บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

เปิดรายงานกรรมการสิทธิ์ฯ ชะตากรรมชาวบ้านแหง! ใต้อุ้งมือนักการเมือง




ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยคณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ปี 51 กรณีคัดค้านการเปิดกิจการเหมืองแร่ลิกไนต์ในลำปาง เผยพบมีการกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง
 

รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงนโยบายของรัฐบาลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา หนึ่งในนโยบายรัฐบาล “ปู 1” แถลงคือ การเร่งรัดสำรวจและแสวงหาแหล่งแร่สำคัญ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และพัฒนาอุตสาหกรรมต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม
 
ในขณะที่หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการทำเหมืองแร่ อย่างกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้เปิดแผนยุทธศาสตร์กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ประจำปีงบประมาณ 2554-2557 พร้อมทั้ง มอบรางวัล “เหมืองแร่สีเขียว” ให้กับผู้ประกอบการที่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงอุตสาหกรรม กว่า 42 เจ้าของธุรกิจแร่
 
ทั้งแผนยุทธศาสตร์ และโครงการเหมืองแร่สีเขียว ที่ชูขึ้นเป็นแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ แบบ “ฉบับปิดตาข้างเดียว” แทบไม่เอ่ยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในพื้นที่มีเกือบ 50 พื้นที่ทั่วประเทศ แต่ตรงกันข้ามกลับถูกยกเป็นประเด็นนำเสนอในแผนพัฒนาดังกล่าว ที่ระบุว่า เป็นปัจจัยที่เป็น “อุปสรรค” ต่อการดำเนินงาน เพราะมองว่า “บทบาทขององค์กรพัฒนาเอกชน ในการคัดค้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐาน ส่งผลกระทบต่อบทบาทของกรมในการบริหารจัดการแร่ภายในประเทศ”
 
ใน “สายตา” ของรัฐ จึงไม่มีพื้นที่ไว้สำหรับชาวบ้าน ไม่ได้ยินเสียงร้องของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ในการทำเหมืองแร่ ตั้งแต่การติดกระดุมเม็ดแรก อย่างการเริ่มต้นขอประทานบัตร ที่สร้างความขัดแย้งของคนในชุมชน ความเดือดร้อนจากผลกระทบที่อยู่ระหว่างการประกอบกิจการเหมืองแร่ หรือ หลังจากเลิกกิจการแล้วทิ้ง “ซาก” อุตสาหกรรมอันตราย เอาไว้ให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ดูต่างหน้า
 
ทรัพยากรแร่ ที่ควรจะเป็นของ “ประชาชน” ทุกคน กลับถูกใช้วาทกรรมว่าเป็นของ “รัฐ” ที่พร้อมจะเสนอให้นักธุรกิจการเมือง และนายทุนข้ามชาติได้ตลอดเวลา 
 
เปิดผลสอบ อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ
มีรายงานว่า คณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ได้เสนอผลการตรวจสอบ การละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีคัดค้าน การเปิดกิจการเหมืองแร่ลิกไนต์ ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง ภายหลังจากมีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามคำร้องที่ 533/2551 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2551 ที่ระบุว่ากลุ่มนายทุนได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินทำกินของชาวบ้าน บริเวณหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 7 ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง จำนวนกว่า 1,000 ไร่
 
โดยกลุ่มนายทุนได้เสนอซื้อในราคาที่ถูกโดยอ้างว่าที่ดินทำกินดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นที่จับจองทำกินไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ หากไม่ขายให้ก็จะถูกข่มขู่ จึงจำใจต้องขายไป ทั้งๆ ที่พื้นที่ทำกินดังกล่าวได้ใช้ทำกินมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
 
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของอนุกรรมการฯ ดังกล่าว พบว่า มีการกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องในกรณีการอนุญาตให้สัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่ถ่านหินบ้านแหงเหนือ ของบริษัท เขียวเหลือง จำกัด โดยมีลำดับเหตุการณ์สำคัญ ตามข้อมูลในรายงานดังกล่าว คือ 
 
2 มิถุนายน 2551 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมต.อนงค์วรรณ เทพสุทิน) ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาแหล่งถ่านหิน 4 ฉบับ คือ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2531 วันที่ 5 มิถุนายน 2533 วันที่ 10 มีนาคม 2535 และวันที่ 25 กันยายน 2544 โดยยังคงสงวนพื้นที่แหล่งถ่านหินแอ่งเวียงแหง จ.เชียงใหม่ และแอ่งสะบ้าย้อย จ.สงขลา ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพัฒนาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป 
 
เพื่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้ดำเนินการประกาศยกเลิกเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษาหรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ถ่านหิน (ลิกไนต์) ตามความในมาตรา 6 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 และจะได้นำพื้นที่แหล่งถ่านหินในเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษาหรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ 8 พื้นที่ คือ แหล่งถ่านหินแอ่งเคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี แอ่งสินปุน จ.นครศรีธรรมราช แอ่งเชียงม่วน จ.พะเยา แอ่งงาว แอ่งวังเหนือ แอ่งแจ้ห่ม-เมืองปาน แอ่งแม่ทะ และแอ่งเสริมงาม จ.ลำปาง ไปเปิดประมูลให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนสำรวจและทำเหมืองแร่ถ่านหินมาใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทน เพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤติพลังงานของประเทศ ต่อไป
 
10 มิถุนายน 2551 บริษัท เขียวเหลือง จำกัด ได้ทำการจดทะเบียน ประเภทบริษัทจำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท วัตถุประสงค์ตามที่ได้จดทะเบียนไว้คือประกอบกิจการป่าไม้ การทำไม้ ปลูกสวนป่า ซึ่งประธานบริษัท คือ นายเรืองศักดิ์ งามสมภาค อดีตอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นผู้เคยถูกเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขแทนนายมานิต นพอมรบดี ที่ลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา
 
ปัจจุบัน นายเรืองศักดิ์เป็นรองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยคนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับอดีตนักการเมืองที่เป็นสามีของนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมต.ทส.ที่ออกประกาศกระทรวงฯ “ปลดล็อค” มาตรา 6 ทวิ ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 เพื่อนำแหล่งแร่ถ่านหิน 8 พื้นที่ ไปเปิดประมูลให้เอกชน
 
17 มิถุนายน 2551 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาแหล่งถ่านหินรวม 4 มติ คือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2531 (เรื่องมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2531 ครั้งที่ 11) วันที่ 5 มิถุนายน 2533 (เรื่อง ผลการสำรวจถ่านหินแอ่งงาว แจ้ห่ม-เมืองปาน เชียงม่วนและเสริมงาม) วันที่ 10 มีนาคม 2535 (เรื่อง การพัฒนาถ่านหินแอ่งเวียงแหง) และวันที่ 25 กันยายน 2544 [เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2544 (ครั้งที่ 85)] โดยยังคงสงวนพื้นที่แหล่งแร่ถ่านหินแอ่งเวียงแหง จ.เชียงใหม่ และแอ่งสะบ้าย้อย จ.สงขลา ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพัฒนาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป
 
เพื่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้ดำเนินการประกาศยกเลิกเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษาหรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ถ่านหิน (ลิกไนต์) ตามความในมาตรา 6 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป และจะได้นำพื้นที่แหล่งถ่านหินในเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษาหรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ 8 พื้นที่ คือ แหล่งถ่านหินแอ่งเคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี แอ่งสินปุน จ.นครศรีธรรมราช แอ่งเชียงม่วน จ.พะเยา แอ่งงาว แอ่งวังเหนือ แอ่งแจ้ห่ม-เมืองปาน แอ่งแม่ทะ และแอ่งเสริมงาม จ.ลำปาง ไปเปิดประมูลให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนสำรวจและทำเหมืองแร่ถ่านหินมาใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนเพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤติพลังงานของประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอต่อไป
 
20 มิถุนายน 2551 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมต.อนงค์วรรณ เทพสุทิน) ออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ยกเลิกเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2531 เนื่องด้วยบัดนี้ทางราชการได้ดำเนินการสำรวจแร่ในพื้นที่ดังกล่าวบางส่วนเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่อีกต่อไป 
 
จึงประกาศให้ยกเลิกเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ในท้องที่ต่างๆ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2531 ดังต่อไปนี้
 
1) เขตท้องที่ อ.ทุ่งช้าง อ.เชียงกลาง อ.ปัว อ.ท่าวังผา และ อ.เมืองน่าน จ.น่าน เนื้อที่ 673 ตารางกิโลเมตร
2) เขตท้องที่ อ.เชียงคำ และ อ.ปง จ.พะเยา เนื้อที่ 529 ตารางกิโลเมตร
3) เขตท้องที่ อ.ปง และ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา และ อ.สอง จ.แพร่ เนื้อที่ 182 ตารางกิโลเมตร
4) เขตท้องที่ อ.งาว เนื้อที่ 195 ตารางกิโลเมตร
5) เขตท้องที่ อ.วังเหนือ และ อ.แจ้ห่ม เนื้อที่ 332 ตารางกิโลเมตร
6) เขตท้องที่ กิ่ง อ.เมืองปาน อ.แจ้ห่ม และ อ.เมืองลำปาง เนื้อที่ 500 ตารางกิโลเมตร
7) เขตท้องที่ อ.เมืองลำปาง อ.แม่ทะ และ อ.เกาะคา เนื้อที่ 783 ตารางกิโลเมตร
8) เขตท้องที่ อ.ห้างฉัตร อ.เกาะคา และ อ.เสริมงาม เนื้อที่ 205 ตารางกิโลเมตร 
 
24 มิถุนายน 2551 หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ 0505/9287 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2551 แจ้งว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 ตามที่ รมต.ทส. เสนอ
 
ทั้งนี้ในรายงานดังกล่าว ได้ตั้งข้อสังเกตที่สำคัญว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 แต่หนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีด่วนที่สุด ที่ 0505/9287 แจ้งมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2551 จึงมีข้อสงสัยว่า รมต.ทส. ได้ทำการประกาศกระทรวงฯ เรื่องยกเลิกเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ก่อนที่หนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะมาถึง รมต.ทส.ได้อย่างไร


 
คณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนฯ มีความเห็นว่าการเร่งรีบออกประกาศกระทรวงฯ ดังกล่าว ของ รมต.ทส. ก่อนหนังสือจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะมาถึงเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง