บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สรรพากรเผยคืนภาษี “โอ๊ค-เอม” ไปตั้งแต่ มี.ค. 54 ยัน “กรณ์” รู้ดี



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


รายงานข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันนี้ (11 ส.ค.)
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
นายกรณ์ จาติกวนิช อดีต รมว.คลัง

สรรพากรเผยคืนเงินสด-หุ้น-ที่ดินมูลค่า 11,000 ล้านบาท ให้ พานทองแท้-พินทองทา ชินวัตร ไปตั้งแต่ 26 มี.ค. 54 สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์แล้ว โดยนายกรณ์ อดีต รมว.คลังก็ทราบเรื่อง อ้างคำพิพากษาศาล 26 ก.พ. 53 ชี้เป็นนิติกรรมอำพราง “ทักษิณ” เป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง แถต่อขายหุ้นให้เทมาเส็กไม่ต้องเสียภาษี
      
       วันนี้ (11 ส.ค.) หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หมวดข่าวเศรษฐกิจ หน้า 8 รายงานว่า กรณีที่กรมสรรพากรไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลภาษีเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีนายพาน ทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้กรมสรรพากรไม่ต้องยื่นอุทธรณ์ ที่สำคัญกรมสรรพากรได้รายงานความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวให้นายกรณ์ จาติกวนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง รับทราบอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในวันที่ 26 มี.ค. 2554 กรมสรรพากรจึงได้คืนเงินสด หุ้น และที่ดินรวมเป็นเงินกว่า 11,000 ล้านบาท ให้แก่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เรียบร้อยแล้ว
      
       ทั้งนี้ การที่กรมสรรพากรไม่ยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว ได้พิจารณาตามกรอบของกฎหมาย เพื่อป้องกันข้อครหาที่จะตามมาในภายหลัง ซึ่งเป็นที่รู้กันภายในกรมสรรพากรว่า หากไม่ดำเนินการอย่างรอบคอบจะถูกตราหน้าว่า ช่วยคนในตระกูลชินวัตร ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูกไล่ออกพร้อมลูกน้อง
      
       สำหรับเหตุผลที่กรมสรรพากรไม่อุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลาง เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2553 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของหุ้นตัวจริงในคดีโอนหุ้น บริษัท ชิน คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ผ่านทางบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสเมนต์ นอกตลาดหลักทรัพย์เพื่อเลี่ยงการเสียภาษี โดยถูกศาลฎีกาฯ สั่งยึดทรัพย์ไปแล้ว 46,000 ล้านบาท ซึ่งต่อมาศาลภาษีอากรกลางได้นำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา เพื่อประเมินภาษีนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ตามกระบวนการของกฎหมาย
      
       โดยศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2553 ว่า ว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทามิใช่บุคคลที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นบริษัทชินคอร์ป จำนวน 164,600,000 หุ้น เงินได้ที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นจึงเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ บุตรทั้งสองคนจึงมิใช่ผู้ที่ได้รับประโยชน์ที่อาจคิดคำนวณเป็นเงินอันเป็น เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 และมิใช่ผู้มีเงินได้พึงประเมินที่จะมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาตามมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร นอกจากนี้ ศาลภาษีอากรกลางยังระบุว่า กรมสรรพากรจะอุทธรณ์หรือไม่ยื่นอุทธรณ์ก็ได้ แต่หากยื่นอุทธรณ์จะมีค่าธรรมเนียม 23 ล้านบาท กรมสรรพากรจึงทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง
      
       ส่วนกรณีที่มีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯ ระหว่างนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา กับบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ กองทุนจากประเทศสิงคโปร์ในตลาดหลักทรัพย์นั้น กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายกฎหมายของกรมสรรพากร แต่ในเบื้องต้นประมาณว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่มีภาระภาษี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง