บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทักษิณ มิใช่นักประชาธิปไตย

 “ทักษิณ ชินวัตร” ปลุกระดมผู้คนเสื้อแดง อ้างว่า จะโค่นล้มประธานองคมนตรี ล้มล้างระบบอำมาตย์ และจะทวงคืนประชาธิปไตยที่แท้จริง ???

    แต่จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ก็ในเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นั่นเอง คือผู้บิดเบือนและทำลายเนื้อแท้ของประชาธิปไตยด้วยน้ำมือตัวเขาเอง ตลอดเวลาที่อยู่ในอำนาจการเมือง

    ทักษิณเคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ทักษิณไม่ใช่สัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

    ตรงกันข้าม ทักษิณเป็นสัญลักษณ์ของนักการเมืองที่เข้ามาบิดเบือน ทำลาย แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัวจากระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นตัวแทนและเป็นสัญลักษณ์ของระบอบอะไรที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ?

    1)“ทักษิณ” มุ่งทำการเมืองการปกครองให้เป็นการเมืองพรรคเดียวเป็นใหญ่ และต้องเป็นพรรคที่ตนเองเป็นใหญ่คนเดียวเท่านั้น ทำให้ไม่มีสมดุล ไม่มีการถ่วงดุล ไม่มีความหลากหลาย

    นี่คือ “ คณาธิปไตย” ที่ปกครองโดยคนกลุ่มเดียวที่มีอำนาจทุน ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    2)“ทักษิณ” ใช้วิธีการดูด ส.ส. ดูดพรรคการเมือง บีบสลายพรรคการเมือง เทคโอเวอร์ ฮุบพรรคการเมือง (ทั้งพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคตนเอง) ใช้เงินและอำนาจ เพื่อเพิ่มขนาดพรรคการเมืองของตนเอง เพิ่มจำนวน ส.ส.ที่อยู่ภายใต้อาณัติของตนเอง ไม่ใช้การเติบโตจากภายใน ไม่ใช่การเติบโตจากฐานล่างของประชาชน แต่เป็นการมุ่งไปสู่การผูกขาดทางการเมือง กระทั่งเกิดมุ้งเล็กมุ้งใหญ่ในพรรค เกิดรอยร้าวทั้งในพรรคและระหว่างพรรค

    มุ่งสั่งสมจำนวน ส.ส. 400 เสียง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและคานอำนาจตามรัฐธรรมนูญ โดยใช้วิธีการหลอกล่อ จูงใจ ยุให้แตก บีบให้แยก หรือซื้อตรง อันมิใช่ฉันทานุมัติของประชาชน ทำให้ขาดการตรวจสอบของรัฐสภา ขาดการผสานความสมดุล รวบอำนาจเข้ามาอยู่ใต้อาณัติสั่งการของตนเพียงคนเดียว

    ใช้นโยบายเอาหน้าประชานิยม ที่ไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงให้ประชาชน ไม่ช่วยประชาชนให้ประชาชนพึ่งตนเองได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่เอาเงินหลวงไปยื่นผลประโยชน์เฉพาะหน้าให้ประชาชน แลกกับคะแนนนิยมทางการเมือง ลวงหลอกประชาชนว่าจะแก้ปัญหาความยากจน แต่เปิดเผยกับนายเสนาะ เทียนทอง ไว้ในหนังสือ “ รู้ทันทักษิณ 4” (สำนักพิมพ์ขอคิดด้วยคน) ว่าขึ้นทะเบียนคนจนไว้ก็เพื่อหาเสียงเท่านั้นเอง โดยที่ยังไม่มีนโยบายหรือแผนการรูปธรรมรองรับใดๆ เลย

    นี่คือ “ธนาธิปไตย” ที่ใช้เงินเป็นเครื่องมือเข้าสู่อำนาจ รักษาอำนาจ และเพิ่มพูนอำนาจของตนเอง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

    3)“ทักษิณ” ทำการแทรกซึมเข้าครอบงำวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภา โดยการหว่านผลประโยชน์ล่อใจ ทำให้การทำงานของวุฒิสภาอ่อนแรง (แต่งตั้ง ตรวจสอบ ถอดถอน กลั่นกรองกฎหมาย) ทำให้ขาดความหลากหลายทางความคิด ขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ

    “ทักษิณ” ทำการแทรกแซงกระบวนการได้มาซึ่งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทั้งองค์กรอิสระที่มีอำนาจทางการเมืองอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. กกต. และองค์กรอิสระที่ดูแลผลประโยชน์ในเชิงอำนาจทุนอย่าง กทช. กสช. ทำให้ขาดความเป็นอิสระ ขาดการตรวจสอบถ่วงดุล ขาดธรรมาภิบาล

    เป็นความพยายามผูกขาดการยึดกุมฐานอำนาจการเมืองและอำนาจทุน

    ที่สำคัญ ยังยึดกุมตัดตอนระบบตรวจสอบและกระบวนการยุติธรรมเอาไว้ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นธารของกระบวนการยุติธรรม คือ ตำรวจ ทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีกับทักษิณและพวกได้เลย

    นี่คือ “เอกาธิปไตย” ที่พยายามยึดครองทุกอย่าง ผูกขาดอำนาจรัฐและอำนาจทุนไว้ที่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ใช่ประชาธิปไตยโดยแท้จริง

    4) “ทักษิณ” ใช้อำนาจการปกครองที่ได้มาจากประชาชน กำหนดนโยบายเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนของตัวเอง หรือปูทางธุรกิจให้พวกพ้อง เช่น การส่งเสริมการลงทุนยกเว้นภาษีเงินได้ให้กิจการดาวเทียมของบริษัทในเครือ ชินฯ, การลดค่าส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องจ่ายให้รัฐในกิจการโทรศัพท์มือถือประเภทพรีเพ ด, การแปลงค่าสัมปทานไปเป็นภาษีสรรพสามิตเอื้อประโยชน์ให้กิจการบริษัทมือถือ รายเก่า, การบีบให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่า นำเงินไปซื้อสินค้าจากบริษัทชินฯ, การขายกิจการรัฐวิสาหกิจ ขายสมบัติแผ่นดินไปเป็นของเอกชน, การใช้อำนาจแก้กฎหมายการถือครองหุ้นของต่างชาติในกิจการโทรคมนาคม เพื่อเปิดทางให้ครอบครัวของตนขายสมบัติแผ่นดินให้ต่างชาติ ทั้งดาวเทียม คลื่นความถี่ และนามพระราชทานไทยคม โดยหลบเลี่ยงไม่จ่ายภาษี, การเปิดสายการบินราคาต่ำ ทำลายสายการบินของชาติ เอื้อประโยชน์ใก้บริษัทของตนมากมาย ฯลฯ

    นี่คือ “โจราธิปไตย” ที่พยายามใช้อำนาจรัฐมาปล้นชิงหรือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ แปลงทรัพย์สินของหลวงไปเป็นสมบัติส่วนตัวของเอกชน ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

    5)“ทักษิณ” ทำการบิดเบือนทำลายเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2540 ลงเสียหมดสิ้น

    ทำการแปลงรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยให้เป็นเครื่องมือของเผด็จการรูปแบบใหม่

    ทำลายเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญ 2540 ย่อยยับ จนกระทั่งอดีต สสร.2540 “ คณิน บุญสุวรรณ” ได้เขียนหนังสือตีแผ่ชื่อ “ รัฐธรรมนูญตายแล้ว” (สำนักพิมพ์ขอคิดด้วยคน)

                          อีกทั้ง ยังมีการแต่งตั้งผู้ว่าซีอีโอ เพิ่มอำนาจให้ตัวแทนของรัฐบาลในภูมิภาค โดยไม่มีการจัดสรรอำนาจให้ภาคประชาชน เสมือนการตั้งคนของตนเองไป “ กินเมือง” หรือ “ ปกครองเมือง” โดยไม่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ทำให้ไม่เกิดการกระจายอำนาจ และยังจงใจละเว้น ไม่ดำเนินการกระจายอำนาจตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ เพื่อให้อำนาจการปกครองประเทศรวมศูนย์อยู่ที่ตนเอง

    นี่คือ “เผด็จการ” โดย “ทักษิณาธิปไตย” คือ ใช้อำนาจจากทักษิณ โดยทักษิณ และเพื่อทักษิณ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

    6)“ทักษิณ” ไม่เคารพเสียงข้างน้อย ไม่รับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มุ่งทำลายความคิดเห็นที่แตกต่าง เหยียดหยามฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรว่าอีกไม่นานจะไม่มีที่นั่งในสภาให้เล่น การเมือง ดูหมิ่นองค์กรภาคประชาชนว่ารับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหว ถากถางและดูถูกนักวิชาการว่าใช้สมองซีกเดียว ไม่รู้จริง พวกขาประจำ แทรกแซงและแทรกซื้อสื่อมวลชน ทำให้เสียงที่แตกต่างจากรัฐบาลไม่มีโอกาสสะท้อนความคิดเห็นในสื่อกระแสหลัก โดยเฉพาะโทรทัศน์และวิทยุของรัฐ

    ยิ่งกว่านั้น “ทักษิณ” ยังดำเนินนโยบายละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง เช่น วิ่งเต้นคดีซุกหุ้นจนรอดพ้นความผิด, การฆ่าตัดตอน หรือการฆาตรกรรมในสงครามยาเสพติดกว่า 2,500 ศพ, กรณีสลายการชุมนุมที่ตากใบ ทำให้ประชาชนตายอย่างทรมาน 83 ศพ, กรณีล้อมปราบ ยิงถล่มใส่มัสยิดกรือเซะ จากการสั่งการของพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี และกรณีสะบ้าย้อยที่คนตายมากกว่าสิบคน, กรณีอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีลไพจิตร ก็ละเว้นไม่ดำเนินการหาตัวผู้บงการมาลงโทษ รวมถึงกรณีการลอบสังหารผู้นำประชาชนอีกหลายสิบคน ตลอดช่วงที่ทักษิณครองอำนาจอยู่ เป็นต้น

    นี่คือ “อัตตาธิปไตย” ที่เอาความคิดเห็นและความต้องการของตนเองเป็นใหญ่ และทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุความต้องการของตนเอง ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

    7)“ทักษิณ” ก่อให้เกิดการจาบจ้วง ล่วงละเมิดพระราชอำนาจ ทั้งโดยวาจาและการกระทำ ต่างกรรม ต่างวาระ หลายต่อหลายครั้ง

    แม้กระทั่ง เมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกฯไปแล้ว ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ถูกศาลฎีกา พิพากษาลงโทษจำคุกในคดีเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่ดินรัชดาฯ และถูกดำเนินคดียึดทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบให้คืนเป็นของแผ่นดิน 76,000 ล้านบาท ทักษิณก็ยังเคลื่อนไหวปลุกระดมตนเสื้อแดง โดยโจมตีใส่ร้ายประธานองคมนตรี องคมนตรี และศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นสถาบันที่รับใช้ใกล้ชิดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ล่าสุด พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ถึงกับกล่าวอย่างตรงไปตรงมาถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของทักษิณ และขบวนการเคลื่อนไหวของทักษิณและเสื้อแดง และเมื่อนักข่าวถามว่า การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการจ้องล้มสถาบันกษัตริย์หรือไม่ ? พล.อ.พิจิตร ตอบว่า “ แน่นอน ทำไมคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่ไปดำเนินการ”

    “ระบอบทักษิณ” จึงไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็น “ ทรราชธิปไตย” ที่มุ่งโค่นล้ม กลืนกิน และทำลายระบอบประชาธิปไตยอันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขโดยแท้

    บัดนี้ ... เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศตัวเป็นแม่ทัพ ปลุกระดมจัดตั้งประชาชนเสื้อแดง อ้างว่าจะต่อสู้แตกหัก เพื่อนำประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา จึงเป็นการโกหกหลอกลวงประชาชนมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง

    แท้ที่จริง ความต้องการของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในขณะนี้ คือ ต้องการให้ตนเองไม่ถูกยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท และไม่ต้องติดคุก เท่านั้นเอง !

    “ทักษิณ ชินวัตร” จะรังเกียจทหารหรือเผด็จการได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองร่ำรวยมาทุกวันนี้ ก็เพราะสัมปทานผูกขาดดาวเทียมที่ได้รับจากการวิ่งเต้นในสมัยเผด็จการทหาร รสช.

    “ทักษิณ ชินวัตร” จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้อย่างไร ในเมื่อเขาได้ทำลายรัฐธรรมนูญ 2540 และทำลายประชาธิปไตย โดยแปลงมาเป็นเผด็จการผูกขาดด้วยน้ำมือตนเอง และตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาก็ไม่เคยปรากฏว่าได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยร่วมกับประชาชนเลย

    “ทักษิณ ชินวัตร” จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองกระทำการในสิ่งที่ขัดแย้งกับคำพูดที่อ้างจงรักภักดีมาโดย ตลอด โดยเฉพาะการมุ่งโจมตีทำลายสถาบันองคมนตรี สถาบันศาล และสถาบันทหาร เสมือนพยายามลิดรอนกิ่งก้าน มือไม้ ตัดแขนตัดขา โค่นล้มหรือตัดทอนกำลังของสถาบันหลักของชาติ

    มี 3 อย่าง ที่ “ ทักษิณ ชินวัตร” จะเป็นได้หรือได้เป็น หลังวันที่ 8 เมษายน 2552 คือ 1) นักโทษหนีการจับกุมผู้พยายามขอลี้ภัย 2) นักโทษเด็ดขาดในคุก และ 3) กบฏ หรือ ทรราช

              
                          ตอนนี้ขอเกาะชายกระโปรงน้องกลับบ้าน   

   แล้วทักษิณก็หงายไพ่ "นายกฯ ตัวแทน" ในแผนปฏิบัติการรุกคืบ "ยึดอำนาจ-เปลี่ยนระบอบ-กลืนสถาบัน-บายสีสู่ขวัญ...ทักษิณคืนเมือง "บันทึกไว้ ณ วันจันทร์เล็งอังคารที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตรงกับขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ ก็ต้องกราบขอบคุณทักษิณที่ดูถูกคนไทยแบบไว้หน้า โดยส่งน้องสาว "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แทนเสาไฟฟ้าให้สาวกแดงได้เลือกเป็นนาย!
เห็น มวลสมาชิกเพื่อไทยปรบมือ โห่ร้อง ดีใจ กับว่าที่นายกฯ หญิงคนแรก ถึงขนาดอดีตนายพลแห่งกองทัพไทย "พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี" อวยนายเหนือหัวคนใหม่ว่า...
ถึงยุค "นารีขี่ม้าขาว" มาเป็นผู้นำประเทศที่จะทำให้ประชาชนร่ำรวยแล้ว
ผมน้ำตาเล็ด!!
เล็ด ด้วยปริ่มปลื้มไปกับคุณยิ่งลักษณ์และคณะพรรคเพื่อไทย มีนายกฯ ผู้ชายมาแล้วตั้ง ๓ คน ทั้งทักษิณ-สมัคร-สมชาย เกาะขากางเกงมันก็งั้นๆ
เปลี่ยน เป็นนายกฯ ผู้หญิงดูบ้าง ลองเกาะชายกระโปรงนำหน้า อาจจะเข้าท่า-เข้าทางกว่าด้วยซ้ำ ถึงพูดไม่เก่ง เรียนรู้การเมืองจากพี่ชายมาหลักสูตรเดียวคือ "แปลงการเมืองเป็นหุ้น" แค่นั้นก็เหลือเฟือ ถึงอย่างอื่นทำไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แจกยิ้มเข้าไว้ ภูเขาทั้งลูกยังพังได้
แล้วจะซักเท่าไหร่ กับการบริหารประเทศไทยที่ "เงินซื้อได้" จากปลายยันยอด!?
ครับ...แต่ ละพรรคก็เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคตัวเองเพื่อชิงที่นั่งในสภา ๑๒๕ ที่นั่งกันแล้วแต่เมื่อวาน (๑๖ พ.ค.๕๔) ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ ๑ เพื่อไทย ก็เป็นไปตามที่รู้กัน คือทักษิณสั่ง...ต้องยิ่งลักษณ์คนเดียว



papa05:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง