ซึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น สุรพงษ์ โตวิจักชัยกุล เจ้ากระทรวงการต่างประเทศ เพราะทันทีที่เจ้าตัวเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว ก็ดูเหมือนว่า จะได้ "ก้อนอิฐ" มากกว่า "ดอกไม้"
ทั้งนี้หากไม่นับ สาเหตุของ อาการ "ไม่ปลื้ม" บรรดา ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 บางคน นอกจากเรื่องของ "หน้าตา" ที่ไม่ได้ดูหล่อเหลา สมราคาคุย แล้ว ยังมีเรื่องคำถามที่อยู่ในใจ โดยเฉพาะเรื่องความ "เหมาะสม" และ "ความสามารถ" อีกด้วย
โดยทันทีที่ปรากฎชื่อของ สุรพงษ์ ออกมา เสียงต่อต้านก็ดังขึ้นโดยเฉพาะจากฝ่ายตรงข้ามอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ที่ดาหน้ากันออกมาถล่ม ถึงความเหมาะสม
เพราะต้องยอมรับว่า กระทรวงการต่างประเทศ นั้นมีลักษณะพิเศษ อย่างหนึ่ง คือ แทบจะมี "ล๊อคสเป็ก"เจ้ากระทรวงเอาไว้ว่า ต้องมีประสบการณ์และความคุ้นเคยกับงานด้านนี้
สังเกตได้จาก อดีตเจ้ากระทรวงหลายคนที่มักจะเป็น อดีตฑูต หรือ ทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานด้านนี้มาก่อนทั้งสิ้น ! !
ดังนั้น การที่ สุรพงษ์ เข้ามารับตำแหน่งแน่นอนว่า นอกจากจะต้องเจอ "งานหนัก" แล้ว ยังจะต้องเผชิญหน้ากับ "แรงเสียดทาน"ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเจ้าตัวก็เคยยอมรับว่า ไม่คาดคิดว่าจะได้รับตำแหน่งดังกล่าวเพราะไม่มีความถนัด
คำถามที่ตามมาคือเหตุใด และเพื่ออะไร พรรคเพื่อไทย จึงเลือกที่จะใช้ สุรพงษ์ เล่นกับของร้อนกับ "เก้าอี้อาถรรพ์" ตัวนี้ ในขณะที่ผ่านมาหลายต่อหลายคนปฏิเสธ
และต้องไม่ลืมว่า กระทรวงการต่างประเทศ นั้นเป็นหนึ่งใน 5 กระทรวง ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯยืนยันว่า จะเป็นผู้คัดเลือกคนที่ไว้ใจได้ มาเป็นเจ้ากระทรวงด้วยตัวเอง
ดังนั้นการที่ชื่อมาตกที่ สุรพงษ์ ที่นอกเหนือจากเรื่องของการทำงานแล้ว จึงเป็นไปได้ที่ นายใหญ่ นั้นหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ จากอาการถอนตัวของคนนอก ที่ไม่อยากถือ "เผือกร้อน" โดยเฉพาะประเด็นปัญหาที่คาราคาซังอยู่ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาข้อพิพาทระหว่างชายแดนไทย- กัมพูชา
และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ สุรพงษ์ นั้นมีศักดิ์ เป็น "ญาติ" ซึ่งไว้ใจได้ สามารถไว้ใจได้ รวมถึงที่ผ่านมา ก็มีผลงาน โดยเฉพาะบทบาทในสภาที่มักจะขุดคุ้ยข้อมูล มา "แทงใจดำ" พรรคประชาธิปัตย์ ในสภาเสมอๆ
อย่างไรก็ตาม หากมองกันถึงหน้าที่เร่งด่วนของ รมว.บัวแก้วคนใหม่ คงหนีไม่พ้นเรื่องของการแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา
แต่ดูเหมือนว่า งานนี้ จะไม่ใช่ของยากสำหรับเจ้ากระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า ปมปัญหากรณีดังกล่าวนั้น รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์1"นั้นมี "ตัวช่วยพิเศษ" อย่างอดีตนายกฯทักษิณ อยู่แล้วทั้งคน เพื่อสามารถ "ต่อสาย" เจรจา เปลี่ยนสถานการณ์จาก "ร้อน" ให้เข้าสู่ภาวะที่ "ผ่อนคลาย" ลงได้ ด้วยเหตุที่มีความสัมพันธ์อันดีกับ "สมเด็จฮุนเซน" ผู้นำรัฐบาลกัมพูชา นั่นเอง
คำถามที่ตามมาคือ ถ้า "งานเร่งด่วน" ไม่ใช่การแก้ปัญหาความสัมพันธ์แล้ว "อะไร" คือภารกิจด่วนที่ รมว.บัวแก้วจะต้องทำ ?
ซึ่งเรื่องนี้เองฝั่งตรงข้าม ได้มีการมองกันถึงเหตุผล พรรคเพื่อไทย ส่ง สุรพงษ์ เข้าไปในว่า จะเข้าไปทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้น
แต่สิ่งแรกที่น่าจะเป็นไปได้ คือ การทำหน้าที่ "สางปัญหา" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเจอจากอดีตรมว.คนก่อนอย่าง กษิต ภิรมย์ เล่นเกม "แมวไล่จับหนู" ด้วยการถอนพาสปอร์ตการเดินทางของอดีตนายกฯทักษิณ โดยมีผลมาตั้งแต่ เดือน เม.ย.2552
กรณีดังกล่าว ได้สร้างความยุ่งยากกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่าง มาก โดยเฉพาะในการเดินทางเข้าออกประเทศต่างๆเพื่อทำธุรกิจ และที่สำคัญนี่ยังเรื่องที่ดูจะกระทบต่อ "เครดิต" ของอดีตนายกฯทักษิณ อยู่ไม่น้อย
โดยล่าสุดก็ได้มีการรายงานข่าวว่า ได้มีคำสั่งภายในให้มีการหยิบยกกรณีการคืนพาสปอร์ต ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นงานแรกที่ เจ้ากระทรวงบัวแก้วคนใหม่ ต้องเร่งลงมือ
ดังนั้นการตั้ง สุรพงษ์ เข้ามาจึงถูกตั้งข้อสงสัยว่า น่าจะมี "ภารกิจลับ" ซึ่งเป็น "วาระซ่อนเร้น" ใช่หรือไม่
เพราะหากทางการไทย ให้การรับรอง พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นก็เท่ากับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆได้อย่างสะดวก ซึ่งถือเป็นผลดีต่อการทำธุรกิจในต่างแดนนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์กันว่า ภารกิจสูงสุดของ สุรพงษ์ ในหนนี้ คือ การพาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านอีกด้วย
ทว่า.. ภารกิจนี้ ยังจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เหมือนการขอคืนพาสปอร์ต นั่นเป็นเพราะยังคงมีแรงต้านจากฝั่งตรงข้ามที่สงบ เพื่อรอคอยจังหวะโหมกระแสรอบใหม่อยู่
อีกทั้งต้องดูผลงานของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ด้วยว่า เข้าตาประชาชนหรือไม่ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นเรื่องการกลับบ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ คงต้องเลิกคิด
อย่างไรก็ตาม ภารกิจ ตาม "คำสั่งลับ" ของ รมว.ต่างประเทศคนใหม่ ในครั้งนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหากทำอะไรที่ "โฉ่งฉาง" และ "ขัดต่อนิติรัฐ"
เพราะไม่เช่นนั้น ตำแหน่งของ สุรพงษ์ เองจะกลายเป็น "สายล่อฟ้า" ชั้นดีต่อรัฐบาลของ นายกฯยิ่งลักษณ์ และกลายเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามที่เพลี่ยงพล้ำลุกออกมา "เข่ยา" อีกครั้งก็เป็นได้ !
ทั้งนี้ยังมีอีกแง่มุมที่ไม่อาจมองข้าม สำหรับภารกิจลับของ รมว.บัวแก้ว นั้นที่ยังไม่ถูกเปิดออก นั่นคือการการกอบกู้ภาพลักษณ์ ลบข้อครหาต่างๆที่เคยมีต่ออดีตนายกฯทักษิณ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ให้หมดจดและออกมาในแง่บวกมากกว่าที่ผ่านมา
และนี่อาจเป็น "ภารกิจสำคัญ" ที่ สุรพงษ์ ถูกส่งมาเพื่อดำเนินการนอกเหนือไปจากเรื่องของการคืนพาสปอร์ต ให้ "นายใหญ่" เท่านั้น เพราะหากเมื่อใดก็ตามที่ "ภาพร้าย" ที่เคยมีของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูกลบล้างและ "ป้อนข้อมูล" ต่อนานาประเทศเสียใหม่แล้ว ย่อมหมายความว่า "ความชอบธรรม" ของอดีตนายกฯทักษิณ ได้แต่งตัวรอกลับบ้านเอาไว้ครึ่งทางแล้ว !!
ทีมข่าวคิดลึก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น