สำเริง คำพะอุ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาในตำแน่ง นายกรัฐมนตรี ของนางสาว ยิ่งลักษณ์ เป็นหนึ่งเดือนที่ค่อนข้างยาวนาน ต้องแขม่วท้องทุกครั้งที่ เธอให้สัมภาษณ์ หรือ ตอบคำถามนักข่าว ทั้งที่ ดูเหมือนว่า เธอจะเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจในภูมิรู้ ในความสามารถ เป็นอย่างยิ่ง
ทั้งที่คำถามที่นักข่าวถาม ไม่ตรงกับคำตอบของเธอเลย กระนั้น นางสาวยิ่งลัษณ์ก็ยังตอบไป เชิดหน้าไป แถมด้วยรอยยิ้มที่ ทีมงานของเธอแนะนำตั้งแต่คราวรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งโน่นแล้ว
เราจะบริหารเพื่อประโยชน์ของ ประเทศชาติ ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
ตอนที่รัฐบาลลดราคาน้ำมันเบนซิน ทำให้เกิดผลกระทบกับแก๊สโซออล นักข่าวถามว่า ราคาน้ำมันเบนซิน ๙๑ กับ แก๊สโซฮอลควรจะห่างกันกี่บาท
นางสาวยิ่งลักษณ์จีบปากจีบคอตอบนักข่าวว่า “รายละเอียดยังไม่ขอตอบ เพราะที่ผ่านมารัฐได้อุดหนุนน้ำมันเบนซินไปเยอะมาก ทำให้อัตราการใช้น้ำมันเบนซินค่อนข้างสูง จึงต้องหาวิธีให้กลับมารอยู่ใสนภาวะที่สมดุลย์ก่อน จากนั้นค่อยมาดูเรื่องโครงสร้างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับแก๊สโซฮอล….”
ความจริงก็คือ ประเทศไทยไม่ได้อุดหนุนราคาน้ำมันเบนซิน แต่ตรงข้าม เก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ไปอุดหนุน ผู้ใช้แก๊สแอล พี จี และแก๊สเอ็นจีวี
ถ้าหากนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานเชื้อเพลิง รู้ และ เข้าใจ ก็คงจะไม่ตอบคำถามนักข่าวแบบ เห่อยๆ อย่างนั้น
นักข่าวถามว่า จะนิรโทษกรรมให้ ทักษิณหรือไม่ ? ในวันที่เปิดตัวต่อสื่อมวลชน ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมายเลข ๑ ในระบบบัญชีรายชื่อ
เราไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ เราจะเข้ามาแก้ไข ไม่แก้แค้น จะแก้ปัญหาให้คนๆเดียวไม่ได้ ต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน
นางสาวยิ่งลักษณ์พูดอย่างนี้ และในวันนี้ที่มีการเคลื่อนไหวช่วย ทักษิณ พี่ชายของเธอ หรืคนในครบครัวของพี่ชายของเธอมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง หลายต่อหลายครั้ง ดังเช่น การช่วยให้เข้าประเทศญี่ปุ่น การที่กรมสรรพากรคืนภาษีให้ลูกชาย ลูกสาวทักษิณ
ล่าสุดการเคลื่อนไหวที่จะนิรโทษกรรมให้แก่ทักษิณ
นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยังยืนคำเดิมว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายในเรื่องนี้
แต่ขณะเดียวกัน เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกลับออกมาเคลื่อนไหวอย่างเอาเป็นเอาตาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กลับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องที่จะนิรโทษกรรมให้ทักษิณ
แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีก็ยังคงจีบปากจีบคอ บอกนักข่าวเหมือนเดิมว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องนี้
ถ้าหากรัฐบาลไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ทำไมต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ทำไมรัฐบาลไม่ระดมสรรพกำลังทั้งหลายทั้งปวงนี้มีอยู่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ประชาชนกว่า ๓๐ จังหวัดกำลังเผชิญกับอุทกภัย บ้านเรือนจมอยู่กับน้ำมาเป็นเดือน ถนนถูกตัดขาด นาข้าวเสียหาย และมีท่าทีว่ากรุงเทพฯและปริมณฑลกำลังจะจมน้ำ
รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาเหมือนกัน ด้วยการแจกถุงยังชีพ แจกข้าวสาร อาหารแห้ง (ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาทุกรัฐบาล) ซึ่งก็เป็นเรื่องดีของรัฐบาลคือ ได้หาเสียง ได้ใช้งบระมาณ ได้แสวงหาความร่ำรวยบนความทุกข์ยากของประชาชน
คำว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องนิรโทษกรรมให้ทักษิณ จึงเป็นคำพูดหลอกเด็ก แลชะเมื่อประชาชนรู้ทัน ก็กลายเป็น ตอแหล ไปวันๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับคนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศ
ประชาชนเขารู้มาตั้งนานแล้วว่า การดิ้นรนของทักษิณในสงกรานต์ ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ หรือที่เรียกกันว่า สงครามไพร่ โค่นอำมาตย์ หรือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น แท้จริงก็คือเพื่อคลายปมให้ทักษิณหายใจคล่องขึ้นด้วยการมีรัฐบาลใหม่ที่ทักษิณสามารถบอกได้ใช้ฟัง
ก็ไม่เห็นหรือว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์แตกต่างกันตรงไหน แตกต่างกันตรงใครเป็นนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์หรือยิ่งลักษณ์ พรรคร่วมรัฐบาลก็มีกลุ่มของบรรหาร กลุ่มของ สุวัจน์ ตัดเนวินออกไป เพราะเนวินทรยศทักษิณก็เท่านั้น
มีอันใดที่พิศดารพันลึกที่บ่งบอกความเป็นประชาธิปไตย ก็แค่ให้ประชาชนไปหย่อนบัตรลงคะแนนใช้เวลาเพียง ๑๐/๓๐ วินาทีตอนกาบัตร แล้วก็หย่อนบัตรลงหีบเลือกตั้งเท่านั้นเอง
ประชาชนก็ยังอยู่เหมือนเดิม รอรถเมล์ฟรี รอรถไฟฟรี หรือการลดแลกแจกแถมอย่างอื่น ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากภาษีประชาชนทั้งสิ้น ต่างกันก็เพียงใครแจกเก่ง ให้โฆษณาประชาสัมพันธ์เป็น และระยะยาวใครจะตายก่อนใครเท่านั้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ รอดยาก สำหรับประเทศที่อยู่ภายใต้การบริหารของผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่ประสีประสาทางการเมือง อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้
หรืออย่างน้อยที่สุดเกียรติภูมิของประเทศก็ถูกหมิ่นแคลน ในสายตาของชาวโลก โลกทุกวันนี้เป็นโลกของข่าวสาร หรือคิดว่าชาวโลกเขาโง่ สำนักข่าวต่างๆ สำนักพิม์ต่างๆ เขาโง่ เขาจับโกหกไม่ได้ จับโกหกไม่เป็น เราจะมองหน้าชาวโลกเขาได้อย่างไรที่มีนายกโกหก ตอแหล ไปวันๆ
หรือนี่เป็นสีสันของชีวิต เป็นสีสันของการเมืองอีกอย่างหนึ่ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น