บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โฆษณาหาเสียงมิชอบ เอาเปรียบประชาชน และพรรคอื่น

        ผมได้หลักฐาน การใช้เงินของทางราชการ จากโครงการไทยเข้มแข็ง โฆษณาหาเสียงมิชอบ เอาเปรียบประชาชน และพรรคอื่น ถ่ายพร้อมหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2554 หลายวันหลังประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา และ เลือกตั้ง รวมทั้งหลังจากพรรคการเมืองต่างๆ ส่งบัญชีรายชื่อ สส. party list ให้กกต. ได้หมายเลขแล้ว ... ยิ่งไปกว่านั้นโครงการก่อสร้างนี้สิ้นสุดไปตั้งแต่เมื่อกลางเดือน เมย.2554 ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ป้ายนี้แต่อย่างใดเพื่อประโยชน์ทางราชการต่อไปอีก แต่พรรคปชป.โดยอภิสิทธิ์ ใช้ทั้งภาพของตนเองและ สีฟ้าอันเป็นสัญญาลักษณ์ปชป.โฆษณา เปรียบได้กับป้ายหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์










ก็เคยบอกแล้วไง ผมเลวน้อยกว่า ( ตรงไหน )

กระบวนทัศน์ปฏิรูปประเทศ โดย : ปรีดา กุลชล

กระบวนทัศน์ใหม่ (New Paradigm) ทางการบริหาร คือ ปัญหาในการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลและคณะกรรมการปฏิรูปชุดต่างๆ ในปัจจุบัน
วันที่ 29 กรกฎาคม 2553 01:00

เนื่อง จากความสับสนในเป้าหมาย และวิธีการปฏิรูปเพราะไม่สันทัดการบริหารคุณภาพ TQM (Total Quality Management) การบริหารคุณภาพ TQM เป็นกระบวนทัศน์ใหม่ของการบริหารของโลก ที่เรียกกันว่ากระบวนทัศน์ TQM (TQM Paradigm) การบริหารประเภทนี้ ช่วยให้การบริหารของรัฐบาลมีคุณภาพซึ่งหมายถึงความสำเร็จของการปฏิรูปประเทศ ที่แท้จริง หากนักปฏิรูปขาดคุณสมบัติความรู้กระบวนทัศน์ TQM Paradigm การปฏิรูปจำเป็นต้องใช้ความรู้การบริหารเก่าๆ และเกิดปัญหาการลองผิดลองถูกอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จนล้มเหลวและต้องเริ่มต้นปฏิรูปกันใหม่ในที่สุด เปรียบเสมือนประเทศเป็นคนไข้หนักที่ต้องการหมอ การที่รัฐบาลไม่คำนึงถึงคุณสมบัติความรู้ตามกระบวนทัศน์ใหม่ในการคัดเลือก คณะกรรมการปฏิรูป เปรียบเสมือนรัฐบาลใช้กลุ่มหมอชาวบ้านที่ไม่มีปริญญาแพทย์รักษาคนไข้ คุณสมบัติ (Qualifications) ความรู้การบริหารคุณภาพ TQM เปรียบเสมือนแพทย์ปริญญาที่นานาชาติใช้ในการปฏิรูปการบริหารของประเทศ ขอย้ำว่าการปฏิรูปประเทศจะสำเร็จได้ด้วยผู้มีพื้นฐานความรู้การบริหารคุณภาพ TQM เท่านั้น

1. รัฐบาล : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รู้ดีว่าประชาชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศเพื่อให้การบริหารของรัฐบาลมี คุณภาพตามมาตรฐานสากล แต่รัฐบาลยังสับสนเกี่ยวกับการบริหารตามกระบวนทัศน์ใหม่ อีกทั้งเห็นภาพที่รัฐบาลในอดีตทุกชุดพากันล้มเหลว เพราะสับสนเช่นกัน  รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ต้องการล้มเหลวด้วยตนเอง จึงแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปชุดต่างๆ จำนวน 4 ชุด เพื่อให้รับผิดชอบโดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติกระบวนทัศน์ใหม่ แต่คำนึงถึงคนเด่นคนดังที่สังคมยอมรับนับถือ ประเด็นไม่สนใจคุณสมบัติของรัฐบาลชี้ให้เห็นว่า การปฏิรูปประเทศมิใช่เป้าหมายของรัฐบาล แต่จำเป็นต้องปฏิรูปตามกระแสเรียกร้องของประชาชน การขาดคุณสมบัติกระบวนทัศน์ใหม่ของคณะกรรมการปฏิรูปเป็นเหตุบังคับให้ต้อง ใช้วิธีการลองผิดลองถูก (Trial and Errors) หลงทางและเริ่มต้นปฏิรูปกันใหม่ (Rework) อีก 3 ปีข้างหน้า

2. คณะกรรมการปฏิรูป : นำโดยนายอานันท์ ปันยารชุน และกรรมการอีก 19 ท่าน ทำหน้าที่ยกร่างโครงการปฏิรูปแต่ยังสับสนในทิศทางและกระบวนทัศน์ใหม่ เห็นได้จากการที่นายอานันท์ ปันยารชุน กล่าวย้ำว่า "คณะกรรมการปฏิรูปมิใช่คณะกรรมการแก้ปัญหา" ที่ว่าสับสนเพราะคณะกรรมการปฏิรูป มีหน้าที่สำคัญยิ่งกว่าการแก้ปัญหา นั่นคือ การยกร่างระบบเพื่อ ป้องกันปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสามารถป้องกันปัญหาการโกงชาติและวิกฤติเลวร้ายอื่นๆ ได้ จากการประชุมของคณะกรรมการชุดนี้ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 ชี้ให้เห็นมีการเน้นทำงานในเรื่องปลีกย่อยที่มิใช่ประเด็นสำคัญของความ สำเร็จ เช่น การกำหนดประเด็นการปฏิรูป 5 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจ  ทรัพยากร โอกาส สิทธิ และอำนาจซึ่งมิใช่เป้าหมายสำคัญของการปฏิรูปแต่ประการใด แสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการปฏิรูปได้เริ่มต้นการลองผิดลองถูกกันอย่างจริงจัง เป้าหมายสำคัญที่สร้างความสำเร็จ คือ การยกร่างระบบหรือการออกแบบระบบ (System design) ให้มีระบบวิธีปฏิบัติงาน (Set of management practices) อันเป็นหัวใจที่ทำให้การบริหารของรัฐบาลมีคุณภาพนำไปสู่การบริหารระบบ (Quality Management System) ของรัฐบาล

3. คณะกรรมการสมัชชา : นายแพทย์ประเวศ วะสี เป็นประธานของกรรมการ 27 ท่าน ทำหน้าที่เก็บข้อมูลป้อนฝ่ายยกร่าง โดยการออกสำรวจความเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เพื่อขอทราบทิศทางการปฏิรูปที่ไม่ช่วยสร้างความสำเร็จให้การปฏิรูปแต่อย่าง ไร เพราะประเทศไทยเคยมีฉันทามติเรื่องทิศทางการปฏิรูปร่วมกับนานาชาติแล้ว การสำรวจจึงเป็นกิจกรรมที่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น เพราะความสำเร็จของการปฏิรูปประเทศอยู่ที่ข้อมูลที่ทำให้การบริหารของรัฐบาล มีคุณภาพ...มีระบบ... เพราะระบบเป็นหลักประกันคุณภาพ (Quality Assurance)... ข้อมูลความเห็นของประชาชนมิใช่หลักประกันคุณภาพ ข้อมูลสำคัญที่คณะกรรมการสมัชชาควรป้อนให้ฝ่ายยกร่าง ต้องใช้ความรู้การบริหารตามกระบวนทัศน์ใหม่ คือ การมีระบบคุณภาพ (Quality System) การมีโครงสร้างที่เป็นระบบ (Organization as a system) วิธีการวัด (Measurement) และการปรับปรุงคุณภาพ (Quality Improvement) และทำอย่างไรจึงสามารถพัฒนาผู้นำ (Leadership Development) ให้รู้วิธีการบริหารระบบต่างๆ เช่น ระบบยุทธศาสตร์ (Strategy Process) ระบบวิธีปฏิบัติงาน (Operation Process) ระบบบริหารคน (Workforce Process) เป็นต้น รวมทั้งช่วยให้รู้วิธีการทำงานตามโครงสร้างที่เป็นระบบ ซึ่งมีนักบริหารระบบ (Process Owner) เป็นผู้มีบทบาทสำคัญควบคุมการปรับปรุงระบบทั้งองค์กร

4. คณะกรรมการตรวจสอบค้นหาความจริง : มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธานทำหน้าที่ค้นหาความจริงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 เพื่อสร้างความปรองดอง ในเมื่อความปรองดองมิใช่การปฏิรูปประเทศ จึงของดเว้นไม่วิจารณ์

5. คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและการศึกษาการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ : มี ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน ซึ่งท่านได้กล่าวว่า "แก้รัฐธรรมนูญ สุดท้ายต้องทำประชามติ" การทำประชามติมิได้ช่วยให้รัฐธรรมนูญมีคุณภาพแต่ประการใด เป็นเพียงกลยุทธ์แยบยลที่นำมาเป็นข้ออ้างมติของประชาชนเท่านั้น การทำให้รัฐธรรมนูญมีคุณภาพได้ต้องจัดทำระบบรองรับรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับ การบริหารทั่วไป เพราะระบบเป็นหลักประกันคุณภาพรัฐธรรมนูญ ประชามติมิใช่หลักประกันคุณภาพแต่ประการใด ข้อที่น่าสังเกต คือ เมื่อมาตรฐานสากลชี้ให้เห็นรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ไม่มีคุณภาพเพราะขาดระบบ ดังนั้น ประชาธิปไตยและการเลือกตั้งย่อมไม่มีคุณภาพ เพราะขาดระบบเช่นเดียวกัน การเลือกตั้งของไทยจึงมิใช่สัญลักษณ์ประชาธิปไตย 

กระบวนทัศน์ใหม่ (New Paradigm) คือ กรอบแนวคิดใหม่หรือทฤษฎีใหม่ที่เป็นความจริงที่ดีกว่าของเก่า เช่น คนโบราณเชื่อว่าโลกแบน แต่ปัจจุบันเชื่อว่าโลกกลม โลกกลมเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ คนเคยใช้เกวียนเป็นพาหนะแต่วันนี้ใช้รถยนต์ รถยนต์เป็นกระบวนทัศน์ใหม่ การบริหารยุคเก่าเน้นความสำคัญที่คน แต่การบริหารตามกระบวนทัศน์ใหม่ หรือการบริหารคุณภาพ TQM เน้นความสำคัญที่ระบบ (Set of management practices) ระบบนี้สามารถปรับปรุงให้เกิดความสามารถแข่งขันได้โดยที่การบริหารยุคเก่า ไม่มี ดังนั้น หากไม่เร่งรีบปฏิรูปประเทศให้รัฐบาลมีการบริหารคุณภาพ TQM แล้ว รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยของชาติย่อมมีปัญหาเรื่องคุณภาพ การโกงชาติจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะขาดระบบป้องกัน รัฐบาลที่ติดยึดกับการบริหารยุคเก่าเช่นรัฐบาลปัจจุบันเปรียบเสมือนคนพิการ เป็นง่อย เพราะขาดการบริหารระบบและปรับปรุงระบบ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขั

จะปรองดอง/ปฏิรูปประเทศได้ ต้องทำให้ประชำชนฉลำดคิดอย่ำงมีเหตุผลได้มำกขึ้นโดย รศ.วิทยากร เชียงกูล




การจะปรองดองหรือสร้างความสามัคคี เพื่อสร้างความเข้มแข็งของคนทั้งประเทศให้แข่งขันกับประเทศอื่นได้ ต้องเน้นการปฏิรูปทางการศึกษา

สื่อมวลชนและการจัดตั้งองค์กรให้ประชาชนฉลาด มีวุฒิภาวะ ก้าวข้ามความเชื่อแบบ 2 ขั้วสุดโต่งว่าตัวเองถูกหมดฝ่ายอื่นผิดหมด การคิด/แบ่งพวกแบบ 2 ขั้วสุดโต่งแบบเชื่อด้วยอารมณ์/ศรัทธานาไปสู่อคติ การสรุปและการตัดสินใจที่ไม่ตรงกับสภาพความจริงของสังคม คือ ตัวปัญหาใหญ่ในสังคมไทยทาให้ต่างคนต่างเชื่อตัวเอง ทาเพื่อตัวเอง ไม่อาจจะเข้าใจคนอื่น ไม่เข้าใจว่าทางออก คือ การทาให้คนส่วนใหญ่ในสังคมรู้จักร่วมมือ รู้จักประสานประโยชน์กันมากขึ้น หาทางเลือกที่ 3 ที่ 4 ได้ ไม่จาเป็นต้องคิด/แบ่งพวกแบบ 2 ขั้วสุดโต่งเลือกข้างใดข้างหนึ่งในทุกเรื่อง

เราสามารถคิดถึงเรื่องต่างๆ ด้วยเหตุผลชัดเจนอย่างจาแนกเป็นเรื่องๆ ไป โดยไม่จาเป็นต้องคิดเหมือน 2 ขั้วสุดโต่งขั้วใดขั้วหนึ่งแบบเหมารวม เช่น เรื่องการทุจริตหาผลประโยชน์ทับซ้อน คือ ความผิดที่ทาความเสียหายให้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพวกเสื้อสีไหนทา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ผิดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกเสื้อสีไหน
นอกจากปัญหาการคิดสุดโต่งแบบ 2 ขั้วแล้ว บางคนยังมีปัญหาการคิดแบบผสมปนเปอย่างจาแนกแยกแยะไม่ถูกด้วย นักวิชาการ/ปัญญาชนที่เข้าข้างหรือเห็นใจพวกเสื้อแดง บางคนอาจจะเห็นใจคนจน
และไม่ชอบคนชั้นสูงที่ครอบงาเอารัดเอาเปรียบคนจนจริงๆ เพราะปัญหาคนจน และความไม่ยุติธรรมเป็นเรื่องที่มีอยู่จริงในสังคมไทยทั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน

แต่ปัญหา คือ พวกเขาคิดผสมปนเปอย่างไม่รู้จักจาแนก พวกเสื้อแดงอ้างเรื่อง คนจน (โดยเลือกใช้คาว่าไพร่) เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มทักษิณเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่ตัวแทนของคนจนที่แท้จริง เพราะข้อเรียกร้องของแกนนาเสื้อแดง คือ ให้รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ยุบสภาหรือลาออก เป็นเรื่องที่มุ่งให้กลุ่มทักษิณได้ประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทาให้คนจนได้ประโยชน์แตกต่างไป แต่อย่างไร

พวกทักษิณหรือรัฐบาลไทยรัฐไทย ก็คือ ทั้ง "อามาตย์" และเจ้าที่ดิน/นายทุนที่เอาเปรียบคนจนอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังโกง/หาผลประโยชน์ทับซ้อนจากสาธารณะสมบัติของรัฐ ซึ่งก็คือ ของประชาชนเป็นมูลค่านับแสนล้านบาทอีกด้วย นักการเมืองกลุ่มนี้ไม่มีความชอบธรรมใดเลย ที่จะอ้างว่าตนเองเป็นผู้นาในการต่อสู้เพื่อคนจน

ปัญ ญาชนหากจะเห็นใจคนจนและรักความยุติธรรมจริง โดยไม่มีเบื้องหลังแอบแฝง ควรแยกตัวออกมารณรงค์เรียกร้องผลักดันการแก้ไขปัญหาเรื่องความยากจนและความอยุติธรรมอย่างเป็นอิสระจากกลุ่มเพื่อทักษิณ
พวกอดีตฝ่ายซ้ายบางคนที่คิดหรืออ้างว่า การเข้าร่วมเสื้อแดงเป็นเพียงยุทธวิธีเพื่อคัดค้านกลุ่มทุนเก่า และหลังจากนั้น จึงค่อยคัดค้านทักษิณหรือกลุ่มทุนใหม่ เป็นพวกที่คิดแบบสุดโต่ง คิดแบบตามตาราแบบเถรตรง อย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน บางคนได้ผลประโยชน์จากทักษิณ และใช้เหตุผลข้อนี้เป็นข้ออ้างหลอกตัวเองและหลอกคนอื่นว่าตนเองยังเป็นฝ่ายซ้ายที่มีอุดมการณ์อยู่ บางคนอาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่ใช่แนวคิดที่มีเหตุผลที่ดีรองรับเลย ทักษิณไม่ใช่กลุ่มทุนใหม่ที่ก้าวหน้ากว่ากลุ่มทุนเก่าแต่อย่างใด กลุ่มทุนกลุ่มไหนก็มุ่งเอาเปรียบประชาชนส่วนใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น แถมทักษิณยังเอาเปรียบประชาชนได้มากกว่า เพราะโลภกว่า ฉลาดกว่า และมีเครื่องมือเครื่องไม้ดีกว่ากลุ่มทุนกลุ่มอื่นอีกด้วย
พวกเสื้อแดงอ้างแนวคิดคล้ายฝ่ายซ้าย-สังคมนิยม แต่พฤติกรรมของพวกเขาเป็นพวกฝ่ายขวาจัด-ฟาสซิสต์นาซี มากกว่า นักกิจกรรมฝ่ายก้าวหน้าเดือนตุลาคม 2516-2519 และนักสังคมนิยมที่แท้จริงเขามีอุดมการณ์เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ที่อธิบายเป็นเหตุผลอย่างเป็นระบบได้อย่างเฉพาะเจาะจง นักสังคมนิยมที่ดีในประวัติศาสตร์โลก ไม่มีใครซุ่มยิง เผาบ้านเผาเมือง วางระเบิด ทาร้ายประชาชนบริสุทธิ์แบบที่พวกเสื้อแดงทา มีแต่พวกฟาสซิสต์นาซี หรือพวกลัทธิก่อความรุนแรงเท่านั้นที่จะทาเรื่องเลวร้ายแบบนี้ เพื่อผลประโยชน์ของพวกตนได้

สรุปแล้วประเทศไทยยัง ต้องปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปสื่อ ปฏิรูปเรื่องการคิดของคนอย่างขนานใหญ่ เพื่อช่วยให้คนไทยรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลชัดเจนเป็นเรื่องๆ มากขึ้น เลิกคิด/แบ่งพวกเป็น 2 ขั้วสุดโต่ง ประชาชนจึงจะเข้าใจปัญหา สื่อสารกันได้อย่างมีเหตุผล รู้จักหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี และปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองประเทศให้เป็นธรรม และเป็นประชาธิปไตย เพื่อคนส่วนใหญ่ได้
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง