บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เมื่อการบังคับใช้กฎหมายกำลังหมดความศักดิ์สิทธิ์ไป อะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา : ปฐมบทของวิกฤตชาติภาค ๒

  by พล.ท.นันทเดช ,
        วันนี้ฝนฟ้าที่ทำท่าจะจากไป ก็ยังหวนคืนกลับมาอีก มาปลอบใจคนที่   อกหักทางการเมืองอีก และที่สำคัญคือตกหนักกว่าเดิมเป็นทวีคูณ สนุกสนานมากสำหรับฝนและผมในปีนี้ ในขณะที่ตลอดสัปดาห์นี้ (๑-๗ ส.ค. ๕๔) ผมมีงานเข้ามาค่อนข้างมาก ความจำเป็นที่ต้องฝ่าลมฝ่าฝนออกไปนอกบ้าน จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
        สายฝนเมื่อรวมตัวเป็นสายธารใหญ่น้อย ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกำลังจะหลากไหลท่วมท้นตลอดแนวทางที่กระแสน้ำผ่านมา ดูน่ากลัว น่าเกรงขาม แต่สายน้ำที่น่ากลัวนี้ เมื่อไหลลงสู่ทะเล ก็จะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ในความใหญ่โตของทะเล เช่นเดียวกันกับมนุษย์ที่หลงตัวเองว่า “ยิ่งใหญ่” อยู่ในพื้นที่แคบๆ ขององค์กรหนึ่ง, อยู่ในอำเภอหนึ่ง หรืออยู่ในจังหวัดหนึ่ง ฯลฯ มนุษย์แบบนี้เราจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันครับ เป็นมนุษย์ที่เห็นว่า “ตัวตนของตนเองนั้นสำคัญ มีค่ากว่าคนอื่นๆ” การละเมิดกฎหมาย กฎเกณฑ์ต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นจากคนพวกนี้เอง โดยพวกเขาหาได้รู้สึกตัวไม่ว่า วันหนึ่ง เมื่อหลุดพ้นจากพื้นที่ หรือพวกพ้องที่เคยอยู่ เขาก็จะจมหายไปในคลื่นมนุษย์เหมือนน้ำจากเจ้าพระยาที่หลั่งไหลจมหายไปที่ บริเวณปากอ่าวไทย
        การเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่างๆ ในครั้งนี้ ผมรู้สึกท้อแท้ต่อระบบการบังคับใช้กฎหมาย หรือกฎเกณฑ์ขององค์กรต่างๆ ที่เป็น   ต้นธารของความยุติธรรมในประเทศไทยมากครับ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของ  กกต., การออกมาพูดของหม่อมปลื้ม, การจอดรถแท็กซี่ล้ำเข้ามาในถนนหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ จนล้นออกมาเกือบครึ่งถนน ฯลฯ  ผมจึงขอนำบทความที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์ “คม ชัด ลึก” เมื่อ ๑ ส.ค. ๕๔ มาลงให้อ่านทบทวนกันอีกครั้ง เผื่อว่าบางคนยังไม่ได้อ่าน
        เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปครับว่า ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยนั้น “ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ” แต่จะไปใช้สิทธิ์เสรีภาพนั้น ก้าวก่าย รุกล้ำ หรือไปลิดรอนสิทธิ์ของผู้อื่นไม่ได้ แต่คนที่เกิดมาในโลกนี้มีมากมายหลายชนิด ส่วนหนึ่งก็เกิดเป็นคนไปตลอดชีวิต คือ ดีกว่าสัตว์เล็กน้อย ที่พูดได้และกินอาหารที่สุกแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็กลายจากคนมาเป็นมนุษย์ มีศีลธรรม, เคารพกฎหมาย, รักชาติ, รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น เมื่อโลกมีคน ๒ แบบ ก็จำเป็นต้องมีกฎกติกา หรือ กฎหมายไว้ควบคุม “คน” ที่ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ให้ไปรุกรานคนอื่น กฎหมายทั่วโลกจึงเกิดขึ้นและเจริญมาจนทุกวันนี้
        ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤติทางการบังคับใช้กฎหมายครับ นับตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ขึ้นมาถึงเรื่องใหญ่ๆ ที่เห็นในปัจจุบัน คือ นับตั้งแต่การควบคุมระเบียบการจราจรที่เลวร้ายลงตามลำดับ, การเข้าควบคุมพื้นที่สาธารณะเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าของผู้มีสีทั้ง หลาย, การรวมกลุ่มขี่จักรยานยนต์โบกธงในที่สาธารณะ ซึ่งมีบ่อยครั้งมาก (ในภาคใต้การรวมกลุ่มขี่จักรยานยนต์โบกธง เริ่มขึ้นก่อนที่จะมีความรุนแรงเกิดขึ้น), การข่มขู่องค์กรอิสระต่างๆ รวมไปถึงศาลยุติธรรมด้วย
        การละเมิดกฎหมายในรูปแบบนี้ กำลังแพร่กระจายออกไปสู่ความรับรู้ของประชาชนมากขึ้นตามลำดับ ทำให้ประชาชนที่ทำมาหากินตามปกติ เริ่มเห็นว่าการพึ่งพาอำนาจทางกฎหมายไม่มีผลแน่นอน ดังนั้นการรวมตัวเป็นกลุ่มต่างๆ จึงมีความจำเป็นขึ้นในการต่อรองกับอำนาจรัฐที่ไม่มีมาตรฐาน ขอยกตัวอย่างให้เห็น เช่น ถ้าถูกตำรวจจับไม่ว่าสาเหตุใด ไม่มีพวก ไม่มีกลุ่มจะไม่ได้รับความยุติธรรมแน่นอน แต่ถ้ามีพวก มีกลุ่ม ตำรวจจะไม่กล้าทำอะไรนอกกรอบของกฎหมาย (เช่น การลอบสังหารผู้นำต่อต้านถ่านหินที่สมุทรสาคร เป็นต้น ถ้าไม่มีประชาชนกดดันอยู่เรื่องเงียบหายไปแล้วครับ) ความรู้สึกแบบนี้กำลังระบาดทั่วไปในสังคมไทย ในช่วงหลังการเลือกตั้งมาถึงปัจจุบันนี้ มีการจัดตั้งรวมกลุ่มคนที่มีอาชีพเดียว กัน หรือมีความคิดเห็นทางการเมืองคล้ายๆ กันขึ้น ๓ – ๔ กลุ่มแล้ว แม้กระทั่งในระบบราชการเองก็เกิดความสับสน ในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้าย, การให้บำเหน็จ ฯลฯ วันนี้นายตำรวจมากกว่าสิบคนบอกผมว่า ผมถูกย้ายแน่ครับ ไม่รู้จะทำงานไปทำไม ไม่ใช่แค่ตำรวจเท่านั้น แต่มันลุกลามปั่นป่วนไปเกือบทุกกระทรวงครับ
        ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะการเมืองก้าวล้ำเข้าไปในระบบราชการมากเกินไป ไม่ได้ยุ่งในระดับหัวหน้าหน่วยงานเท่านั้น แต่ลุกลามไปถึงระดับกอง และแผนกแล้ว ความไม่มั่นใจในกฎระเบียบและกฎหมาย ทำให้ข้าราชการต้องหันมาพึ่งพานักการเมืองเกือบ ๑๐๐% ในขณะที่ประชาชนต้องรวมกลุ่มกันเพื่อป้องกันตัวเอง จากการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นมาตรฐานของหน่วยงานรัฐ หรือการละเลยไม่บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีให้เห็นเป็นปกติตั้งแต่เดินออกจากบ้าน
        ปัจจุบันรัฐบาลใหม่ก็ยังตั้งหลักไม่ได้ นับตั้งแต่นโยบายที่หาเสียงซึ่งน่าจะทำไม่ได้ในหลายเรื่อง แต่ก็จำเป็นต้องดื้อทำเพราะ หาเสียงไปแล้ว, สถานภาพของนายกฯ คนใหม่ และ ส.ส.อีกหลายคน ยังต้องลุ้นปัญหาข้อกฎหมายอยู่, การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนที่ไม่ยอมรับฟังพรรคเพื่อไทย โดยการออกมากล่าวหาว่าทหารฆ่าประชาชนจากการเผาบ้านเผาเมืองที่ราชประสงค์, การขอยกเลิก ม.๑๑๒ และการจัดตั้งขยายตัวของกลุ่มเสื้อแดงที่เริ่มซ้อนอำนาจการปกครองของประเทศ ฯลฯ
        ผู้แก้ไขปัญหานี้ คือ รัฐบาลชุดใหม่  ที่ต้องแสดงสถานภาพให้เห็นว่า รัฐบาลยอมรับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและยุติธรรม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร, ต้อง กำกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงให้อยู่ในกรอบที่ทำให้ประชาชนทั่วๆ ไปเชื่อว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะอยู่ร่วมกับพวกเขาอย่างสันติได้ และก้าวข้ามคุณทักษิณฯ และนายฮุนเซนไปชั่วคราวก่อน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกที่ดีต่อรัฐบาลว่า พวกเขายังพึ่งพากฎหมายของบ้านเมืองอยู่ได้เช่นเดิม ไม่เช่นนั้นวิกฤติของชาติครั้งใหม่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ และจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง
        พระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ตก พอพ้นห้วงเวลาก็ขึ้นมาใหม่อีก แต่คนไม่เหมือนพระอาทิตย์ครับ คนมีชีวิตจิตใจ มีรัก โลภ โกรธ หลง เมื่อถึงคราวตกต่ำจึงจมหายไป ส่วนใหญ่จะจมหายไปอยู่กับความทุกข์ที่ยังปลงตกไม่ได้ เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ชีวิตแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ดังนั้นตอนที่มีอำนาจวาสนา จงรักษา “กฏหมายของบ้านเมือง” ไว้ให้ดี อย่าให้กฎหมายและกฎเกณฑ์ทางสังคมย้อนกลับมาเล่นงานได้ในภายหลัง “กฎหมายมีห้วงเวลารอผู้กระทำความผิด ด้วยอายุความที่นานพอสมควร” และมักจะมีกลุ่มคนที่ระลึกถึงความผิดที่คุณกระทำอยู่เสมอยามคุณหมดอำนาจ วาสนาไป คุณจะต้องทนทุกข์ตอนที่อำนาจมันเปลี่ยนมือไปยาวนานพอๆ กับอายุความของกฎหมายทีเดียวครับ

๓ กรกฎาคม’ ๕๔, นครศรีธรรมราช, ๑๓.๐๐

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง