บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดีใจจัง...หนูมีบัตร!

 หากยังจำกันได้ เมื่อเราอายุ 15 ปีบริบูรณ์ ในช่วงเวลานั้นไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นกับการที่จะได้มีโอกาสไปถ่ายรูปทำ บัตรประชาชนของตัวเองเป็นครั้งแรก
แต่ในวัน 10 ก.ค.2554 ที่จะมาถึงนี้นั้น ได้กลายเป็นอีก 1 วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการเปลี่ยนกฎหมายเดิมที่มีมาช้านานอย่างการกำหนดให้คนไทยที่มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปมาทำบัตรประชาชนใบแรก เปลี่ยนมาเป็นการกำหนดให้คนไทยเริ่มทำบัตรประชาชนใบแรกตั้งแต่อายุ 7 ขวบแทน
 ตามข้อกำหนดของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า  "บัตรประจำตัวประชาชน" เป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้บุคคลที่มีสัญชาติไทย เพื่อพิสูจน์ทราบและยืนยันตัวบุคคล เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่จะนำไปสู่การมีสิทธิรับบริการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน เช่น สิทธิในการรักษาพยาบาล เป็นต้น
ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัว ประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2546 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2554 มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดอายุของบุคคลสัญชาติไทยที่จะต้องมีบัตร คือ ให้ผู้มีอายุครบ 7 ปีบริบูรณ์จะต้องยื่นคำขอมีบัตรภายใน 60 วัน (กรณีผู้มีอายุระหว่าง 7 ปีบริบูรณ์จนถึงก่อนครบ 15 ปีบริบูรณ์ ให้ยื่นขอมีบัตรภายใน 1 ปี นับจากวันที่ 10 กรกฎาคม 2554 หรือหากมีความจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะขอขยายเวลาออกไปได้ การกำหนดให้บัตรมีอายุ 8 ปี การกำหนดบุคคลที่มีหน้าที่ยื่นคำร้องขอมีบัตร ขอมีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตร ของผู้ที่อายุไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ เป็นหน้าที่ของบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งรับดูแล เป็นผู้ยื่นคำขอ แต่ไม่ตัดสิทธิบุคคลที่จะยื่นคำขอด้วยตนเอง
ในการกำหนดโทษการยื่นคำขอมี บัตรเกินกำหนด กรณีขอมีบัตรครั้งแรก ได้สัญชาติไทย ต่ออายุบัตร บัตรหาย ชำรุด เปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล ไม่ยื่นขอมีบัตรภายใน 60 วัน จะมีโทษปรับไม่เกิน 100 บาท และกรณีผู้ถือบัตรไม่มีบัตรแสดงเมื่อพนักงานตรวจบัตรขอตรวจ ผู้ถือบัตรที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200 บาท รวมทั้งกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม กรณีทำบัตรผู้ได้รับการยกเว้น ไม่เสียค่าธรรมเนียม, ทำบัตรหาย ชำรุด แก้ไขชื่อตัว-ชื่อสกุล 100 บาท, ออกใบแทน 10 บาท และขอตรวจคัดสำเนา 10 บาท
เราได้รายละเอียดภาพที่ ชัดเจนจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยคุณจักรี ชื่นอุระ ผู้อำนวยการสำนักบริหารทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบทะเบียนราษฎรครั้งประวัติ ศาสตร์ของไทยว่า ที่มาในการทำบัตรประชาชนให้เด็กมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ได้ทำบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรค ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา ซึ่งปัญหาการใช้บัตรทองในขณะนั้นคือ คือ เด็กทำบัตรหาย บัตรหมดอายุ รวมทั้งการทำบัตรเหล่านั้นไม่มีรูปยืนยันเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของสิทธิ์ เหมือนบัตรประชาชน ต่อมาจึงได้มีการผลักดันให้กระทรวงมหาดไทยเสนอให้ทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ แก่เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพื่อให้สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ซึ่งการทำบัตรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด เพราะฐานข้อมูลตรงนี้ก็มีระบบจัดเก็บข้อมูลตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว
 ในช่วง เวลาราวปี 2546 หลังจากที่ได้มีการส่งเรื่องเข้าสภาแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ยุบสภาเกิดขึ้นเสียก่อน จนกระทั่งในรัฐบาลชุดล่าสุดนี้ การนำเรื่องการทำบัตรประชาชนให้คนตั้งแต่อายุ 7 ขวบขึ้นไป ก็ได้รับการอนุมัติจากการประชุม ครม.ครั้งสุดท้าย ให้กฎหมายนี้ถูกประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 11 พ.ค.54 รวมทั้งสามารถบังคับใช้ได้ในทันทีในวันที่ 10 ก.ค.54 ซึ่งจากการที่ปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มต้นการใช้กฎหมายนี้ ทำให้มีเด็กอายุ 7-14 ปี จำนวน 8 ล้านคน กลายเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกที่อยู่ในช่วงที่ต้องดำเนินการทำบัตรประชาชนใบแรก
 “บัตร ประจำตัวประชาชนที่เด็กต้องทำนั้นก็แบบเดียวกับบัตรของผู้ใหญ่ ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกันเลย นอกจากคำนำหน้าที่เป็น ด.ช. หรือ ด.ญ. เท่านั้น ในด้านประโยชน์ ก็จะสะดวกในการใช้แสดงตนเข้ารักษาพยาบาลกับทางรัฐฟรี โดยไม่ต้องพกสูจิบัตรหรือทะเบียนบ้านมาแสดง การขอสิทธิประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างการแสดงสิทธิ์การขอรับแท็บเลตกับทางรัฐบาล ที่บอกว่าจะแจกฟรีให้เด็ก รวมถึงการป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์จากเด็กต่างด้าว เพราะในวันนี้พวกเด็กๆ เขาไม่มีบัตรอะไรที่มีรูปถ่ายไว้แสดงตนที่เป็นทางการ คงจะดีกว่าถ้าจะมีบัตรสักใบที่เป็นการแสดงตัวเขา ส่วนการทำบัตรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เอกสารครบ ทำครั้งเดียวก็ใช้ได้ยาวถึง 8 ปีเลย”
ส่วนปัญหาหน้าตาของเด็กที่อาจจะ อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รูปอาจจะเปลี่ยนไม่ตรงกับตัวจริงมากนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารทะเบียน ตอบข้อข้องใจนี้ว่า ตรงนี้เรามีการทำฐานข้อมูลในแบบเดียวกับผู้ใหญ่ ที่ไม่เพียงแต่มีการถ่ายภาพ แต่จะให้ลงบันทึกลายนิ้วมือ นิ้วโป้ง นิ้วชี้ ทั้งซ้ายและขวา ณ จุดนี้จะสามารถยืนยันตัวตนคนคนนั้นได้
"คนเราแม้ใบ หน้าจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ลายนิ้วมือเราจะไม่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งปัญหาในด้านวุฒิภาวะในการเก็บรักษาบัตรของเด็กๆ ที่หลายฝ่ายมองกันว่ายังมีไม่มากพอที่จะเก็บรักษาได้ จุดนี้หากเกิดสูญหายขึ้นมาก็เพียงแค่ไปทำบัตรใหม่ที่จุดรับบริการเท่านั้น เอง"
 ผอ.สำนักบริหารทะเบียน ยังบอกต่อด้วยว่า การมาทำบัตรครั้งแรกที่ต้องมีการถ่ายรูป ประกอบกับการยืนยันตัวบุคคลที่ต้องใช้สูจิบัตร โดยในการที่ต้องยืนยันตัวบุคคลได้ดีที่สุดนอกจากใช้เอกสารสูจิบัตรแล้ว จึงต้องอาศัยตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง ครู อาจารย์ มาให้การรับรอง ฉะนั้นการที่จะนำเด็กมาทำบัตรประชาชนได้ดีที่สุด คือ การมาทำบัตรเป็นหมู่คณะกับทางโรงเรียน เพราะครูประจำชั้นจะสามารถเป็นคนรับรองได้ดีที่สุดว่าเด็กคนไหนชื่ออะไร อีกทั้งเด็กที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องทำบัตรกว่า 100 เปอร์เซ็นต์นั้น เป็นเด็กที่อยู่ในระหว่างการศึกษากับทางโรงเรียน
 ด้วยสาเหตุนี้ ในช่วงแรก กรมการปกครองจึงได้ประสานไปยังจังหวัด แล้วจึงให้ทางจังหวัดประสานต่อไปยังอำเภอ เพื่อให้ทางอำเภอได้ประสานต่อไปยังโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนนั้น เพื่อให้ทางโรงเรียนได้จัดส่งนักเรียนพร้อมทั้งใบสูจิบัตรของนักเรียนแต่ละ คนและครูประจำชั้นในการยื่นยันตัวบุคคลมาทำบัตรประจำตัวประชาชนในวันเสาร์ ซึ่งจะเป็นการสะดวกในการทำบัตร และสะดวกในการจัดระเบียบของเด็กในการเข้ารับบริการ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำบัตรที่จะต้องปะปนกับผู้ใหญ่ในวันและเวลาราชการ นอกจากนี้ ในช่วงต่อไปยังได้จัดให้มีชุดเคลื่อนที่หรือชุดโมบายลงพื้นที่ไปทำบัตร ประชาชนให้กับนักเรียนโดยตรงถึงโรงเรียน
 “ตรงจุดนี้อยากจะแจ้งผู้ปกครอง ให้ทราบโดยทั่วกันด้วยว่า ในการทำบัตรไม่ต้องรีบแห่กันไปทำ นอกเสียจากว่ามีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ก็สามารถไปทำบัตรที่อำเภอได้วันและเวลาปกติเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่นอกเหนือจากนี้ ทางเราจะอำนวยความสะดวกให้ โดยจะเป็นฝ่ายประสานงานไปทางจังหวัด อำเภอ และโรงเรียนในการกำหนดวันให้เด็กเข้ามาทำบัตร หรือจัดชุดโมบายลงพื้นที่ไปทำบัตรด้วยตัวเอง”
ส่วนศักยภาพในการทำบัตร ของเครื่องทำบัตรที่มีอยู่ของแต่ละอำเภอจะอยู่ที่ 100 ใบ ต่อ 1 วัน ต่อ 1 เครื่อง ในกรณีนี้ ในบางอำเภอหรือบางเขตที่ใหญ่ ก็จะมีเครื่องทำบัตรมากกว่า 1 เครื่อง โดยหากเปรียบเทียบการทำบัตรให้เด็กเฉพาะวันเสาร์ในโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานทั้งเขต อำเภอ และเทศบาลที่มีจุดรับทำบัตรทั้งประเทศจำนวน 1,078 แห่ง อัตราการทำบัตรแห่งละ 100 ใบ ใน 1 วันจะอยู่ที่ราวๆ 100,000 ใบ หรือปีละ 5 ล้านใบ ในกรณีนี้ยังไม่รวมบางพื้นที่ที่มีเครื่องทำบัตรมากกว่า 1 เครื่อง และชุดโมบายที่จะลงพื้นที่ไปทำบัตรให้ถึงโรงเรียนในวันปกติ
 การเตรียม ตัวและความพร้อมอื่นๆ กรมการปกครองเองก็ได้แจ้งให้ทุกจุดทำบัตรทั่วประเทศได้ปรับแก้อุปกรณ์การทำ บัตร เพื่อรองรับการเข้ามาทำบัตรของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับฉากหลังจาก 100-195 ซม. มาเป็น 50-195 ซม. ปรับขาตั้งกล้องจากที่เป็นแบบสั้นวางบนโต๊ะ ก็เปลี่ยนมาเป็นแบบขายาวที่ใช้วางบนโต๊ะ รวมทั้งในด้านความพร้อมของจำนวนบัตร ขณะนี้มีบัตรอยู่ในการกักเก็บพร้อมใช้งานทันทีแล้วจำนวน 10 ล้านใบ พร้อมทั้งกำลังทยอยมาอีก 26 ล้านใบ ฉะนั้นมั่นใจได้ว่าเด็กจะได้รับบัตรที่มีคุณภาพดีครบถ้วนทุกคน และไม่ต้องมาคอยพกบัตรเหลืองอย่างแน่นอน
 มาดูความเห็นของน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครองกันบ้าง จากการที่เด็กๆ จะได้มีโอกาสทำบัตรประชาชนใบแรก เริ่มที่ น้องโปลิส-ด.ช.เอกสิทธิ์ สงศรีอินทร์ อายุ 7 ปี นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนผ่องสุวรรณวิทยา บอกว่า ตอนนี้มีแต่บัตรนักเรียน ก็อยากมีบัตรประชาชนบ้างจะได้เหมือนผู้ใหญ่ ถ้ามีจริงๆ ก็ต้องฝากแม่ไว้ เพราะกลัวจะทำบัตรหาย เคยทำกระเป๋าตังค์หายแล้ว แต่ถ้าจำเป็นต้องเอาบัตรประชาชนติดตัวไปด้วยก็ต้องเก็บไว้ให้ดีๆ  
 ขณะ ที่คุณแม่น้องโปลิส พรทิพย์ สงศรีอินทร์ แสดงความเห็นต่อการทำบัตรประจำตัวประชาชนของเด็กที่อายุครบ 7 ปีขึ้นไปว่า จะเป็นประโยชน์สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองถ้าลูกหลานมีบัตรประชาชน สะดวกเวลาแสดงสิทธิรับบริการต่างๆ ของเด็ก ไม่ต้องถือสูจิบัตรมาให้ยุ่งยาก เวลาพาน้องขึ้นเครื่องบินก็ใช้บัตรนี้แสดงตัว หรือกรณีเด็กพลัดหลง ถ้ามีบัตรติดตัวอยู่จะช่วยให้ส่งคืนพ่อแม่ได้เร็วขึ้น เพราะมีชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ก็ตั้งใจจะพาน้องโปลิสลูกชายไปทำบัตรในวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคมนี้ ที่โรงเรียนวัดสุวรรณบำรุงราชวราราม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพราะทราบว่าจะมีหน่วยบริการจัดทำบัตรเคลื่อนที่มาให้บริการทำบัตร    
 น้อง บิ๊ว-ด.ญ.นันทิกานต์ บุญนาด อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการลำลูกกา บอกว่า ดีใจที่จะได้ทำบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก แล้วจะมีรูปตัวเองอยู่บนบัตรด้วย คิดว่าบัตรนี้เด็กจะใช้ประโยชน์ได้ เป็นบัตรแสดงเวลาไปติดต่อราชการ แต่ถ้ามีบัตรแล้วคงฝากผู้ปกครองดูแล ส่วนใหญ่เด็กจะมีแต่บัตรนักเรียนที่โรงเรียนออกให้
 เรียกได้ว่าพอกฎหมาย นี้ออกมา ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องเปลี่ยนความเข้าใจทั้งหมดเสียใหม่เลยในการทำบัตร ประชาชนใบแรก แต่พอเปลี่ยนแล้วจะดีหรือไม่ดีก็คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป แต่ที่แน่ก็คือ ในปีนี้ เด็กไทยตั้งแต่อายุ 7 ขวบขึ้นไปจะมีบัตรประจำตัวประชาชนใบแรกกันแล้ว...  ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
 ล้อมกรอบ
                                       ทำบัตรได้ที่ไหน?
การ เตรียมการทำบัตรประชาชนให้เด็ก กรมการปกครองอำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่ายของประชาชน ดังนี้ ในการทำบัตรประชาชนของน้องๆ ที่อยู่ในช่วงอายุ 7-14 ปี กรมการปกครองได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อรองรับกลุ่มบุคคลที่ต้องมีบัตรตามกฎหมายบัตรประจำตัวประชาชนฉบับใหม่ ด้วยการให้บริการเชิงรุก โดยสำนักบริหารการทะเบียน ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 9 แห่ง และศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด 77 ศูนย์ จัดหน่วยบริการจัดทำบัตรเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ออกไปให้บริการจัดทำบัตรให้กับนักเรียน นักศึกษา ตามสถานศึกษาต่างๆ เดือนละ 3 ครั้ง เริ่มดำเนินการทั่วประเทศ รวมทั้งยังได้จัดวันและเวลาที่เหมาะสมในช่วงวันเสาร์ เชิญโรงเรียนเข้ามาทำบัตรประชาชนที่เขตหรืออำเภอด้วย โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2554 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 10 ก.ค.2555
สำหรับ ในวันที่ 10-11 กรกฎาคม จะเริ่มประเดิมการทำบัตรประชาชนให้แก่เด็กๆ ในสถานศึกษา 4 แห่ง คือ 1.รร.ราชบพิธ แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 2.รร.วัดสุวรรณบำรุงราชวราราม ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 3.รร.วัดกู้ (นันทาภิวัฒน์) ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และ 4.รร.สันติวิทยา อ.เมืองฯ จ.เชียงราย.

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง