นิวัฒน์ธำรง-ลงธรรมาสน์ ธุดงค์ในทำเนียบ เผยแพร่ลัทธิเพื่อไทย กางสูตรรัฐบาล + พล.อ.เปรม = การเมืองนิ่ง....
;
เขาลงจากตึกชินวัตร หันหลังให้ธุรกิจมือถือ ครั้งแรกไปประจำการที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีเมื่อ 10 ปีก่อน
เมื่อไอทีวีโดนมรสุมการเมืองพัดถล่มจนล้มเลิก เขากลับขึ้นตึกชินวัตรอีกครั้ง
เมื่ออำนาจวาสนาของ "ทักษิณ
ชินวัตร" อัสดงอยู่ในพงหนามรัฐประหาร 2549 เขาหันหลังให้ "ชินคอร์ป" อีกหน ไปค้นหาทางธรรมที่วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จ.ลำพูน
ระหว่างบวชได้สนทนาธรรมกับพี่-น้องในตระกูล "ชินวัตร" สม่ำเสมอ
เมื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ลงสมัครเลือกตั้ง จีวรเคยเย็นร่ม ก็รุ่มร้อน
"นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" กลับจากวัดป่ามาสู่เมือง ขึ้น-ลงตึกไทยคู่ฟ้าในฐานะมือขวา ที่ปรึกษาส่วนตัวนายกรัฐมนตรีอยู่หลายเดือน
เมื่อเขาลงจากธรรมาสน์ ขึ้นบัลลังก์รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับประสบการณ์ 17 ปีที่ทำงานให้ครอบครัว "ชินวัตร"
จากบรรทัดนี้ไปจนถึงบรรทัดสุดท้าย คือประวัติศาสตร์ใหม่ของ "นิวัฒน์ธำรง"
- อยากให้ประชาชนรู้จัก "นิวัฒน์ธำรง" แบบไหน เป็นวอลเปเปอร์ นักจัดฉาก หรือคนของทักษิณ พี่เลี้ยงนายกฯ
เป็นนักทำงาน "เป็นลูกน้องนายกฯ งานของผมมี 3 ข้อคือ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทำงานประชาสัมพันธ์ เรื่องสำนักพุทธ และเรื่องดูเรื่องสื่อ ก็เรียกว่านักทำงานมืออาชีพ ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ว่าเรามาทำงาน เหมือนที่เคยทำสมัยทำงานตั้งแต่หนุ่มจนแก่
- การจัดอีเวนต์ให้กับนายกฯในการปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ หรือพบกับบุคคลสำคัญ ถือเป็นภารกิจสำคัญ
มันอาจเป็นเพราะงานพาไป งานเรื่องน้ำก็ไปเจอคนเยอะ โครงการรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นจำนำข้าว, เอสเอ็มแอล หรือว่าแท็บเลตพีซี เราก็เป็นผู้ประสานงานให้ คอยสนับสนุนเขา เขามีปัญหาให้ช่วยแก้ไขก็เข้าไปช่วย
- นอกจากอีเวนต์นายกรัฐมนตรีพบประธานองคมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีพบผู้นำเหล่าทัพ พบนักธุรกิจ จะมีอีเวนต์อะไรอีก
อย่ามาให้เครดิตผมมากนัก การพบผู้นำเหล่าทัพเขาก็พบกันมานานแล้ว แสดงว่าผมบุญหล่นทับ ผมไม่ได้เป็นคนเขี่ยบอล แต่นายกรัฐมนตรีท่านเก่ง การที่ประสานกับผู้หลักผู้ใหญ่ ท่านเข้ากับคนง่าย เป็นผู้หญิงอ่อนหวาน นุ่มนวล ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ทุกคนก็เอ็นดู
- เบื้องหลังงานนายกฯพบกับประธานองคมนตรี ต้องการถ่ายทอดอะไรมากกว่าการให้ทีวีถ่ายทอดสด 2 ชั่วโมง
สิ่งที่เราอยากเห็นคือ ความเชื่อมั่นของทั้งคนไทยและต่างประเทศว่าเราผ่านวิกฤตอะไรมาเยอะ จะเป็นความแตกแยกหรืออะไรก็แล้วแต่ วันนี้เราพร้อมเพื่อเดินหน้าประเทศไทย ต้องคิดว่าวันนี้มาเลเซีย สิงคโปร์ วันนี้เขานำเรา เวียดนามเปิดประเทศมาวันนี้เขาก็เทียบเท่าเรา และพม่าจะเปิดประเทศอีก แล้วเราจะมานั่งอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร
ดังนั้น ความเชื่อมั่นของคนไทยและต่างประเทศนั้นสำคัญ เราต้องแย่งนักลงทุน นักธุรกิจ นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ ถ้าเรายังไม่ไปด้วยกันทุกฝ่ายก็คงจะไม่ได้
- งานนายกรัฐมนตรีพบประธานองคมนตรี รัฐบาลกำลังบอกว่าการเมืองนิ่ง
การเมืองเป็นปัจจัยสำคัญของประเทศ ถ้าถามว่านิ่งแล้วหรือไม่ ผมว่ามันดีขึ้นกว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ผมว่ารัฐบาลของนายกฯยิ่งลักษณ์จะช่วยการเมืองนิ่งขึ้น และมีความสามัคคี
ปรองดองได้ง่ายกว่ารัฐบาลอื่น ๆ
- แสดงว่าฝ่ายคุณทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมรับแล้วว่าที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลคือ พล.อ.เปรม
ไม่ใช่...ท่านเป็นผู้ที่หลายฝ่ายเคารพนับถือ และมีหลายคนที่จะช่วยประเทศไทยผนึกกำลังกันได้ ซึ่งท่านก็เป็นผู้หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม ท่านเป็นผู้ที่คนยอมรับ รวมทั้งรัฐบาลก็ต้องยอมรับนับถือผู้หลักผู้ใหญ่
- จะเสียแนวร่วมหรือไม่ เพราะแนวร่วมรัฐบาลอย่างคนเสื้อแดงก็เผชิญหน้ากับ พล.อ.เปรม มาโดยตลอด
เรื่องมันมีหลายมิติ และรัฐบาลต้องมองประเทศชาติ ผมเชื่อว่าทุกสีทุกฝ่ายก็ต้องมองประเทศชาติ อะไรที่ทำแล้วประเทศชาติไปได้ดี ผมเชื่อว่าไม่มีปัญหา ทุกวันนี้ก็ไม่มีเสียงสะท้อนว่ารัฐบาลเขาจัดเอาใจใคร ก็ไม่เห็นมี ทุกคนทุกฝ่ายต้องการให้ประเทศดีขึ้น
- ประเมินว่ารัฐบาลจะได้แต้มต่ออะไรในงานรักเมืองไทยเดินหน้าประเทศไทย
ผมว่าเราไม่ได้มองว่ารัฐบาลจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้ได้คะแนนเสียงขึ้นมา มากกว่าพรรคฝ่ายค้านหรือคนอื่น แต่ผมมองว่านี่ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องผนึกกำลัง เราต้องแข่งกับคนอื่น ไม่ใช่แข่งกันเอง เราจะเข้าสมาคมอาเซียน ประเทศอื่นเขาไปกันแล้ว แต่เรายังไม่ไปไหน เราจะสู้เขาไหวได้อย่างไร
- หมายความว่าสูตรรัฐบาลบวก พล.อ.เปรม เท่ากับการเมืองนิ่ง ประเทศไปข้างหน้า
มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่เราต้องทำหลายอย่าง เพื่อทำให้ประเทศเข้าสู่แนวทางที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศให้ดี อย่าไปจับคู่ป๋าเปรมกับรัฐบาล ต้องมีขาอื่นที่เดินไปด้วย เราต้องทำหลาย ๆ อย่างไปพร้อมกันเพื่อให้ประเทศมันดี ทุกคนเข้ามาผูกกันเหมือนเดิม
- แม้ภาพในทำเนียบจะแสดงให้เห็นถึงความปรองดอง แต่ภาพข้างนอกยังถกเถียงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญยังเขย่ารัฐบาล
เรามีรัฐธรรมนูญมาเป็น 18 ฉบับ บางมาตราตั้งแต่ฉบับที่ 1 โครงรัฐธรรมนูญยังเหมือนเดิม แต่เนื้อหาอันไหนไม่ดีก็เปลี่ยนให้มันดีขึ้น มันไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนะแต่เราเอาสิ่งที่ดีเข้าไปใส่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้อย่างคล่องแคล่วเป็นประชาธิปไตย
- แต่เมื่อไรที่รัฐธรรมนูญถูกนำไปรวมกับเรื่องที่ว่าด้วยกฎหมายอาญา 112 ก็จะมีปัญหา
มันคนละเรื่อง มาตรา 291 เป็นรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญา เราไม่แตะตรงนั้น แม้จะมีบ้างก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัว เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่รัฐบาลแน่นอน
- ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงมองว่ามาตรา 112 เป็นของต้องห้าม
สังคมไปมองและพยายามป้ายให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมกำลังบอกว่ามาตรา 112 เป็นอะไรที่ไม่ใช่เวลานี้ เมื่อไรไม่รู้ เราไม่ได้เข้าไปเกี่ยว ไม่ได้ไปยุ่งด้วย
- บทบาทคุณนิวัฒน์ธำรงคือต้องไปทำความเข้าใจเรื่องนี้ด้วยหรือไม่
ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายประชาสัมพันธ์ ผมก็มาคุยกับสื่อเพื่อให้เห็นให้เข้าใจว่า นี่คือสิ่งที่รัฐบาลคิด รัฐบาลทำ เป้าหมายเป็นอย่างนี้ ต้องการทำให้ประเทศดีขึ้น เพราะเราหยุดการพัฒนามาหลายปีแล้ว
- ถ้าคนมองว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเป็นแนวร่วมในการล้มสถาบันจะอธิบายอย่างไร
ก็บอกว่าไม่ใช่ เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการล้มสถาบัน เพราะดูพฤติกรรมจากรัฐบาลก็ไม่มี มีแต่ถวายความจงรักภักดี
- แต่คนจำนวนหนึ่งก็ยังแคลงใจ คาใจ
ก็เป็นเรื่องของเขา เขาสามารถมองได้ คิดอย่างนั้นได้ด้วยใจบริสุทธิ์หรือไม่ผมไม่รู้ อาจจะมีใจไม่บริสุทธิ์ก็มีไม่น้อยนะ แต่เราไม่ว่าเขา เขาจะคิดไปก็ปล่อยเขา จะไปบังคับไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราต้องพิสูจน์
- รัฐบาลชุดนี้จำเป็นต้องมีคนประสานงานกับราชสำนักโดยตรงหรือไม่
เวลาทำงานเขาก็ต้องทำอยู่แล้ว เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกับสำนักราชเลขาธิการก็ประสานงานกันหลายเรื่อง
- เรื่องน้ำที่พระองค์ท่านพระราชทานคำแนะนำมาให้ หลักใหญ่ ๆ คืออะไร
ท่านปราโมทย์ (ไม้กลัด) ท่านสุเมธ (ตันติเวชกุล) ดร.สมิทธ (ธรรมสโรช) ท่านรอยล (จิตรดอน) ท่านอานนท์ (สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) คือทุกคนที่พระองค์ท่านใช้ทั้งนั้น คนพวกนี้แล้วคุณคิดว่าอย่างไร ก็ไม่ต้องตอบอย่างอื่น ถามว่าสิ่งที่พระองค์ท่านคิดถูกต้องหรือไม่ ก็ถูกต้องมาตั้งนานแล้ว พวกเราต่างหากที่ไม่ทำตั้งแต่ปี 2538 ทำอะไรก็ไม่ตรงกับที่พระองค์ท่านได้ออกแบบไว้ มัวแต่ไปสร้างบ้านจนทางน้ำหายหมด
- ในฐานะที่ดูเรื่องการประชาสัมพันธ์ ทำไมรัฐบาลถึงยังไม่มีโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เราจะหาดีที่สุด ต้องเป็นคนที่สามารถประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้ดี และต้องรู้จักวิธีการหลาย ๆ วิธีในการประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่พูดเพียงอย่างเดียว ซึ่งคนในพรรคก็พอมี แต่อาจจะคนข้างนอกก็ได้ คือเรื่องนี้มันต้องการคนมีไอเดีย มีความคิดสร้างสรรค์
- เป็นมืออาชีพสายธุรกิจ ทางธรรมก็ผ่านมาแล้ว ในทางการเมืองหวังจะบรรลุอะไรที่นี่
หวังจะช่วยประเทศชาติ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเรา นี่คือสิ่งที่อยากได้ เราก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้งานที่ตั้งใจจะทำไปสู่ความสำเร็จ
- การเมืองมีเงื่อนไขที่ควบคุมไม่ได้เยอะ จะบริหารจัดการอย่างไร
ก็ต้องอธิบาย เชิญชวน ชักชวน
ลาก ๆ กันไป เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สังคมรวมกันเป็นก้อนเดียว ยิ่งเป็นประชาธิปไตยด้วยแล้วการอธิบายอะไรก็เป็นเรื่องใหญ่ มันไม่ใช่ระบบทุบโต๊ะ
- คิดว่าตัวเองจะทนทานการเมือง จนอยู่ครบสมัยรัฐบาลหรือไม่
ถ้าถามใจก็อยากอยู่สิ (หัวเราะ) แต่เขาจะให้อยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้
- การลาออกจาก ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์หมายความว่าต้องอยู่ยาวในรัฐบาล
ถ้าไม่ได้อยู่ก็ตกงาน (หัวเราะ) แต่ต้องเข้าใจว่าเราเข้ามาก็ตั้งใจใช้เวลา 100% กับการทำงานที่นี่ จะให้ผมวิ่งไปรัฐสภาก็จะไม่ดี ผมยังมีงานตามที่ได้รับมอบหมายอีกเยอะ ก็อยากทุ่มเท
- ได้คุมงานด้านสื่อ ถูกมองว่าจะทำให้การจัดการกับสื่อแนบเนียนยิ่งขึ้นหรือไม่
เวลาส่วนใหญ่ผมไปอยู่ที่เรื่องน้ำ เรื่องโครงการ เรื่องการควบคุมสื่อ ผมก็มาช่วยเขามากกว่า ผมเชื่อว่าจากความเข้าใจกัน รู้งานกัน น่าจะช่วยเขาในมุมนั้น อย่างอื่นก็ปล่อยเขาทำไปเถอะ
- รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 2" มีรัฐมนตรีและที่ปรึกษาส่วนใหญ่จากกลุ่มชินคอร์ป (อินทัช) เป็นการเข้ามาครอบครองอำนาจในรัฐบาลหรือครอบงำกันแน่
ที่พวกเรามาคือนักทำงาน ไม่ใช่นักการเมืองสักคน ก็เข้ามาทำงานให้สำเร็จตามนโยบายที่วางเอาไว้ เพราะคนนิยมถึงได้คะแนนเสียงมามาก ก็ไม่มีวัตถุประสงค์อื่น เราก็ต้องเอาคนทำงานเป็นเข้ามา อย่าคิดว่าเป็นรัฐบาลเอานักการเมือง อาจารย์ นักกฎหมายเข้ามาแล้วทำงานไม่เป็น ประเทศชาติก็เสียโอกาส วันนี้ต้องทำงานแข่งกับต่างประเทศ ก็ต้องเอาคนทำงานเป็นเข้ามา
- จากโลกไปทางธรรมครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมถึงกลับมาทางโลกอีก
จริง ๆ ผมไปบวชเพราะผมเออร์ลี่งานไป เพราะไม่มีไอทีวีแล้ว ไปอยู่ตึกชินสักพักหนึ่ง และผมก็บวชที่ลำพูน ท่านก็ชวนบวชมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่รู้จะบวชยาวหรือสั้น ผมก็เขียนใบลาออกว่า หลวงพ่อชวนไปบวชและไม่รู้ว่าจะนานหรือไม่ ถ้าบวชนานก็ขอให้เป็นเรื่องลาออก ถ้าบวชสั้นผมก็จะกลับมาทำงานใหม่
ทิ้งครอบครัวมา 2 ปีแล้ว เป็นห่วงครอบครัวก็เลยสึกออกมา ก็ไม่ได้ทำอะไรมาเกือบปี จนกระทั่งเลือกตั้ง เขาก็ชวนให้มาช่วย เราก็เลยมา ฉะนั้นไม่ใช่จีวรร้อนเพราะการเมือง เพราะผมสึกมาก่อนเลือกตั้งตั้ง 1 ปี
จริง ๆ แล้วคุณทักษิณก็ไม่ได้ขอให้เราสึกนะ ก็เคยเจอคุณยิ่งลักษณ์ เพราะมีสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เชียงใหม่จัดงานประจำปีก็นิมนต์ให้ไปฉันอาหาร แต่สนทนาธรรมเรื่องการเมืองไม่ได้มันบาป (หัวเราะ) ผมสึกมาตอนพฤษภาคม 2553 พอดี ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาเลย จนกระทั่งเลือกตั้งนั่นล่ะ เพราะงานเยอะไม่มีใครช่วย เราก็ยินดี เพราะเราทำงานกับเขามาครึ่งชีวิตกับตระกูลนี้ อยู่ไอบีเอ็ม 17 ปี อยู่ที่นี่อีก 17 ปี ก็พอกันเลย
- คิดว่าตัวเองจะติดการเมืองหรือไม่
อายุปูนนี้ 64 ปีแล้ว จะติดไปได้อีกกี่น้ำ จะครบสมัยก็ 70 ปี แต่การเมืองจะอยู่อายุเกิน 70 ปีก็ได้ (หัวเราะ) ชีวิตเราก็มีครบหมดแล้ว ครอบครัว ลูกหลาน อะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วยแล้ว
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น