บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปรากฏการณ์"กบฏแตงโม" บทเรียน"ประยุทธ์" ศึกชิง กห. และวาทะ"กูไม่กลัวมึง"























 ผลการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของกองทัพไปแล้วว่า ได้เกิดการก่อกบฏทหารประชาธิปไตย เมื่อ "นายสั่งไม่ได้"

ในมุมหนึ่งก็เป็นผลดีต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย ความคิดอิสระทางการเมืองของประชาชนในเครื่องแบบทหารที่ปลดแอกตัวเองออกจากการเป็น "หัวสี่เหลี่ยม"


แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็น่าเป็นห่วงในระบบการสั่งการควบคุมบังคับบัญชาทางทหาร ที่ไม่ใช่แค่ไม่ทำตามคำสั่ง แต่ยังทำสวนทางกับคำสั่งอีกด้วย

พร้อมๆ กันนั้นก็เป็น "บทเรียน" บทสำคัญของผู้นำกองทัพ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. จะได้รู้ว่า ความศักดิ์สิทธิ์ ความขลังของเก้าอี้แห่งอำนาจตัวนี้ ได้เปลี่ยนไปแล้ว

โดยเฉพาะกับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ต้อง "เสียเซ้ลฟ์" เสียความมั่นใจในตัวเองไปมากโข และต้องมานั่งคิดทบทวนแล้วว่า เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น


เพราะขนาดส่งสัญญาณควรเลือกใคร ช่วยพรรคไหน ไม่เลือกพรรคใด แต่ผลออกมาตรงกันข้าม แล้วถ้าจะสั่งให้เอารถถัง ถือปืนออกไปปฏิวัติ ทหารจะทำตามทั้งหมดหรือไม่

ต้องยอมรับว่าบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนการเลือกตั้งนั้นชัดเจนในการสกัดกั้นพรรคเพื่อไทย นอกเหนือจากจุดยืนที่ต่อต้านสีแดงเดิม


ทุกคำพูดทุกความคิดและความเคลื่อนไหวของ จอมพล ผู้นำกองทัพบก นั้นอยู่ในสายตาของทหารทุกนาย ไม่ว่าจะนายพล นายพัน นายร้อย ชั้นประทวน หรือแม้แต่พลทหาร ที่รู้ดีว่า ผบ.ทบ. ต้องการอะไร

แม้ในยุคนี้ จะมาสั่งกันตรงๆ ว่าให้เลือกเบอร์ไหน พรรคใดไม่ได้เพราะกลัวถูกถ่ายคลิป แต่ก็มีการกระซิบ และเกลี้ยกล่อมพูดอ้อมๆ ให้คิดเอง โดยเฉพาะการเอาซีดีภาพเหตุการณ์เสื้อแดงเผาเมือง มาฉายให้ทหารเกณฑ์และกำลังพลในแต่ละหน่วยดูทุกวัน รวมทั้งนักเรียนทหารทุกเหล่าทุกหน่วย


แต่ผลออกมา พรรคเพื่อไทยก็ยังชนะเกินครึ่ง ได้ ส.ส. มาถึง 265 เสียง ที่ยิ่งทำให้ผู้นำกองทัพเจ็บใจก็ที่เขตดุสิต ที่ถือเป็นเขตทหาร มีหน่วยทหารมากมาย แต่ก็กลับเลือก ลีลาวดี วัชโรบล พรรคเพื่อไทย แม้จะชนะ จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี พรรคประชาธิปัตย์ แค่ 700 กว่าคะแนน แต่ก็ถือว่า เลือกตั้งครั้งนี้ได้เกิด 2 ปรากฏการณ์พร้อมกันคือ


หนึ่ง ปรากฏการณ์ "กูไม่กลัวมึง" เสมือนว่า พวกเขาไม่กลัวผู้บังคับบัญชา แม้รู้ว่าอาจต้องถูกลงโทษอย่างใดอย่าง

หนึ่ง ต่อให้มีการเปลี่ยนการนับคะแนน มานับหน้าหน่วย แล้วมีทหารมาเดินจดยอด รายงาน "นาย" ก็ตาม

สิ่งที่ ผบ.หน่วย แต่ละหน่วย ชี้แจงต่อบิ๊กๆ จนถึง ผบ.ทบ. ก็คือ เราไม่สามารถบังคับความคิดทางการเมืองของทหารได้ ทหารในเครื่องแบบยังคงมีวินัย เลือกตาม "นาย" อยู่บ้าง แต่ครอบครัวลูกเมียทหารนั้นเสื้อแดงเป็นส่วนใหญ่

แต่แน่นอน ผบ.หน่วย ก็ต้องถูก "เอ็ด" เป็นธรรมดา เพราะจะให้ไปลงโทษก็คงไม่ได้

สอง คือ ปรากฏการณ์ "กบฏแตงโม" คือ ทหารจำนวนไม่น้อย ที่ไม่แค่ไม่เลือกตามนายสั่ง แต่กลับเลือกพรรคเพื่อไทย สวนคำสั่งสกัดเลยด้วยซ้ำ จึงถือว่าบรรดาทหารแตงโมทั้งที่เปิดเผยตัว และแอบแฝงหลบในกันมานานนั้น ได้เผยตัวออกมาในรูปผลการเลือกตั้งด้วยการก่อกบฏขึ้นมาแล้ว


แต่ทว่า ปรากฏการณ์แตงโมกบฏนี้ หาใช่เพราะพวกเขารัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือคลั่งไคล้ความงามขาวของปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือกระแสนายกฯ หญิงไม่ แต่เพราะพวกเขานึกถึง "ตัวเอง" มากกว่า "สถาบันกองทัพ" ที่ส่วนหนึ่งอาจเพราะการวางตัวของผู้นำกองทัพ ที่อาจทำให้เสื่อมศรัทธา


อีกสาเหตุหนึ่งคือ ทหารจำนวนไม่น้อยที่เป็นลูกน้องเก่าของนายทหารสายทักษิณ สายสีแดง ที่ต้องการล้มขั้วอำนาจแห่งอำมาตย์ เพื่อที่จะให้ "นาย" ของพวกเขา ได้กลับมามีอำนาจ พวกเขาจะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งบ้าง


ประกอบกับการที่อำนาจในกองทัพ อยู่ในมือกลุ่มอำนาจเดียวมาตลอดตั้งแต่ปฏิวัติเรื่อยมา เฉพาะบูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือราชินี และวงศ์เทวัญบางส่วนเท่านั้นที่ได้อยู่ในศูนย์กลางและคุมอำนาจ จึงเป็นการผลักไสให้ทหารอาชีพที่ไม่มีขั้ว ไม่เลือกข้าง ต้องแอบเป็นแตงโม


ไม่นับทหารที่เปิดรับสื่อในหลายรูปแบบ ก็ทำให้คิดนอกกรอบ จนนำไปสู่การก่อกบฏนั่นเอง

เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แบบที่ทหารไม่สามารถ "ออกอาวุธ" หรือเคลื่อนไหวอะไรตามแผนเดิมได้เลยนั้น ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ต้องการแบบนี้ ทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะมีชะตากรรมอย่างไร กองทัพจะเป็นอย่างไร


รมว.กลาโหม จะเป็นดัชนีชี้วัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเอาอย่างไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ และกองทัพ
ด้วยจำนวน ส.ส. มากมาย ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องง้อบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของบูรพาพยัคฆ์ มาเป็น รมว.กลาโหม อีกแล้ว ฝ่าย พล.อ.ประวิตร เอง ถึงกับลั่นว่า "ไม่อยากเป็น เสียศักดิ์ศรี" ไม่ได้อยากจะมาเป็น เพราะกลัวเสียภาพพจน์


แต่ด้วยความเป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ และทายาทอำนาจในกองทัพ รวมทั้งหวั่นน้องๆ จะถูกเช็กบิล ทั้งการปราบเสื้อแดง การจัดซื้อรถเกราะยูเครน เรือเหาะ จีที 200 จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร จึงต้องเปิดการเจรจาต่อรอง

จึงไม่แปลกที่จะมีชื่อทั้ง เวสปอยเตอร์ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สส. เพื่อนรัก ตท.6 ของ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดต รมว.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร. หลายคน

และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. และเพื่อน ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง เพราะแม้จะเป็นแกนนำปฏิวัติล้มทักษิณ แต่ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ตั้งแต่ช่วยทักษิณกลับประเทศครั้งก่อน และบทบาทแสนดีในยุค นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม นั้น ก็ร่ำลือกันว่า มีการจูบปากกันแล้ว

ลำพัง พล.อ.อนุพงษ์ นั้น ไม่อยากเล่นการเมือง แต่เพราะห่วงน้อง ห่วงกองทัพ และหวั่นจะถูกตรวจสอบโครงการต่างๆ จึงอาจต้องตัดสินใจ

ไม่แค่นั้น ยังมีชื่อของบิ๊กหมง พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ.สส. ลูกป๋าคนโปรด ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างมาก และพยายามกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาให้ตลอด จนป๋าเปรมสั่งให้เลิกพยายาม

แต่ พล.อ.มงคล ปฏิเสธเพราะเขามีโอกาสที่จะได้เป็นหลายครั้ง แต่เขาไม่ต้องการเล่นการเมือง แต่ครั้งนี้ เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นผู้เสนอ เพราะต้องการให้เป็น รมว.กลาโหม ปรองดองกับทุกฝ่าย ทั้งบ้านสี่เสาฯ และทุกขั้วในกองทัพ

แต่เชื่อกันว่า พล.อ.มงคล ไม่ได้ไฟเขียวแน่

ถ้าสังเกตให้ดี พ.ต.ท.ทักษิณ กำลัง "เล่นเกม" อะไรบางอย่างกับกองทัพ เพราะเดิมเขาต้องการให้เพื่อน ตท.10 เป็น รมว.กลาโหม ทั้ง พล.อ.สุรพล เผื่อนอัยกา อดีตเลขาฯ สมช. บิ๊กติ๊ด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. เป็น รมว.กลาโหม แต่เจ้าตัวไม่ต้องการ แค่ฝากโครงการเรือดำน้ำไว้เท่านั้น. หรือ บิ๊กตุ้ย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ที่จะเกษียณกันยายนนี้ ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่เขาก็ปฏิเสธมาแล้ว


จนมีข่าวการทาบทามบิ๊กอุ๊ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ อดีต ผบ.ทร. ที่แม้จะเคยร่วมในทีม คมช. ปฏิวัติ แต่ก็ด้วยความจำใจ เพราะส่วนตัวเขาสนิทสนมกับคุณหญิงอ้อ พจมาน ชินวัตร และเป็นขาประจำบ้านจันทร์ส่องหล้า อย่างมาก เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยากได้ทหารบก เป็น รมว.กลาโหม จะเอาทหารเรือหรือทหารอากาศ นั่นเอง

จนมาพิจารณาทหารในพรรค ทั้งบิ๊กเปีย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย (ตท.8) เพราะเคยเป็นอาจารย์ ร.ร.เสธ.ทบ. บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีต รมช.กลาโหมและปลัดกลาโหม ที่มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ และทุกขั้วในกองทัพ รวมทั้ง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี มีผลงานมากมาย ในการช่วยพรรคในศึกเลือกตั้ง ที่อาจได้เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง


รวมทั้ง พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี อดีต ผบ.อย. เพื่อนซี้ ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทุ่มเททำเพื่อเขาตลอด จนพิสูจน์ว่าเป็นเพื่อนแท้ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยบอกก่อนเลือกตั้งว่า "เมธ. เป็น รมว.กลาโหม ได้ไหม" จึงทำให้เขามีชื่อเป็นเต็งหนึ่งในพรรค


มีความหวาดหวั่นกันว่า ในที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ อาจย้อนเกล็ดทหารด้วยการให้ ปู ยิ่งลักษณ์ เป็นทั้งนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม สร้างประวัติศาสตร์เป็นทั้งนายกฯ หญิงคนแรกและ รมว.กลาโหมหญิงคนแรก ที่คงทำให้กองทัพกระเพื่อมไม่น้อย เพราะถือว่า "ทั้งแสบ ทั้งหยาม" กันเลย ที่ผู้นำกองทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องมายืนตะเบ๊ะ ผู้หญิง แถมนามสกุล ชินวัตร อีกด้วย ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้นำประเทศ แต่ยังเป็นผู้บังคับบัญชา
เพราะนายสมัคร และนายสมชาย ก็ยังต้องควบ รมว.กลาโหม มาแล้ว ยิ่งในยามที่ทหารในพรรคและนอกพรรค มีการแย่งชิงต่อรองกันเช่นนี้

แต่คนที่น่าเห็นใจ คือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทุกสายตาจ้องเขม็ง เขาทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่วันนี้กระแสประชาชน ทำให้ทุกคนพร้อมที่จะเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนสี


แม้พรรคเพื่อไทย ประกาศจะไม่แก้แค้นกองทัพ ไม่โยกย้าย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตาม แต่มีความเคลื่อนไหวจาก "พวกเดียวกันเอง" ที่จะกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุบโต๊ะ ให้เด้ง ผบ.ทบ. อย่างคึกคัก


โดยเฉพาะชื่อของ บิ๊กต่าย พล.อ.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผบ.สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (ผบ.สปท.) อดีต ผบ.นสศ. ที่มาแรง ที่ไม่ใช่เพราะเขาเป็นเพื่อน ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเป็นการคืนความชอบธรรมที่เขาเคยถูก บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตอนเป็น ผบ.ทบ. เตะโด่งออกจาก ทบ. ทั้งๆ ที่จ่อขึ้นห้าเสือ ทบ. เท่านั้น
แต่เพราะ พล.อ.ภุชงค์ เป็นน้องเลิฟของ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี


ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อาจบอบช้ำ เสียหาย และเป็นแม่ทัพที่แพ้สงคราม ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แถมสะบักสะบอม จนต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก อย่าลืมว่าโดยสถานะทหารเสือราชินีแถวหน้า การเป็น ผบ.ทบ. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็น "ก้าง" ขวางอำนาจของบางกลุ่ม ที่ไม่อาจ "แอบอ้างสถาบัน" ได้อีก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ รับใช้ใกล้ชิดอยู่แล้ว


ขณะที่แรงดันจากในพรรคเพื่อไทย ที่อยากให้เปลี่ยน ผบ.ทบ. ก็ยังหนุนบิ๊กเล็ก พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน (ตท.11) อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ที่เป็นน้องเขยของ ส.ส.เพื่อไทย จ.พะเยา ที่มีอายุราชการถึงปี 2556 ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

แต่ยังเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยอมปรองดอง ทั้งในการเลือก รมว.กลาโหม และจะไม่แก้แค้นล้างบางกองทัพ ไม่โยกย้าย พล.อ.ประยุทธ์ ที่เกษียณปี 2557 พ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ. แต่ต้องมีการสกัดแผนการสร้าง "แผงอำนาจ ตท.12" ด้วยการไม่ให้ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาปกรณ์ เสธ.ทหาร ขึ้นเป็น ผบ.สส. แต่อาจดัน พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ รอง ผบ.สส. ที่มีสัมพันธ์กับเพื่อไทย ขึ้นเป็น ผบ.สส. ขัดตาทัพไว้ก่อน 1 ปี


เช่นเดียวกับที่ บิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ยุทธนา ฟักผลงาม แกนนำ ตท.12 ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทร. คนใหม่ ก็จะแผ่วลง ขณะที่บิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ตท.13 นายทหารเรือสุขุม อัธยาศัยดี เป็นที่ยอมรับ กลายเป็นเต็งหนึ่ง


ส่วน ผบ.สส. ก็อาจเป็น บิ๊กต่าย พล.อ.ภุชงค์ ที่หากผิดหวังจากการเป็น ผบ.ทบ. เพื่อสกัด พล.อ.ธนะศักดิ์
ในส่วนของ ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมทำโผโยกย้ายทหารปลายปีไว้แล้ว โดยดึงบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เพื่อนรัก ตท.12 ขยับจาก เสธ.ทบ. ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. ครองอัตราจอมพล


ที่น่าจับตามองคือ มีการวางทายาทอำนาจว่าที่ ผบ.ทบ. ในอนาคต เพราะล้วนเกษียณปี 2558 คือ บิ๊กบี้ พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) รอง เสธ.ทบ. น้องรักของ บิ๊กป้อม ขึ้นเป็น เสธ.ทบ. บิ๊กโด่ง พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) แม่ทัพภาคที่ 1 ทหารเสือราชินี ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.


ที่ฮือฮาคือ พล.อ.ประยุทธ์ ดึง บิ๊กแป๊ะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก (ตท.14) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษจาก บก.ทัพไทย ที่มีผลงานจากเรื่องการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา และมรดกโลก ข้ามมาเสียบเป็น ผช.ผบ.ทบ. เพื่อหมายให้ดูแลปัญหากัมพูชาโดยเฉพาะ


แต่แน่นอน การมีรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนขั้วอำนาจ รมว.กลาโหม คนใหม่ ก็ต้องเข้ามาดูแลเรื่องความยุติธรรม
ที่คาดว่า พล.อ.ทนงศักดิ์ ถ้าไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. ก็จะได้ขึ้นจากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เป็นประธานที่ปรึกษา ทบ. ครองอัตราจอมพล แต่รัฐบาลเพื่อไทย ก็อาจจะเข้าเป็น ห้าเสือ ทบ. ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้สัญญาไว้ ที่สำคัญ อาจเสียบเป็น รอง ผบ.ทบ. หายใจรดต้นคอ พล.อ.ประยุทธ์ ให้หนาวๆ ร้อนๆ


เพราะแม้พรรคเพื่อไทย จะไม่เด้ง พล.อ.ประยุทธ์ พ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในครั้งนี้ แต่โยกย้ายปลายปีหน้า ก็ไม่แน่



แต่ที่ต้องจับตาคือ อนาคตของ พล.อ.ดาว์พงษ์ จอมกระชับพื้นที่ ที่ในสายตาทหารสายเพื่อไทย มองว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ทุกอย่าง อีกทั้งเป็นผู้ตั้งกองบัญชาการ สกัดกั้นเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่เขาอาจจะเป็นประธานที่ปรึกษา ทบ. ไม่ได้เป็น รอง ผบ.ทบ. แต่ถึงเวลานั้น พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อนรัก จะยอมหรือไม่ หากไม่สามารถปกป้องหรือต่อรองเพื่อเพื่อนรักได้


แม้จะไม่แทรกแซง ไม่แก้แค้น แต่หากกลั่นแกล้ง เหยียดหยามกันในเรื่องต่างๆ ไม่ให้เกียรติ พาดพิงสถาบัน และหยาม "นาย" เริ่มมีเสียงนายทหารคนสำคัญหลายคนลั่นออกมาแล้วว่า "กูไม่กลัวมึง"


เช่นเดียวกัน ทักษิณ และทหารในพรรคเพื่อไทย ก็บอกว่า "กูไม่กลัวมึง" เหมือนกัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง