บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ศาลปกครองแถลงคดี ตร.สลาย "ม็อบท่อก๊าซ" ยุคทักษิณ เกินกว่าเหตุ

วันที่ 13 ก.ย. เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่า ตุลาการศาลปกครองสูงสุดแถลงคดี ระบุกลุ่มชาวบ้านผู้ชุมนุมคัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย – มาเลเซีย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังเข้าสลาย ระหว่างเดินทางจะไปยื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นการชุมนุมที่อยู่ใต้กรอบสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้เตรียมการขนอาวุธเพื่อก่อเหตุตามที่ฝ่ายตำรวจกล่าวอ้าง และเห็นตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติชดเชยให้ผู้เสียหาย รายละ 10,000 บาท
นายชาญชัย แสวงศักดิ์ หัวหน้าคณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด และองค์คณะรวม 5 คน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีการสลายการชุมนุมของชาวบ้านที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ที่มีนายเจะเด็น อนันทบรพงศ์ และชาวบ้านรวม 30 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2545 ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีครั้งแรก
ทั้งนี้นายชาญชัยเปิดโอกาสให้นางสุไรด๊ะห์ โต๊ะหลี ผู้ร้องลำดับที่ 4 เป็นตัวแทนกล่าวคำแถลงด้วยวาจาต่อศาล โดยนางสุไรด๊ะห์กล่าวยืนยันว่าตำรวจได้ทำเกินกว่าเหตุ ด้วยการเข้าสลายการชุมนุมที่ชุมนุมโดยสงบของชาวบ้าน ที่เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ โดยเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ก่อนที่ชาวบ้านจะได้เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่โรงแรมเจบี. หาดใหญ่ เพื่อคัดค้านการดำเนินโครงการวางท่อก๊าซไทย – มาเลเซีย
“ชาวบ้านถูกทุบตี ทำลายทรัพย์สิน คนแก่บางคนถึงกับหัวแตก ถูกตีแล้วยังถูกออกหมายจับมาตามล่าจับกุม เอาตัวไปซ่อนไว้บังคับไม่ให้ส่งข่าวถึงญาติมิตรในเวลา 1 – 2 วัน จึงอยากให้ศาลช่วยกำหนดกฎให้ตำรวจมีบรรทัดฐาน ว่าอย่าใช้ความรุนแรงละเมิดสิทธิ์ของชาวบ้าน เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านยังมีผลกระทบทางจิตใจ เห็นตำรวจต้องตกใจกลัวตลอดเวลา” นางสุไรด๊ะห์ กล่าว
โดยฝ่ายผู้ถูกร้อง คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จังหวัดสงขลา และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ในคดีนี้ ในสองประเด็น คือเห็นว่าศาลปกครองกลางได้ตัดสินเกินคำร้องของผู้ฟ้อง และคัดค้านคำตัดสินโดยอ้างว่าชาวบ้านชุมนุมโดยมีอาวุธ ไม่ใช่การใช้สิทธิ์โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปรากฎว่าฝ่ายอุทธรณ์ไม่ได้มาหรือส่งตัวแทนมาร่วมฟังการพิจารณาคดีแต่ อย่างใด
จากนั้นนายสมศักดิ์ ตัณฑเลขา ตุลาการผู้แถลงคดี ได้อ่านคำแถลงต่อองค์คณะ ซึ่งมีสาระสำคัญระบุว่า การชุมนุมของชาวบ้านไม่ใช่การใช้สิทธิ์เกินกว่าเหตุ โดยขณะที่พักกินข้าวและทำพิธีละหมาดในระหว่างการเดินทางเพื่อไปยื่นหนังสือ ดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้น ทั้งที่ชาวบ้านไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว แต่มีการยั่วยุจนชาวบ้านขว้างปาสิ่งของใกล้ตัวและอาหารใส่ตำรวจ แม้จะมีการยึดอาวุธได้ส่วนหนึ่งเช่นหนังสติ๊ก ด้ามไม้ มีดสปาต้า แต่จำนวนน้อยเมื่อเทียบกับผู้มาชุมนุม จึงถือเป็นกรณีเฉพาะราย ส่วนภาพการปะทะกันภายหลังการสะกัดกั้น มีการต่อสู้กับกระบองของตำรวจด้วยด้ามธง ก็เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการชุมนุมที่กลายเป็นอาวุธตามสภาพ ไม่ใช่อาวุธโดยเจตนาที่พกพามาเพื่อก่อความรุนแรง
“จึงฟังได้ว่าเป็นการชุมนุมที่สงบโดยปราศจากอาวุธ ขณะที่การสลายของเจ้าหน้าที่กระทำโดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหาย ละเมิดเสรีภาพการชุมนุม จึงเห็นด้วยกับที่ศาลปกครองชั้นต้น พิพากษาให้ชดเชยแก่ผู้เสียหายทั้งสภาพร่างการและจิตใจรายละ 10,000 บาท” นายสมศักดิ์กล่าว
คำแถลงของตุลาการผู้แถลงคดีดำเนินไปเพียง 5 นาที จากนั้นนายชาญชัยได้แจ้งว่า หลังจากองค์คณะมีคำพิพากษาแล้ว จะแจ้งไปยังคู่กรณีอีกที โดยให้ไปรับฟังคำพิพากษาที่อ่านโดยศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งในกรณีนี้ก็คือศาลปกครองกลางจังหวัดสงขลา โดยจะมีการนัดหมายต่อไป โดยยังไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่นอน

..........................
ที่มา: เว็บไซต์ข่าวสด

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง