บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การเมือง = ทุนทางสังคม + นวัตกรรม + จังหวะสุกงอม

Logo


ยุทธศาสตร์ประเทศไทยเป็นเรืองระยะยาว แม้แตรัฐบุรุษซึงปราดเปรืองทีสุดก็ยังไมอาจแนใจได้วา นโยบายสุดเลิศหรูทีกระทำในวันนี้ จะยังสงผลดีในอีก 50 ปีข้างหน้าหรือไมยิงเวลาผานไปนานเทาไร ปัจจัยทีเข้ามาเกียวข้องก็ยิงมีความสลับซับซ้อน โดยเฉพาะการเปลียนแปลงทางเทคโนโลยีทีมีผลกระทบไปทัวทุกหยอมหญ้า
“ประวัติศาสตร์” นับเป็นเครืองมือชนิดหนึง ในการศึกษาเรียนรู้ถึงผลกระทบของนโยบายทีคนในชาติได้รวมกันสร้างสรรค์ขึ้นมา โดยเฉพาะเมือเป็นห้วงระยะเวลาทียาวนานนับ 1000 ปี ก็ยอมมองเห็นถึงความคลีคลายได้กระจางชัด ซึงจะเป็นบทเรียนล้ำคาในการกำหนดนโยบายของรัฐบุรุษตอไป
1. ทุนทางสังคม (Social Capital)
“อัสซีเรีย” นับเป็นชนชาติโบราณทียิงใหญทีสุดทางด้านการทหาร โดยมีนวัตกรรมการจัดกำลังกองทัพทีมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึงได้ถูกหยิบยืมไปใช้สร้างมหาอาณาจักรของชาวเปอร์เซียและโรมันในเวลาตอมา ขณะทีชือเสียงของอัสซีเรียกลับไมอยเป็นทีจดจำของคนทัวไปนัก
กองทัพเกรียงไกร จึงไมใชปัจจัยชี้ขาดของชนชาติ เพราะทีสุดแล้วสิงซึงทำให้มนุษย์เอาชนะสัตว์ร้ายได้ ยอมเป็นภาษาและความรวมมือของเผาพันธุ์ ในการวางแผนกลยุทธ์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพือปราบปรามเขี้ยวเล็บของเหลาเดรัจฉานทั้งหลาย
ชนชาติโรมันไมได้รบเกงกล้ามาตั้งแตกำเนิด ในชวงต้นได้ผลัดกันแพ้ชนะกับชนชาติเพือนบ้าน หลายครั้งแทบจะต้องสูญสิ้นแผนดิน หากทวาชาวโรมันก็อดทนยืนหยัดจนกระทังวิกฤตการณ์ผานพ้น สุดท้ายเมือชาติเพือนบ้านเกิดปัญหาขัดแย้งกันภายใน ชาวโรมันทีมีความประสานกลมเกลียวในสังคมดีกวาก็สามารถอาศัยชวงจังหวะนี้ในการรบพุงเอาชนะเพือนบ้านได้อยางไมยากเย็นนัก
สิงทีทำให้อารยธรรมโรมันยิงใหญจนกระทังครอบครองไปครึงโลกอยางยังยืน ยิงไมใชเรืองของกำลังรบหรือการบริหารจัดการอาณาจักรเพราะชนชาติเปอร์เซียก็มีความสามารถเชนนี้ไมยิงหยอนกวากัน ดังนั้น จุดเดนของอารยธรรมโรมันก็คือ “ทุนทางสังคม” ทีทำให้คนในชาติหลอมเป็นน้ำหนึงใจเดียวกัน แม้จะมีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์กันเป็นระยะ หากทวาชนชั้นสูงชาวโรมันก็มีวิสัยทัศน์เพียงพอทีจะแบงปันผลประโยชน์กลับคืนให้ชนชั้นลางอยางชาญฉลาด เพือรวมกันรับมือภัยคุกคามจากภายนอก ในทีสุดชนชาติโรมันจึงแผแสนยานุภาพกลบทับเพือนบ้านทีเคยยิงใหญมากอนได้อยางแยบยล

นครรัฐกรีก เป็นต้นตำรับประชาธิปไตยซึงไมมีอารยธรรมโบราณใดเสมอเหมือน หากทวา ประชาธิปไตยของชาวเอเธนส์ก็จำกัดเพียงดินแดนของตนเทานั้น ไมสามารถเผือแผไปถึงคนกรีกในนครรัฐอืนทีมีเชื้อสายเดียวกัน ยิงไมต้องพูดถึงชนตางชาติทีชาวกรีกดูถูกวาเป็น “บาร์บาเรียน”
หลังจากรวมมือกันจัดการศัตรูตางชาติอยางชาวเปอร์เซียทียิงใหญได้สำเร็จ เอเธนส์และสปาร์ตาก็กลับเปิดฉากทำสงครามห้ำหันกันเองอยางนองเลือด จึงเป็นจังหวะโอกาสให้มาซิโดเนียทีเป็นรัฐบ้านนอกได้ฉกฉวยเพือทะยานสูความเป็นใหญจนกระทังครอบครองไปครึงคอนโลกในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
ทีาเศร้าก็คือ อาณาจักรสุดลูกหูลูกตาทีแยงชิงมาได้ ก็พลันต้องลมสลายอยางงายดายภายหลังองค์มหาราชันสวรรคตไมนานนัก สวนหนึงก็เพราะชนชาติกรีกไมมีทุนทางสังคมทีเข้มแข็งซึมลึกเพียงพอในการปกครองคนตางชาติ ซึงแตกตางจากชาวโรมันทีเกงกล้าในการสร้างความสามัคคีทั้งกับพลเมืองในชาติและชนตางชาติ
“ทุนทางสังคม” จึงไมใชการทำให้ทุกคนเทาเทียมกัน หากทวาเป็นการเปิดโอกาสให้กลุมคนทุกระดับชั้นในอาณาจักรได้มีสวนรวมปกครองประเทศ โดยไมแบงวาเป็นเมืองหลวงหรือตางจังหวัด สายเลือดบริสุทธิ์หรือลูกเสี้ยวลูกครึง ถึงแม้ผู้ตำต้อยทีสุดในราชอาณาจักรจะได้รับอำนาจไปเพียงเศษเสี้ยวธุลีดิน ก็ยังคงรู้สึกภาคภูมิใจทีได้เป็นสวนหนึงของแผนดิน
นีเป็นเอกลักษณ์พิเศษของชาวโรมัน ทีแม้จะเป็นชาติอนุรักษ์นิยม เคารพในความโบราณเกาแกของขนบธรรมเนียมประเพณี หากทวาด้วยจิตใจทีเปิดกว้างและยืดหยุนให้กับทุกชนชั้นในสังคม ไมเมียงมองเพือนบ้านเป็นเพียงคนปาเถือนทีอยูวมโลกกันไมได้ จึงทำให้ชาวโรมันสามารถหยิบยืมใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของมนุษย์ในแตละท้องทีเพือผลักดันอารยธรรมของตนไปสูจุดสูงสุด ทียังไมเคยมีชนชาติใดกระทำอยางยิงใหญและยังยืนได้ทัดเทียมตราบจนปัจจุบัน
2. นวัตกรรม
ชาวโรมันไมได้ชาญฉลาดในการคิดค้น “นวัตกรรม” หากทวาสามารถหยิบยืมจากเพือนบ้านมาผสมผสานกับลักษณะเฉพาะของตนเองได้ลึกซึ้งยิง อารยธรรมโรมันจึงก้าวขึ้นสูความเป็นจักรวรรดิทียิงใหญและรักษาอำนาจไว้ได้ยาวนานทีสุดในโลก
เมือโรมันได้ครอบครองโลกอารยธรรมโบราณจนสุดขอบเขตจำกัดทางภูมิศาสตร์แล้ว ทุกชนชาติก็ถูกหลอหลอมให้กลายเป็น “ชนชั้นผู้ดีเยียงโรมัน (Romanization)” อยางเต็มทีจึงยากจะมีนวัตกรรมและภูมิปัญญาใดให้ชาวโรมันได้หยิบยืมประยุกต์อีกตอไป โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ ซึงโรมเคยได้เปรียบดุลการค้าด้วยการสงออกสินค้าอุตสาหกรรมดังเชน เครืองปั้นดินเผา เครืองแก้ว และภาชนะโลหะ เข้าไปค้าขายในดินแดนทีปัจจุบันเป็นประเทศฝรังเศส เยอรมัน สเปน และอังกฤษ ก็เริมถูกท้าทายภายในเวลาไมนานนัก
ในคริสตศตวรรษที2 ดินแดนทีเคยล้าหลังก็ประสบความสำเร็จในการเลียนแบบและผลิตสินค้าเข้าแขงขันในตลาดได้ จึงสงผลกระทบให้เศรษฐกิจของโรมันทีไมมีนวัตกรรมทั้งทางเทคโนโลยีหรือการบริหารจัดการใดอีกตอไป ต้องพบเจอกับความเสือมทรุด
ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจทีผลิตซ้ำแตสิงเดิม ยอมกลายเป็นจุดเริมต้นของความลมสลายทางอารยธรรมในอีกหลายศตวรรษตอมา
“ทุนทางสังคม” ซึงเคยเป็นจุดได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของชาวโรมันทีมีเหนืออารยธรรมเพือนบ้าน จึงเริมแปรเปลียนเป็นความเบือหนายและออนแอ เมือไมมีนวัตกรรมจากอารยธรรมภายนอกอืนใดให้หยิบยืมได้อีกตอไป การสนับสนุนให้เอกลักษณ์ทีหลากหลายได้ผุดบังเกิดขึ้นในสังคม จึงเป็นยุทธศาสตร์ทีพึงกระทำในห้วงเวลาทีอาณาจักรถึงจุดอิมตัวและต้องการความกระฉับกระเฉงเปลียนแปลง เพือวาชาวโรมันทีมีลักษณะซือตรงทือด้านจะได้หยิบยืมความสามารถจากชนชาติอืนทีนิยมความขัดแย้งแตกตาง มาพัฒนาตอยอดและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ไมสิ้นสุด
3. จังหวะสุกงอม
“ผลประโยชน์” ทีได้มาโดยไมต้องลงแรง บางครั้งก็อาจแปรเปลียนเป็นโทษภัยในระยะยาว โดยเฉพาะเมือผู้โชคดีคนนั้นไมมีวุฒิภาวะทีเพียบพร้อม ไมสามารถสร้างระบบบริหารจัดการเพือรองรับและตอยอดได้
ชาวโรมันไมได้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลทีจะครอบครองโลกตั้งแตเริมแรก หากทวาเกิดจากสงครามป้องกันตัวเองหลายครั้งครา หากทวาเมือโรมันเริมได้รับชัยชนะติดตอกัน ชาติเพือนบ้านทีมีความขัดแย้งภายในก็หันเหเข้ามาพึงพาใบบุญ ในทีสุดจึงถูกโรมันทีเป็นผู้ไกลเกลียกลืนกินไปในทีสุด
ความยืดหยุนและลึกซึ้งในการบริหารจัดการอาณาจักรของชาวโรมัน ทำให้สามารถหลอมรวมและสร้างความเป็นโรมันให้กับชนชาติอืนได้อยางมีประสิทธิภาพ จึงเกิดภาวะสันติสุขและเจริญรุงเรืองทียาวนานหลายร้อยปี
อยางไรก็ตาม จุดออนของชนชาติโรมันคือ ความสร้างสรรค์ ในเมือไมมีชนชาติอืนใดนอกอาณาจักรโรมันให้สามารถหยิบยืมนวัตกรรมมาตอยอดเป็นของตัวเองได้ อาณาจักรโรมันจึงเริมเข้าสูความเสือม ซึงเปิดโอกาสให้อนารยชนทีเรียนรู้ความเจริญแบบโรมันเข้าโจมตีและยึดครองได้ในทีสุด
หากในวันนั้น ชาวโรมันไมรีบร้อนทีจะฮุบกลืนอาณาจักรของผู้อืน แตปลอยให้ความหลากหลายของชนชาติได้สร้างปฏิสัมพันธ์ซึงกันและกัน เหมือนกับทีเกิดขึ้นในยุโรปสมัย Renaissance ในอีกหลายร้อยปีตอมา ก็อาจชวยยืดอายุเวลาความรุงเรืองของอารยธรรมโรมันไปอีกนานแสนนาน ไมต้องถูกกลืนชาติและล้มหายไปจากแผนทีโลกเหมือนดังทีเป็นอยูในปัจจุบัน
“จังหวะสุกงอม” จึงเป็นเรืองสำคัญในการบริหารประเทศ การเติบโตทีรวดเร็วเกินขีดจำกัดของนวัตกรรมและทุนทางสังคม ในทีสุดยอมแฝงไว้ด้วยวิกฤตแหงความลมสลาย โดยเฉพาะเมือแกนนำในกลุมเกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน ขณะทีระบบจัดการขององค์กรยังไมมีประสิทธิภาพเพียงพอในการแก้ปัญหา ความยิงใหญทีสังสมมาได้อยางรวดเร็ว ก็พร้อมจะเลือนหายไปอยางฉับพลันโดยทีไมมีผู้ทรงบารมีคนใดจะสามารถฉุดรั้งไว้ได้เลย
บทสรุป
ความยิงใหญของประเทศชาติหรือปัจเจกชน ยอมไมได้ชี้ขาดทีความสามารถเฉพาะทาง ไมาจะเป็นกำลังทหาร พลังทางเศรษฐกิจ หรือไหวพริบทางการเมือง หากทวามาจากการสือสารรวมมือกันของผู้คนทีหลากหลายในสังคมหรือองค์กร ทีสามารถตอยอดไปสูนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ได้ไมสิ้นสุด
“ทุนทางสังคม” ทีเป็นนามธรรมและจับต้องได้ยาก จึงกลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญทีอยูเบื้องหลังความสำเร็จขององค์กรและประเทศชาติในระยะยาว หากทวาการพัฒนาทุนทางสังคมก็ยังไมใชเรืองงาย เพราะต้องบริหารจัดการให้พลังปรองดองกลมกลืนและพลังขัดแย้งแตกตาง มีสมดุลทีกลมกลอม เพียงพอทีจะรักษาความเป็นเปลงปลังกระชุมกระชวยของอารยธรรมให้ยังยืนไปตราบชัวกัลปาวสาน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง