บทนำไทยโพสต์
19 กันยายนกันที พูดถึงปฏิวัติกันที และปีนี้ที่ดูจะมีความพิเศษ ตรงที่คณาจารย์เสื้อแดง แห่งนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ประกอบด้วย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์, นางจันทจิรา เอี่ยมมยุรา, นายฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล, นายธีระ สุธีวรางกูร, น.ส.สาวตรี สุขศรี, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนายปูนเทพ ศิรินุพงศ์ ออกแถลงการณ์คณะนิติราษฎร์ ข้อเสนอแนะ 4 ประเด็น
สรุป
โดยรวมได้ว่า รัฐประหาร 19 ก.ย.49 เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ทำลายนิติรัฐ-ประชาธิปไตย
และยังเป็นต้นเหตุของปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
จึงเสนอให้มีการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร
ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นและไม่เคยมีผลในทางกฎหมาย
รวมทั้งประกาศให้คำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญ
รวมถึงคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ที่เป็นผลต่อเนื่องจากรัฐประหาร
โดยเฉพาะที่เกิดจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่
รัฐ (คตส.) ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น และไม่เคยมีผลในทางกฎหมาย
นัก
วิชาการกลุ่มนี้ตบท้ายได้น่ารักน่าชังว่า
การทำแบบนี้อาจจะโดนกล่าวหาว่าจะช่วยนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่โดนล้มล้างไป
และโดนทำลายจากคำพิพากษาของศาล
รวมทั้งอาจโดนกล่าวหาว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทางการเมือง
หากใครเข้าใจแบบนั้นไม่ถูกต้อง แม้ศาลจะเป็นกลาง
แต่คดีมันมาจากผลพวงการรัฐประหารคือ คตส.
ซึ่งเป็นปรปักษ์กับอีกฝ่ายที่โดนล้มอำนาจนั้น
จะรับผลพวงจากการรัฐประหารได้เช่นใด
ยินดี
กับคณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ ที่มีนักวิชาการ นักกฎหมาย
ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ ความสามารถ ที่หาตัวจับได้ยาก
นับแต่คณะนี้เปิดขึ้นมารับใช้นักศึกษา ประชาชน
สิ่งที่อยากเรียกร้องกลับไปยังบรรดาคณาจารย์คืออย่าหยุดเพียงแค่นี้
ให้เดินหน้าแสดงเจตจำนงค์ต่อไปให้ถึงที่สุด
ประวัติ
ศาสตร์การเมืองไทย ปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วถึง 12 ครั้ง
หากนับคณะราษฎร์ยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเข้าไปด้วยก็
เป็น 13 ครั้ง ก็ต้องเรียกร้องด้วย เพราะ
แต่ละครั้งล้วนมีผลกระทบกับประเทศมากมายมหาศาล
หากการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2476 ของ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา
เป็นโมฆะ ประเทศไทยคงเจริญรุ่งเรือง
มีประชาธิปไตยไม่ด้อยไปกว่าประเทศอังกฤษแน่นอน
ถ้า
คิดว่าเป็นข้อเสนอแนะที่กำปั้นทุบดินเกินไป
ก็ตัดเอาเมื่อครั้งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)
ยึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ก็ได้
เพราะหากลบล้างประวัติศาสตร์มิให้ผลพวงของการยึดอำนาจโดย รสช.
มีผลมาถึงปัจจุบัน ประเทศไทยจะเจริญรุ่งเรืองไม่ด้อยไปกว่าสิงคโปร์
เกาหลีใต้ เราจะเป็นนิกส์ หรือหนึ่งในห้าเสือเอเชียแน่นอน
ถ้า
ถอยไปได้จริง การคอรัปชั่นในประเทศไทยคงเบาลงไปเยอะ
เพราะวันที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดิมกุมเป้าเข้าหา พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์
ประธาน
รส
ช. ขอยิงดาวเทียมไทยคมด้วยวิธีพิเศษ ก็จะถูกลบล้างไปด้วย
หมายถึงความร่ำรวยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะลดลงไปมหาศาล
เขาก็อาจไม่เข้ามาเล่นการเมือง ถึงเล่นก็ไม่อาจควบรวมพรรคการเมือง
ต้อนนักการเมืองเข้าพรรคไทยรักไทยได้ เพราะเงินไม่ถึง การรัฐประหาร 19
กันยายน 2549 ก็คงไม่เกิด
นักวิชาการกลุ่มนี้คงคิดว่าคนอื่นเป็นควาย วันๆ ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากเล็มหญ้าในท้องนา หรืออย่างไร ถึง
ได้ตัดตอนเหตุการณ์เอาแค่ 19 กันยายน 2549 จริงอยู่
การปฏิวัติรัฐประหารนั้นคือความอัปยศ และชั่วร้าย
แต่การคอรัปชั่นก็ชั่วช้าไม่ต่างกัน ถ้าคิดกันให้สะเด็ดน้ำ
นักวิชาการกลุ่มนี้น่าจะเสนอแนวทางได้ดีกว่านี้ อย่าง
น้อยๆ
คงไม่เสนอให้ลบล้างความชั่วช้าของการคอรัปชั่นที่ระบอบทักษิณกัดกินประเทศ
ไทยเพียงด้านเดียว ดังนั้นไม่ต้องหมายเหตุในแถลงการณ์
เกรงถูกมองว่าเข้าข้างระบอบทักษิณ เพราะท่านแก้ผ้าหมดไม่เหลือหลอ
มองเห็นกระทั่งขี้กลาก.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น