บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ประชาธิปไตยไม่ใช่เอาแต่ใจ

     สังคมไทยในขณะนี้เชิดชูประชาธิปไตยกันมาก   อ้างเสรีภาพของพลเมืองกันจนเฟ้อ
    
      เสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ความเชื่อของตน  แม้จะเป็นสิทธิพื้นฐานของพลเมือง    แต่การแสดงเสรีภาพก็มีเรื่องที่ควรคำนึงอยู่มากด้วย  

     อย่างเช่น  การแสดงความคิดเห็นนั้น   ไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น   หรือไปให้ร้ายทำลายชื่อเสียงคนอื่น   ละเมิดกฎหมาย    ผิดประเพณีดีงามที่คนอื่นเขายึดถือเชื่อมั่นอยู่
     หรือถึงแม้ไม่ผิดกฏหมาย  แต่มันหมิ่นเหม่ต่อการสร้างความร้าวฉานในสังคม   ก็ควรจะระมัดระวังในการอ้างถึงเสรีภาพ
    
     ประชาธิปไตยนั้นจะมั่นคง  พลเมืองก็ต้องเสียสละสิทธิเสรีภาพส่วนตัวบางส่วน  และพลเมืองมีขันติธรรม

     ลัทธิประชาธิปไตยคือลัทธิแห่งขันติธรรม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้แก่ความอดทนในความคิดเห็นของผู้อื่นที่ไม่ตรงต่อความ คิดเห็นของตน  เสรีภาพต่าง ๆ นั้นอาจมีได้ในระบอบการปกครองแทบทุกชนิด  แม้ในระบอบการปกครองแบบที่เด็ดขาดที่สุด  แต่ประเทศใดที่ผู้คนยังขาด ‘ขันติธรรม’ แล้ว   ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ยากที่สุด  หรือพูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้เลย   ประชาธิปไตยนั้นต้องมีแพ้มีชนะในทางการเมือง  หากผู้แพ้ขาดขันติธรรมอดทนต่อการพ่ายแพ้ไม่ได้  ประชาธิปไตยก็ไม่เกิด  หรือหากผู้ชนะนั้นขาดขันติธรรมอดทนต่อชัยชนะรวมทั้งอำนาจวาสนาซึ่งจะติดตาม มานั้นไม่ได้  ประชาธิปไตยก็จะยังไม่เกิดเช่นเดียวกัน
     พิจารณาเหตุการณ์ทางการเมืองของโลกทุกวันนี้แล้ว  ก็จะเห็นว่าทั่วทั้งโลกนั้นคนเราชักจะขาดขันติธรรมมากขึ้น     เมืองฝรั่งที่ว่าเคารพสิทธิมนุษยชน เคารพสิทธิส่วนบุคคลมาก    ก็เริ่มเกิดความวุ่นวายจลาจลขึ้นได้ง่าย ๆ  ความวุ่นวายในตะวันออกกลาง  แม้ว่าภาพภายนอกจะดูเหมือนว่าเป็นการปฏิวัติเรียกร้องประชาธิปไตย  แต่ความเป็นจริงก็คือความวุ่นวาย สงครามกลางเมือง พลเมืองเข่นฆ่ากันเอง  โดยยังไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเกิดประชาธิปไตยขึ้นในประเทศเหล่านั้นจริงหรือ เปล่า 
     กล่าวสำหรับประเทศไทย   บ้านเมืองเราเกิดความเสียหายใหญ่หลวงมาแล้วสองสามปี    จากสาเหตุที่พลเมืองไทยส่วนหนึ่งขาดขันติธรรม  ก่อความรุนแรงวุ่นวายขึ้นต่าง ๆ  เวรนั้นย่อมก่อเวรตอบเป็นหลักธรรมดา   เมื่อฝ่ายหนึ่งใช้ความรุนแรงขึ้นมา  อีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมจะรุนแรงตอบ    
     ความคิดเห็นทางการเมืองอย่างรุนแรงนั้น   ย่อมเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรงหรือการถอยหลังอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน
      
     นี่เป็นสภาพการเมืองของไทย  แต่ดู ๆ ไปแล้วก็เห็นว่าเป็นจริงในประเทศอื่น ๆ หลายประเทศด้วย  แม้ในเมืองฝรั่งที่เขาเป็นประชาธิปไตยดีนั้น  เขาปล่อยเสรีให้เป็นคอมมิวนสิต์กันก็ได้  ไม่มีใครเดือดร้อน  เพราะทุกฝ่ายรวมทั้งคอมมิวนิสต์เองนั้นด้วย     มีขันติธรรมเข้าหากัน  แต่ระยะนี้ก็ชักจะวุ่นวายขึ้น  เพราะความขาดขันติธรรมของพลเมือง

     ประชาธิปไตยย่อมไม่ใช่การ เอาแต่ใจตน    ประชาธิปไตยไทยที่กำลังฟื้นจากไข้หนัก   อาจจะกลับไปสู่ห้วงอันตราย  เพราะผู้คนจำนวนไม่น้อย  ละทิ้ง “โลกปาลธรรม”  อันได้แก่ หิริโอตตัปปะ  -ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง