ไม่แก้กฎหมายมาตรา 112 ล้านเปอร์เซ็นต์ไม่พอ รัฐบาล ต้อง “จัดการ” พวกอยากแก้กฎหมายมาตรา 112 ให้ชาวบ้านเห็นด้วย ผมจึงจะเชื่อ !
ภาณุมาศ ทักษณา
ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 ส.ค.54ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นตอบคำอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ที่ต้องข้อสังเกตเกี่ยวกับ นโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายข้อที่ 2 อย่างหนักแน่นและเสียงดังลั่นว่า
“รัฐบาลจงรักภักดีต่อสถาบัน และการเขียนนโยบายเรื่องการเทิดทูนสถาบันของรัฐบาลชุดนี้ยาวกว่ารัฐบาลชุด ที่ผ่านมา และพรรคเพื่อไทยก็เป็นพรรคที่มีทหารและตำรวจมากที่สุด ซึ่งแต่ละคนก็เฝ้าพระตำหนักมามาก
ขอ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวคิดแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เรื่องการหมิ่นสถาบัน เพราะนี่เป็นเครื่องมือในการปกป้องสถาบัน พวกผมจะไม่เข้าไปแตะต้องเด็ดขาด”อย่างแน่นอน
ต่อมา ในวันนี้ 24 ส.ค.54 ก่อนเข้าร่วมแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นวันที่สอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังยืนยันต่อผู้สื่อข่าวถึงในเรื่องเดี่ยวกันว่า
ล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
และเมื่อมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้คนเสื้อแดงหยุดกล่าวพาดพิงถึง สถาบันกระทั่งเกิดการวิวาทะกันกลางสภาฯ ในเวลาต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีก็ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
“ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยและพสกนิกรไทย ถวายความจงรักภักดีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ ไม่อยากให้การเมืองแอบอ้าง อิงสถาบัน การแสดงออกของพรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าเราจงรักภักดี
พวกตนผ่าหัวใจเลือดสีน้ำเงิน ขอให้จบ ยืนยันไม่มีการแทรกแซงกระบวยการยุติธรรม เลิดพูดพาดพิงสถาบันเสียที”
ผม หยิบเอาคำแถลงของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีตำแหน่งเป็นถึง รองนายกรัฐมนตรี ที่พูดยืนยันว่า มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างกรรมต่างวาระ รวม 3 ครั้ง เพราะต้องการบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง
โดยส่วนตัว ผมเชื่อคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส่วนใครอื่นจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่ทราบ !
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้คนที่อาจเรียกได้ว่าร้อยพ่อพันแม่ในพรรคเพื่อไทยนั้น ยากที่จะทำให้ผมเชื่อได้
พฤติกรรมและพฤติการณ์ของแต่ละคนในอดีตนั้น ได้จาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสถาบันให้สัมคมเห็นมาแล้ว
บางคนยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ บางคนก็เคยมีส่วนร่วมอยู่ในขบวนการเดียวกัน.. คนเหล่านี้ ไม่ต่างไปจาก “กาฝาก” บนต้นไม้ใหญ่ที่ชื่อ เพื่อไทย ครับ
และไม่เพียงแต่คนร้อยพ่อพันแม่ในพรรคเพื่อไทย อาจมีส่วนร่วมในการขอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เท่านั้น ยังมีความพยายามของคนสองกลุ่ม คือ
นักวิชาการที่เรียกตัวเองว่า คณะนิติราษฎร์ และ คนที่เรียกตัวเองว่า นักเขียนกระหยิบมือหนึ่ง ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ให้เห็นมาแล้ว
หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีความจงจักภักดีต่อสถาบันเต็มเปี่ยม ตามที่รองนายกฯกล่าว
ผมขอร้องมายังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผ่าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่า นอกจากจะยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการแก้กฎหมายมาตรา 112
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ควรดำเนินการกับ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือ หรือกลุ่มบุคคลใดกลุ่มหนึ่งที่ออกมาเคลื่อนไหว เรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ในทันที
ส่วนจะดำเนินการในข้อหาใดนั้น ผมเชื่อว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มีความรู้ทางด้านกฎหมายระดับปริญญาเอก ก็น่าจะค้นหาได้ว่า ควรใช้ข้อหาใดกับบุคคลเหล่านั้น
และ ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต้องจัดชุด “ไล่ล่า” ตามจับคนเสื้อแดงบางคน ที่ประกาศตัวว่า ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยังหลบหนีคดีความกลับมาลงโทษให้ได้ ด้วย
หาก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สามารถทำได้ตามข้อเรียกร้องของประชาชนคนไทยอย่างผม นั่นแหละคือ ประจักษ์พยานว่าพรรคเพื่อไทยมีความจงรักภักดีอย่างแท้จริง
หาไม่แล้ว รัฐบาลอาจถูกมองว่ามีนโยบาย 2 มาตรฐาน “ปากว่าตาขยิบ” คือ
ปากก็บอกว่าจะไม่แก้กฎหมาย แต่ปล่อยให้มีคนออกมาเรียกร้องเหมือนที่ผ่าน
หาก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำเรื่องนี้สำเร็จ ผมเชื่อว่าผู้ที่จะพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วยก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังหาทางกลับบ้านในขณะนี้ครับ
หลังจากนั้น เรื่องอื่น ๆ ก็คงจะง่ายขึ้น ?!?
ใต้ร่มธงไทย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น