คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติหลักการและแนวทางการคืนเงินแก่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรก
2. การจัดตั้งงบประมาณในการดำเนินการ ดังนี้
2.1 อนุมัติและจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 100 ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
2.2 อนุมัติและจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 จำนวน 30,000
ล้านบาท
เพื่อคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินคัน
ละ 100,000 บาท
3. อนุมัติเป็นหลักการให้หัวหน้าส่วนราชการกรมสรรพสามิต
(อธิบดีกรมสรรพสามิต)
หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายมีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกให้กับ
ผู้ซื้อ
4. มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม
ให้ความร่วมมือกับกรมสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแสดงหลักฐานการครอบ
ครองรถยนต์คันแรก การบันทึกข้อมูลห้ามจำหน่ายโอนรถยนต์ภายใน 5 ปี
ตามมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลังรายงานว่า
1. ตามนโยบายของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)
แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2554
ซึ่งมีนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ
สร้างสมดุลและความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหาภาค
โดยให้มีมาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตของประชาชน
ทั่วไป ได้แก่ บ้านหลังแรก และรถยนต์คันแรก
กรมสรรพสามิตได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง
ให้ดำเนินการตามแนวทางการใช้มาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำ
เป็นในชีวิตของประชาชนทั่วไปสำหรับรถยนต์คันแรกเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ
พิจารณา
2. การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชน ดังนี้
2.1 สนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสซื้อรถยนต์ สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีรถยนต์มาก่อน สามารถซื้อรถยนต์ได้ไม่น้อยกว่า 500,000 คน
2.2
มาตรการนี้จะสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องให้มีการขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย
ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
2.3 มาตรการดังกล่าวนี้จะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เช่น
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์
เพิ่มมากขึ้น
2.4 เมื่อพิจารณาจากปริมาณการเสียภาษีรถยนต์นั่งที่มีราคาขายปลีกไม่เกิน
1,000,000 บาท/คัน ในปีงบประมาณ 2553 เป็นฐานพบว่า
มีปริมาณรถยนต์นั่งขนาดไม่เกิน 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร รถยนต์กระบะ (Pick
up) และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab) มีจำนวนประมาณ 520,000 คัน
การคืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท / คัน
ต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก ฉะนั้น
เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ไม่เคยมีรถยนต์มาก่อนสามารถซื้อ
รถยนต์ได้
จึงเห็นควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายคืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริงแต่ไม่
เกิน 100,000 บาท/คัน ให้ผู้ซื้อรถยนต์ขนาดไม่เกิน 1,500
ลูกบาศก์เซนติเมตร รถยนต์กระบะ (Pick up) และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก
(Double Cab) ซึ่งมีจำนวนประมาณ 500,000 คัน โดยใช้งบประมาณ 30,000
ล้านบาท
3.
เรื่องนี้เป็นนโยบายรัฐบาลที่ต้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
ซึ่งต้องขอตั้งงบประมาณในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 –
2556
4. กำหนดหลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก มีดังนี้
4.1 เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
4.2 เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1,000,000 บาท/คัน
4.3 เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร /รถยนต์กระบะ (Pick up) /รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)
4.4 เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
4.5 คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/คัน
4.6 ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
4.7 ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี
4.8 การคืนเงินจะคืนให้เมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)
5. แนวทางการดำเนินงาน
5.1 ผู้ซื้อรถยนต์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึงวันที่ 31
ธันวาคม 2555
ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่พร้อม
เอกสารหลักฐาน ดังนี้
5.1.1 หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี
5.1.2 สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
5.1.3 สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
5.2
กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือ
สำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอให้ตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก
และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ
5.3 กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก ห้ามโอนภายใน 5 ปี ลงในระบบคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน
5.4
กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถ
ยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี”
ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่
5.5 กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ
และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป
Thaireform
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
►
2012
(274)
- ► กุมภาพันธ์ (51)
-
▼
2011
(1241)
-
▼
กันยายน
(189)
-
▼
14 ก.ย.
(13)
- เอแบคโพลล์ชี้ความสุขมวลรวมด้านการเมือง-เศรษฐกิจต่ำ...
- วิพากษ์โครงสร้างการรวมศูนย์ และข้อเสนอต่อการกระจาย...
- ครม.มติตั้ง “อุกฤษ” เป็นประธาน กก.อิสระว่าด้วยหลัก...
- ตะลึง!!! 300 นักการเมืองรวยขึ้น 4 พันล้าน ปชป.พรึ่บ!
- เมื่อไทยถูก "ฮุน เซน" ใช้สร้างฉาก
- ฮุน เซน หวังค่าต๋งเพิ่มจากบ่อนกาสิโน
- เปิดรายละเอียด ! เงื่อนไข-สเป็ก รถยนต์คันแรก
- พลิกแฟ้มมติครม.13 ก.ย.แต่งตั้งโยกย้ายล็อตใหญ่"ขรก....
- อายชาวโลกเขาไหมนี่ ?
- ลางบอกความพินาศ
- วิทยุชุมชนรวมพลต้านกสทช.
- ศาลปกครองแถลงคดี ตร.สลาย "ม็อบท่อก๊าซ" ยุคทักษิณ เ...
- ครม.อนุมัติและจัดสรรงบประมาณในปีงบฯ 2556 จำนวน 30,...
-
▼
14 ก.ย.
(13)
-
▼
กันยายน
(189)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น