หากยังจำกันได้ เมื่อเราอายุ 15 ปีบริบูรณ์
ในช่วงเวลานั้นไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นกับการที่จะได้มีโอกาสไปถ่ายรูปทำ
บัตรประชาชนของตัวเองเป็นครั้งแรก
แต่ในวัน 10 ก.ค.2554
ที่จะมาถึงนี้นั้น ได้กลายเป็นอีก 1
วันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศเลยก็ว่าได้
เพราะเป็นการเปลี่ยนกฎหมายเดิมที่มีมาช้านานอย่างการกำหนดให้คนไทยที่มีอายุ
15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปมาทำบัตรประชาชนใบแรก
เปลี่ยนมาเป็นการกำหนดให้คนไทยเริ่มทำบัตรประชาชนใบแรกตั้งแต่อายุ 7 ขวบแทน
ตามข้อกำหนดของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า
"บัตรประจำตัวประชาชน" เป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้บุคคลที่มีสัญชาติไทย
เพื่อพิสูจน์ทราบและยืนยันตัวบุคคล
เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่จะนำไปสู่การมีสิทธิรับบริการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน
เช่น สิทธิในการรักษาพยาบาล เป็นต้น
ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัว
ประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2546 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2554
มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดอายุของบุคคลสัญชาติไทยที่จะต้องมีบัตร คือ
ให้ผู้มีอายุครบ 7 ปีบริบูรณ์จะต้องยื่นคำขอมีบัตรภายใน 60 วัน
(กรณีผู้มีอายุระหว่าง 7 ปีบริบูรณ์จนถึงก่อนครบ 15 ปีบริบูรณ์
ให้ยื่นขอมีบัตรภายใน 1 ปี นับจากวันที่ 10 กรกฎาคม 2554
หรือหากมีความจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะขอขยายเวลาออกไปได้
การกำหนดให้บัตรมีอายุ 8 ปี การกำหนดบุคคลที่มีหน้าที่ยื่นคำร้องขอมีบัตร
ขอมีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตร ของผู้ที่อายุไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์
เป็นหน้าที่ของบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งรับดูแล เป็นผู้ยื่นคำขอ
แต่ไม่ตัดสิทธิบุคคลที่จะยื่นคำขอด้วยตนเอง
ในการกำหนดโทษการยื่นคำขอมี
บัตรเกินกำหนด กรณีขอมีบัตรครั้งแรก ได้สัญชาติไทย ต่ออายุบัตร บัตรหาย
ชำรุด เปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล ไม่ยื่นขอมีบัตรภายใน 60 วัน
จะมีโทษปรับไม่เกิน 100 บาท
และกรณีผู้ถือบัตรไม่มีบัตรแสดงเมื่อพนักงานตรวจบัตรขอตรวจ
ผู้ถือบัตรที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
รวมทั้งกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม กรณีทำบัตรผู้ได้รับการยกเว้น
ไม่เสียค่าธรรมเนียม, ทำบัตรหาย ชำรุด แก้ไขชื่อตัว-ชื่อสกุล 100 บาท,
ออกใบแทน 10 บาท และขอตรวจคัดสำเนา 10 บาท
เราได้รายละเอียดภาพที่
ชัดเจนจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยคุณจักรี
ชื่นอุระ ผู้อำนวยการสำนักบริหารทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ได้เปิดเผยรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบทะเบียนราษฎรครั้งประวัติ
ศาสตร์ของไทยว่า
ที่มาในการทำบัตรประชาชนให้เด็กมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า
15 ปี ได้ทำบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรค ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2546
เป็นต้นมา ซึ่งปัญหาการใช้บัตรทองในขณะนั้นคือ คือ เด็กทำบัตรหาย
บัตรหมดอายุ
รวมทั้งการทำบัตรเหล่านั้นไม่มีรูปยืนยันเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของสิทธิ์
เหมือนบัตรประชาชน
ต่อมาจึงได้มีการผลักดันให้กระทรวงมหาดไทยเสนอให้ทำบัตรประจำตัวประชาชนให้
แก่เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
เพื่อให้สามารถยืนยันตัวบุคคลได้
ซึ่งการทำบัตรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
เพราะฐานข้อมูลตรงนี้ก็มีระบบจัดเก็บข้อมูลตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว
ในช่วง
เวลาราวปี 2546 หลังจากที่ได้มีการส่งเรื่องเข้าสภาแล้ว
ก็เกิดเหตุการณ์ยุบสภาเกิดขึ้นเสียก่อน จนกระทั่งในรัฐบาลชุดล่าสุดนี้
การนำเรื่องการทำบัตรประชาชนให้คนตั้งแต่อายุ 7 ขวบขึ้นไป
ก็ได้รับการอนุมัติจากการประชุม ครม.ครั้งสุดท้าย
ให้กฎหมายนี้ถูกประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 11 พ.ค.54
รวมทั้งสามารถบังคับใช้ได้ในทันทีในวันที่ 10 ก.ค.54
ซึ่งจากการที่ปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มต้นการใช้กฎหมายนี้ ทำให้มีเด็กอายุ
7-14 ปี จำนวน 8 ล้านคน
กลายเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกที่อยู่ในช่วงที่ต้องดำเนินการทำบัตรประชาชนใบแรก
“บัตร
ประจำตัวประชาชนที่เด็กต้องทำนั้นก็แบบเดียวกับบัตรของผู้ใหญ่
ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกันเลย นอกจากคำนำหน้าที่เป็น ด.ช. หรือ ด.ญ. เท่านั้น
ในด้านประโยชน์ ก็จะสะดวกในการใช้แสดงตนเข้ารักษาพยาบาลกับทางรัฐฟรี
โดยไม่ต้องพกสูจิบัตรหรือทะเบียนบ้านมาแสดง
การขอสิทธิประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
อย่างการแสดงสิทธิ์การขอรับแท็บเลตกับทางรัฐบาล ที่บอกว่าจะแจกฟรีให้เด็ก
รวมถึงการป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์จากเด็กต่างด้าว เพราะในวันนี้พวกเด็กๆ
เขาไม่มีบัตรอะไรที่มีรูปถ่ายไว้แสดงตนที่เป็นทางการ
คงจะดีกว่าถ้าจะมีบัตรสักใบที่เป็นการแสดงตัวเขา
ส่วนการทำบัตรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เอกสารครบ
ทำครั้งเดียวก็ใช้ได้ยาวถึง 8 ปีเลย”
ส่วนปัญหาหน้าตาของเด็กที่อาจจะ
อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
รูปอาจจะเปลี่ยนไม่ตรงกับตัวจริงมากนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารทะเบียน
ตอบข้อข้องใจนี้ว่า ตรงนี้เรามีการทำฐานข้อมูลในแบบเดียวกับผู้ใหญ่
ที่ไม่เพียงแต่มีการถ่ายภาพ แต่จะให้ลงบันทึกลายนิ้วมือ นิ้วโป้ง นิ้วชี้
ทั้งซ้ายและขวา ณ จุดนี้จะสามารถยืนยันตัวตนคนคนนั้นได้
"คนเราแม้ใบ
หน้าจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ลายนิ้วมือเราจะไม่เปลี่ยนแปลง
รวมทั้งปัญหาในด้านวุฒิภาวะในการเก็บรักษาบัตรของเด็กๆ
ที่หลายฝ่ายมองกันว่ายังมีไม่มากพอที่จะเก็บรักษาได้
จุดนี้หากเกิดสูญหายขึ้นมาก็เพียงแค่ไปทำบัตรใหม่ที่จุดรับบริการเท่านั้น
เอง"
ผอ.สำนักบริหารทะเบียน ยังบอกต่อด้วยว่า
การมาทำบัตรครั้งแรกที่ต้องมีการถ่ายรูป
ประกอบกับการยืนยันตัวบุคคลที่ต้องใช้สูจิบัตร
โดยในการที่ต้องยืนยันตัวบุคคลได้ดีที่สุดนอกจากใช้เอกสารสูจิบัตรแล้ว
จึงต้องอาศัยตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง ครู อาจารย์ มาให้การรับรอง
ฉะนั้นการที่จะนำเด็กมาทำบัตรประชาชนได้ดีที่สุด คือ
การมาทำบัตรเป็นหมู่คณะกับทางโรงเรียน
เพราะครูประจำชั้นจะสามารถเป็นคนรับรองได้ดีที่สุดว่าเด็กคนไหนชื่ออะไร
อีกทั้งเด็กที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องทำบัตรกว่า 100 เปอร์เซ็นต์นั้น
เป็นเด็กที่อยู่ในระหว่างการศึกษากับทางโรงเรียน
ด้วยสาเหตุนี้
ในช่วงแรก กรมการปกครองจึงได้ประสานไปยังจังหวัด
แล้วจึงให้ทางจังหวัดประสานต่อไปยังอำเภอ
เพื่อให้ทางอำเภอได้ประสานต่อไปยังโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนนั้น
เพื่อให้ทางโรงเรียนได้จัดส่งนักเรียนพร้อมทั้งใบสูจิบัตรของนักเรียนแต่ละ
คนและครูประจำชั้นในการยื่นยันตัวบุคคลมาทำบัตรประจำตัวประชาชนในวันเสาร์
ซึ่งจะเป็นการสะดวกในการทำบัตร
และสะดวกในการจัดระเบียบของเด็กในการเข้ารับบริการ
เพื่อหลีกเลี่ยงการทำบัตรที่จะต้องปะปนกับผู้ใหญ่ในวันและเวลาราชการ
นอกจากนี้
ในช่วงต่อไปยังได้จัดให้มีชุดเคลื่อนที่หรือชุดโมบายลงพื้นที่ไปทำบัตร
ประชาชนให้กับนักเรียนโดยตรงถึงโรงเรียน
“ตรงจุดนี้อยากจะแจ้งผู้ปกครอง
ให้ทราบโดยทั่วกันด้วยว่า ในการทำบัตรไม่ต้องรีบแห่กันไปทำ
นอกเสียจากว่ามีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ
ก็สามารถไปทำบัตรที่อำเภอได้วันและเวลาปกติเช่นเดียวกับผู้ใหญ่
แต่นอกเหนือจากนี้ ทางเราจะอำนวยความสะดวกให้
โดยจะเป็นฝ่ายประสานงานไปทางจังหวัด อำเภอ
และโรงเรียนในการกำหนดวันให้เด็กเข้ามาทำบัตร
หรือจัดชุดโมบายลงพื้นที่ไปทำบัตรด้วยตัวเอง”
ส่วนศักยภาพในการทำบัตร
ของเครื่องทำบัตรที่มีอยู่ของแต่ละอำเภอจะอยู่ที่ 100 ใบ ต่อ 1 วัน ต่อ 1
เครื่อง ในกรณีนี้ ในบางอำเภอหรือบางเขตที่ใหญ่ ก็จะมีเครื่องทำบัตรมากกว่า
1 เครื่อง
โดยหากเปรียบเทียบการทำบัตรให้เด็กเฉพาะวันเสาร์ในโรงเรียนทั่วประเทศ
ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานทั้งเขต อำเภอ
และเทศบาลที่มีจุดรับทำบัตรทั้งประเทศจำนวน 1,078 แห่ง
อัตราการทำบัตรแห่งละ 100 ใบ ใน 1 วันจะอยู่ที่ราวๆ 100,000 ใบ หรือปีละ 5
ล้านใบ ในกรณีนี้ยังไม่รวมบางพื้นที่ที่มีเครื่องทำบัตรมากกว่า 1 เครื่อง
และชุดโมบายที่จะลงพื้นที่ไปทำบัตรให้ถึงโรงเรียนในวันปกติ
การเตรียม
ตัวและความพร้อมอื่นๆ
กรมการปกครองเองก็ได้แจ้งให้ทุกจุดทำบัตรทั่วประเทศได้ปรับแก้อุปกรณ์การทำ
บัตร เพื่อรองรับการเข้ามาทำบัตรของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับฉากหลังจาก
100-195 ซม. มาเป็น 50-195 ซม. ปรับขาตั้งกล้องจากที่เป็นแบบสั้นวางบนโต๊ะ
ก็เปลี่ยนมาเป็นแบบขายาวที่ใช้วางบนโต๊ะ
รวมทั้งในด้านความพร้อมของจำนวนบัตร
ขณะนี้มีบัตรอยู่ในการกักเก็บพร้อมใช้งานทันทีแล้วจำนวน 10 ล้านใบ
พร้อมทั้งกำลังทยอยมาอีก 26 ล้านใบ
ฉะนั้นมั่นใจได้ว่าเด็กจะได้รับบัตรที่มีคุณภาพดีครบถ้วนทุกคน
และไม่ต้องมาคอยพกบัตรเหลืองอย่างแน่นอน
มาดูความเห็นของน้องๆ หนูๆ
และผู้ปกครองกันบ้าง จากการที่เด็กๆ จะได้มีโอกาสทำบัตรประชาชนใบแรก
เริ่มที่ น้องโปลิส-ด.ช.เอกสิทธิ์ สงศรีอินทร์ อายุ 7 ปี นักเรียนชั้น ป.2
โรงเรียนผ่องสุวรรณวิทยา บอกว่า ตอนนี้มีแต่บัตรนักเรียน
ก็อยากมีบัตรประชาชนบ้างจะได้เหมือนผู้ใหญ่ ถ้ามีจริงๆ ก็ต้องฝากแม่ไว้
เพราะกลัวจะทำบัตรหาย เคยทำกระเป๋าตังค์หายแล้ว
แต่ถ้าจำเป็นต้องเอาบัตรประชาชนติดตัวไปด้วยก็ต้องเก็บไว้ให้ดีๆ
ขณะ
ที่คุณแม่น้องโปลิส พรทิพย์ สงศรีอินทร์
แสดงความเห็นต่อการทำบัตรประจำตัวประชาชนของเด็กที่อายุครบ 7 ปีขึ้นไปว่า
จะเป็นประโยชน์สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองถ้าลูกหลานมีบัตรประชาชน
สะดวกเวลาแสดงสิทธิรับบริการต่างๆ ของเด็ก ไม่ต้องถือสูจิบัตรมาให้ยุ่งยาก
เวลาพาน้องขึ้นเครื่องบินก็ใช้บัตรนี้แสดงตัว หรือกรณีเด็กพลัดหลง
ถ้ามีบัตรติดตัวอยู่จะช่วยให้ส่งคืนพ่อแม่ได้เร็วขึ้น เพราะมีชื่อ-นามสกุล
ที่อยู่ ก็ตั้งใจจะพาน้องโปลิสลูกชายไปทำบัตรในวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคมนี้
ที่โรงเรียนวัดสุวรรณบำรุงราชวราราม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
เพราะทราบว่าจะมีหน่วยบริการจัดทำบัตรเคลื่อนที่มาให้บริการทำบัตร
น้อง
บิ๊ว-ด.ญ.นันทิกานต์ บุญนาด อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการลำลูกกา บอกว่า
ดีใจที่จะได้ทำบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก แล้วจะมีรูปตัวเองอยู่บนบัตรด้วย
คิดว่าบัตรนี้เด็กจะใช้ประโยชน์ได้ เป็นบัตรแสดงเวลาไปติดต่อราชการ
แต่ถ้ามีบัตรแล้วคงฝากผู้ปกครองดูแล
ส่วนใหญ่เด็กจะมีแต่บัตรนักเรียนที่โรงเรียนออกให้
เรียกได้ว่าพอกฎหมาย
นี้ออกมา
ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องเปลี่ยนความเข้าใจทั้งหมดเสียใหม่เลยในการทำบัตร
ประชาชนใบแรก
แต่พอเปลี่ยนแล้วจะดีหรือไม่ดีก็คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป
แต่ที่แน่ก็คือ ในปีนี้ เด็กไทยตั้งแต่อายุ 7
ขวบขึ้นไปจะมีบัตรประจำตัวประชาชนใบแรกกันแล้ว...
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ล้อมกรอบ
ทำบัตรได้ที่ไหน?
การ
เตรียมการทำบัตรประชาชนให้เด็ก
กรมการปกครองอำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่ายของประชาชน
ดังนี้ ในการทำบัตรประชาชนของน้องๆ ที่อยู่ในช่วงอายุ 7-14 ปี
กรมการปกครองได้จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน
เพื่อรองรับกลุ่มบุคคลที่ต้องมีบัตรตามกฎหมายบัตรประจำตัวประชาชนฉบับใหม่
ด้วยการให้บริการเชิงรุก โดยสำนักบริหารการทะเบียน
ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 9 แห่ง และศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด
77 ศูนย์ จัดหน่วยบริการจัดทำบัตรเคลื่อนที่ (Mobile Unit)
ออกไปให้บริการจัดทำบัตรให้กับนักเรียน นักศึกษา ตามสถานศึกษาต่างๆ เดือนละ
3 ครั้ง เริ่มดำเนินการทั่วประเทศ
รวมทั้งยังได้จัดวันและเวลาที่เหมาะสมในช่วงวันเสาร์
เชิญโรงเรียนเข้ามาทำบัตรประชาชนที่เขตหรืออำเภอด้วย
โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2554 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 10 ก.ค.2555
สำหรับ
ในวันที่ 10-11 กรกฎาคม จะเริ่มประเดิมการทำบัตรประชาชนให้แก่เด็กๆ
ในสถานศึกษา 4 แห่ง คือ 1.รร.ราชบพิธ แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
2.รร.วัดสุวรรณบำรุงราชวราราม ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
3.รร.วัดกู้ (นันทาภิวัฒน์) ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และ
4.รร.สันติวิทยา อ.เมืองฯ จ.เชียงราย.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
►
2012
(274)
- ► กุมภาพันธ์ (51)
-
▼
2011
(1241)
-
▼
กรกฎาคม
(151)
-
▼
08 ก.ค.
(12)
- ปรากฏการณ์"กบฏแตงโม" บทเรียน"ประยุทธ์" ศึกชิง กห. ...
- ผลวิจัยผู้ตรวจฯ ตอกหน้าศธ. เรียนฟรีไม่จริง
- "ดร.เกษียร เตชะพีระ" ปาฐกถาวิพากษ์การเมือง เผยระเบ...
- “อ.ปราโมทย์” ชี้เลือกตั้งคราวนี้ส่อโมฆะ เหตุผิดกฎห...
- ถ้าไม่คิดจะหมิ่นเบื้องสูง...จะกลัวทำไมกับกฏหมายหมิ...
- "ณัฐวุฒิ" เจาะข่าวเด่น ช่อง 3 กรณีเสื้อแดงแตก
- สุนัยร่อนจม.เปิดผนึกส.ส.เพื่อไทย:หยุดแย่งเก้าอี้รม...
- ดีใจจัง...หนูมีบัตร!
- เร่เข้ามาาาา ซื้อรถวันนี้ อีก 10 ปีแถมบ้าน แม่เอ๊ย...
- ว้าวววว.....ที่แท้ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญอยู่นี่เอ...
- เมื่อ ยิ่งลักษณ์ เริ่มขยับยกแรก ยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ...
- เบื้องหลัง...งูเห่าภูมิใจไทยกลับใจร่วมรัฐบาล
-
▼
08 ก.ค.
(12)
-
▼
กรกฎาคม
(151)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น