เพราะการประชุมทางไกลผ่านระบบสไกป์ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กับทุกกลไกอำนาจในมือของเขานั้นได้ทำมาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่พรรคเพื่อไทยยังกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านในวันวาน จนถึงวันนี้ได้พลิกสภาพมาสู่ "พรรคแกนนำรัฐบาล"
ตั้งแต่วันที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยังคงเคลื่อนไหวเดินหน้า "ล้มอำมาตย์" และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ อยู่บนถนน จนบัดนี้ คนกลุ่มดังกล่าวได้ยกระดับขึ้นสู่เก้าอี้ข้าราชการการเมืองกันถ้วนหน้า
และไม่ว่าส.ส.ในพรรคเพื่อไทยหรือคนเสื้อแดงจะแปรเปลี่ยนสถานะไปสู่จุดที่ดีขึ้น หรือเข้มแข็งมากขึ้นแค่ไหนก็ตาม
ทว่าจะว่าไปแล้วพวกเขาเหล่านี้อาจยังคงมีสถานะที่ไม่ต่างไปจาก "พนักงานในบริษัท" ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังต้องควบคุม และสั่งการจนกว่า ภารกิจที่ตั้งเป้าเอาไว้จะบรรลุเป้าหมาย
การ ขันน็อตรัฐมนตรี โดยผ่านระบบสไกป์รอบนี้มีขึ้นยาวนานกว่าสองชั่วโมงนั้น ปมประเด็นที่น่าสนใจอาจไม่ได้อยู่ที่ "เนื้อหา" ที่ "เจ้าของบริษัท" ถ่ายทอดและอบรมรัฐมนตรีในพรรคเพียงเท่านั้น หากแต่สิ่งที่น่าสนใจและต้องมองกันในช็อตต่อไปต่างหากที่ต้องขอแนะนำว่า น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง !
เพราะการบัญชาการข้ามประเทศผ่านระบบสไกป์มายังรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่มี กว่าครึ่งในครม.ของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นกำลังจะกลายเป็น "กระจก" ที่สะท้อนและบ่งบอกอะไรได้หลายต่อหลายประการ ทั้งในทางบวกและลบ ซึ่งดูเหมือนว่างานนี้ "เงารัฐบาล" อย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แง่มุมในด้านบวกที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ "สั่งการ" ข้ามประเทศ ในครั้งนี้คือการขันน็อต กำชับให้รัฐมนตรีเร่งมือ "ผลิตผลงาน"
โดยเฉพาะนโยบายต่างๆที่ได้หาเสียงกันเอาไว้ เพราะหากยิ่งเวลาเนิ่นนานยืดเยื้ออกไป หรือ "ปมปัญหา" ในนโยบายต่างๆถูกพรรคประชาธิปัตย์ "ชำแหละ" ผ่านเวทีสภาผู้แทนฯ ในแต่ละสัปดาห์ ถูกนำไปขยายแผลมากเท่าใด ดูจะไม่เป็นการดีต่อ "เสถียรภาพ"ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มากเท่านั้น !
ในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวเช่นนี้ยังต้องมุ่งที่จะประกาศ "ความมีตัวตน" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อนานาชาติ อย่างชัดเจน ว่าเขาสามารถทำอะไรได้หรือไม่อย่างไร เขายังเป็นบุคคลที่เป็น "หัวใจหลัก" สำหรับรัฐบาลไทยใช่หรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลานี้มีความชัดเจนว่าการเดินสายไปยังประเทศต่างๆ ทั้งกัมพูชา มาเลเซีย หรือแม้แต่ที่ฮ่องกง ล้วนแล้วแต่เป็นความจงใจที่เขาต้องการเล่นเกม "โลกล้อมไทย"
และในเวลาเดียวกันรมว.ต่างประเทศ บุคคลที่เขาไว้วางใจกำลังวิ่งวุ่น เพื่อหาช่องทางในการคืนหนังสือเดินทางเล่มแดงให้แก่ "นายใหญ่" หลังจากที่เคยถูกยึดไปเมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว ในยุคที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวเพื่อ "บัญชาการ" สั่งการเครือข่ายอำนาจในครม. โดยไม่สนใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากฝ่ายตรงข้ามที่จะหยิบยกขึ้นมาโจมตี "น้องสาว" ที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นเพียงผู้นำรัฐบาลที่ไร้ซึ่ง "อำนาจ-บารมี" เช่นนี้ จะกลายเป็นแง่มุมที่สะท้อนกลับออกมาในด้านลบได้อย่างไม่ต้องสงสัย !!
เพราะในเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีว่าการเคลื่อนไหวที่ลักษณะที่ไม่ต่างไปจากการเป็น "เงา"ของนายกฯยิ่งลักษณ์ เช่นนี้จะส่งผลเสียก็ตาม แต่ด้วยเหตุที่เขาเองไม่อาจ "วางใจ" ต่อฝีมือการทำงานของบรรดารัฐมนตรี ในพรรคหรือไม่ว่าจะสามารถสร้างผลงาน ให้เกิดรูปธรรม เพื่อหวังใช้เป็น "เกราะ" ป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามในวันข้างหน้า
และนี่อาจกลายเป็น "จุดอ่อน" ที่กำลังทำให้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มมองเห็นและ "จับอาการ" ได้ว่าเหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ จึง "ร้อนรน" จนผิดปกติเช่นนี้
แน่นอนว่าจากนี้ต่อไป อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในอาการ "สงบนิ่ง" ได้อย่างแท้จริง จะด้วยทั้งปมประเด็นที่ว่าเขาไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อในฝีมือของ "ลูกน้อง" หรือจะเป็นเพราะด้วยนิสัย "ใจร้อน" ของตัวเองหรือไม่ก็ตาม
แต่เมื่อไม่สามารถ "หยุดตัวเอง" หยุดการบงการเกมอย่าง "ออกหน้า"เช่นนี้แล้ว โอกาสที่ฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่เปิดตัว เปิดหน้าและที่กำลังรอคอยจังหวะล้มรัฐบาลรอบใหม่ อาจพอใจและเฝ้ารอลุ้นว่า เมื่อไหร่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะสไกป์สั่งการข้ามประเทศมาอีก
เพราะยิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เลือก เล่นบท "เงาครม." มากเท่าใด ชัดเจนเท่าใด ยิ่งจะกลายเป็นการ "ย้ำ" ให้เห็นได้ว่า แท้ที่จริงแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ กำลังทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับท่าทีและจุดยืนที่เขาได้พยายามประกาศต่อสาธารณชน มากเท่านั้น
และนั่นจะหมายความไปถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย รัฐบาลและตัว พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามยืนยันว่า พวกเขาจะไม่แตะเรื่องใดก็ตามที่เป็นเสมือน "เผือกร้อน" หรือ "ทำเพื่อคนๆเดียว" จะยังคงตรึงให้คนในสังคมเชื่อและวางใจได้ต่อไปหรือไม่ ?
ทีมข่าวคิดลึก.สยา่มรัฐ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น