช้าง “ศรีราชา เจริญพานิช” ผู้ตรวจการแผ่นดินแฉผ่านงานวิจัยนักศึกษา ป.โท ประเทศไทยถูกกว้านซื้อแล้ว 100 ล้านไร่
      ปัญหา “ต่างด้าว” หลีกเลี่ยงกฎหมาย  โดยการเชิดคนไทย หรือที่เรียกว่า “นอมินี”  ถือครองที่ดินแทน  มีการร้องเรียนและเป็นข่าว มาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา   จนถึงขนาดที่กรมที่ดิน  ออกหนังสือ ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ตรวจสอบและสอบสวนกรณีที่มีเหตุสงสัยว่าจะมีการถือครองที่ดินไว้แทนคน ต่างด้าว   (พ.ย. 2552)
      ทั้งนี้ รูปแบบ ที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุด คือ การจดทะเบียนสมรสกับคนไทย หรือให้คนไทยถือครองที่ดินแทน หรือ ตั้งบริษัท โดยให้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว  ที่เรียกว่า บริษัท ไทยเทียม   เพราะแม้ว่า สัดส่วนการถือหุ้นจะเป็นคนไทย 51 % ต่างด้าว 49 %
       แต่เอาเข้าจริง หุ้น 51 %  กลับกลายเป็นของต่างด้าว เพราะเป็นการเชิดคนไทยถือหุ้นแทน และประเด็นที่สำคัญ สิทธิการออกเสียง แทบ 100 %  เป็นของต่างด้าว
      ในช่วง 4-5ปีที่แล้ว กระแสลงทุนของต่างด้าวในธุรกิจที่ดิน บูมแบบสุดๆ  ในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี  เกาะภูเก็ต   จนมาถึงอำเภอหัวหิน  ไม่นับฝั่งตะวันออก พัทยา ชลบุรี  หาดระยอง   กลายเป็น  land for sale  สำหรับต่างด้าว
      ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ในช่วงปี 2549  มีการจดทะเบียนบริษัทบนเกาะสมุย เดือนละ 100บริษัท เพื่อทำธุรกิจค้าที่ดิน
      จากการตรวจสอบ สำนักงานแห่งหนึ่งบนเกาะสมุยพบว่ามี บริษัท 500แห่งตั้งอยู่เลขที่สำนักงานเดียวกัน และมีผู้หญิงไทยจากจังหวัดเลย นั่งเป็นกรรมการอยู่เกือบ 100บริษัท     ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ  งบการเงินของบริษัท 500แห่ง ที่ยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวเลขชุดเดียวกัน
        ทั้งๆ ที่ ตามกฎหมายไทย  ต่างด้าว เข้ามาค้าที่ดินในประเทศไทย ไม่ได้  
        เพราะเป็นการกระทำผิด ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542และประมวลกฎหมายที่ดิน แบบเต็มๆ
        ในปี 2552    ห้าอันดับแรกทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ สหราชอาณาจักร 1,267ล้าน ฮ่องกง 1,035ล้าน ออสเตรเลีย 882.8ล้าน สหรัฐอเมริกา 546ล้าน เยอรมนี 444.7ล้าน
        จากข้อมูลเชื่อได้ว่า ทุนต่างชาติที่ไหลบ่าเข้ามาลงทุนบนเกาะภูเก็ต  ล้วนเชิด “นอมินี” แปลงกายเป็น บริษัทไทยเทียม อย่างแนบเนียน
        โมเดลแบบเกาะสมุย หรือ โมเดล ภูเก็ต เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย
        ไม่แปลกถ้าจะพบ หมู่บ้านสวิสเซอร์แลนด์ หมู่บ้านออสเตรีย หมู่บ้านเยอรมนี หมู่บ้านอังกฤษ  ในแผ่นดินไทย
        ปัจจุบัน หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วย กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง องค์กรปกครองท้องถิ่น
        แต่เชื่อหรือไม่ว่า ตลอด 5-6ปีที่ผ่านมา  ยังไม่สามารถตรวจสอบพบผู้กระทำผิด จนนำไปสู่การดำเนินคดีได้ตามกฎหมายสักรายเดียว
        หลังจากมีการร้องเรียน และเป็นข่าวฮือฮาว่า ต่างด้าวฮุบที่ดิน แขกตะวันออกกลางเข้ามาทำนา    แต่จนถึงวันนี้ ทั้งกรมที่ดิน และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังตรวจไม่พบ “ต่างด้าว” หรือนอมินี  แม้สักรายเดียว
        ล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้ มีการเปิดตัวเลขที่น่าตกใจว่า ที่ดิน 100ล้านไร่ อยู่ในครอบครองของต่างด้าว

       “ ทราบหรือไม่ว่า ขณะนี้ พื้นที่ของประเทศไทยถูกชาวต่างชาติซื้อไปแล้วในรูปแบบต่างๆ ประมาณ 1ใน 3หรือประมาณ 100ล้านไร่โดยเฉพาะพื้นทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเกาะภูเก็ต เกาะสมุย เกาะช้าง พื้นที่ชายหาด พื้นที่ริมทะเล ประมาณร้อยละ 90  ถูกชาวต่างชาติถือครองอยู่เพื่อประกอบกิจการโรงแรมที่พักและมีการชักชวนชาว ต่างชาติด้วยกันเองมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยเพิ่มสูงมากขึ้น”  

       เป็นการเปิดเผยข้อมูล โดย ศาสตราจารย์ศรีราชา เจริญพานิช  ผู้ตรวจการแผ่นดิน  (  28มิถุนายน 2554)

      “ศรีราชา” ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า    ทุกวันนี้ คนต่างชาติจะมาอยู่ที่ประเทศไทยเสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง โดยจะมาเดินทางพักผ่อนเมื่อภูมิอากาศของประเทศตนเองเป็นฤดูหนาว พออากาศหนาวก็จะมาอยู่ในประเทศไทยที่อากาศอบอุ่นกว่า ค่าครองชีพก็ถูกกว่ามากแนวความคิดการมีบ้านหลังที่สองที่ประเทศไทยนี้กำลัง ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ

       กระบวนการเชิดนอมินีคนไทย นั่งเป็นกรรมการบริษัทไทยเทียม ถูกออกแบบและให้คำปรึกษาอย่างดีจาก สำนักงานกฎหมาย หรือ Law Firm  ในการจัดโครงสร้างผู้ถือหุ้นให้เป็นบริษัทไทย    รวมถึงการหา กรรมการและผู้ถือหุ้น ไว้เสร็จสรรพ

      ต่างด้าว สามารถเข้ามาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือ ซื้อรีสอร์ท หรูหรา มูลค่ามหาศาล ผ่านการถือหุ้นในรูปบริษัท ที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งก่อสร้าง  ฉะนั้น การถือหุ้นก็ถือเสมือนการถือครองที่ดิน นั่นเอง

      นี่คือ การบริการทางกฎหมายที่หาช่องเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งเป็นที่รู้กันดี    ประเด็นที่น่าสนใจคือ โครงการลงทุนของต่างชาติในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีการแจกหุ้นลมให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง  ผู้บริหารสถาบันการเงินใหญ่ และผู้มีอำนาจมากบารมี  เพื่อหวังพึ่งพิงระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ

      อย่างไรก็ตาม มุมมองทางกฎหมาย ในกรณีต่างด้าวเข้ามาค้าที่ดิน โดยใช้บริการของ สำนักงานกฎหมาย ก็ยังเป็นประเด็นมองต่างมุม   ฝ่ายหนึ่งมองว่า ไม่น่าเสียหายอะไร เป็นแค่การบริการทางกฎหมาย เพราะกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้

       แต่อีกฝ่ายเห็นว่า ควรออกกฎหมายมาลงโทษ   นอมินีคนไทยที่ถือครองที่ดิน รวมถึง นักกฎหมายที่ให้คำปรึกษาเพื่อเลี่ยงกฎหมาย ให้หนัก เพื่อแก้ปัญหาต่างด้าวเข้ามาค้าที่ดินในประเทศไทย

       ในช่วงปลายรัฐบาล “ขิงแก่” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีพยายามแก้ไขพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวฯ เพื่อปิดช่อง “ต่างด้าว” เชิดคนไทยถือหุ้นแทนในบริษัทไทยเทียม แต่จนแล้วจนรอด ร่างกฎหมายก็แท้งไปเสียก่อน 

      ปัญหาต่างด้าวเข้ามาค้าที่ดิน อันเป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทยในบัญชี 1พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวฯ  ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันต่อไป

       ด้านหนึ่ง พวกที่เชื่อในโลกการค้าเสรี เห็นว่า ควรเปิดช่องให้ ต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจค้าที่ดิน จะได้เกิดการแข่งขัน เพราะเห็นว่า ทุนไทยกับทุนต่างด้าวไม่แตกต่างกัน  เห็นควรให้ปรับปรุงบัญชีท้ายพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวให้สอดคล้องกับ โลกการค้าเสรี  หรือ ไม่ก็เปิดช่องให้ ต่างชาติเช่า  ตามที่ต้องการ
วาทะกรรมของฝ่ายนี้ก็คือ  ต่างชาติหอบเอาแผ่นดินกลับบ้านไปได้ไหม !!!
       อีกด้านหนึ่งกลุ่มชาตินิยมที่หวงแหนแผ่นดิน  กลับมองว่า ที่ดินเป็นสมบัติของชาติ  ไม่ควรเปิดประตูให้ต่างด้าวเข้ามาโดยเด็ดขาด และคนไทยที่ให้ความร่วมมือกับต่างด้าวต้องถูกลงโทษให้หนัก  เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
      จะว่าไป ปัญหา “ดีแทค”ยักษ์โทรคมนาคม  ที่ถูก" ทรู"ทุนไทย ยื่นร้องเรียนว่า เป็นบริษัทต่างด้าว  ก็เป็นปัญหาว่า ไทยเทียม นั่นเอง
      กล่าวกันว่า ถ้าจะเล่นงาน บริษัทไทยเทียมกันจริงๆ  จะมีบริษัทที่เข้าข่ายแบบ “ดีแทค” หลายพันบริษัท ที่ต่างชาติหอบเงินเข้ามาลงทุนหลายแสนล้าน
      เรื่องนี้ ไม่มีคำตอบที่เบ็ดเสร็จ เพราะเลือกทางหนึ่ง ก็เสียอีกทางหนึ่ง
      วิธีการที่รัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัย ใช้ก็คือ หลับตาเสียข้างหนึ่ง  เพราะรัฐบาลยังต้องการเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ
      เพราะบางทีทุนไทยและปัญญาไทย อาจก่อสร้างได้แค่ ตึกแถว !!!!

( ข้อมูล มาตรการทางกฎหมายในการแก้ปัญหาคนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจค้าที่ดิน สารนิพนธ์นิติศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม

สุเทพจะสร้างมวลชน ท่าทาง บ้านเมืองจะวุ่นกันอีกยาวๆ


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
สุเทพ เทือกสุบรรณ (แฟ้มภาพ)

"เทพเทือก" อ้างเพื่อความคล่องตัวไม่ขอรับตำแหน่งในพรรค เร่งสร้างมวลชนสู้ขบวนการล้มปชต. วอนสมาชิกหนุน "มาร์ค" ทำหน้าที่หัวหน้าทีมต่อ เผยโรงเรียนการเมืองคืบ "ไตรรงค์" รับบทครูสอนเชิงมวยซัดศึกอภิปรายในสภาฯ
      
       เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่โรงแรมดิเอมเมอร์รัล นายสุเทพ กล่าวว่าขอให้เลือก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง เพราะมีความเหมาะสมที่สุด และขอให้ ส.ส.ทุกคนร่วมกันเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคอย่างสร้างสรรค์ อย่าให้ข่าวต่อสื่อที่กระทบกระเทือนจนทำให้พรรคเกิดความเสียหาย ซึ่งไม่ว่าจะได้ใครมาเป็นกรรมการบริหารพรรคก็ตาม ก็ต้องทำงานอย่างทุ่มเทเต็มที่ เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าตั้งแต่วันนี้ สำหรับตนจะไม่รับตำแหน่งใดๆภายในพรรค เพราะยังมีงานอื่นที่ต้องทำให้กับพรรค เนื่องจากภายในพรรคมีคนที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคเป็นจำนวนมาก การจะส่งตัวแทนลงชิงตำแหน่งทั้งภาคเหนือและอีสานขอให้อย่าเกิดความแตกแยก
      
       นอกจากนี้นายสุเทพยัง เปิดใจด้วยว่า ตนจะวางมือจากการบริหารงานพรรคเพื่อที่จะได้ทำงานสร้างมวลชน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้กับพรรคการเมืองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับ พรรคเพื่อไทยแล้ว แต่เป็นการต่อสู้ของมวลชนบางกลุ่มที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงการปกครองของ ประเทศ ที่ตกค้างแนวความคิดมาจากเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 จึงจำเป็นต้องมาทำงานมวลชน ทำความเข้าใจว่าประเทศไทยเหมาะสมที่สุดที่จะใช้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ซึ่งหากตนยังทำหน้าที่เป็นเลขาธิการพรรคอีก ก็จะไม่คล่องตัว และว่าที่เลขาธิการพรรคก็คงจะทำงานสานต่อได้ดี เพราะหัวหน้าพรรคจะเป็นคนเสนอชื่อเพื่อคัดเลือกมาเอง
      
       ส่วนความคืบหน้าของการจัดเตรียมโรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตนมีแนวคิดที่จะกำลังดำเนินการนั้น อยู่ในช่วงการกำหนดหลักสูตรการอบรม โดยเบื้องต้นจะสอนนักการเมืองโดยเฉพาะ ส.ส ภายในพรรคให้รู้จักหลักเศรษฐศาสตร์ ทั้งมหาภาคและจุลภาค เพื่อใช้ในการอภิปรายในสภาได้ โดยจะมีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นผู้ดำเนินการสอน

ถ่านหิน.. ผลประโยชน์แลกชีวิต


MusicPlaylistView Profile
Create a playlist at MixPod.com



กดที่VIDEO มุมบนซ้ายเพื่อดูภาพข่าว
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง