บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เร่เข้ามาาาา ซื้อรถวันนี้ อีก 10 ปีแถมบ้าน แม่เอ๊ยยยย...นโยบายขายอนาคต


  by หน่อผุด ,

พรรคเพื่อไทยเป็นเลิศในการใช้กลยุทธการตลาด การโฆษณา ขายนโยบาย ขายแคมเปญนายกฯหญิง จนประสบความสำเร็จ ชนะการเลือกตั้ง ในประเด็นนายกฯหญิงไม่ตั้งข้อสงสัยล่ะค่ะ คุณยิ่งลักษณ์คงเป็นผู้หญิงจริงแหละ แต่เรื่องขายนโยบายโดยซุกเงื่อนไขควรได้นำมาคุยกัน
เพราะนโยบาย ที่ผลิตออกมาขายให้ประชาชนกากบาทซื้อนั้น พรรคเพื่อไทยคิดแค่ว่า ทำยังไงโดนใจผู้บริโภคที่สุด ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท เงินเดือน ป.ตรีสตาร์ท 15,000 ป้ายหาเสียงเขียนไว้แบบไม่มีเงื่อนไข ยิ่งช่วงท้ายของการหาเสียงยังออกวิสัยทัศน์ 2020 มาใหม่ แรงงานขั้นต่ำวันละ 1,000 เงินเดือน ป.ตรี 30,000 เหมือน"ซื้อรถวันนี้ อีก 10 ปีแถมบ้านพร้อมที่ดิน" ทั้งที่อีก10ปีใครจะไปรู้บริษัทยิ่งลักษณ์ทักษิณจำกัดอาจล้มละลายไปแล้วก็ได้
อัน ที่จริงการเลือกตั้งครั้งนี้นโยบายแต่ละพรรคการเมืองล้วนเป็นประชานิยม พรรคเพื่อไทย หรือไทยรักไทยเดิมโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ริเริ่มนำนโยบายประชานิยมมาใช้อย่างได้ผล การเลือกตั้งครั้งต่อมา ไม่ประชานิยมก็ไม่ได้เสียงข้างมาก การหาเสียงครั้งนี้จึงมีนโยบายสัญญาว่าจะให้มากเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะเจ้าตำรับ ซึ่ง"ให้"มากกว่าใครทั้งหมด และชนะการเลือกตั้งสมใจอยากอีกครั้ง
พอได้เสียงข้างมากเข้าไปเป็นแกน จัดตั้งรัฐบาลแล้ว ค่อยนำนโยบายที่ขายไปแล้วมาถกเถียงเลี่ยงอธิบายถึงความเป็นไปได้ไม่ได้ ได้แค่ไหน ไม่ได้แค่ไหน..ตอนขายบอกได้แน่!
ถูกทวงสัญญา ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ว่าจะขึ้นนั้นต้องหารือสามฝ่ายก่อน(ไตรภาคี) จะเริ่มใช้ 1 มกรา และไม่ใช่ 300 ทั่วประเทศ.. ตอนถูกถามก่อนเลือกตั้งมีคำอธิบายจากพรรคเพื่อไทยว่าไม่มีปัญหาเพราะแค่ฝ่าย แรงงานกับฝ่ายรัฐ ก็ 2:1 ชนะอยู่แล้ว ทำได้แน่ แต่คนเลือกพรรคเพื่อไทยเขาเข้าใจไปแล้วว่า "300 ทั่วประเทศทันที" ไม่มีเงื่อนไข
นโยบายยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ลดราคาน้ำมันเบนซินได้ทันทีลิตรละ 7 บาท เอาใหม่ เปลี่ยนเป็นหยุดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เฉพาะเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ไม่ยกเลิกทั้งหมดแล้ว... พอตกเย็นเพิ่งคิดใหม่เลยบอกใหม่ว่า...ที่ว่าหยุดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน น่ะ แค่ชั่วคราวนะ ถ้าเศรษฐกิจดีเมื่อไหร่ก็จะกลับมาเก็บเหมือนเดิม ไอ้ที่โฆษณาหาเสียงไปน่ะคงทำอย่างนั้นไม่ได้ซะแล้ว...เพราะหลายฝ่ายมีความ เห็นว่า "น่าเป็นห่วง" กองทุนน้ำมันมีภาระในการชดเชยราคาแก๊สแอลพีจี และเอ็นจีวี แก๊สหุงต้มจะขึ้นราคาเท่าตัว มีผลต่อค่าครองชีพประชาชนมาก นี่ยังไม่รู้จะเปลี่ยนอีกไหม เพราะการหยุดเก็บเงินเข้ากองทุน จากเบนซิน หมายถึงการบีบให้ราคาเบนซิน และแก๊สโซฮออล์เข้ามาใกล้กัน คนก็จะหันไปใช้เบนซินมากขึ้นอีก มีผลกระทบต่อพลังงานทดแทน และเกษตรกรที่ปลูกพืชพลังงานทดแทน อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน
ยังไม่นับรวมอีกหลายเมกกะโปรเจ็กต์อย่าง ถมทะเล สร้างเมืองสวรรค์ ฯลฯ
แค่สองเรื่องนี้..พรรคเพื่อไทยซึ่งใช้สโลแกนว่า "คิดใหม่ทำใหม่ " แท้ที่จริง "คิดไปทำไป"
สมมติถ้าเราต้องล้วงเงินในกระเป๋าตัวเองซื้อสินค้าที่โฆษณาว่าวิเศษเหลือหลาย แต่กลับกลายเป็นโอละพ่อ จ่ายเงินไปก่อนแต่ของยังไม่ได้ ถึงเวลานัดหมายบอกยังไม่ได้ผลิต หรือได้มาก็ผิดสเป็ก เราจะยอมไหม? พรรคการเมืองขายนโยบายโดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองลงทุนสักบาท ตัวเลขที่นำมาเกทับบลัฟกันแหลกนั้น ล้วนเป็นเงินในอนาคตของประเทศทั้งนั้น แม้แต่เงินที่ใช้โฆษณาก็มาจากภาษีของเรา ซื้อแล้วเปลี่ยนหรือคืนสินค้าไม่ได้ ไม่พอใจไม่ยินดีคืนเงิน!
ถ้า เป็นเครื่องสำอางค์ อาหารเสริม โฆษณาเกินจริง น้ำผลไม้รักษาโรคได้สารพัด อัมพฤกษ์ อัมพาต หายขาด กินวันนี้พรุ่งนี้วิ่งได้ เครื่องสำอางค์หน้าใส แต่ใช้แล้วกลับหน้าผุหูกางเหมือนใครไม่รู้...เรายังมีช่องทางรักษาสิทธิ์ใน ฐานะผู้บริโภค ร้องเรียนไปยังสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคได้ เรียกร้องค่าเสียหายได้ด้วย ผู้ผลิตผู้โฆษณาทำผิดก็รับโทษกันไปตามกฎหมาย เหมือนน้ำหมักชีวภาพ"ป้าเช็ง"ถูกฟ้องนั่นแหละ (ผู้กองนิติภูมิ นวรัตน์ จำป้าเช็งได้ไหม?)
วันก่อน กกต.ท่านหนึ่งตอบคำถามสื่อเรื่องการหาเสียงของพรรคการเมืองแบบนี้เข้าข่าย ว่าสัญญาว่าจะให้ไหม? ท่านตอบว่า ถ้าเป็นนโยบายโดยไม่ได้เป็นการสัญญาให้ใครหรือคนใดเป็นการเฉพาะเช่น จะกั้นรั้วบ้านคุณนะ อะไรอย่างนี้ก็ไม่เข้าข่ายเป็นสัญญาว่าจะให้
นับเป็นอีกช่องโหว่ของกฎหมาย  "สัญญาว่าจะให้" โดยกฎหมายเอาผิดไม่ได้
เมื่อวานนี้ 7 กรกฎาคม 2554 ท่านสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้พูดตอนหนึ่งในการบรรยายพิเศษ เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจพอเพียง ว่า " ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ผมเหมือนอยู่ในความฝันเวลาขับรถไป เห็นทุกป้ายสร้างความฝันให้ผมว่าแรงงานระดับล่างกำลังจะได้รับเงิน 300 บาทต่อวัน และจะปลดหนี้ไม่มีหนี้แล้ว พอลูกอายุ 20 ก็เบิกได้ 1 ล้าน ใครอยากได้บ้านหลังแรกก็ได้ อยากมีรถคันแรกก็จะมีกุญแจให้ 2 ดอก แต่เผลอแป๊บเดียวความฝันผมก็หายไป นโยบายต่างๆกำลังบอกว่าเศรษฐกิจดี แต่มองว่าจะส่งผลเสียนานัปการ ไม่เหลืออะไรเลย คนไทยแม้แต่เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ตามบ้านนอกมีคนเอาของไปล่อ เกิดความอยากได้ กลายเป็นคนหิวกระหายและนิสัยเสียไปหมด"
ถ้าเราไม่สรุปบทเรียน การหาเสียงด้วยการโฆษณาเกินจริง การคิดนโยบายขายอนาคต คงจะกลายเป็นประเพณีปฏิบัติแบบนี้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเรื่อยๆ จนไม่เหลืออนาคตจะขายนั่นแหล

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เราก็ควรจะมีการเรียกร้องความเป็นธรรมเพราะการที่คนกลุ่มนี้โฆษณาส่วนมากจะทำไม่ได้และประชาชนอาจจะรู้บ้างแล้วละว่าคนกลุ่มนี้เข้ามาทำไมมีผลประโยชน์อีกมากมายที่เรายังไม่รู้ถ้าเค้าทำตามที่บอกไม่ได้ก็เหมือนเค้าดูถูกประชาชนเหมือนคนโง่พูดไรก็เชื่อพูดยังไงก็ได้ให้เข้ามาได้ก่อนแล้วเรื่องที่บอกไว้ค่อยมาแก้ไขแล้วอย่างนี้จะบริหารประเทศได้หรอครับหรอกประชาชนตั้งแต่แรกแล้วต่อไปจะเชื่ออะไรได้ภาษีที่เราเสียไปจะให้คนกลุ่มนี้เอาไปใช่ส่วนตัวหรอหรือว่าไม่มีใครทำอะไรเค้าได้แม้แต่กฎหมายคนที่ผิดกลับพ้นผิดแล้วต่อไปคงไม่มีคนดีเพราะคนที่มีพร้อมทุกอย่างอยู่เหนือกฎหมาย

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง