สำเริง คำพะอุ
นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวถึง นโยบายค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลว่า ไม่ตรงกับที่หาเสียงไว้ โดยเปลี่ยนถ้อยคำจาก ค่าจ้างขั้นต่ำ มาเป็นรายได้ไม่น้อยกว่าวันละ ๓๐๐ บาท ทำให้แรงงานรู้สึกว่ารัฐบาลบิดพลิ้ว สภาองค์การลูกจ้างจะขอเข้าพบ นายเผดิมขัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อทวงถามความชัดเจนในสัปดาห์หน้า
นาย สราวุธ ขันอาสา พนักงานบริษัทดานิลี่ ฟาร์อิส ระยองกล่าวว่า รู้สึกผิดหวังรับบาล เชื่อว่าแรงงานส่วนใหญ่เลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากพอใจนโยบายนี้ แรงงานในจังหวัดระยอง ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำวันละ ๑๘๓ บาท หรือเดือนละ ๖,๒๐๐ บาท บวกเบี้ยขยันอีก ๒,๕๐๐ บาท และสวัสดิการต่างๆอีก ก็จะมีรายได้เดือนละ ๙,๐๐๐ บาท สูงกว่านโยบายรัฐบาล
นายสราวุธ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาแล้วผู้ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายรายได้ไม่น้อยกว่า ๓๐๐ บาทต่อวัน คือแม่บ้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ) เท่านั้น
นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้ และวันที่ ๕ กันยายนนี้จะประชุมเรื่องค่าจ้าง จากการรวบรวมข้อมูลค่าครองชีพตามความเป็น จริงของแรงงานในปริมณฑลและต่างจังหวัด
ส่วนนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยอ้างว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจได้ชี้แจงชัดเจนแล้ว
หลังชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ปัญหาค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ เป็นปัญหาสำคัญขึ้นมาทันที เพราะพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายชัดเจนว่า ค่าแรงขั้นต่ำวันละ ๓๐๐ บาท เป็นนโยบายที่ถูกอกถูกใจผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ผู้ใช้แรงงานทั้งหลายในประเทศของเราต่างมีความรู้สึกเหมือนกันอยู่อย่าง หนึ่งก็คือ ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ทั้งนายจ้างคนไย และนายจ้างที่มีทุนจากต่างชาติ เพราะเวลาที่รัฐบาลป่าวประกาศเชิญชวนให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทย นั้น มักจะย้ำอยู่เสมอว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุน เพราะประเทศไทยลงทุนขั้นพื้นฐานแล้วสำหรับที่จะประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม เพราะประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
ที่สำคัญเพราะ แรงงานไทยถูก กว่าประเทศไหนๆในย่านนี้
ซึ่งพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ ช่วยมาลงทุนในประเทศไทยเถอะ รัฐบาลไทยจะช่วยกดค่าแรงเอาไว้ให้
และก็ได้ผลจริงๆ ในช่วง ๒-๓ ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราก็เป็นฐานการผลิตของทุนต่างชาติ ร่วมกับนายทุนในประเทศไทยอย่างจริงๆจังๆ เพราะค่าแรงถูก
เหตุที่ต้องกดค่าแรงงานไทยให้ถูกเข้าไว้ก็เพราะ ผู้ที่มาเป็นรัฐบาลนั้นส่วนสำคัญก็คือ นักลงทุนไทย ที่มีเงินทุนมหาศาลร่วมกับนักลงทุนต่างชาติ เป็นเจ้าของ เป็นหุ้นส่วนโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายทั้งปวงทั่วประเทศ นักลงทุนเหล่านี้เมื่อมีกำไร เมื่อมีความมั่งคั่งก็เข้าสู่การเมือง หรือบางทีก็เข้าสู่การเมือง สร้างความมั่งคั่งแล้วก็กลายเป็นนักลงทุนไปด้วย
เรา จึงประสบปัญหาค่าแรงถูก ประสบปัญหาสภาพแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรม ปล่อยมลพิษรอบอาณาบริเวณโรงงาน ปล่อยน้ำเน่าเสียลงแม่น้ำลำคลอง แล้วก็ยากที่จะแก้ไข เพราะคนที่กุมอำนาจคือรัฐบาล คือนายทุนที่เป็นเจ้าของ เป็นหุ้นส่วนใหญ่โรงงานอุตสาหกรรมเสียเอง
เมื่อพรรคเพื่อไทยบอกว่าค่าแรงขั้นต่ำจะต้องเป็น ๓๐๐ บาท จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้บอกว่า ๓๐๐ บาทเฉพาะกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง หากจะต้องเป็นทั่วประเทศ
ถ้าหากรอให้คณะกรรมการค่าจ้างที่จะต้องพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละปีนั้น อีกกี่ปีกี่ชาติก็ไม่รู้จะได้วันละ ๓๐๐ บาท อย่างที่จังหวัดระยองขณะนี้ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ ๑๘๓ บาทต่อวัน คณะกรรมการค่าจ้างพิจารณาขึ้นค่าแรงให้แต่ละปีนั้นก็ขึ้นให้เพียง ๓ บาทบ้าง ๗ บาทบ้าง ซื้อกล้วยแขก กล้วยปิ้งก็ยังไม่ได้เต็มไม้
อีกกี่สิบปีจะได้ ๓๐๐ บาทต่อวัน
นี่พรรคเพื่อไทย บอกว่า ค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท ย่อมหมายถึงทันทีที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ทันทีที่พรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศ
ค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาทต่อวันของพรรคเพื่อไทยนั้นมีปัญหาแน่ครับ เพราะค่าแรงขั้นต่ำเมื่อเป็น ๓๐๐ บาท ค่าแรงที่มีฝีมือ มีประสบการณ์ มีอายุงาน ก็ต้องสูงขึ้นไป นายจ้าง นายทุน ไม่อยากจะจ่ายหรอกครับ เพราะจะทำให้กำไรของพวกเขาลดน้อยลง ความมั่งคั่ง มั่นคงของพวกเขาลดน้อยลง ก็ต้องร้องว่า ๓๐๐บาทต่อวันไม่ได้ ขึ้นทันทีทันใดไม่ได้ ต้องค่อยๆปรับขึ้นกันไป ขืนขึ้นทันที เจ๊งแน่ ต้องปิดกิจการแน่ ซึ่งเขาร้องมาก่อนเลือกตั้งแล้ว
ถ้าหากค่อยปรับกันไปก็ไม่ต้องเขียนเป็นนโยบาย เพราะคณะกรรมการค่าจ้างเขาพิจารณาขึ้นให้ทุกปีอยู่แล้ว ๓ บาทบ้าง ๗ บาทบ้าง วันหนึ่ง ค่าแรงขั้นต่ำมันก็จะต้องถึง ๓๐๐ บาทต่อวันจนได้ละน่า
หมูกิโลละ ๑๐๐ บาท กลายเป็น ๑๔๐-๑๕๐ บาท ไข่ฟองละ ๓ บาทเป็นฟองละ ๔ บาท ข้าวแกง ๒๐ บาท เป็น ๓๕ บาท จะให้ผู้ใช้แรงงานอยู่กันอย่างไรครับ ถ้าหากไม่ปรับค่าแรงให้สูงขึ้น
ค่า อาหาร ค่ารับรอง ค่าเหล้า ค่าไวน์ ที่ทำเนียบมือละเท่าไร ที่สภาผู้แทนราษฎรมื้อละเท่าไร เอาตัวเลขมาดูกันซีครับ มันต่างกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงานเป็นไหนๆ
๓๐๐ บาทต่อวันจะน้อยไปเสียด้วยซ้ำ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น