ส่วนใดในสังคมหากมีความเป็นอยู่ดีแล้ว กฎหมายไม่จำเป็นต้องใช้หรือไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายก็ได้
แต่หากสังคมใดยุ่งเหยิง สังคมไม่มีระเบียบ ประชาชนขาดความเกรงใจอื่น ๆ อยากทำอะไรก็ทำ อันก่อให้เกิดความเดือดหรือเกิดความวุ่นวายในสังคมหรือในบ้านในเมือง การออกกฎหมายหรือการใช้กฎหมายก็มีความจำเป็นที่จะต้องนำออกมาบังคับใช้ให้มี ประสิทธิภาพ หรือเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมาย
นอกจากกฎหมายจะเป็นขับเคลื่อนกลไกของรัฐ และรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองแล้ว การกระทำหรือพฤติกรรมของคนบริหารบ้านเมืองจะต้องมีจริยธรรม มีมโนธรรม และมีคุณธรรม ในการรับผิดชอบต่อบ้านเมืองหรือรับผิดชอบประชาชนเป็นส่วนรวม
คนที่เข้ามาเล่นการเมือง หรือเข้ามาทำงานทางการเมือง จะต้องเป็นคนที่คุณภาพและมีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน
แต่การเมืองไทยเรา ยังอยู่ในวังวนของผลประโยชน์เป็นสำคัญ
การแข่งขันทางการเมือง ยังเวียนวนอยู่กับการลงทุนเพื่อให้ได้รับชัยชนะ มากกว่าอุดมการณ์หรือความรับผิดชอบทางการเมือง
จึงทำให้กติกาทางการเมือง ยังเป็นลำดับรองกว่า ความรับผิดชอบทางการเมือง
การรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่มีเฉพาะในการเข้ามาบริหารบ้านเมือง
ความรับผิดชอบทางการเมืองควรมีความรับผิดชอบตั้งแต่ก่อนเข้าสู่อำนาจทางการเมืองด้วยซ้ำ
ซึ่งในการหาเสียงเลือกตั้ง ได้มีการวางเกณฑ์ของ กกต. เอาไว้ว่า หากเป็นเรื่องนโยบายการหาเสียงแล้ว ไม่ถือว่าเป็นการให้ที่ผิดกฎหมาย
ดังนั้น ในการหาเสียงของทุกพรรคการเมือง จึงเน้นไปที่นโยบายที่จะให้อะไรที่โดนใจประชาชน
ในนโยบายต่าง ๆ นั้นเอง เหมือนเป็นสัญญาประชาคมที่นำเสนอต่อประชาชนว่า เมื่อได้รับการเลือกตั้งแล้วจะต้องไปทำอะไร ตามที่ได้หาเสียงไว้
ซึ่งในการขายนโยบายหาเสียงนั้นเอง นักการเมืองหรือพรรคการเมืองเอง จะต้องเสนอในสิ่งที่เป็นไปได้ เป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาแก่บ้านเมืองและประชาชนในอนาคตหรือในปัจจุบัน
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น นักการเมืองเองเมื่อต้องการได้รับชัยชนะ อะไรก็ได้ที่จะได้คะแนนเสียงขอให้นำเสนอกับประชาชนไปก่อน
ส่วนประชาชนเอง เมื่อมีการนำเสนอในสิ่งที่รัฐไม่เคยจัดให้ ย่อมเป็นสิ่งใหม่สัมผัสและจับต้องได้ ย่อมยอมรับการนำเสนอ โดยไม่ต้องพิจารณาต่อไปจะเป็นผลเสียในอนาคตหรือไม่ ?
จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อหรือไม่ หรือ จะก่อให้เกิดรายจ่ายที่สูงขึ้นตามหรือไม่
สิ่งที่ประชาชนได้รับ จะก่อให้เกิดระบบหรือเกิดปัญหาไปทั้งประเทศหรือไม่
ประชาชนก็จะไม่ให้ความสำคัญในส่วนนี้ !
นักการเมืองเอง เมื่อหาเสียงไปแล้วจะไม่ทำก็ไม่ได้ ทำไปก็รู้ว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน จึงกล้ำกลืนฝืนทนทุรังทำไป
ก็หาเสียงไว้แล้วนี่ เมื่อพูดแล้วก็ต้องทำ
ในอนาคตต้องมีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งแน่นอน
ต้องสร้างกฎสร้างกติกาในเรื่องของการนำเสนอนโยบายหาเสียง ให้มีความชัดเจนว่า การเสนอนโยบายหาเสียงอย่างไรที่ไม่ใช่การเสนอให้ที่ผิดกฎหมาย
การเสนอนโยบายอย่างไร ที่จะไม่ก่อให้เกิดนโยบายที่เป็นภาระหรือสร้างปัญหาให้กับประเทศ
การลดแลกแจกแถม ที่ทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำลายระบบการค้า ทำลายระบบการเงินของประเทศ อันเป็นการสร้างภาระปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน ก็คงต้องสร้างกติกาให้ชัดเจนในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว
อย่าไปโทษประชาชนหรือไปโยนบาปให้กับประชาชน ที่เขาลงคะแนนให้ โดยอย่าบอกว่าประชาชนเขาชอบ แต่เป็นเพราะประชาชนเขาไม่มีทางเลือกมากกว่า เพราะเกือบทุกพรรคการเมืองพยายามสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนในส่งเหล่า นี้
นักการเมืองเองควรเป็นฝ่ายที่ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่า
แต่เมื่อความรับผิดชอบของนักการเมืองบ้านเรามีเพียงแค่นี้และพยายามทำในสิ่ง เหล่านี้ ก็มีความจำเป็นอยู่เองที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อกำหนดแนวทางในการหาเสียงเสนอ นโยบายที่ไม่เป็นปัญหาแก่บ้านเมืองและแก่ประชาชนต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น